กู้ชูหน่วนร้อนรนจะทำอะไรถูกนางหมายจะแย่งภาพวาดกลับมา แต่ซ่างกวานฉู่กลับเก็บเข้าไปในอกเสื้อต่อหน้าคนทั้งห้องเรียน จะให้นางแย่งภาพออกมาจากอกเสื้อของอาจารย์คงไม่ดีกระมังทว่าอาจารย์ซ่างกวานกลับยิ้มบางพลางเอ่ย "คุณหนูสามกู้วาดข้าเสียเหมือนจริงปานนั้น ใบหน้าของข้าคงตราตรึงอยู่ในหัวของคุณหนูสามมานานแล้วสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นคุณหนูสามก็วาดภาพเหมือนของข้านี้อีกสักร้อยภาพก็แล้วกัน หากก่อนจบคาบบ่ายนี้ยังวาดไม่เสร็จ เหอะ...เช่นนั้นก็วิ่งรอบสำนักบัณฑิตหลวงห้าร้อยรอบแทนก็แล้วกัน"เพิ่งต้นฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ แต่อาจารย์ซ่างกวานกลับยิ้มเย็นปานลมวสันต์พัดผ่าน ทำเอาทุกคนตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้กู้ชูหน่วนเขกหัวตัวเองนางพลาดแล้วชายผู้นี้หน้าหนากว่าที่คิดไว้เยอะห้าร้อยรอบอย่างนั้นหรือเหตุใดไม่พูดว่าให้นางวิ่งจนกว่าจะขาดใจตายไปเลยเล่า"เลิกเรียนได้ เยี่ยเฟิงตามข้าไปรับเครื่องแบบบัณฑิต" อาจารย์ซ่างกวานเอ่ย ก่อนจะออกไปจากห้องเรียนกู้ชูหน่วนนั่นลงอย่างสลดคนในห้องถกเถียงกันไปต่างๆ นานา"พวกเจ้าว่าเทพสงครามจะกินนางทั้งเป็นเลยหรือไม่?""แน่นอนสิ เทพสงครามฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา มีเรื่องใดที่ทำไม
"เพ้อเจ้ออะไรของเจ้า รีบไปเอาของมา" กู้ชูหน่วนเตะหลิ่วเยว่ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์เรื่องที่กู้ชูหน่วนวาดภาพหวานแหววระหว่างเทพสงครามและอาจารย์ แพร่ไปทั่วทั้งสำนักบัณฑิต รวมทั้งเรื่องที่อาจารย์ซ่างกวานลงโทษนางให้วาดภาพอีกร้อยรอบก็เป็นที่รู้กันแล้วด้วยคนไม่น้อยเข้ามามุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากดูว่าคุณหนูสามกู้ที่เล่าลือกันว่าเป็นยอดฝีมือนั้น จะวาดภาพของอาจารย์ซ่างกวานหนึ่งร้อยภาพภายในพักเที่ยงได้อย่างไรห้องเรียนถูกล้อมจนไม่มีทางเข้าออกพวกเขาคิดว่าคุณหนูสามกู้ต้องกำลังวาดอย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่านางกำลังกินข้าวอย่างอ้อยอิ่ง กินข้าวเสร็จแล้วยังใช้มีดเล็กแกะสลักอะไรบางอย่างบนแผ่นไม้กระดานอีกทุกคนมึนงง"หรือว่าคุณหนูสามกู้กดดันจนยอมแพ้แล้ว""ข้าว่าเป็นไปได้ ตั้งร้อยภาพแหนะ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็วาดไม่ได้หรอก ต่อให้วาดออกมาได้ เทพสงครามก็ไม่ไว้ชีวิตนางแน่ หากข้าเป็นนางก็คงไม่เสียช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตไปกับเรื่องพวกนี้หรอก""แปลกนัก เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคุณสามกู้ถึงดูเหมือนไม่กลัวเลยสักนิด หรือว่าข้าตาฝาดไป""เจ้าว่าคุณหนูสามกู้แกะสลักอะไรอยู่?""จะแกะสลักอะไรได
เวลาสั้นๆ เพียงสิบห้านาที แม้แต่ภาพแรกยังวาดไม่เสร็จ แล้วจะวาดหนึ่งร้อยภาพเสร็จได้อย่างไรแล้วก็...เงินสิบล้านตำลึงนั้นมหาศาล...คุณหนูสามกู้รวยปานนั้นเชียวเซียวอวี่เชียนรั้งนางเอาไว้ น้ำเสียงร้อนใจ "ยัยขี้เหร่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เงินตั้งสิบล้านตำลึง ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ""วางใจน่า แม่หญิงคนนี้เดิมพันแล้วย่อมชนะ ไม่มีทางแพ้หรอกน่า""ก็แค่หยกประดับ เจ้าอยากได้กี่อันข้าจะยกให้หมดเลย ไม่จำเป็นต้องเดิมพันเงินสิบล้านตำลึงกับหยกบ้าบอนั่นหรอก""ของที่เงินซื้อไม่ได้ ข้าชอบ"แววตาของกู้ชูหน่วนเปล่งประกายแปลกพิกลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบองค์หญิงตังตัง นางก็ถูกใจหยกจันทร์เสี้ยวที่ห้อยเอวอีกฝ่ายแล้วหยกชิ้นนี้แสนธรรมดา หากโยนลงไปในกองหยกคงจมมิดจนแยกไม่ออก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางถึงได้ชอบหยกชิ้นนี้นัก ยิ่งหลังจากได้กระดิ่งภินวิญญาณมาแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่ากลิ่นอายของยกจันทร์เสี้ยวนี้ช่างเหมือนกับกระดิ่งภินวิญญาณเหลือเกินจากรูปการณ์แล้วองค์หญิงตังตังอยากจะตอบตกลงแต่พอนึกขึ้นได้ว่ากู้ชูหน่วนอาจใช้กลโกง ประกอบกับหยกประดับห้อยเอวนี้สำคัญกับนางมาก นั่นคือของดูต่างหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่เสด็จพ
องค์หญิงตังตังสัมผัสได้ว่าทุกคนมองนางด้วยสายตาที่แปลกไป รู้สึกอับอายเหลือทน"กู้ชูหน่วน พูดจาเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า ข้ามีระดูตั้งแต่เมื่อใด"กู้ชูหน่วนมองด้านหลังนางก่อนจะเอ่ยปากขมุบขมิบ "กระโปรงเปื้อนเลือดขนาดนั้น หรือว่าเจ้าบาดเจ็บล่ะ?"องค์หญิงตังตังเหลียวไปมองข้างหลัง กระโปรงขาวดุจหิมะของนางเปื้อนหยดเลือดจริงๆ ด้วย แต่ก็แค่หยดเดียว หากไม่เพ่งมองก็แทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำแต่ว่าเลือดหยดนั้น ก็พอที่จะทำให้นางสติแตกได้ บวกกับคำพูดเถรตรงแสลงหูของกู้ชูหน่วน องค์หญิงตังตังทั้งโกรธทั้งอาย แผดเสียงกรีดร้อง "กรี๊ดดด..."นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปอย่างเสียสติกู้ชูหน่วนขวางทางนางไว้ได้ทันเวลา หัวเราะคิกคักพลางเอ่ย "เอาล่ะ หนึ่งร้อยแผ่นเสร็จแล้ว ข้าพิมพ์อีกร้อยแผ่นเผื่อให้เจ้า ไม่ต้องขอบคุณหรอก ส่งหยกประดับมาก็พอ"องค์หญิงตังตังไม่อยากมอบมันให้นาง หยกประดับนี้แม้นางจะไม่ถูกใจ แต่เสด็จแม่เห็นมันประหนึ่งสมบัติล้ำค่า บังคับให้นางห้อยติดตัวทุกวัน ทุกครั้งที่พบเสด็จแม่ นางจะตรวจสอบเสมอว่าหยกประดับยังอยู่หรือไม่หากเสด็จแม่รู้ว่านางแพ้เดิมพันจนต้องเสียหยกประดับ คงตีนางจนตายแน่ๆกู้ชูหน่วนยิ้มร้าย
เมื่อซ่างกวานฉู่พูดจบ ก็มีเสียงคนตะโกนจากด้านนอก "เจ้าสำนักมาถึงแล้ว เทพหมากล้อมมาถึงแล้ว อาจารย์สวีมาถึงแล้ว อาจารย์หรงมาถึงแล้ว..."ทุกคนตกตะลึงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?เหตุใดแม้แต่เจ้าสำนักก็มาด้วย เป็นที่รู้กันดีว่าน้อยนักที่เจ้าสำนักจะปรากฏตัว"เชิญผู้อาวุโสเทพหมากล้อม" คนในสำนักบัณฑิตต่างต้อนรับเทพหมากล้อมอย่างนอบน้อมแม้แต่เจ้าสำนักยังปฏิบัติกับเขาอย่างให้ความเคารพกู้ชูหน่วนก่ายหน้าผากนางไม่สนใจว่าใครจะมา แต่พอได้ยินคำว่าเทพหมากล้อม นางก็ปวดกระโหลกในทันใด"คำนับท่านเจ้าสำนัก คำนับเทพหมากล้อม..."ทุกคนคำนับ กู้ชูหน่วนก้มหน้าก้มตาทำความเคารพตาม ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เทพหมากล้อมเห็นนางเลยแต่เทพหมากล้อมดันตาดีอย่างกับโจร พริบตาเดียวก็มองเห็นนางแล้ว แถมยังร้องตะโกนด้วยความดีใจ "อาจารย์ ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย เมื่อวานข้ารอท่านตั้งนานแต่ก็ไม่เจอ ข้าร้อนใจแทบแย่"เพ้อเจ้อหลังจากงานประลองศิลปะเสร็จสิ้น ก็ตามตอแยให้นางสอนกลโกงอยู่ได้ จะไม่ให้นางหนีได้อย่างไรทุกคนมองกู้ชูหน่วนด้วยความอิจฉาแม้แต่เทพหมากล้อมยังเรียกนางว่าอาจารย์ นางจะดวงดีอะไรปานนั้น"อาจารย์ เมื่อวานท่านตี
แล้วครึ่งประโยคหลังของเขาหมายความว่าอย่างไร?กู้ชูหน่วนช้อนตามองขึ้น ครั้งแรกที่ตั้งใจมองเจ้าสำนักหัวจรดเท้า แต่กลับพบร้อยยิ้มอบอุ่นของเขา ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมเพียงแต่ตอนที่มองเยี่ยเฟิง ดวงตาทั้งคู่ของชายชราแฝงไปด้วยความสงสาร ฝ่ามือเหี่ยวย่นสั่นเครือยื่นออกมา ล้วงมุกอุ่นประภพในอกเสื้อวางลงบนมือของเยี่ยเฟิงทั้งยังลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู เอ่นอย่างรักใคร่ "เด็กน่าสงสาร เจ้าลำบากมามาก ไม่ต้องกลัวนะ เข้ามาอยู่ในสำนักบัณฑิตแล้ว เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป"กู้ชูหน่วนหรี่ตามองคาดเดาความหมายของเจ้าสำนักคนในสำนักบัณฑิตต่างตกใจเจ้าสำนักให้มุกอุ่นประภพกับเยี่ยเฟิงเชียวหรือ...มุกอุ่นประภพคือของศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เพียงแค่กลิ้งมุกอุ่นประภพผ่าน ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสปาดใด ก็จะหายสนิทภายในเวลาอันรวดเร็วทั่วทั้งแผ่นดินมีมุกอุ่นประภพเพียงแต่สองเม็ดเท่านั้น เม็ดหนึ่งอยู่ในมือฮ่องเต้แคว้นฉู่ อีกเม็ดหนึ่งอยู่ในมือเจ้าสำนักปกติแล้วเจ้าสำนักหวงแหนมุกอุ่นประภพมาก ไม่เคยเอาออกมาง่ายๆ แค่ขอดูยังเป็นเรื่องแสนยากเย็น แต่ตอนนี้กลับส่งมันให้กับคนที่เพิ่งได้พบหน้ากันครั้งแรกนี่มัน...นี่มันใจปล้ำเ
เยี่ยเฟิงกำมุกอุ่นประภพไว้แน่น ใบหน้าเยือกเย็นนั้นยกยิ้มค้าง ทอดมองแสงประกายบนใบหน้าของเจ้าสำนัก แม้แต่หัวใจอันหนาวเหน็บ ก็อุ่นซ่านขึ้นมา"ขอบคุณขอรับ"ประโยคขอบคุณสั้นๆ ทว่าส่งออกมาจากใจจริงกู้ชูหน่วนเหลียวไปมองเซียวอวี่เชียน เอ่ยกระซิบ "ตาเฒ่านี่ทำไมถึงดูมีพิรุธ? นอกจากเป็นเจ้าสำนักแล้ว เขาเป็นใครมาจากไหน?""แม้แต่เจ้าสำนักเป็นใครมาจากไหนเจ้ายังไม่รู้? เขาเป็นราชครูแห่งแคว้นเย่ของพวกเราไงเล่า คนที่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคต เจ้าสำนักพูดออกมาว่าเยี่ยเฟิงลำบากมามากขนาดนั้น อดีตของเขาคงไม่ได้สุขสบายเท่าใดนัก""นี่มันวิชาอาคมอะไร เรื่องจริงรึ?""แน่นอนว่าจริง ยัยขี้เหร่ เจ้ายึดมั่นอะไรอยู่ในใจรึ? เหตุใดเจ้าสำนักถึงพูดเช่นนั้นกับเจ้า"ยึดมั่นอย่างนั้นหรือ?นางจะยึดมั่นถือมั่นเรื่องอะไรกัน?รักษาโฉมรึ?แบบนั้นไม่เรียกว่ายึดมั่นเสียหน่อย"คำพูดลี้ลับเช่นนั้นเจ้าก็เชื่อรึ? หากเขาเก่งปานนั้น เหตุใดเขาถึงไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่?"เซียวอวี่เชียนอุดปากนางไว้แม่นี่กล้าพูดไปเสียทุกอย่างเลยรึ?เจ้าสำนักเป็นที่รักของชาวเมืองแคว้นเย่มาช้านาน แค่คำพูดของนางเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำ
กู้ชูหน่วนหัวเราะเย็นเยียบไทเฮา เช่นนี้เรียกว่ายิ่งปิดยิ่งโผล่หรือไม่?หากนี่คือหยกธรรมดาจริงๆ เช่นนั้นแล้วนางจะร้อนรนไปใย?ของที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งไว้ให้องค์หญิงตังตังมีชิ้นเดียวเสียที่ไหน นอกจากเงินที่องค์หญิงตังตังใช้คืนนางแล้วล ยังมีของอีกหลายสิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้นางกู้ชูหน่วนไม่พูดอะไรไทเฮาราวกับเข้าใจขึ้นมาบาง นางยิ้มเอ่ย "แน่นอนว่า ข้ามิได้มาเอากลับไปเปล่าๆ ตังตังแพ้เดิมพันเจ้าสิบเอ็ดล้านตำลึงใช่หรือไม่ ข้าจะขอใช้ยี่สิบสี่ล้านตำลึงแลกกับหยกจันทร์เสี้ยว"เฮือก...เสียงลมหายใจกระตุกดังไปทั่วยี่สิบสี่ล้านตำลึง...นี่มันมหาศาลเลยนะ?องค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "เสด็จแม่ ก็แค่หยกจันทร์เสี้ยว ราคาถึงยี่สิบสี่ล้านตำลึงเสียที่ไหน"ไทเฮาเอ็ด "เจ้าจะรู้อะไร นั่นคือของขวัญที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้""แต่ว่า..."องค์หญิงตังตังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สีหน้าของไทเฮาถมึงทึง ส่งสายตาตักเตือนนางอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาองค์หญิงตังตังไม่กล้าพูดนางไม่เข้าใจเลยจริงๆก็แค่หยกอันเดียว ต้องร้อนใจปานนี้เชียวหรือ?หยกบ้านั่น นางอยากจะโยนทิ้งตั้งนานแล้วเซียวอวี่เช
กู้ชูหน่วนดวงตาฉายประกายวับหนึ่ง ก่อนจะจ้องไปที่กระดิ่งภินวิญญาณไม่รู้เพราะเหตุใด นางมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ากระดิ่งภินวิญญาณสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ชี้ให้นางเดินไปด้านหน้าด้านหน้ามีบัณฑิตของสำนักบัณฑิตหลวงรวมตัวอยู่จำนวนไม่น้อย พร้อมทั้งมีเสียงร้องตกใจที่หาของล้ำค่าเจอออกมาจากในนั้นอวี๋ฮุยพูดด้วยความร้อนรน "ลูกพี่ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ ดูว่าจะเจออะไรบ้างหรือไม่""จะรีบร้อนไปใย ที่แห่งนี้มีมุมอับซ่อนเร้นอยู่ ฝั่งซ้ายมือไม่ไกลออกไปยังมีถ้ำอีกแห่ง พวกเราไปที่ถ้ำกันก่อน""ห้ะ...ไปที่ถ้ำทำไม"เซียวอวี่เชียนเขกกะโหลกพวกเขาคนละที "ยัยขี้เหร่สั่งให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าก็ไป เหตุใดถึงมากความเช่นนี้"ทั้งสี่คน ชายสามหญิงหนึ่งเดินย่องเข้าไปถึงถ้ำ ถ้ำไม่ใหญ่มาก จุได้เพียงแค่พวกเขาสี่คน รอบๆ ที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นผนังดิน หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยพลิกแผ่นดินหาอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เจอของล้ำค่าใด ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนหยิบขวดยาออกมาสิบกว่าขวด โยนลงตรงหน้าพวกเขา "แบ่งกันเองแล้วกันนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่เสมอ มีแค่แข็งแกร่งพอ ถึงจะไม่โดนผู้อื่นรังแก"เซียวอวี่เช
มองออกไป เหล่าบัณฑิตของสำนักบัณฑิตหลวงกระจัดกระจายกันไปตามยอดเขาต่างๆไม่ไกลออกไปจากพวกเขา จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้น "คุณพระช่วย หลี่เหิงพบใบอู๋หย่าเซียนแล้ว โชคดีอะไรเช่นนี้ เพิ่งจะเข้ามาถึงเขาสวินหลงก็พบของล้ำค่าที่ดีเช่นนี้แล้ว น่าอิจฉายิ่งนัก""นั่นน่ะสิ ใบอู๋หย่าเซียนเป็นสุดยอดยาสมุนไพรที่นำไปกลั่นเป็นยาเม็ดได้ ตามที่ได้ยินมาขอเพียงแค่มีใบอู๋หย่าเซียน ก็จะสามารถกลั่นยาชั้นสูงได้อย่างง่ายดาย ผู้คนตั้งมากมายวอนขอเท่าใดก็ไม่อาจได้มา เขาโชคดีเสียจริง""ไปๆๆ พวกเราก็รีบไปตามหากันเถอะ ดูสิว่ายังมีสมบัติล้ำค่าดีๆ อะไรอีกบ้างหรือไม่"อวี๋ฮุยพูดด้วยความอิจฉา "หลี่เหิงทำบุญมาด้วยอะไร มาถึงก็เจอของดีขนาดนี้"หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยอยากไปลองหาในที่ที่หลี่เหิงเพิ่งเจอของล้ำค่าเมื่อครู่นี้อย่างละเอียดอีกที ดูว่าจะเก็บสิ่งใดที่เล็ดลอดไปได้บ้างหรือไม่ ทว่ากู้ชูหน่วนกลับกระชากพวกเขาเอาไว้ด้วยมือเดียว แล้วดึงพวกเขาไปซ่อนที่ด้านล่างเนินเขาเพิ่งจะซ่อนเสร็จ พลันมีแรงฝ่ามือพุ่งมาจากไกลๆ กระแทกเข้ากลางหลังหลี่เหิงอย่างจัง"เฮือก......"เขากระอักเลือดออกมา พลางมองไปทางคนร้ายตงฟางเจ๋ออย่างไม่เชื่อสา
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ