เมื่อซ่างกวานฉู่พูดจบ ก็มีเสียงคนตะโกนจากด้านนอก "เจ้าสำนักมาถึงแล้ว เทพหมากล้อมมาถึงแล้ว อาจารย์สวีมาถึงแล้ว อาจารย์หรงมาถึงแล้ว..."ทุกคนตกตะลึงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?เหตุใดแม้แต่เจ้าสำนักก็มาด้วย เป็นที่รู้กันดีว่าน้อยนักที่เจ้าสำนักจะปรากฏตัว"เชิญผู้อาวุโสเทพหมากล้อม" คนในสำนักบัณฑิตต่างต้อนรับเทพหมากล้อมอย่างนอบน้อมแม้แต่เจ้าสำนักยังปฏิบัติกับเขาอย่างให้ความเคารพกู้ชูหน่วนก่ายหน้าผากนางไม่สนใจว่าใครจะมา แต่พอได้ยินคำว่าเทพหมากล้อม นางก็ปวดกระโหลกในทันใด"คำนับท่านเจ้าสำนัก คำนับเทพหมากล้อม..."ทุกคนคำนับ กู้ชูหน่วนก้มหน้าก้มตาทำความเคารพตาม ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เทพหมากล้อมเห็นนางเลยแต่เทพหมากล้อมดันตาดีอย่างกับโจร พริบตาเดียวก็มองเห็นนางแล้ว แถมยังร้องตะโกนด้วยความดีใจ "อาจารย์ ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย เมื่อวานข้ารอท่านตั้งนานแต่ก็ไม่เจอ ข้าร้อนใจแทบแย่"เพ้อเจ้อหลังจากงานประลองศิลปะเสร็จสิ้น ก็ตามตอแยให้นางสอนกลโกงอยู่ได้ จะไม่ให้นางหนีได้อย่างไรทุกคนมองกู้ชูหน่วนด้วยความอิจฉาแม้แต่เทพหมากล้อมยังเรียกนางว่าอาจารย์ นางจะดวงดีอะไรปานนั้น"อาจารย์ เมื่อวานท่านตี
แล้วครึ่งประโยคหลังของเขาหมายความว่าอย่างไร?กู้ชูหน่วนช้อนตามองขึ้น ครั้งแรกที่ตั้งใจมองเจ้าสำนักหัวจรดเท้า แต่กลับพบร้อยยิ้มอบอุ่นของเขา ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมเพียงแต่ตอนที่มองเยี่ยเฟิง ดวงตาทั้งคู่ของชายชราแฝงไปด้วยความสงสาร ฝ่ามือเหี่ยวย่นสั่นเครือยื่นออกมา ล้วงมุกอุ่นประภพในอกเสื้อวางลงบนมือของเยี่ยเฟิงทั้งยังลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู เอ่นอย่างรักใคร่ "เด็กน่าสงสาร เจ้าลำบากมามาก ไม่ต้องกลัวนะ เข้ามาอยู่ในสำนักบัณฑิตแล้ว เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป"กู้ชูหน่วนหรี่ตามองคาดเดาความหมายของเจ้าสำนักคนในสำนักบัณฑิตต่างตกใจเจ้าสำนักให้มุกอุ่นประภพกับเยี่ยเฟิงเชียวหรือ...มุกอุ่นประภพคือของศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เพียงแค่กลิ้งมุกอุ่นประภพผ่าน ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสปาดใด ก็จะหายสนิทภายในเวลาอันรวดเร็วทั่วทั้งแผ่นดินมีมุกอุ่นประภพเพียงแต่สองเม็ดเท่านั้น เม็ดหนึ่งอยู่ในมือฮ่องเต้แคว้นฉู่ อีกเม็ดหนึ่งอยู่ในมือเจ้าสำนักปกติแล้วเจ้าสำนักหวงแหนมุกอุ่นประภพมาก ไม่เคยเอาออกมาง่ายๆ แค่ขอดูยังเป็นเรื่องแสนยากเย็น แต่ตอนนี้กลับส่งมันให้กับคนที่เพิ่งได้พบหน้ากันครั้งแรกนี่มัน...นี่มันใจปล้ำเ
เยี่ยเฟิงกำมุกอุ่นประภพไว้แน่น ใบหน้าเยือกเย็นนั้นยกยิ้มค้าง ทอดมองแสงประกายบนใบหน้าของเจ้าสำนัก แม้แต่หัวใจอันหนาวเหน็บ ก็อุ่นซ่านขึ้นมา"ขอบคุณขอรับ"ประโยคขอบคุณสั้นๆ ทว่าส่งออกมาจากใจจริงกู้ชูหน่วนเหลียวไปมองเซียวอวี่เชียน เอ่ยกระซิบ "ตาเฒ่านี่ทำไมถึงดูมีพิรุธ? นอกจากเป็นเจ้าสำนักแล้ว เขาเป็นใครมาจากไหน?""แม้แต่เจ้าสำนักเป็นใครมาจากไหนเจ้ายังไม่รู้? เขาเป็นราชครูแห่งแคว้นเย่ของพวกเราไงเล่า คนที่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคต เจ้าสำนักพูดออกมาว่าเยี่ยเฟิงลำบากมามากขนาดนั้น อดีตของเขาคงไม่ได้สุขสบายเท่าใดนัก""นี่มันวิชาอาคมอะไร เรื่องจริงรึ?""แน่นอนว่าจริง ยัยขี้เหร่ เจ้ายึดมั่นอะไรอยู่ในใจรึ? เหตุใดเจ้าสำนักถึงพูดเช่นนั้นกับเจ้า"ยึดมั่นอย่างนั้นหรือ?นางจะยึดมั่นถือมั่นเรื่องอะไรกัน?รักษาโฉมรึ?แบบนั้นไม่เรียกว่ายึดมั่นเสียหน่อย"คำพูดลี้ลับเช่นนั้นเจ้าก็เชื่อรึ? หากเขาเก่งปานนั้น เหตุใดเขาถึงไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่?"เซียวอวี่เชียนอุดปากนางไว้แม่นี่กล้าพูดไปเสียทุกอย่างเลยรึ?เจ้าสำนักเป็นที่รักของชาวเมืองแคว้นเย่มาช้านาน แค่คำพูดของนางเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำ
กู้ชูหน่วนหัวเราะเย็นเยียบไทเฮา เช่นนี้เรียกว่ายิ่งปิดยิ่งโผล่หรือไม่?หากนี่คือหยกธรรมดาจริงๆ เช่นนั้นแล้วนางจะร้อนรนไปใย?ของที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งไว้ให้องค์หญิงตังตังมีชิ้นเดียวเสียที่ไหน นอกจากเงินที่องค์หญิงตังตังใช้คืนนางแล้วล ยังมีของอีกหลายสิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้นางกู้ชูหน่วนไม่พูดอะไรไทเฮาราวกับเข้าใจขึ้นมาบาง นางยิ้มเอ่ย "แน่นอนว่า ข้ามิได้มาเอากลับไปเปล่าๆ ตังตังแพ้เดิมพันเจ้าสิบเอ็ดล้านตำลึงใช่หรือไม่ ข้าจะขอใช้ยี่สิบสี่ล้านตำลึงแลกกับหยกจันทร์เสี้ยว"เฮือก...เสียงลมหายใจกระตุกดังไปทั่วยี่สิบสี่ล้านตำลึง...นี่มันมหาศาลเลยนะ?องค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "เสด็จแม่ ก็แค่หยกจันทร์เสี้ยว ราคาถึงยี่สิบสี่ล้านตำลึงเสียที่ไหน"ไทเฮาเอ็ด "เจ้าจะรู้อะไร นั่นคือของขวัญที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้""แต่ว่า..."องค์หญิงตังตังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สีหน้าของไทเฮาถมึงทึง ส่งสายตาตักเตือนนางอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาองค์หญิงตังตังไม่กล้าพูดนางไม่เข้าใจเลยจริงๆก็แค่หยกอันเดียว ต้องร้อนใจปานนี้เชียวหรือ?หยกบ้านั่น นางอยากจะโยนทิ้งตั้งนานแล้วเซียวอวี่เช
แค่หยกธรรมดาอันเดียว กลับให้ราคาสูงขนาดนั้นกู้ชูหน่วนถูกลาเตะกะโหลกมาหรือไร ถึงยังไม่รีบตอบตกลง แถมยังหักนิ้วมือนับเลขอีก?ยามไทเฮาเอ่ยว่าสี่สิบล้านตำลึงออกไป ในใจนั้นสั่นสะท้านสี่สิบล้านตำลึง คงต้องขนของใต้เรือนของนางออกมาขายจนสิ้นเนื้อประดาตัวขณะที่ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนจะตกลงแลกเปลี่ยนกับไทเฮา กู้ชูหน่วนกลับเอื้อนเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้คนอยากตีปากนางสักที"สี่สิบล้านตำลึง ข้ายังไม่อยากแลกสักเท่าไร แต่หากเป็นห้าสิบล้านตำลึง ข้าอาจจะยอม"แม่เจ้ากู้ชูหน่วนกำลังเอาปืนมาจ่อหัวปล้นกันชัดๆห้าสิบล้านตำลึง เหตุใดถึงไม่ไปปล้นเอาเล่า?ต่อให้ปล้น ก็คงปล้นได้ไม่ถึงห้าสิบล้านตำลึงหรอกน่าไทเฮาแทบจะกระอักเลือดออกมาซ่างกวานฉู่กลับยิ้ม ดวงตาแสนอบอุ่นนั้นสะท้อนภาพแววตาสุกใสดั่งดวงตาวของกู้ชูหน่วน เขาเหมือนจะมองออกว่ากู้ชูหน่วนคงจะขูดรีดไทเฮาต่อ จึงนิ่งเฉยดูฉากเด็ด"กู้ชูหน่วน เจ้าอย่าให้มันมากเกินไป" องค์หญิงตังตังกัดฟันกรอด อยากจะฉีกนางให้เป็นชิ้นๆกู้ชูหน่วนใบหน้าใสซื่อ "ข้าเกินไปตรงไหน? พวกเจ้ามาขอแลกหยกจันทร์เสี้ยวเอง ข้าไม่ตามตื้อให้พวกเจ้ามาแลกเสียหน่อย หากพวกเจ้าไม่อยากแล้ว เ
กู้ชูหน่วนหัวเราะคิกคัก แถมยังหัวเราะเจ้าเล่ห์อีกด้วย "เช่นนั้นไทเฮา ท่านกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่ หากเซียวอวี่เชียนแพ้เทพหมากล้อม ข้าจะยกหยกจันทร์เสี้ยวให้ท่าน โดยไม่รับเงินแม้แต่ตำลึงเดียว หากเซียวอวี่เชียนชนะเทพหมากล้อม ท่านต้องจ่ายข้าห้าล้านตำลึง"องค์หญิงตังตังถูกกู้ชูหน่วนล่อลวงมาหลายต่อหลายครั้ง เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นของนาง ก็เริ่มระแวงในทันใด"เสด็จแม่ ท่านห้ามเชื่อคำพูดของกู้ชูหน่วนเด็ดขาด ทุกครั้งนางก็จะหาลู่ทางปลิ้นปล้อนได้เสมอ"เซียวอวี่เชียนกลับถามโดยไม่กลัวเสียหน้า"ยัยขี้เหร่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าจะเอาชนะเทพหมากล้อมได้อย่างไร? ข้าฝีมือหมากล้อมข้าแย่อย่างกับอะไรดี นั่นมันเงินห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะ ห้าสิบล้านตำลึง เจ้าอย่าทำเป็นเล่น""ข้าบอกว่าเจ้าจะชนะ เจ้าก็ต้องชนะ""แม่เจ้า ข้าสารภาพกับเจ้าเลยก็แล้วดัน ข้าไม่รู้เรื่องหมากล้อมเลยด้วยซ้ำ""จะกลัวอะไรเล่า หลับตาเดินอาจจะชนะก็ได้""…"เซียวอวี่เชียนร้อนรนจนนั่งไม่ติดที่ให้เขาเล่นหมากล้อม เท่ากับปล่อยให้เงินห้าสิบล้านตำลึงหลุดมือต่อให้นางจะได้เงินมาจากงานประลองศิลปะไม่น้อย แต่จะมาสิ้นเปลืองเช่นนี้ไม่ได้เทพหมากล้อ
เซียวอวี่เชียนสั่นเสียงกลัวว่า "ยัยขี้เหร่ หากมีแค่ข้ากับเทพหมากล้อมสองคนอยู่ในห้อง เจ้าจะช่วยข้าโกงได้อย่างไร?""ข้าแม้แต่ห้องก็เข้าไม่ได้ จะช่วยเจ้าโกงได้อย่างไร ก็วางเองสิ"เซียวอวี่เชียนแทบจะเป็นลมเขาคิดว่ายัยขี้เหร่วางแผนไว้ให้แล้ว จะคอยแอบแนะนำเขา ไม่คิดเลยว่าจะให้เขาวางหมากเองจริงๆเขาไม่รู้เรื่องหมากเลยด้วยซ้ำ จะวางได้อย่างไร"ไทเฮา เซียวอวี่เชียนไม่รู้เรื่องหมากล้อมเลย ขอให้ข้าใช้เวลาหนึ่งถ้วยชาสอนเขาได้หรือไม่เพคะ""ได้"ไทเฮาตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพียงแค่หนึ่งถ้วยชา นางไม่เชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะสามารถสอนคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้เรื่องหมากล้อมเลยให้เก่งกาจกว่าปรมาจารย์ได้ไม่มีใครรู้ว่ากู้ชูหน่วนแอบพูดคุยอะไรกับเซียวอวี่เชียนที่ไกลๆ แต่พอเซียวอวี่เชียนกลับมาก็ทำหน้าเศร้าหลิ่วเยว่รีบถามว่า "พี่ใหญ่ พี่เข้าใจแล้วหรือไม่?"เซียวอวี่เชียนเกาศีรษะ "ซับซ้อนเหลือเกิน ฟังไม่ค่อยเข้าใจ"ทุกคนหัวเราะลั่นแม้แต่เหล่าอาจารย์ในสำนักบัณฑิตที่สอนมาตั้งนาน เซียวอวี่เชียนยังฟังไม่เข้าใจ แล้วกู้ชูหน่วนสอนเพียงชั่วครู่ เขาจะเอาชนะเทพหมากล้อมได้รึเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไทเฮาและองค์หญิงตังตังก
หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยหายใจออกยาวๆยังดี ยังดี น่าจะรักษาเงินห้าสิบล้านตำลึงไว้ได้เยี่ยเฟิงและเจ้าสำนักหันมองตำแหน่งที่กู้ชูหน่วนเคยยืนพร้อมกัน ยามนี้ที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้วทั้งสองคนรู้ดีว่ากู้ชูหน่วนคงจะโกงแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่านางโกงได้อย่างไร“คุณหนูสามอยู่ที่ใดกัน นางไปห้องส้วมทำไมนานขนาดนั้น”ไทเฮาแม้จะกังวลผลลัพธ์ แต่ก็ยังคงจับตามองกู้ชูหน่วนอยู่ตลอด เกรงว่ากู้ชูหน่วนจะโกงขันทีคนหนึ่งกระซิบข้างๆ ว่า “กราบทูลไทเฮา คุณหนูสามออกมาจากห้องส้วมก็มานั่งรออยู่ที่ประตู บอกว่าในห้องโถงมีคนมากเกินไป นางรู้สึกอึดอัด”“นางมีส่วนช่วยโกงหรือไม่”“น่าจะไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวได้ทำตามคำสั่งของไทเฮา ไม่ให้คุณหนูสามเข้าใกล้ประตูบานนั้นเกินสองจั้ง และนอกประตูนั้นก็มีคนของเราแฝงตัวอยู่จำนวนมาก คุณหนูสามเข้าไปไม่ได้แน่นอน”“ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ดูสิว่านางมีการส่งข่าวอะไรเข้าไปหรือไม่”"พ่ะย่ะค่ะ"จิตใจของไทเฮาเริ่มไม่สงบ เพราะเทพหมากล้อมถอยหนีไม่หยุดและ...จากตำแหน่งของนาง สามารถมองเห็นฉากที่เซียวอวี่เชียนกำลังลงแข่งกับเทพหมากล้อมหมากได้อย่างชัดเจนเซียวอวี่เชียนดูสงบเยือกเย็น ใบหน้าเปี่ยมด้
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน