Share

บทที่ 98

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
นางเฉินกลับไม่ยอมปล่อยนาง ไล่ขนาบต่อว่า “จะอย่างไรพี่สะใภ้ใหญ่ก็เป็นถึงผู้อาวุโส กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าเด็กๆ ก็ไม่กลัวจะสอนพวกเขาให้เสียคนหรือ”

นางจางควบคุมสีหน้าไม่อยู่เล็กน้อย ตอบว่า “นั่นเป็นเพราะข้าร้อนใจเกินไป เจ้าดูมือเซวียนหลิงของข้าสิ เซวียนหลิงนางมีนิสัยรุนแรง ชอบรังแกเซวียนอี๋ของเรา ก็มิใช่ว่านางไม่เคยรังแกเซวียนอี๋มาก่อน ครั้งนี้ยิ่งเกินเลย ถึงขนาดเลือดออกแล้ว”

นางเฉินเหลือบตามองลูกอนุที่อยู่ข้างกายครั้งหนึ่ง บุตรสาวอนุนางนี้ปกติแล้วขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็แค่ฉวยโอกาสนี้มาว่านาง ว่านางที่เป็นมารดาไม่ได้อบรมบุตรธิดาให้ดีเท่านั้น นางปกป้องบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากอนุเบื้องหลัง แล้วถามกลับไปว่า “พี่สะใภ้ก็มั่นใจถึงเพียงนั้น ว่าเป็นฝีมือของเซวียนหลิงหรือ? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเซวียนอี๋ที่ล้มเองก็ได้ ปกติแล้ว เซวียนหลิงแม้แต่มดตัวเดียวก็ยังไม่กล้าทำร้าย แล้วจะลงมือทำร้ายคนได้อย่างไร”

นางเพิ่งกล่าวจบ เสียงของกู้เซวียนหลิงก็ดังขึ้นมาว่า “ท่านแม่ เป็น เป็นข้าที่ผลักพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”

เมื่อนางเฉินได้ยิน ก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด นางหันไปด้วยสีหน้าแข็งค้าง มองบ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Petch Tongsittigon
สนุกมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 99

    ใบหน้าของนางจางร้อนผะผ่าว ทั้งที่ลูกสาวของนางร้องไห้แถมยังบาดเจ็บด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายผู้ที่ผิดกลับเป็นบุตรสาวของนาง?เมื่อได้ยินนางเฉินพูดเช่นนั้น สีหน้าของนางก็ไม่น่ามองเป็นอย่างมาก การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ยกระดับไปถึงว่าจะทำให้มารดาของสามีโกรธจนป่วยหรือไม่ ทำให้นางจบเรื่องอย่างลำบาก หากตำหนินิดหน่อยแล้วลงโทษเพียงเล็กน้อย ก็เท่ากับว่านางให้ท้ายบุตรสาว ไม่เห็นสุขภาพของมารดาของสามีอยู่ในสายตา กระทั่งตัวนางเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของบุตรสาวด้วยนางมองบุตรสาวที่น้ำตานองหน้า เมื่อครู่คิดว่าเซวียนหลิงเป็นคนผิด จึงเรียกร้องให้นางเฉินลงโทษเซวียนหลิงอย่างหนัก ตอนนี้เมื่อพบว่าคนที่ผิดคือเซวียนอี๋ หากไม่ลงโทษอย่างหนัก นางก็ไม่อาจสงบเรื่องนี้ลงได้ส่วนเรื่องจะลงโทษหนักอย่างไรนั้น?นางนึกถึงกู้ซิวหมิงที่เวลานี้ยังสำนึกผิดและคัดกฎตระกูลอยู่ในโถงบรรพชน ในใจคิดว่า กู้ซิวหมิงที่เป็นถึงซื่อจื่อของจวนโหว เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของทายาทสายตรง ยังถูกโบยไปถึงยี่สิบห้าแส้ คัดกฎสกุลร้อยจบ และกักบริเวณอยู่ในโถงบรรพชนหนึ่งเดือนเมื่อมีตัวอย่างเช่นนี้อยู่ก่อน ลูกสาวของนางทั้งพูดจาล่วงเกินมารดาของสามี ท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 100

    นางเฉินกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องขอบคุณน้องสะใภ้สาม เพราะเมื่อครู่ น้องสะใภ้สามปรากฏตัวได้ทันเวลา จึงช่วยหยุดเซวียนอี๋ไม่ให้ตบเซวียนหลิงได้ เด็กคนนั้นมีกำลังค่อนข้างมาก หากมิใช่เพราะเจ้าปรากฏตัว เซวียนหลิงที่ตัวคนเดียวคงถูกนางจับตัวไว้แล้วทุบตีเป็นแน่ ไม่แน่ว่าใบหน้าอาจถูกข่วนจนเป็นรอยไปด้วย” เมื่อฟังถึงจุดนี้ ในใจของกู้เซวียนหลิงก็ยิ่งหวาดกลัว มิใช่มารดาเอกพูดเกินจริง เพราะเมื่อพี่หญิงใหญ่ข่วนคนขึ้นมา นางก็ไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมาจริงๆ ตัวนางถึงวัยที่จะต้องพูดคุยเรื่องการแต่งงานแล้ว หากเสียโฉมขึ้นมายังจะแต่งงานได้อย่างไร? โชคยังดีที่อาสะใภ้สามมาได้ทันเวลาเมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่อยากฟังคนขอบคุณไปขอบคุณมา นางถามไถ่เรื่องสารทุกข์สุกดิบกับนางเฉินสองสามคำ จากนั้นก็นำสาวใช้จากไประหว่างทาง เมื่อนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของนางเฉิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ถอนใจว่า “เซวียนหลิง เด็กคนนี้ถือว่ามีวาสนา ที่มีมารดาใหญ่เช่นนี้คอยปกป้อง”ชุนหลิ่วค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดนี้เป็นอย่างมาก เอ่ยปากตอบว่า “คุณหนูรองทั้งกตัญญูต่อมารดาใหญ่และรู้ความ ยามฟางอี๋เหนียงยังมีชีวิตอยู่ก็อ่อนโยนรู้หน้าที่ ไม่แก่ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 101

    เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยากลับถึงเรือนเวยหรุยเซวียน ก็จวนจะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ทว่านางไม่อยากกินอาหารเท่าใดนัก สักพักจึงได้มอบอาหารให้กับสาวใช้ไม่กี่คนไปแบ่งกันกิน แล้วให้ห้องครัวทำโจ๊กไก่ฉีก ดังนั้นต้องรอนานสักหน่อยถึงจะสามารถทานได้ จึงได้ทานขนมสองไปชิ้นเพื่อรองท้องก่อนเมื่อชิงชิวเข้ามาในห้อง ก็มองเห็นนางนั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยริมหน้าต่าง มือข้างหนึ่งวางอยู่บนขอบหน้าต่าง พลางเท้าคางไว้ที่หลังมือ มองไปยังท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ไม่รู้กำลังขบคิดเรื่องอันใดอยู่ชิงชิวเดินไปหานาง พลางถามด้วยความเป็นห่วง “ฮูหยิน ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ?” เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ดึงสติกลับมา ดวงตาทั้งคู่ค่อย ๆ ฟื้นความสว่างใส พลางคลี่ยิ้ม “ไม่มีอันใด แค่คิดเรื่องบางอย่างเท่านั้น”ชิงชิวทั้งเชื่อแล้วก็ทั้งสงสัย แต่ว่าในเมื่อนายหญิงไม่อยากเอ่ยถึง นางก็จะไม่จมอยู่กับคำถามนี้อีก จึงเปลี่ยนมาถามด้วยความอยากรู้ “ฮูหยิน ปกติท่านไม่ชอบยุ่งเรื่องเช่นนี้ของผู้อื่น ไยวันนี้ถึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เล่าเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างเรียบเฉย “คงเป็นเพราะเคยตากฝนมาก่อน ถึง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 102

    เมิ่งจิ่นเหยาแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ในภายภาคหน้ายังต้องหาสามีในอุดมคติให้เจ้ากับหนิงตงสักคนแล้วส่งพวกเจ้าออกเรือนด้วย”ชิงชิวส่ายศีรษะอย่างร้อนรน “ข้าน้อยไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ อยากอยู่ข้างกายของฮูหยินตลอดไป”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สตรีซื่อบื้อ อย่าได้คิดเช่นนั้นเชียว ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เจ้าเสียเวลาไปทั้งชีวิตได้หรอก เมื่อพบกับบุรุษดีที่พึงใจก็สามารถใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานได้แล้ว ข้าเป็นฮูหยินท่านโหว ถึงอย่างไรสถานะนี้ก็สามารถสนับสนุนเจ้าได้ ทำให้ครอบครัวสามีไม่กล้ารังแกพวกเจ้าแม้แต่นิดเดียว” ชิงชิวตอบกลับไปว่า “ฮูหยิน ข้าน้อยไม่รู้สึกว่าการอยู่เคียงข้างท่านเป็นการเสียเวลาไปทั้งชีวิตเลยนะเจ้าคะ ข้าน้อยขอพูดตามตรง ข้าน้อยได้ตัดสินใจไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดเจ้าคะ”เมิ่งจิ่นเหยางงงัน ยากที่จะเข้าใจ “เหตุใดเล่า?”“ที่จริงข้าน้อยไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงานเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ คิดแต่เพียงว่าจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านเท่านั้น” ชิงชิวกล่าวพลางยกยิ้มเบา ๆ “การแต่งงานไม่ใช่เร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 103

    เฝิงหมอมอไม่ค่อยเข้าใจนัก “เช่นนั้นความหมายของท่านคือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พลางกล่าวว่า “ซิวเหวินกับเซวียนอี๋เป็นฝาแฝดกัน เซวียนอี๋คดงอไปแล้ว ซิวเหวินกับนางจางนั้นแตกต่างกัน ทว่าถูกนางจางตามใจ เรียนรู้ที่จะเกียจคร้าน หากอยู่ข้างกายนางจางต่อไปเกรงว่าคงจะถูกตามใจจนเสียคน”เฝิงหมอมอตกตะลึงอีกครั้ง “หรือว่าท่านอยากเลี้ยงดูสั่งสอนด้วยตนเองงั้นหรือเจ้าคะ?” นางกล่าว พลางมองไปที่นายหญิงแวบหนึ่ง ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการนี้ของนายหญิงเท่าใดนัก “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณชายสี่อายุสิบห้าปีแล้ว ไม่ค่อยเหมาะเท่าใดนะเจ้าคะ”เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินคำนั้น ก็ส่ายศีรษะพลางหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ข้าชอบความสงบ เจ้าก็รู้นี่นา ข้าจะหาเรื่องมาใส่ตนเองอีกได้อย่างไรกัน?”เมื่อได้ยิน เฝิงหมอมอก็คิดถึงความเป็นไปได้มากมายหลายอย่างขึ้นมาในฉับพลันท่านซื่อจื่อทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านโหวต่างก็ผิดหวัง เป็นถึงซื่อจื่อแห่งจวนท่านโหว ขาดคุณธรรม ก่อเรื่องอื้อฉาวหนีตามกันไปกับผู้อื่นในวันแต่งงาน ทั้งยังบอกว่าชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงแม่นางหลี่คนเดียวเท่านั้น หากไม่สามารถแต่งแม่นางหลี่เป็นภรรยาได้ เช่นนั้นก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 104

    กู้จิ่งเซิ่งเหลือบมองนางอย่างไม่เข้าใจ พลางเอ่ยถาม “ฮูหยิน นี่เจ้าเป็นอันใดไปอีก? ในเมื่อมารดาใหญ่ส่งคนมาเชิญเจ้าไป ก็อย่าได้โอ้เอ้อีกเลย รีบไปเถิด หากว่ามารดาใหญ่สร้างความลำบากให้เจ้า ข้าไปขอความเมตตาให้เจ้าก็ได้นี่นา?”นางจางจับจ้องเขาอยู่ชั่วครู่ เปิดปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา พลางจากไปอย่างขุ่นเคืองในทันทีกู้จิ่งเซิ่งมองเห็นภาพแผ่นหลังของภรรยาจากไปอย่างมีโทสะ ก็จับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องใหญ่อันใด จะต้องโมโหถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ยิ่งเจ้าอารมณ์มากขึ้นทุกที ตอนนี้ถึงกลับกล้าชักสีหน้าใส่เขาเสียแล้ว……โถงโซ่วอันนางจางไปถึงโถงโซ่วอันด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากให้สาวใช้เข้าไปแจ้ง ก็เข้าไปในโถงโซ่วอันทันทีเมื่อเข้าไปในห้อง ในใจของนางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ประหม่าเสียจนไม่กล้าหายใจแรง เมื่อครู่กล้ามีโทสะกับสามีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทว่าตั้งแต่โบราณ แม่สามีและลูกสะใภ้ก็เหมือนดังกับสายเลือดที่ยับยั้งกัน ลูกสะใภ้จะกล้ามีโทสะกับแม่สามีได้เช่นไร?เมื่อมองเห็นฮูหยินผู้เฒ่ากู้ นางจางก็ค่อย ๆ ช้อนสาย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 105

    นางจางถูกข่าวดีเช่นนี้ทำให้สับสน เดิมทีนางเตรียมพร้อมรับการตำหนิจากแม่สามีไว้แล้ว ผู้ใดจะคิดว่ายังมีเรื่องที่ดีขนาดนี้อยู่อีกกันเล่า? นางโยนเรื่องที่ทำให้จิตใจว้าวุ่นของบุตรสาวทิ้งไปทันที พลางพยักหน้าไม่หยุด “ท่านแม่ ข้า ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะ” ขณะกล่าว นางก็เกิดลังเลขึ้นมาอีก “เพียงแต่ซิวเหวินเขา เขาจะเข้าตาหัวหน้าสำนักศึกษาหรือไม่เจ้าคะ?”ถึงแม้นางจะคิดว่าบุตรชายของตนเองดีที่สุด ฉลาดหลักแหลมที่สุด ทว่าสำนักศึกษาหลิงซานมีชื่อเสียงมากและมีเงื่อนไขสูง หากอยากเข้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก นางไม่แน่ใจฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวตอบ “เจ้าสามกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายกัน หากว่าเจ้าเห็นด้วยกับการส่งซิวเหวินไปร่ำเรียน ข้าก็จะไปพูดกับเจ้าสาม ให้เขาพาซิวเหวินไปเยี่ยมคารวะหัวหน้าสำนัก”เมื่อนางจางได้ฟัง ก็ทั้งปีติทั้งประหลาดใจ เมื่อช่วงสายบุตรีของนางเพิ่งจะก่อเรื่อง พอตกบ่ายแม่สามีก็คิดจะช่วยบุตรชายคนเล็กของนางให้เข้าร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน หรือว่าท่านแม่ยังไม่รู้เรื่องเมื่อตอนสายงั้นหรือ?โชคดี โชคดีที่นางลงโทษเซวียนอี๋อย่างหนัก ต่อให้ท่านแม่รู้เรื่องนี้ในภายหลัง นางก็จะได้รายงานเรื่องนี้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 106

    เฝิงหมอมอตอบกลับไปว่า “ข้าน้อยนึกว่าท่านต้องการเปลี่ยนตัวท่านซื่อจื่อเสียอีกเจ้าค่ะ คิดจะให้ท่านโหวรับอุปการะคุณชายสี่เป็นบุตรบุญธรรม แล้วเปลี่ยนตำแหน่งให้คุณชายสี่เป็นซื่อจื่อ” พอกล่าวจบ ขนาดตัวนางเองยังคิดว่าน่าขัน นึกไม่ถึงว่าจะเกิดความคิดที่ผิดแปลกเช่นนี้ขึ้นมาได้เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ฟังก็อึ้งไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะส่งเสียงออกมา พลางกล่าวอย่างไม่มีทางเลือก “เจ้านี่นะ อายุอานามขนาดนี้แล้ว ไยถึงมีความคิดแหกคอกเหมือนเมื่อตอนยังเยาว์วัยเช่นนี้?”เฝิงหมอมอตอบอย่างรีบร้อน “ข้าน้อยยังสุขุมไม่พอ ต่อไปจะฝึกฝนให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างช้า ๆ “ซิวหมิงยังดีอยู่ ข้าจะคิดถึงเรื่องเช่นนั้นทำไมกัน? ถึงแม้เขาจะมีความผิด ทว่าก็สามารถให้โอกาสเขาอีกครั้งได้ หากว่าซิวหมิงดึงดันไม่ฟังเสียงของผู้ใดจริง ๆ แม้ตายก็ไม่กลับใจ และก่อเรื่องอันใดเพื่อแม่นางหลี่อีกครั้งหนึ่ง เช่นนั้นก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนซื่อจื่อได้ ถึงอย่างไรบุรุษที่ทำได้แค่เพียงเดินลอยชายอยู่รอบตัวสตรีอย่างไร้เป้าหมาย คิดจะให้เขาประคับประคองทั้งตระกูล เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”นางพูดแล้วหยุดไปชั่วขณะ พลางถอน

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status