ชิงเฟิงกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าพิษในกายนายท่านนั้นร้ายแรงแค่ไหน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพียงแค่อสรพิษร้ายกัดนายท่านเพียงครั้งเดียวจะทนพิษไม่ไหวจนตายกันทั้งหมู่ แถม...น้ำยาในหม้อสามขาที่นายท่านแช่อยู่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีดำทมิฬ ดำเหมือนน้ำหมึกอย่างไรอย่างนั้นนี่มัน...นี่เรียกว่าถอนพิษออกร่างนายท่านจนหมดตัวแล้วใช่หรือไม่?เขาเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก "แล้วจะทำอย่างไรกับศพของอสรพิษพวกนั้น?""ทำอย่างไรรึ เจ้าจะเก็บไว้กินหม้อไฟหรือไร ก็ตักออกไปทิ้งสิ""ขอรับ..."ชิงเฟิงรับคำสั่ง ตักเหล่าอสรพิษที่ลอยละล่องไปทิ้ง"เช่นนั้นนายท่านขึ้นได้หรือยัง?""แช่ต่อไป อีกหนึ่งชั่วยามค่อยมาครอบแก้ว ดูดเลือดพิษออกมา""ครอบแก้ว? คืออะไรรึ?" คือวิธีการรักษาอย่างหนึ่งหรือ? เหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน"ไปตัดไม้ไผ่มากสักท่อนสองท่อน แล้วผ่าให้เป็นแก้ว ด้านหนึ่งเป็นปาก ด้านหนึ่งเป็นก้อน" การแพทย์ในยุคนี้ช่างล้าหลัง ไม่รู้จักแม้แต่ครอบแก้ว"ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" ชิงเฟิงคำนับเย่จิ่งหาน ก่อนจะออกไปกู้ชูหน่วนมองฟ้า ใกล้ฟ้าสางแล้ว มิน่าเล่านางถึงได้ง่วงนักเมื่อหาท่าสบายตัวเจอ กู้ชูหน่วนกำลังจะผล็อยหลับไ
เย่จิ่งหานหัวเราะ สิบแปดเชียวรึดูท่าคนที่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณคงไม่น้อยทีเดียวเจี้ยงเสวี่ยเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กลับยั้งไว้"ว่ามา""นายท่านขอรับ ข้าน้อยรู้มาว่า มีคนอีกกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าคุ้มครองคุณหนูสามกู้อยู่ห่างๆ พวกนั้นแต่ละคนฝีมือสุดยอดไม่แพ้พวกเรา ข้าน้อยตามสืบมานานแล้วแต่ก็ยังไม่พบเบาะแส ข้าน้อยออกไปถามถึงเรือนชาลฟ้า"เย่จิ่งหานหรี่ตาลง มองไปยังถ้วยหยกขาวราวกับมันน่าสนใจเหลือเกินเรือนชาลฟ้าโด่งดังไม่เป็นรองหอเลิศหล้า ไม่ว่าข่าวเล็กข่าวหรือข่าวใหญ๋ก็ไม่อาจรอดพ้นพวกเขาไปได้ จึงได้ฉายาว่าจะเรือนหรือหอ ผีสางต่างร้องขอชีวิตคนที่แม้แต้เรือนชาลฟ้ายังไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ย่อมต้องเป็นคนของหอเลิศหล้า หรือไม่ก็คนที่หอเลิศหล้าคุ้มกะลาหัวอยู่กู้ชูหน่วนคืออย่างแรกหรืออย่างหลักกันจวนอัครเสนาบดีไม่รักคุณหนูสามมิใช่รึ?เหอะ...หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดถึงมีคนคอยแอบปกป้องนาง?คนไม่เอาไหนอย่างนั้นรึ?เขาเฝ้าสังเกตการณ์การประลองศิลปะอยู่ในมุมมืดเย่จิ่งหานนึกถึงยามประลองศิลปะ กู้ชูหน่วนหลอกให้คู่แข่งตายใจ ชนะเดิมพันได้เงินมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทารุณเจ๋ออ๋องแสนสาหัส จู่ๆ มุมปากขอ
อยากกินข้าวกับนางมากใช่ไหม? นางจะทำให้เขาสะอินสะเอียดไปข้างกู้ชูหน่วนปลดผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัว"อาหารเช้ามากมายเต็มไปหมด เจ้ากินสักหน่อยสิ" กู้ชูหน่วนพูดพลางตะกละตะกลาม พลางคีบเนื้อให้เขาชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยหรี่ตาลง แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อได้เห็นใบหน้าของนางเย่จิ่งหานเองก็ตัวกระตุก หัวใจพลันเจ็บแปลบขึ้นมานั่นคือใบหน้าเช่นไรก็นะ มีแต่ตุ่มหนองเป็นหลุมเป็นบ่อ กระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ หน้าทั้งหน้าแทบหาที่ว่างไม่ได้ น่าเกลียดน่ากลัวจนแทบอยากอาเจียนด้วยใบหน้านี้ เย่จิ่งหานไม่รู้ว่านางต้องรับแรงกดดันมากมายเพียงใด มิน่าเล่าทุกคนถึงพูดว่านางอัปลักษณ์ไม่มีใครเทียบได้มุมปากของเย่จิ่งหานกระตุก ลังเลที่จะพูดปลอบใจนางกู้ชูหน่วนเช็ดแก้มขรุขระ เพราะเมื่อนางเช็ด ตุ่มหนองบนใบหน้าก็จะแตก น้ำหนองไหลหยดลงในอาหารบนโต๊ะนางเงยหน้าขึ้นอย่างรู้สึกผิด เอ่ยเสียงพึมพำ"ขอโทษที น้ำหนองใบหน้าข้าไหลตลอด ข้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร น้ำหนองไม่มีพิษ พวกนี้เจ้ายังกินได้อีก ถึงเวลาเรียนแล้ว ข้าไปเรียนที่สำนักบัณฑิตก่อนนะ""…"กู้ชูหน่วนยกเท้าวิ่งออกไป วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็วิ่งกล
เมื่อถูกพูดแทงใจดำ สีหน้าขององค์หญิงตังตังก็พลันไม่สู้ดีนักเงินห้าล้านตำลึงนั้นมหาศาล เดิมทีนางไม่อยากให้กู้ชูหน่วนสักแดงเดียวด้วยซ้ำแต่เสด็จพ่อดันส่งคนมาบอกว่า ให้นางใช้เงินกู้ชูหน่วนให้ครบทุกตำลึง ทำเอานางต้องขนของมีค่าในจวนองค์หญิงทั้งหมดมาขาย ทั้งยังต้องเอาเรือนของเสด็จแม่ไปจำนองอีก ถึงจะรวบรวมเงินได้สี่ล้านตำลึงอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เหลือ นางยังหามาได้ไม่ครบนางเป็นถึงองค์หญิง คงไม่ให้นางแบกหน้าไปยืมเงินคนเขาหรอกกระมังองค์หญิงตังตังโมโห "พูดเป็นเล่น ข้าน่ะหรือจะขอเลื่อนจ่าย? เงินแค่หนึ่งล้านตำลึง เจ้ารีบร้อนอะไร ประเดี๋ยวข้าย่อมจ่ายเจ้าอยู่แล้ว""ประเดี๋ยวนี่นานเท่าใด? หนึ่งถ้วยชา? หนึ่งก้านธูป? หรือว่าหนึ่งวัน หรือว่าหนึ่งปี?""หนึ่งวัน อีกหนึ่งวัน ข้าจะเอาเงินล้านตำลึงมาให้เจ้า""องค์หญิงเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ย่อมไม่มีทางหนีหนี้อยู่แล้ว แต่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ก็ยังต้องคิดดอกเบี้ยนะเพคะ""ดอกเบี้ยอะไรกัน" องค์หญิงตังตังประเดี๋ยวหน้าเขียวประเดี๋ยวหน้าซีด อยากจะกัดกู้ชูหน่วนให้ตายแค่วันเดียว นางยังจะคิดดอกเบี้ยอีกหรือ?"เสด็จพี่ของเจ้าติดเงินข้าส
"ว่าแต่ เมื่อคืนที่หออู๋โยวเกิดเรื่องใหญ่โตปานนั้น เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีข่าวเลย?"กู้ชูหน่วนโพล่งถามขึ้น "ยังต้องเดาอีกหรือ? แน่นอนว่าเพราะเทพสงครามปิดข่าวน่ะสิ สำหรับพวกเขาแล้วมิใช่เรื่องเชิดหน้าชูตาสักเท่าไรอยู่แล้ว""ลูกพี่ เจ้าดู นั่นเยี่ยเฟิงมิใช่รึ?" อวี๋ฮุยเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจกู้ชูหน่วนช้อนตาขึ้นมอง ชายหนุ่มตรงหน้าแม้จะสวมชุดหน้าผ้าเนื้อหยาบ แต่ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง กลิ่นอายบัณฑิตคงแค่เรียนแผ่ซ่านทั้งยังให้ความรู้สึกเย็นชาสันโดษเครื่องหน้าของเขาชัดเจน รูปงามยิ่งนัก ทว่าใบหน้านั้นขาวซีดเพราะอาการป่วยเซียวอวี่เชียนเอ่ยพึมพำกับตัว "แปลกนัก เมื่อวานเยี่ยเฟิงยังดีๆ อยู่เลย หรือว่าเป็นเพราะเจ้าโถมตัวล้มใส่เขา เขาถึงเสียขวัญจนล้มป่วยเอาน่ะ"กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุกนางสะดุดขาโต๊ะแล้วล้มทับเขาโดยไม่ทันระวังไหมเล่าอีกอย่าง ถึงเยี่ยเฟิงจะพยายามทำตัวเหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจของเขานั้นไม่สม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสหลังจากพวกนางกลับไปเมื่อวานนี้ ใครทำร้ายเยี่ยเฟิงกัน?กู้ชูหน่วนพลันนึกถึงตอนที่นางล้มทับเยี่ยเฟิงเมื่อคืนวาน ความหวาดกลัวและรังสีอาฆาตฉายวาบ
"คุณหนูสามกู้ ข้าให้คนตุ๋นน้ำแกงลูกบัว ล้างตับดับร้อนใน เจ้าลองชิมดู"องค์หญิงตังตังยกน้ำแกงลูกบัวถ้วยหนึ่งยื่นให้กู้ชูหน่วนด้วยท่าทีแสนเย่อหยิ่ง แต่ใบหน้ากลับฉีกยิ้มกว้างสดใสทุกคนตกตะลึงเมื่อครู่องค์หญิงตังตังกับคุณหนูสามกู้แทบจะชักกระบี่ออกมาแทงกันอยู่แล้ว ยามนี้เหตุใดถึงยกน้ำแกงมาให้นาง เปลี่ยนสีเร็วเกินไปแล้วกระมังเซียวอวี่เชียนนี่นั่งข้างกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ใช้พัดขวางน้ำแกงของนางเอาไว้ "องค์หญิง ในน้ำแกงลูกบัวนี้ ได้ใส่เครื่องปรุงแปลกปลอมอะไรไปหรอกใช่ไหม""เรื่องก่อนหน้านี้ ข้าผิดเอง ไม่ควรระรานเจ้า ดังนั้นข้าถึงได้ให้คนเคี่ยวน้ำแกงถ้วยนี้มาให้ ข้าอยากสานสัมพันธ์อีกครั้ง คุณหนูสามกู้ เจ้าเป็นคนดีมีเมตตา คงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่ไหม"องค์หญิงตังตังหน้าตาน่ารัก ยู่ปากออดอ้อนเช่นนี้ยิ่งดูใสซื่อไร้พิษภัย หากไม่รู้นิสัยชอบรังแกคนของนาง ทุกคนคงถูกภาพลักษณ์ภายนอกของนางล่อลวงเอาได้กู้ชูหน่วนมองไปที่น้ำแกงในมือของนาง สายตาเย็นชาหรี่ลง หันไปมองกู้ชูอวิ๋นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะยกยิ้มร้ายมีเลศนัยนางรับน้ำแกงลูกบัวมาด้วยความยินดี ก่อนจะยิ้มเอ่ย "องค์หญิงช่างจิตใจดีมีเมตตา ข้าจะถื
เยี่ยเฟิงพูดน้อยเหลือเกิน กู้ชูหน่วนชักรู้สึกเบื่อ นางยืดเอวบิดขี้เกียจ ความง่วงมาเยือน "ข้าของีบแป๊บหนึ่ง เริ่มเรียนแล้วปลุกข้าด้วย"นางว่าจบก็ขยับตาหาท่าสบาย ก่อนจะผล็อยหลับไปทุกคนต่างนิ่งอึ้งหลับอีกแล้ว?เหตุใดนางถึงได้หลับในคาบเรียนได้ทุกวี่ทุกวัน?หรือว่าคนเรียนเก่งจะเรียนตอนอยู่ในฝันด้วยเมื่อกู้ชูหน่วนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา อาจารย์สวีกำลังสอนหนังสือไม่หยุดปากนางถูกปลุกขึ้นมาจากความง่วงไม่ได้ให้เซียวอวี่เชียนปลุกนางแล้วหรอกหรือ?ไม่รู้ว่าคราวนี้ตาแก่สวีจะหากเรื่องอะไรนางอีก"บัณฑิตเล่าเรียน ฟังด้วยหู รู้ด้วยใจ กายใจสอดประสาน กลายเป็นจริยวัตรงดงาม..."กู้ชูหน่วนขยี้ดวงตาปรือให้ตื่น ยังไม่ทันตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับได้ยินอาจารย์สวีเอ่ยเสียงดีอกดีใจ"คุณหนูสามกู้ตื่นแล้ว เช่นนั้นให้คุณหนูสามกู้อธิบายต่อ"อธิบาย?อธิบายอะไร?กู้ชูหน่วนหันไปมองเซียวอวี่เชียนกะพริบตาปริบๆเซียวอวี่เชียนยกหนังสือขึ้นบังหน้า เบือนหน้าไปทางอื่นเสียอย่างนั้นอาจารย์สวีพูดพล่ามยาวเหยียด เขาจะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์สวีพูดเรื่องอะไรกู้ชูหน่วนหันไปทางเยี่ยเฟิง ส่งสายตาให้เขาไม่หยุด แต่
เซียวอวี่เชียนเหลียวมา เอ่ยกระซิบ "เจ้าคงไม่คิดจะวาดห้าสิบรอบจริงๆ ใช่ไหม""ข้าเป็นนักเรียนว่าง่าย อาจารย์สั่งการบ้าน จะไม่ตั้งใจทำได้อย่างไร"คำพูดพวกนี้หากเป็นคนอื่นพูด คงไม่แปลกอะไร แต่พอออกจากปากของกู้ชูหน่วน ใครก็รู้สึกว่ามีอะไรแอบแฝงกู้ชูหน่วนนั่งตรงกลาง เยี่ยเฟิงและเซียวอวี่เชียนนั่งขนาบนางซ้ายขวาทั้งสองหันมามองภาพที่นางวาดไม่เห็นไม่เท่าไหร่ ทว่าพอทั้งสองเห็นแล้ว ใบหน้าของเยี่ยเฟิงก็แดงก่ำ ส่วนเซียวอวี่เชียนก็ลุกพรวดขึ้น น้ำเสียงตื่นตกใจเอ่ย "ยัยขี้เหร่ เหตุใดเจ้าถึงวาดภาพต้องห้าม...ลามก...อนาจารเช่นนี้?"เซียวอวี่เชียนเสียงดังยิ่งนัก จนคนทั้งห้องเรียนได้ยินกันหมดแล้ว จึงพากันเหลียวมาทางเซียวอวี่เชียนและกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขาปากเปราะพูดอะไรไปเรื่อยนางยังทันไม่ได้ส่งภาพนี้ไปทั่วทั้งสำนักบัณฑิต หรือทั้งเมืองหลวงเลย คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าเทพสงครามกับอาจารย์ซ่างกวานนั้นรูปงามเพียงใด"กู้ชูหน่วน มาที่หน้าห้องแล้วเปิดภาพของเจ้า" อาจารย์ซ่างกวานยืนอยู่หน้ากระดาน เรียวคิ้วดำงามเลิกขึ้นเล็กน้อย มีลางสังหรณ์ว่าภาพนั้นจะเกี่ยวกับตัวเอง?"อาจารย์ เมื่อครู่ข้าหลั
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน