อยากกินข้าวกับนางมากใช่ไหม? นางจะทำให้เขาสะอินสะเอียดไปข้างกู้ชูหน่วนปลดผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัว"อาหารเช้ามากมายเต็มไปหมด เจ้ากินสักหน่อยสิ" กู้ชูหน่วนพูดพลางตะกละตะกลาม พลางคีบเนื้อให้เขาชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยหรี่ตาลง แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อได้เห็นใบหน้าของนางเย่จิ่งหานเองก็ตัวกระตุก หัวใจพลันเจ็บแปลบขึ้นมานั่นคือใบหน้าเช่นไรก็นะ มีแต่ตุ่มหนองเป็นหลุมเป็นบ่อ กระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ หน้าทั้งหน้าแทบหาที่ว่างไม่ได้ น่าเกลียดน่ากลัวจนแทบอยากอาเจียนด้วยใบหน้านี้ เย่จิ่งหานไม่รู้ว่านางต้องรับแรงกดดันมากมายเพียงใด มิน่าเล่าทุกคนถึงพูดว่านางอัปลักษณ์ไม่มีใครเทียบได้มุมปากของเย่จิ่งหานกระตุก ลังเลที่จะพูดปลอบใจนางกู้ชูหน่วนเช็ดแก้มขรุขระ เพราะเมื่อนางเช็ด ตุ่มหนองบนใบหน้าก็จะแตก น้ำหนองไหลหยดลงในอาหารบนโต๊ะนางเงยหน้าขึ้นอย่างรู้สึกผิด เอ่ยเสียงพึมพำ"ขอโทษที น้ำหนองใบหน้าข้าไหลตลอด ข้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร น้ำหนองไม่มีพิษ พวกนี้เจ้ายังกินได้อีก ถึงเวลาเรียนแล้ว ข้าไปเรียนที่สำนักบัณฑิตก่อนนะ""…"กู้ชูหน่วนยกเท้าวิ่งออกไป วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็วิ่งกล
เมื่อถูกพูดแทงใจดำ สีหน้าขององค์หญิงตังตังก็พลันไม่สู้ดีนักเงินห้าล้านตำลึงนั้นมหาศาล เดิมทีนางไม่อยากให้กู้ชูหน่วนสักแดงเดียวด้วยซ้ำแต่เสด็จพ่อดันส่งคนมาบอกว่า ให้นางใช้เงินกู้ชูหน่วนให้ครบทุกตำลึง ทำเอานางต้องขนของมีค่าในจวนองค์หญิงทั้งหมดมาขาย ทั้งยังต้องเอาเรือนของเสด็จแม่ไปจำนองอีก ถึงจะรวบรวมเงินได้สี่ล้านตำลึงอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เหลือ นางยังหามาได้ไม่ครบนางเป็นถึงองค์หญิง คงไม่ให้นางแบกหน้าไปยืมเงินคนเขาหรอกกระมังองค์หญิงตังตังโมโห "พูดเป็นเล่น ข้าน่ะหรือจะขอเลื่อนจ่าย? เงินแค่หนึ่งล้านตำลึง เจ้ารีบร้อนอะไร ประเดี๋ยวข้าย่อมจ่ายเจ้าอยู่แล้ว""ประเดี๋ยวนี่นานเท่าใด? หนึ่งถ้วยชา? หนึ่งก้านธูป? หรือว่าหนึ่งวัน หรือว่าหนึ่งปี?""หนึ่งวัน อีกหนึ่งวัน ข้าจะเอาเงินล้านตำลึงมาให้เจ้า""องค์หญิงเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ย่อมไม่มีทางหนีหนี้อยู่แล้ว แต่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ก็ยังต้องคิดดอกเบี้ยนะเพคะ""ดอกเบี้ยอะไรกัน" องค์หญิงตังตังประเดี๋ยวหน้าเขียวประเดี๋ยวหน้าซีด อยากจะกัดกู้ชูหน่วนให้ตายแค่วันเดียว นางยังจะคิดดอกเบี้ยอีกหรือ?"เสด็จพี่ของเจ้าติดเงินข้าส
"ว่าแต่ เมื่อคืนที่หออู๋โยวเกิดเรื่องใหญ่โตปานนั้น เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีข่าวเลย?"กู้ชูหน่วนโพล่งถามขึ้น "ยังต้องเดาอีกหรือ? แน่นอนว่าเพราะเทพสงครามปิดข่าวน่ะสิ สำหรับพวกเขาแล้วมิใช่เรื่องเชิดหน้าชูตาสักเท่าไรอยู่แล้ว""ลูกพี่ เจ้าดู นั่นเยี่ยเฟิงมิใช่รึ?" อวี๋ฮุยเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจกู้ชูหน่วนช้อนตาขึ้นมอง ชายหนุ่มตรงหน้าแม้จะสวมชุดหน้าผ้าเนื้อหยาบ แต่ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง กลิ่นอายบัณฑิตคงแค่เรียนแผ่ซ่านทั้งยังให้ความรู้สึกเย็นชาสันโดษเครื่องหน้าของเขาชัดเจน รูปงามยิ่งนัก ทว่าใบหน้านั้นขาวซีดเพราะอาการป่วยเซียวอวี่เชียนเอ่ยพึมพำกับตัว "แปลกนัก เมื่อวานเยี่ยเฟิงยังดีๆ อยู่เลย หรือว่าเป็นเพราะเจ้าโถมตัวล้มใส่เขา เขาถึงเสียขวัญจนล้มป่วยเอาน่ะ"กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุกนางสะดุดขาโต๊ะแล้วล้มทับเขาโดยไม่ทันระวังไหมเล่าอีกอย่าง ถึงเยี่ยเฟิงจะพยายามทำตัวเหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจของเขานั้นไม่สม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสหลังจากพวกนางกลับไปเมื่อวานนี้ ใครทำร้ายเยี่ยเฟิงกัน?กู้ชูหน่วนพลันนึกถึงตอนที่นางล้มทับเยี่ยเฟิงเมื่อคืนวาน ความหวาดกลัวและรังสีอาฆาตฉายวาบ
"คุณหนูสามกู้ ข้าให้คนตุ๋นน้ำแกงลูกบัว ล้างตับดับร้อนใน เจ้าลองชิมดู"องค์หญิงตังตังยกน้ำแกงลูกบัวถ้วยหนึ่งยื่นให้กู้ชูหน่วนด้วยท่าทีแสนเย่อหยิ่ง แต่ใบหน้ากลับฉีกยิ้มกว้างสดใสทุกคนตกตะลึงเมื่อครู่องค์หญิงตังตังกับคุณหนูสามกู้แทบจะชักกระบี่ออกมาแทงกันอยู่แล้ว ยามนี้เหตุใดถึงยกน้ำแกงมาให้นาง เปลี่ยนสีเร็วเกินไปแล้วกระมังเซียวอวี่เชียนนี่นั่งข้างกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ใช้พัดขวางน้ำแกงของนางเอาไว้ "องค์หญิง ในน้ำแกงลูกบัวนี้ ได้ใส่เครื่องปรุงแปลกปลอมอะไรไปหรอกใช่ไหม""เรื่องก่อนหน้านี้ ข้าผิดเอง ไม่ควรระรานเจ้า ดังนั้นข้าถึงได้ให้คนเคี่ยวน้ำแกงถ้วยนี้มาให้ ข้าอยากสานสัมพันธ์อีกครั้ง คุณหนูสามกู้ เจ้าเป็นคนดีมีเมตตา คงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่ไหม"องค์หญิงตังตังหน้าตาน่ารัก ยู่ปากออดอ้อนเช่นนี้ยิ่งดูใสซื่อไร้พิษภัย หากไม่รู้นิสัยชอบรังแกคนของนาง ทุกคนคงถูกภาพลักษณ์ภายนอกของนางล่อลวงเอาได้กู้ชูหน่วนมองไปที่น้ำแกงในมือของนาง สายตาเย็นชาหรี่ลง หันไปมองกู้ชูอวิ๋นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะยกยิ้มร้ายมีเลศนัยนางรับน้ำแกงลูกบัวมาด้วยความยินดี ก่อนจะยิ้มเอ่ย "องค์หญิงช่างจิตใจดีมีเมตตา ข้าจะถื
เยี่ยเฟิงพูดน้อยเหลือเกิน กู้ชูหน่วนชักรู้สึกเบื่อ นางยืดเอวบิดขี้เกียจ ความง่วงมาเยือน "ข้าของีบแป๊บหนึ่ง เริ่มเรียนแล้วปลุกข้าด้วย"นางว่าจบก็ขยับตาหาท่าสบาย ก่อนจะผล็อยหลับไปทุกคนต่างนิ่งอึ้งหลับอีกแล้ว?เหตุใดนางถึงได้หลับในคาบเรียนได้ทุกวี่ทุกวัน?หรือว่าคนเรียนเก่งจะเรียนตอนอยู่ในฝันด้วยเมื่อกู้ชูหน่วนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา อาจารย์สวีกำลังสอนหนังสือไม่หยุดปากนางถูกปลุกขึ้นมาจากความง่วงไม่ได้ให้เซียวอวี่เชียนปลุกนางแล้วหรอกหรือ?ไม่รู้ว่าคราวนี้ตาแก่สวีจะหากเรื่องอะไรนางอีก"บัณฑิตเล่าเรียน ฟังด้วยหู รู้ด้วยใจ กายใจสอดประสาน กลายเป็นจริยวัตรงดงาม..."กู้ชูหน่วนขยี้ดวงตาปรือให้ตื่น ยังไม่ทันตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับได้ยินอาจารย์สวีเอ่ยเสียงดีอกดีใจ"คุณหนูสามกู้ตื่นแล้ว เช่นนั้นให้คุณหนูสามกู้อธิบายต่อ"อธิบาย?อธิบายอะไร?กู้ชูหน่วนหันไปมองเซียวอวี่เชียนกะพริบตาปริบๆเซียวอวี่เชียนยกหนังสือขึ้นบังหน้า เบือนหน้าไปทางอื่นเสียอย่างนั้นอาจารย์สวีพูดพล่ามยาวเหยียด เขาจะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์สวีพูดเรื่องอะไรกู้ชูหน่วนหันไปทางเยี่ยเฟิง ส่งสายตาให้เขาไม่หยุด แต่
เซียวอวี่เชียนเหลียวมา เอ่ยกระซิบ "เจ้าคงไม่คิดจะวาดห้าสิบรอบจริงๆ ใช่ไหม""ข้าเป็นนักเรียนว่าง่าย อาจารย์สั่งการบ้าน จะไม่ตั้งใจทำได้อย่างไร"คำพูดพวกนี้หากเป็นคนอื่นพูด คงไม่แปลกอะไร แต่พอออกจากปากของกู้ชูหน่วน ใครก็รู้สึกว่ามีอะไรแอบแฝงกู้ชูหน่วนนั่งตรงกลาง เยี่ยเฟิงและเซียวอวี่เชียนนั่งขนาบนางซ้ายขวาทั้งสองหันมามองภาพที่นางวาดไม่เห็นไม่เท่าไหร่ ทว่าพอทั้งสองเห็นแล้ว ใบหน้าของเยี่ยเฟิงก็แดงก่ำ ส่วนเซียวอวี่เชียนก็ลุกพรวดขึ้น น้ำเสียงตื่นตกใจเอ่ย "ยัยขี้เหร่ เหตุใดเจ้าถึงวาดภาพต้องห้าม...ลามก...อนาจารเช่นนี้?"เซียวอวี่เชียนเสียงดังยิ่งนัก จนคนทั้งห้องเรียนได้ยินกันหมดแล้ว จึงพากันเหลียวมาทางเซียวอวี่เชียนและกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขาปากเปราะพูดอะไรไปเรื่อยนางยังทันไม่ได้ส่งภาพนี้ไปทั่วทั้งสำนักบัณฑิต หรือทั้งเมืองหลวงเลย คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าเทพสงครามกับอาจารย์ซ่างกวานนั้นรูปงามเพียงใด"กู้ชูหน่วน มาที่หน้าห้องแล้วเปิดภาพของเจ้า" อาจารย์ซ่างกวานยืนอยู่หน้ากระดาน เรียวคิ้วดำงามเลิกขึ้นเล็กน้อย มีลางสังหรณ์ว่าภาพนั้นจะเกี่ยวกับตัวเอง?"อาจารย์ เมื่อครู่ข้าหลั
กู้ชูหน่วนร้อนรนจะทำอะไรถูกนางหมายจะแย่งภาพวาดกลับมา แต่ซ่างกวานฉู่กลับเก็บเข้าไปในอกเสื้อต่อหน้าคนทั้งห้องเรียน จะให้นางแย่งภาพออกมาจากอกเสื้อของอาจารย์คงไม่ดีกระมังทว่าอาจารย์ซ่างกวานกลับยิ้มบางพลางเอ่ย "คุณหนูสามกู้วาดข้าเสียเหมือนจริงปานนั้น ใบหน้าของข้าคงตราตรึงอยู่ในหัวของคุณหนูสามมานานแล้วสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นคุณหนูสามก็วาดภาพเหมือนของข้านี้อีกสักร้อยภาพก็แล้วกัน หากก่อนจบคาบบ่ายนี้ยังวาดไม่เสร็จ เหอะ...เช่นนั้นก็วิ่งรอบสำนักบัณฑิตหลวงห้าร้อยรอบแทนก็แล้วกัน"เพิ่งต้นฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ แต่อาจารย์ซ่างกวานกลับยิ้มเย็นปานลมวสันต์พัดผ่าน ทำเอาทุกคนตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้กู้ชูหน่วนเขกหัวตัวเองนางพลาดแล้วชายผู้นี้หน้าหนากว่าที่คิดไว้เยอะห้าร้อยรอบอย่างนั้นหรือเหตุใดไม่พูดว่าให้นางวิ่งจนกว่าจะขาดใจตายไปเลยเล่า"เลิกเรียนได้ เยี่ยเฟิงตามข้าไปรับเครื่องแบบบัณฑิต" อาจารย์ซ่างกวานเอ่ย ก่อนจะออกไปจากห้องเรียนกู้ชูหน่วนนั่นลงอย่างสลดคนในห้องถกเถียงกันไปต่างๆ นานา"พวกเจ้าว่าเทพสงครามจะกินนางทั้งเป็นเลยหรือไม่?""แน่นอนสิ เทพสงครามฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา มีเรื่องใดที่ทำไม
"เพ้อเจ้ออะไรของเจ้า รีบไปเอาของมา" กู้ชูหน่วนเตะหลิ่วเยว่ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์เรื่องที่กู้ชูหน่วนวาดภาพหวานแหววระหว่างเทพสงครามและอาจารย์ แพร่ไปทั่วทั้งสำนักบัณฑิต รวมทั้งเรื่องที่อาจารย์ซ่างกวานลงโทษนางให้วาดภาพอีกร้อยรอบก็เป็นที่รู้กันแล้วด้วยคนไม่น้อยเข้ามามุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากดูว่าคุณหนูสามกู้ที่เล่าลือกันว่าเป็นยอดฝีมือนั้น จะวาดภาพของอาจารย์ซ่างกวานหนึ่งร้อยภาพภายในพักเที่ยงได้อย่างไรห้องเรียนถูกล้อมจนไม่มีทางเข้าออกพวกเขาคิดว่าคุณหนูสามกู้ต้องกำลังวาดอย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่านางกำลังกินข้าวอย่างอ้อยอิ่ง กินข้าวเสร็จแล้วยังใช้มีดเล็กแกะสลักอะไรบางอย่างบนแผ่นไม้กระดานอีกทุกคนมึนงง"หรือว่าคุณหนูสามกู้กดดันจนยอมแพ้แล้ว""ข้าว่าเป็นไปได้ ตั้งร้อยภาพแหนะ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็วาดไม่ได้หรอก ต่อให้วาดออกมาได้ เทพสงครามก็ไม่ไว้ชีวิตนางแน่ หากข้าเป็นนางก็คงไม่เสียช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตไปกับเรื่องพวกนี้หรอก""แปลกนัก เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคุณสามกู้ถึงดูเหมือนไม่กลัวเลยสักนิด หรือว่าข้าตาฝาดไป""เจ้าว่าคุณหนูสามกู้แกะสลักอะไรอยู่?""จะแกะสลักอะไรได
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ
"ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง" ซ่างกวานฉู่รีบตามมาติดๆการเพิ่มราคาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ยามนี้ผู้ที่เสนอราคาคือตัวเอกที่แท้จริงกู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซ่างกวานฉู่ และเย่จิ่งหานจะต้องแข่งขันกันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสามยักษ์ใหญ่เหล่านี้ใครจะเหนือกว่ากัน"หกร้อยล้าน""หกร้อยห้าสิบล้าน""เจ็ดร้อยล้าน"ซี้ดดด......ทั้งงาน นอกจากอี้เฉินเฟยและซ่างกวานฉู่แล้ว ไม่มีใครกล้าเสนอราคาอีกเลยแม้ว่าพวกเขาจะอยากได้ไข่มุกสีเขียวมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้นกู้ชูหน่วนมองไปทางเย่จิ่งหานเจ้าคนนี้มองดูเฉยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เสนอราคาเลย หรือว่าเขาตั้งใจจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซ่างกวานฉู่สู้กันเสร็จก่อนแล้วค่อยเสนอราคา?เจ็ดร้อยล้านตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินเล็กๆ เลยนะคงจะเทียบเท่ากับเงินทั้งหมดในคลังหลวงกระมังอี้เฉินเฟยเป็นบุคคลสำคัญของแคว้นหวา ทั้งยังเป็นอาจารย์สามของสำนักหยู และยังมีอีกหลายตัวตนที่ไม่เปิดเผย เขามีเงินก็สมเหตุสมผลแต่ซ่างกวานฉู่มีอะไร เขาเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?หรือจะพูดว่าเขามีตัวตนลับหลังอีกมากแค่ไหนกันแน่"เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง" อี
เสียงของพิธีกรเสี่ยวลู่ดังขึ้นอีกครั้ง"สินค้าชิ้นต่อไปที่จะประมูลคือของปิดการประมูลของเราในครั้งนี้ ยังคงเป็นแผนที่ แผนที่สมบูรณ์ ชื่อว่าแผนที่มังกรเขียว"ตู้ม......การประมูลก็ระเบิดขึ้นทันที"เจ้าพูดอะไรนะ แผนที่มังกรเขียว? เป็นแผนที่พบลูกแก้วมังกรสีเขียวใช่หรือไม่?""ใช่ ทุกคนคงรู้ดีว่าลูกแก้วมังกรหมายถึงอะไร มีลูกแก้วมังกรทั้งหมดเจ็ดลูกในโลก ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วง หากต้องการค้นหาลูกแก้วมังกร ก็ต้องมีแผนที่""โอ้สวรรค์ ลูกแก้วมังกรในตำนาน รีบกลับไปรวบรวมเงิน แม้ว่าเจ้าจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้า เจ้าก็ต้องรวบรวมเงินทั้งหมด""ท่านพ่อ การขายบ้านทันทีทำได้ยากมาก""เช่นนั้นก็เอาบ้านไปจำนองก่อน แล้วเอาเงินมา""อาฝู รีบกลับไปหาฮูหยินเร็ว และให้ฮูหยินรวบรวมเงินทั้งหมดในบ้านและให้ลูกชายข้าไปยืมเงินทุกที่ที่ทำได้ ยืมให้ได้มากที่สุด คราวนี้เราจะเสี่ยงชีวิตเพื่อประมูลแผนที่ไข่มุกสีเขียว""……"แขกทุกคนในงานประมูลแทบจะให้คนรับใช้กลับไปรวบรวมเงินแม้แต่อัครเสนาบดีกู้ที่ไม่อยากเข้าร่วมการประมูลต่อแล้ว ก็ยังหวั่นไหวอีกครั้งและให้กู้ชูอวิ๋นรีบกลับไป แม้ว่าจะต้อ