เยี่ยเฟิงกำมุกอุ่นประภพไว้แน่น ใบหน้าเยือกเย็นนั้นยกยิ้มค้าง ทอดมองแสงประกายบนใบหน้าของเจ้าสำนัก แม้แต่หัวใจอันหนาวเหน็บ ก็อุ่นซ่านขึ้นมา"ขอบคุณขอรับ"ประโยคขอบคุณสั้นๆ ทว่าส่งออกมาจากใจจริงกู้ชูหน่วนเหลียวไปมองเซียวอวี่เชียน เอ่ยกระซิบ "ตาเฒ่านี่ทำไมถึงดูมีพิรุธ? นอกจากเป็นเจ้าสำนักแล้ว เขาเป็นใครมาจากไหน?""แม้แต่เจ้าสำนักเป็นใครมาจากไหนเจ้ายังไม่รู้? เขาเป็นราชครูแห่งแคว้นเย่ของพวกเราไงเล่า คนที่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคต เจ้าสำนักพูดออกมาว่าเยี่ยเฟิงลำบากมามากขนาดนั้น อดีตของเขาคงไม่ได้สุขสบายเท่าใดนัก""นี่มันวิชาอาคมอะไร เรื่องจริงรึ?""แน่นอนว่าจริง ยัยขี้เหร่ เจ้ายึดมั่นอะไรอยู่ในใจรึ? เหตุใดเจ้าสำนักถึงพูดเช่นนั้นกับเจ้า"ยึดมั่นอย่างนั้นหรือ?นางจะยึดมั่นถือมั่นเรื่องอะไรกัน?รักษาโฉมรึ?แบบนั้นไม่เรียกว่ายึดมั่นเสียหน่อย"คำพูดลี้ลับเช่นนั้นเจ้าก็เชื่อรึ? หากเขาเก่งปานนั้น เหตุใดเขาถึงไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่?"เซียวอวี่เชียนอุดปากนางไว้แม่นี่กล้าพูดไปเสียทุกอย่างเลยรึ?เจ้าสำนักเป็นที่รักของชาวเมืองแคว้นเย่มาช้านาน แค่คำพูดของนางเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำ
กู้ชูหน่วนหัวเราะเย็นเยียบไทเฮา เช่นนี้เรียกว่ายิ่งปิดยิ่งโผล่หรือไม่?หากนี่คือหยกธรรมดาจริงๆ เช่นนั้นแล้วนางจะร้อนรนไปใย?ของที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งไว้ให้องค์หญิงตังตังมีชิ้นเดียวเสียที่ไหน นอกจากเงินที่องค์หญิงตังตังใช้คืนนางแล้วล ยังมีของอีกหลายสิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้นางกู้ชูหน่วนไม่พูดอะไรไทเฮาราวกับเข้าใจขึ้นมาบาง นางยิ้มเอ่ย "แน่นอนว่า ข้ามิได้มาเอากลับไปเปล่าๆ ตังตังแพ้เดิมพันเจ้าสิบเอ็ดล้านตำลึงใช่หรือไม่ ข้าจะขอใช้ยี่สิบสี่ล้านตำลึงแลกกับหยกจันทร์เสี้ยว"เฮือก...เสียงลมหายใจกระตุกดังไปทั่วยี่สิบสี่ล้านตำลึง...นี่มันมหาศาลเลยนะ?องค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "เสด็จแม่ ก็แค่หยกจันทร์เสี้ยว ราคาถึงยี่สิบสี่ล้านตำลึงเสียที่ไหน"ไทเฮาเอ็ด "เจ้าจะรู้อะไร นั่นคือของขวัญที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้""แต่ว่า..."องค์หญิงตังตังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สีหน้าของไทเฮาถมึงทึง ส่งสายตาตักเตือนนางอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาองค์หญิงตังตังไม่กล้าพูดนางไม่เข้าใจเลยจริงๆก็แค่หยกอันเดียว ต้องร้อนใจปานนี้เชียวหรือ?หยกบ้านั่น นางอยากจะโยนทิ้งตั้งนานแล้วเซียวอวี่เช
แค่หยกธรรมดาอันเดียว กลับให้ราคาสูงขนาดนั้นกู้ชูหน่วนถูกลาเตะกะโหลกมาหรือไร ถึงยังไม่รีบตอบตกลง แถมยังหักนิ้วมือนับเลขอีก?ยามไทเฮาเอ่ยว่าสี่สิบล้านตำลึงออกไป ในใจนั้นสั่นสะท้านสี่สิบล้านตำลึง คงต้องขนของใต้เรือนของนางออกมาขายจนสิ้นเนื้อประดาตัวขณะที่ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนจะตกลงแลกเปลี่ยนกับไทเฮา กู้ชูหน่วนกลับเอื้อนเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้คนอยากตีปากนางสักที"สี่สิบล้านตำลึง ข้ายังไม่อยากแลกสักเท่าไร แต่หากเป็นห้าสิบล้านตำลึง ข้าอาจจะยอม"แม่เจ้ากู้ชูหน่วนกำลังเอาปืนมาจ่อหัวปล้นกันชัดๆห้าสิบล้านตำลึง เหตุใดถึงไม่ไปปล้นเอาเล่า?ต่อให้ปล้น ก็คงปล้นได้ไม่ถึงห้าสิบล้านตำลึงหรอกน่าไทเฮาแทบจะกระอักเลือดออกมาซ่างกวานฉู่กลับยิ้ม ดวงตาแสนอบอุ่นนั้นสะท้อนภาพแววตาสุกใสดั่งดวงตาวของกู้ชูหน่วน เขาเหมือนจะมองออกว่ากู้ชูหน่วนคงจะขูดรีดไทเฮาต่อ จึงนิ่งเฉยดูฉากเด็ด"กู้ชูหน่วน เจ้าอย่าให้มันมากเกินไป" องค์หญิงตังตังกัดฟันกรอด อยากจะฉีกนางให้เป็นชิ้นๆกู้ชูหน่วนใบหน้าใสซื่อ "ข้าเกินไปตรงไหน? พวกเจ้ามาขอแลกหยกจันทร์เสี้ยวเอง ข้าไม่ตามตื้อให้พวกเจ้ามาแลกเสียหน่อย หากพวกเจ้าไม่อยากแล้ว เ
กู้ชูหน่วนหัวเราะคิกคัก แถมยังหัวเราะเจ้าเล่ห์อีกด้วย "เช่นนั้นไทเฮา ท่านกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่ หากเซียวอวี่เชียนแพ้เทพหมากล้อม ข้าจะยกหยกจันทร์เสี้ยวให้ท่าน โดยไม่รับเงินแม้แต่ตำลึงเดียว หากเซียวอวี่เชียนชนะเทพหมากล้อม ท่านต้องจ่ายข้าห้าล้านตำลึง"องค์หญิงตังตังถูกกู้ชูหน่วนล่อลวงมาหลายต่อหลายครั้ง เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นของนาง ก็เริ่มระแวงในทันใด"เสด็จแม่ ท่านห้ามเชื่อคำพูดของกู้ชูหน่วนเด็ดขาด ทุกครั้งนางก็จะหาลู่ทางปลิ้นปล้อนได้เสมอ"เซียวอวี่เชียนกลับถามโดยไม่กลัวเสียหน้า"ยัยขี้เหร่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าจะเอาชนะเทพหมากล้อมได้อย่างไร? ข้าฝีมือหมากล้อมข้าแย่อย่างกับอะไรดี นั่นมันเงินห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ ห้าสิบล้านตำลึง เจ้าอย่าทำเป็นเล่น""ข้าบอกว่าเจ้าจะชนะ เจ้าก็ต้องชนะ""แม่เจ้า ข้าสารภาพกับเจ้าเลยก็แล้วดัน ข้าไม่รู้เรื่องหมากล้อมเลยด้วยซ้ำ""จะกลัวอะไรเล่า หลับตาเดินอาจจะชนะก็ได้""…"เซียวอวี่เชียนร้อนรนจนนั่งไม่ติดที่ให้เขาเล่นหมากล้อม เท่ากับปล่อยให้เงินห้าสิบล้านตำลึงหลุดมือต่อให้นางจะได้เงินมาจากงานประลองศิลปะไม่น้อย แต่จะมาสิ้นเปลืองเช่นนี้ไม่ได้เทพหมากล้อ
เซียวอวี่เชียนสั่นเสียงกลัวว่า "ยัยขี้เหร่ หากมีแค่ข้ากับเทพหมากล้อมสองคนอยู่ในห้อง เจ้าจะช่วยข้าโกงได้อย่างไร?""ข้าแม้แต่ห้องก็เข้าไม่ได้ จะช่วยเจ้าโกงได้อย่างไร ก็วางเองสิ"เซียวอวี่เชียนแทบจะเป็นลมเขาคิดว่ายัยขี้เหร่วางแผนไว้ให้แล้ว จะคอยแอบแนะนำเขา ไม่คิดเลยว่าจะให้เขาวางหมากเองจริงๆเขาไม่รู้เรื่องหมากเลยด้วยซ้ำ จะวางได้อย่างไร"ไทเฮา เซียวอวี่เชียนไม่รู้เรื่องหมากล้อมเลย ขอให้ข้าใช้เวลาหนึ่งถ้วยชาสอนเขาได้หรือไม่เพคะ""ได้"ไทเฮาตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพียงแค่หนึ่งถ้วยชา นางไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะสามารถสอนคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้เรื่องหมากล้อมเลยให้เก่งกาจกว่าปรมาจารย์ได้ไม่มีใครรู้ว่ากู้ชูหน่วนแอบพูดคุยอะไรกับเซียวอวี่เชียนที่ไกลๆ แต่พอเซียวอวี่เชียนกลับมาก็ทำหน้าเศร้าหลิ่วเยว่รีบถามว่า "พี่ใหญ่ พี่เข้าใจแล้วหรือไม่?"เซียวอวี่เชียนเกาศีรษะ "ซับซ้อนเหลือเกิน ฟังไม่ค่อยเข้าใจ"ทุกคนหัวเราะลั่นแม้แต่เหล่าอาจารย์ในสำนักบัณฑิตที่สอนมาตั้งนาน เซียวอวี่เชียนยังฟังไม่เข้าใจ แล้วกู้ชูหน่วนสอนเพียงชั่วครู่ เขาจะเอาชนะเทพหมากล้อมได้รึเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไทเฮาและองค์หญิงตังตังก
หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยหายใจออกยาวๆยังดี ยังดี น่าจะรักษาเงินห้าสิบล้านตำลึงไว้ได้เยี่ยเฟิงและเจ้าสำนักหันมองตำแหน่งที่กู้ชูหน่วนเคยยืนพร้อมกัน ยามนี้ที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้วทั้งสองคนรู้ดีว่ากู้ชูหน่วนคงจะโกงแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่านางโกงได้อย่างไร“คุณหนูสามอยู่ที่ใดกัน นางไปห้องส้วมทำไมนานขนาดนั้น”ไทเฮาแม้จะกังวลผลลัพธ์ แต่ก็ยังคงจับตามองกู้ชูหน่วนอยู่ตลอด เกรงว่ากู้ชูหน่วนจะโกงขันทีคนหนึ่งกระซิบข้างๆ ว่า “กราบทูลไทเฮา คุณหนูสามออกมาจากห้องส้วมก็มานั่งรออยู่ที่ประตู บอกว่าในห้องโถงมีคนมากเกินไป นางรู้สึกอึดอัด”“นางมีส่วนช่วยโกงหรือไม่”“น่าจะไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวได้ทำตามคำสั่งของไทเฮา ไม่ให้คุณหนูสามเข้าใกล้ประตูบานนั้นเกินสองจั้ง และนอกประตูนั้นก็มีคนของเราแฝงตัวอยู่จำนวนมาก คุณหนูสามเข้าไปไม่ได้แน่นอน”“ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ดูสิว่านางมีการส่งข่าวอะไรเข้าไปหรือไม่”"พ่ะย่ะค่ะ"จิตใจของไทเฮาเริ่มไม่สงบ เพราะเทพหมากล้อมถอยหนีไม่หยุดและ...จากตำแหน่งของนาง สามารถมองเห็นฉากที่เซียวอวี่เชียนกำลังลงแข่งกับเทพหมากล้อมหมากได้อย่างชัดเจนเซียวอวี่เชียนดูสงบเยือกเย็น ใบหน้าเปี่ยมด้
ไทเฮาตกใจหน้าซีดเกือบล้มหน้าคว่ำ โชคดีที่มีขันทีคอยประคองไว้ใบหน้าของนางแดงบ้างซีดบ้าง ชั่วครู่ใหญ่ก็พูดไม่ออกสักคำองค์หญิงตังตังโกรธจัดตะโกนว่า “กู้ชูหน่วน เจ้าโกง! ข้าไม่ยอมรับผลการแข่งขันรอบนี้!”กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นงุนงง “ข้าโกงตรงไหน? ห้องนั้นมีคนของพวกท่านเฝ้าอยู่ตั้งหลายชั้น จะให้ข้าบินเข้าไปหรือ นอกจากเข้าห้องส้วม ข้าก็อยู่แต่ลานกว้างมาตลอด มีคนของสำนักบัณฑิตเห็นเต็มไปหมด ท่านคิดว่าข้ามีวิชาแปลงร่างที่จะไปสอนเซียวอวี่เชียนเล่นหมากล้อมได้รึอย่างไร”"เจ้า...""หรือว่าเมื่อพวกท่านแพ้แล้วจึงจะเบี้ยวหนี้? ไทเฮาทรงเป็นแม่ของปวงประชาทั้งแผ่นดิน ทรงเป็นแม่แห่งแคว้น บุคคลสำคัญอย่างท่านจะมาเบี้ยวหนี้ได้อย่างไร องค์หญิงตังตังกำลังใส่ร้ายป้ายสีท่าน มีเจตนาที่จะทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงนะเพคะ"กู้ชูหน่วนพูดรัวเร็วเป็นชุด คำพูดทุกคำล้วนเกี่ยวข้องกับความเห็นชอบของปวงประชาและแผ่นดิน ถึงแม้ว่าไทเฮาอยากจะกลับคำ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้ จึงจำต้องยอมแพ้ และตกลงที่จะมอบเงินห้าสิบล้านตำลึงให้แก่กู้ชูหน่วนองค์หญิงตังตังโกรธจนแทบหมดสติ "เสด็จแม่ นั่นเงินห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะเพคะ เ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้ชูหน่วนแทบอยากตบเขาให้ตายนางใช้หลักการของรูเล็กเป็นกระจก ส่องแสงจากระยะไกลไปยังช่องหน้าต่าง เซียวอวี่เชียนเพียงแค่วางหมากตามตำแหน่งของช่องหน้าต่าง ก็สามารถเอาชนะเทพหมากล้อมได้อย่างง่ายดายแต่เขากลับเดินพลาดได้แม้แต่ทำตามช่องหน้าต่างกู้ชูหน่วนสงสัยอย่างมากว่าเขาเข้าใจคณิตศาสตร์หรือไม่หากไม่ใช่เพราะนางฉลาดกว่าคนอื่น และวางแผนล่วงหน้าไว้หลายชั้นในการเดินหมากแต่ละครั้ง นางคงแพ้ไปแล้วครั้งนี้แม้จะชนะ แต่ก็ใช้เวลาของนางไปมากจนแทบทำให้สมองของนางหมดแรงไปด้วยหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยเข้ามาล้อมรอบ "พี่ใหญ่ วิชาหมากของพี่เก่งเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน"เซียวอวี่เชียนหัวเราะอย่างได้ใจ "ก็แค่วางหมาก ข้าหลับตาก็เอาชนะเทพหมากล้อมได้แล้ว"เทพหมากล้อมเดินออกมาด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวแพ้ให้กับอาจารย์ก็ยังพอรับได้ แต่ทำไมถึงแพ้ให้กับเซียวอวี่เชียนหนุ่มเจ้าสำราญผู้นี้ด้วย?หรือว่าหมากของเขาจะแย่มากจริงๆ?วิชาหมากที่เคยภาคภูมิใจ ในสายตาของเทพหมากล้อมยามนี้กลายเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว"ท่านอาจารย์..."กู้ชูหน่วนรีบห้ามไว้ "เจ้าแพ้แล้ว ฉะนั้นการเดิมพันของเราจึงมีผลตั้งแต่บัดนี้เป
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ