เย่จิ่งหานหัวเราะ สิบแปดเชียวรึดูท่าคนที่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณคงไม่น้อยทีเดียวเจี้ยงเสวี่ยเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กลับยั้งไว้"ว่ามา""นายท่านขอรับ ข้าน้อยรู้มาว่า มีคนอีกกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าคุ้มครองคุณหนูสามกู้อยู่ห่างๆ พวกนั้นแต่ละคนฝีมือสุดยอดไม่แพ้พวกเรา ข้าน้อยตามสืบมานานแล้วแต่ก็ยังไม่พบเบาะแส ข้าน้อยออกไปถามถึงเรือนชาลฟ้า"เย่จิ่งหานหรี่ตาลง มองไปยังถ้วยหยกขาวราวกับมันน่าสนใจเหลือเกินเรือนชาลฟ้าโด่งดังไม่เป็นรองหอเลิศหล้า ไม่ว่าข่าวเล็กข่าวหรือข่าวใหญ๋ก็ไม่อาจรอดพ้นพวกเขาไปได้ จึงได้ฉายาว่าจะเรือนหรือหอ ผีสางต่างร้องขอชีวิตคนที่แม้แต้เรือนชาลฟ้ายังไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ย่อมต้องเป็นคนของหอเลิศหล้า หรือไม่ก็คนที่หอเลิศหล้าคุ้มกะลาหัวอยู่กู้ชูหน่วนคืออย่างแรกหรืออย่างหลักกันจวนอัครเสนาบดีไม่รักคุณหนูสามมิใช่รึ?เหอะ...หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดถึงมีคนคอยแอบปกป้องนาง?คนไม่เอาไหนอย่างนั้นรึ?เขาเฝ้าสังเกตการณ์การประลองศิลปะอยู่ในมุมมืดเย่จิ่งหานนึกถึงยามประลองศิลปะ กู้ชูหน่วนหลอกให้คู่แข่งตายใจ ชนะเดิมพันได้เงินมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทารุณเจ๋ออ๋องแสนสาหัส จู่ๆ มุมปากขอ
อยากกินข้าวกับนางมากใช่ไหม? นางจะทำให้เขาสะอินสะเอียดไปข้างกู้ชูหน่วนปลดผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัว"อาหารเช้ามากมายเต็มไปหมด เจ้ากินสักหน่อยสิ" กู้ชูหน่วนพูดพลางตะกละตะกลาม พลางคีบเนื้อให้เขาชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยหรี่ตาลง แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อได้เห็นใบหน้าของนางเย่จิ่งหานเองก็ตัวกระตุก หัวใจพลันเจ็บแปลบขึ้นมานั่นคือใบหน้าเช่นไรก็นะ มีแต่ตุ่มหนองเป็นหลุมเป็นบ่อ กระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ หน้าทั้งหน้าแทบหาที่ว่างไม่ได้ น่าเกลียดน่ากลัวจนแทบอยากอาเจียนด้วยใบหน้านี้ เย่จิ่งหานไม่รู้ว่านางต้องรับแรงกดดันมากมายเพียงใด มิน่าเล่าทุกคนถึงพูดว่านางอัปลักษณ์ไม่มีใครเทียบได้มุมปากของเย่จิ่งหานกระตุก ลังเลที่จะพูดปลอบใจนางกู้ชูหน่วนเช็ดแก้มขรุขระ เพราะเมื่อนางเช็ด ตุ่มหนองบนใบหน้าก็จะแตก น้ำหนองไหลหยดลงในอาหารบนโต๊ะนางเงยหน้าขึ้นอย่างรู้สึกผิด เอ่ยเสียงพึมพำ"ขอโทษที น้ำหนองใบหน้าข้าไหลตลอด ข้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร น้ำหนองไม่มีพิษ พวกนี้เจ้ายังกินได้อีก ถึงเวลาเรียนแล้ว ข้าไปเรียนที่สำนักบัณฑิตก่อนนะ""…"กู้ชูหน่วนยกเท้าวิ่งออกไป วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็วิ่งกล
เมื่อถูกพูดแทงใจดำ สีหน้าขององค์หญิงตังตังก็พลันไม่สู้ดีนักเงินห้าล้านตำลึงนั้นมหาศาล เดิมทีนางไม่อยากให้กู้ชูหน่วนสักแดงเดียวด้วยซ้ำแต่เสด็จพ่อดันส่งคนมาบอกว่า ให้นางใช้เงินกู้ชูหน่วนให้ครบทุกตำลึง ทำเอานางต้องขนของมีค่าในจวนองค์หญิงทั้งหมดมาขาย ทั้งยังต้องเอาเรือนของเสด็จแม่ไปจำนองอีก ถึงจะรวบรวมเงินได้สี่ล้านตำลึงอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เหลือ นางยังหามาได้ไม่ครบนางเป็นถึงองค์หญิง คงไม่ให้นางแบกหน้าไปยืมเงินคนเขาหรอกกระมังองค์หญิงตังตังโมโห "พูดเป็นเล่น ข้าน่ะหรือจะขอเลื่อนจ่าย? เงินแค่หนึ่งล้านตำลึง เจ้ารีบร้อนอะไร ประเดี๋ยวข้าย่อมจ่ายเจ้าอยู่แล้ว""ประเดี๋ยวนี่นานเท่าใด? หนึ่งถ้วยชา? หนึ่งก้านธูป? หรือว่าหนึ่งวัน หรือว่าหนึ่งปี?""หนึ่งวัน อีกหนึ่งวัน ข้าจะเอาเงินล้านตำลึงมาให้เจ้า""องค์หญิงเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ย่อมไม่มีทางหนีหนี้อยู่แล้ว แต่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ก็ยังต้องคิดดอกเบี้ยนะเพคะ""ดอกเบี้ยอะไรกัน" องค์หญิงตังตังประเดี๋ยวหน้าเขียวประเดี๋ยวหน้าซีด อยากจะกัดกู้ชูหน่วนให้ตายแค่วันเดียว นางยังจะคิดดอกเบี้ยอีกหรือ?"เสด็จพี่ของเจ้าติดเงินข้าส
"ว่าแต่ เมื่อคืนที่หออู๋โยวเกิดเรื่องใหญ่โตปานนั้น เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีข่าวเลย?"กู้ชูหน่วนโพล่งถามขึ้น "ยังต้องเดาอีกหรือ? แน่นอนว่าเพราะเทพสงครามปิดข่าวน่ะสิ สำหรับพวกเขาแล้วมิใช่เรื่องเชิดหน้าชูตาสักเท่าไรอยู่แล้ว""ลูกพี่ เจ้าดู นั่นเยี่ยเฟิงมิใช่รึ?" อวี๋ฮุยเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจกู้ชูหน่วนช้อนตาขึ้นมอง ชายหนุ่มตรงหน้าแม้จะสวมชุดหน้าผ้าเนื้อหยาบ แต่ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง กลิ่นอายบัณฑิตคงแค่เรียนแผ่ซ่านทั้งยังให้ความรู้สึกเย็นชาสันโดษเครื่องหน้าของเขาชัดเจน รูปงามยิ่งนัก ทว่าใบหน้านั้นขาวซีดเพราะอาการป่วยเซียวอวี่เชียนเอ่ยพึมพำกับตัว "แปลกนัก เมื่อวานเยี่ยเฟิงยังดีๆ อยู่เลย หรือว่าเป็นเพราะเจ้าโถมตัวล้มใส่เขา เขาถึงเสียขวัญจนล้มป่วยเอาน่ะ"กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุกนางสะดุดขาโต๊ะแล้วล้มทับเขาโดยไม่ทันระวังไหมเล่าอีกอย่าง ถึงเยี่ยเฟิงจะพยายามทำตัวเหมือนคนธรรมดา แต่ลมหายใจของเขานั้นไม่สม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสหลังจากพวกนางกลับไปเมื่อวานนี้ ใครทำร้ายเยี่ยเฟิงกัน?กู้ชูหน่วนพลันนึกถึงตอนที่นางล้มทับเยี่ยเฟิงเมื่อคืนวาน ความหวาดกลัวและรังสีอาฆาตฉายวาบ
"คุณหนูสามกู้ ข้าให้คนตุ๋นน้ำแกงลูกบัว ล้างตับดับร้อนใน เจ้าลองชิมดู"องค์หญิงตังตังยกน้ำแกงลูกบัวถ้วยหนึ่งยื่นให้กู้ชูหน่วนด้วยท่าทีแสนเย่อหยิ่ง แต่ใบหน้ากลับฉีกยิ้มกว้างสดใสทุกคนตกตะลึงเมื่อครู่องค์หญิงตังตังกับคุณหนูสามกู้แทบจะชักกระบี่ออกมาแทงกันอยู่แล้ว ยามนี้เหตุใดถึงยกน้ำแกงมาให้นาง เปลี่ยนสีเร็วเกินไปแล้วกระมังเซียวอวี่เชียนนี่นั่งข้างกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว ใช้พัดขวางน้ำแกงของนางเอาไว้ "องค์หญิง ในน้ำแกงลูกบัวนี้ ได้ใส่เครื่องปรุงแปลกปลอมอะไรไปหรอกใช่ไหม""เรื่องก่อนหน้านี้ ข้าผิดเอง ไม่ควรระรานเจ้า ดังนั้นข้าถึงได้ให้คนเคี่ยวน้ำแกงถ้วยนี้มาให้ ข้าอยากสานสัมพันธ์อีกครั้ง คุณหนูสามกู้ เจ้าเป็นคนดีมีเมตตา คงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่ไหม"องค์หญิงตังตังหน้าตาน่ารัก ยู่ปากออดอ้อนเช่นนี้ยิ่งดูใสซื่อไร้พิษภัย หากไม่รู้นิสัยชอบรังแกคนของนาง ทุกคนคงถูกภาพลักษณ์ภายนอกของนางล่อลวงเอาได้กู้ชูหน่วนมองไปที่น้ำแกงในมือของนาง สายตาเย็นชาหรี่ลง หันไปมองกู้ชูอวิ๋นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะยกยิ้มร้ายมีเลศนัยนางรับน้ำแกงลูกบัวมาด้วยความยินดี ก่อนจะยิ้มเอ่ย "องค์หญิงช่างจิตใจดีมีเมตตา ข้าจะถื
เยี่ยเฟิงพูดน้อยเหลือเกิน กู้ชูหน่วนชักรู้สึกเบื่อ นางยืดเอวบิดขี้เกียจ ความง่วงมาเยือน "ข้าของีบแป๊บหนึ่ง เริ่มเรียนแล้วปลุกข้าด้วย"นางว่าจบก็ขยับตาหาท่าสบาย ก่อนจะผล็อยหลับไปทุกคนต่างนิ่งอึ้งหลับอีกแล้ว?เหตุใดนางถึงได้หลับในคาบเรียนได้ทุกวี่ทุกวัน?หรือว่าคนเรียนเก่งจะเรียนตอนอยู่ในฝันด้วยเมื่อกู้ชูหน่วนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา อาจารย์สวีกำลังสอนหนังสือไม่หยุดปากนางถูกปลุกขึ้นมาจากความง่วงไม่ได้ให้เซียวอวี่เชียนปลุกนางแล้วหรอกหรือ?ไม่รู้ว่าคราวนี้ตาแก่สวีจะหากเรื่องอะไรนางอีก"บัณฑิตเล่าเรียน ฟังด้วยหู รู้ด้วยใจ กายใจสอดประสาน กลายเป็นจริยวัตรงดงาม..."กู้ชูหน่วนขยี้ดวงตาปรือให้ตื่น ยังไม่ทันตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับได้ยินอาจารย์สวีเอ่ยเสียงดีอกดีใจ"คุณหนูสามกู้ตื่นแล้ว เช่นนั้นให้คุณหนูสามกู้อธิบายต่อ"อธิบาย?อธิบายอะไร?กู้ชูหน่วนหันไปมองเซียวอวี่เชียนกะพริบตาปริบๆเซียวอวี่เชียนยกหนังสือขึ้นบังหน้า เบือนหน้าไปทางอื่นเสียอย่างนั้นอาจารย์สวีพูดพล่ามยาวเหยียด เขาจะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์สวีพูดเรื่องอะไรกู้ชูหน่วนหันไปทางเยี่ยเฟิง ส่งสายตาให้เขาไม่หยุด แต่
เซียวอวี่เชียนเหลียวมา เอ่ยกระซิบ "เจ้าคงไม่คิดจะวาดห้าสิบรอบจริงๆ ใช่ไหม""ข้าเป็นนักเรียนว่าง่าย อาจารย์สั่งการบ้าน จะไม่ตั้งใจทำได้อย่างไร"คำพูดพวกนี้หากเป็นคนอื่นพูด คงไม่แปลกอะไร แต่พอออกจากปากของกู้ชูหน่วน ใครก็รู้สึกว่ามีอะไรแอบแฝงกู้ชูหน่วนนั่งตรงกลาง เยี่ยเฟิงและเซียวอวี่เชียนนั่งขนาบนางซ้ายขวาทั้งสองหันมามองภาพที่นางวาดไม่เห็นไม่เท่าไหร่ ทว่าพอทั้งสองเห็นแล้ว ใบหน้าของเยี่ยเฟิงก็แดงก่ำ ส่วนเซียวอวี่เชียนก็ลุกพรวดขึ้น น้ำเสียงตื่นตกใจเอ่ย "ยัยขี้เหร่ เหตุใดเจ้าถึงวาดภาพต้องห้าม...ลามก...อนาจารเช่นนี้?"เซียวอวี่เชียนเสียงดังยิ่งนัก จนคนทั้งห้องเรียนได้ยินกันหมดแล้ว จึงพากันเหลียวมาทางเซียวอวี่เชียนและกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขาปากเปราะพูดอะไรไปเรื่อยนางยังทันไม่ได้ส่งภาพนี้ไปทั่วทั้งสำนักบัณฑิต หรือทั้งเมืองหลวงเลย คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าเทพสงครามกับอาจารย์ซ่างกวานนั้นรูปงามเพียงใด"กู้ชูหน่วน มาที่หน้าห้องแล้วเปิดภาพของเจ้า" อาจารย์ซ่างกวานยืนอยู่หน้ากระดาน เรียวคิ้วดำงามเลิกขึ้นเล็กน้อย มีลางสังหรณ์ว่าภาพนั้นจะเกี่ยวกับตัวเอง?"อาจารย์ เมื่อครู่ข้าหลั
กู้ชูหน่วนร้อนรนจะทำอะไรถูกนางหมายจะแย่งภาพวาดกลับมา แต่ซ่างกวานฉู่กลับเก็บเข้าไปในอกเสื้อต่อหน้าคนทั้งห้องเรียน จะให้นางแย่งภาพออกมาจากอกเสื้อของอาจารย์คงไม่ดีกระมังทว่าอาจารย์ซ่างกวานกลับยิ้มบางพลางเอ่ย "คุณหนูสามกู้วาดข้าเสียเหมือนจริงปานนั้น ใบหน้าของข้าคงตราตรึงอยู่ในหัวของคุณหนูสามมานานแล้วสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นคุณหนูสามก็วาดภาพเหมือนของข้านี้อีกสักร้อยภาพก็แล้วกัน หากก่อนจบคาบบ่ายนี้ยังวาดไม่เสร็จ เหอะ...เช่นนั้นก็วิ่งรอบสำนักบัณฑิตหลวงห้าร้อยรอบแทนก็แล้วกัน"เพิ่งต้นฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ แต่อาจารย์ซ่างกวานกลับยิ้มเย็นปานลมวสันต์พัดผ่าน ทำเอาทุกคนตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้กู้ชูหน่วนเขกหัวตัวเองนางพลาดแล้วชายผู้นี้หน้าหนากว่าที่คิดไว้เยอะห้าร้อยรอบอย่างนั้นหรือเหตุใดไม่พูดว่าให้นางวิ่งจนกว่าจะขาดใจตายไปเลยเล่า"เลิกเรียนได้ เยี่ยเฟิงตามข้าไปรับเครื่องแบบบัณฑิต" อาจารย์ซ่างกวานเอ่ย ก่อนจะออกไปจากห้องเรียนกู้ชูหน่วนนั่นลงอย่างสลดคนในห้องถกเถียงกันไปต่างๆ นานา"พวกเจ้าว่าเทพสงครามจะกินนางทั้งเป็นเลยหรือไม่?""แน่นอนสิ เทพสงครามฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา มีเรื่องใดที่ทำไม
หญิงนางนี้ บ้าไปแล้วเหรินหู่วิ่งโทกเทกเข้ามา ฉีกยิ้มเอ่ย "ค้อนเหล็กของข้านี้ ช่างเหล็กชื่อดังใช้เหล็กดำตีขึ้นมา เจ้าชอบหรือไ่ม่ หากเจ้าชอบ ข้าก็จะยกให้เจ้า"กู้ชูหน่วนรังเกียจเหลือหลาย "ทั้งหนักทั้งเทอะทะ เจ้าเก็บไว้เองเถิด"เมื่อนึกถึงภาพที่เหรินหู่ฟาดคนเผ่าหมอตายเป็นเบือเมื่อครู่นี้ เซียวอวี่เชียนก็ชักกลัวขึ้นมา ร่างแข็งเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่ กลัวว่าเหรินหู่จะค้อนทุบนางตายเอาในพริบตาแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ นอกจากเหรินหู่จะไม่โกรธแล้ว ยังยิ้มแก้เก้อพลางเอ่ยอีก "นั่นสิ เจ้าเป็นหญิงจะถือค้อนเหล็กเช่นนี้ก็ไม่งามจริงๆ เช่นนั้นข้าให้คนทำค้อนเหล็กน้อยให้เจ้าไหม"เฮ้ย...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?สำนักซิวหลัวคุยกันง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?กู้ชูหน่วนเมินเหรินหู่เสียดื้อๆ เดินมาหยุดอยู่หน้าฝูกวง"เจ้าชื่ออะไรรึ?""ฝูกวง ฝูที่แปลว่าสะท้อน กวงที่แปลว่าแสงสว่าง" ทั้งยังเป็นชื่อที่เจ้าสำนักของพวกเขาตั้งให้ ผ่านมาหลายปี แค่คนในสำนักยังคงอิจฉาที่เจ้าสำนักตั้งชื่อให้เขาจนถึงทุกวันนี้"ฝูกวง เป็นชื่อที่ไพเราะนัก แสงสว่างที่สาดส่องโลก"ฝูกวงตัวสั่น ขอบตาแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่แสงสว่างที่สาดส่องโลก...
เจียงซวี่เอ่ยเสียงขุ่น "ประมุขชิง ท่านให้ท้ายลูกน้องเพียงนี้เลยหรือ?"ประมุขชิงควงขลุ่ยอย่างเพลิดเพลิน ภายในแววตาเอื่อยเฉื่อยนั้นแฝงไปด้วยความเย็นชาที่ยาจะสังเกตเห็น น้ำเสียงของเขาไพเราะรื่นหู เหมือนดังเสียงน้ำพุ ทว่าถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับทำเอาเจียงซวี่โมโหจนแทบกระอักเลือด"ลูกน้องข้าตรงไปตรงมา ไม่ปลิ้นปล้อนเหมือนใครบางคน ใช้อำนาจรังแกคน เจ้าตำหนักเจียงเห็นว่าเขาควรแก้ไขหรือไม่?""สะ... สำนักซิวหลัวของพวกเจ้ามิอาจล่วงเดิน เผ่าหมอของพวกข้าก็มิอาจล่วงเกินเช่นกัน ต่อให้ต้องตายกันไปข้างหน้า พวกเจ้าก็ไม่มีทางไ้ด้อะไรกลับไป""ด้วยฝีมือเจ้าน่ะหรือ? หากอยากตายก็รีบตายไปเถิด ของบางอย่างต้องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก""หมายความว่าอย่างไร?""พูดอย่างไรก็หมายความเช่นนั้น"ไม่รอให้เจียงซวี่ตั้งสติ เหรินหู่ก็เควี้ยงค้อนเหล็กหนักหนึ่งร้อยชั่งออกไปเป็นการทักทายหากสองคนข้างกายเจียงซวี่หูหาไม่ไวพอ ตั้งรับได้ทันท่วงที เกรงว่าเจียงซวี่คนถูกค้อนเหล็กทุบตายไปแล้วทั่งสองฝั่งตะลุมบอนกันบรรดาเผ่าหมอที่เดิมแสนน่าเกรงขาม ไม่อาจประมาณฝีมือมือได้ เมื่อพบกับคนจากสำนักซิวหลัวกลับถูกซัดจนหมอบเหรินหู่และฝูกวง
ชายชราคำรามเดือดดาล ส่งกำลังภายในผ่านฝ่ามือพุ่งไปยังกู้ชูหน่วนฝ่ามือนั่นมีกำลังภายในอยู่แปดส่วน ดูท่าแล้วคงไม่คิดเอาชีวิตกู้ชูหน่วนเซียวอวี่เชียนเจ็บหนักอาการร่อแร่ เอาตัวเองแทบไม่รอดกู้ชูหน่วนเองก็ถูกสมุนอื่นล้อมไว้จนไร้ทางหนี หมายจะหลบหลีกฝ่ามือนั้นช่างยากนักแต่หากจะโต้กลับ ตัวเองก็ไม่มีกำลังภายในแล้ว คนที่เจ็บย่อมต้องเป็นนางคนหนุ่มก้าวถอยหลัง หมายจะยื่นมือเข้าไปช่วยทันใดนั้นเอง ฝ่ามือทีทรงพลังยิ่งกว่าก็พุ่งเข้ามาจากไกลลิบ"ปึ้ก..."สองฝ่ามือปะทะกัน พื้นดินสะท้านทรุดเป็นหลุมกว้างร่างของทุนคนต่างโงนเงน แทบยืนไม่อยู่ขณะเดียวกันเงาคนหลายสิบก็กระโดดตามลงมา กันยอดฝีมือเผ่าหมอที่ล้อมกู้ชูหน่วนชายชราตกใจไม่น้อย "สำนักซิวหลัว"เจียงซวี่เองก็ตกใจไม่แพ้กันสำนักซิวหลัวคือหนึ่งในสำนักลับสุดยอดแห่งยุทธภพ แต่ไหนแต่ไรมามิเคยเปิดเผยใบหน้าให้เห็นง่ายๆ และไม่ลงรอยกับเผ่าหมอ แต่ยามนี้กลับปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังช่วยเหลือกู้ชูหน่วนอีก หรือว่าพวกก็ต้องการกระดิ่งภินวิญญาณเหมือนกัน?เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ว่าสำนักซิวหลัวจะมีเป้าหมายอะไร อย่างน้อยก็ช่วยชีวิตกู้ชูหน่วนเอาไว้กู
เจียงซวี่มองลงมาที่นางด้วยสายตาเหยียดหยามกู้ชูหน่วนล้วงหากระดิ่งภินวิญญาณในอกพลางเอ่ยด้วยท่าทางเฉยเมยว่า "พวกเจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณนี้ใช่หรือไม่ ข้าให้พวกเจ้าก็ได้ ไม่เห็นมีประโยชน์กับข้าอยู่แล้ว"เอ่ยจบ นางก็เหวี่ยงกระดิ่งภินวิญญาณไปข้างหน้าทันที"ฟึบ ฟึบ ฟึบ..."เผ่าหมอต่างแย่งชิงกระดิ่งภินวิญญาณ ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลงและเหวี่ยงเข็มเงินนับสิบเล่มไปยังเหล่ากองธงของฝ่ายตรงข้ามที่ล้อมพวกนางไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงเซียวอวี่เชียนออกไปด้วยมือเดียว"ไป""ยัยขี้เหร่ ข้าไม่ไป""หยุดพล่ามได้แล้ว กลับไปเรียกคนมาช่วยเร็ว""ปัง..."กล่องไม้ดำตกลงพื้นเสียงดังสนั่น ทำให้เหล่ากองธงที่อยู่ใกล้ได้รับบาดเจ็บหลายคนเจียงซวี่ก็ถูกควันโขมงไปด้วยเขาตะคอกด้วยความโกรธ “สาวน้อย! กล้าหลอกข้า!”“อุ๊ย! ขอโทษด้วย โมโหไปหน่อย เผลอโยนของผิดไป”“จับตัวนางไว้! ข้าจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ!”ไม่รอให้เจียงซวี่พูดจบ เหล่ากองธงก็ปิดล้อมกู้ชูหน่วนไว้แล้ว พวกเขารีบโบกธงที่มีลวดลายของดอกกล้วยไม้ใส่กู้ชูหน่วนธงของพวกเขาไม่ได้ทำจากผ้า แต่เป็นใบมีดบางๆ ราวกับฟันอันแหลมคม เมื่อถูกฟาดด้วยธงนี้ ย่อมต้องตายคาท
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่