Share

บทที่ 106

Penulis: มู่อวิ๋นเฉิง
เฝิงหมอมอตอบกลับไปว่า “ข้าน้อยนึกว่าท่านต้องการเปลี่ยนตัวท่านซื่อจื่อเสียอีกเจ้าค่ะ คิดจะให้ท่านโหวรับอุปการะคุณชายสี่เป็นบุตรบุญธรรม แล้วเปลี่ยนตำแหน่งให้คุณชายสี่เป็นซื่อจื่อ” พอกล่าวจบ ขนาดตัวนางเองยังคิดว่าน่าขัน นึกไม่ถึงว่าจะเกิดความคิดที่ผิดแปลกเช่นนี้ขึ้นมาได้

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ฟังก็อึ้งไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะส่งเสียงออกมา พลางกล่าวอย่างไม่มีทางเลือก “เจ้านี่นะ อายุอานามขนาดนี้แล้ว ไยถึงมีความคิดแหกคอกเหมือนเมื่อตอนยังเยาว์วัยเช่นนี้?”

เฝิงหมอมอตอบอย่างรีบร้อน “ข้าน้อยยังสุขุมไม่พอ ต่อไปจะฝึกฝนให้ดีเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างช้า ๆ “ซิวหมิงยังดีอยู่ ข้าจะคิดถึงเรื่องเช่นนั้นทำไมกัน? ถึงแม้เขาจะมีความผิด ทว่าก็สามารถให้โอกาสเขาอีกครั้งได้ หากว่าซิวหมิงดึงดันไม่ฟังเสียงของผู้ใดจริง ๆ แม้ตายก็ไม่กลับใจ และก่อเรื่องอันใดเพื่อแม่นางหลี่อีกครั้งหนึ่ง เช่นนั้นก็สามารถพิจารณาเปลี่ยนซื่อจื่อได้ ถึงอย่างไรบุรุษที่ทำได้แค่เพียงเดินลอยชายอยู่รอบตัวสตรีอย่างไร้เป้าหมาย คิดจะให้เขาประคับประคองทั้งตระกูล เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

นางพูดแล้วหยุดไปชั่วขณะ พลางถอน
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 107

    อีกด้านหนึ่ง นางจางออกจากโถงโซ่วอัน รู้สึกอิ่มเอมใจไปทั่วร่าง รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าไม่เคยจางไปนางเดินอย่างรวดเร็วราวกับเดินไปตามลม กลับไปถึงเรือนของตนเองด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อได้รู้ว่าสามีไปที่ห้องของอนุภรรยา รอยยิ้มก็จางหายไปในพริบตา นางเพิ่งจะไปที่เรือนแม่สามีไม่นานเท่าใดเอง? ไปถึงห้องอันอบอุ่นแสนหวานของอนุภรรยาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องการศึกษาเล่าเรียนของบุตรชาย นางก็ยกยิ้มขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สั่งให้สาวใช้ไปเชิญกู้จิ่งเซิ่งกลับมาทว่ากู้จิ่งเซิ่งกำลังดื่มด่ำอยู่ในสถานที่อันอบอุ่นแสนหวานของอนุภรรยาผู้งดงาม นอนอยู่บนเตียงแล้ว เตรียมตัวที่จะลงสนามแล้ว อยู่ ๆ ก็ถูกสาวใช้ก็มาขัดจังหวะเสียได้ เขามีโทสะไม่น้อย และหมดความสนใจไปพร้อม ๆ กัน ให้อนุโฉมงามปรนนิบัติตนเองให้สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงออกไปสาวใช้เห็นประตูเปิดออก นายท่านออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง พลางถามนางอย่างไม่สบอารมณ์ “มีเรื่องอันใดกันแน่?”สาวใช้ตกใจเสียจนคอหด รีบตอบกลับไปว่า “นายท่าน ฮูหยินใหญ่บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากพูดคุยกับท่านเจ้าค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณชายสี่ ให้ท่านไปก่อนเจ้าค่ะ ”

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 108

    เมื่อได้ฟัง กู้จิ่งเซิ่งก็ไร้หนทาง สตรีก็คือปัญหา เรื่องหยุมหยิมยังคิดมากมายถึงเพียงนี้ ได้รับผลประโยชน์มาอยู่ในมือก็พอแล้วมิใช่หรือไร? คิดเรื่องที่เหลวไหลพวกนี้จะมีประโยชน์อันใดกัน?เขากล่าวอย่างหงุดหงิดยิ่งนัก “ครั้งนี้รับสมัครคนที่อายุสิบขวบถึงสิบห้าปี ซิวหย่วนและคนอื่น ๆ ต่างก็อายุเกินกันหมดแล้ว พูดได้แค่เพียงว่าซิวเหวินของพวกเราโชคดีเท่านั้น”นางจางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้าคิดว่าไม่ใช่เจ้าค่ะ ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อ ขนาดซื่อจื่อยังไม่เคยได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ จะมาให้แก่ซิวเหวินได้เยี่ยงไรกัน?”นางกล่าวจบ ก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดไม่นาน ภายในสมองของนางก็ผุดความคิดที่น่าประหลาดใจขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างขึ้นในฉับพลัน หลังจากความประหลาดใจผ่านไปแล้ว ก็คือความปีติยินดีถึงขีดสุด ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้นางถามด้วยท่าทางลึกลับยิ่งนัก “ท่านพี่ ท่านว่าท่านแม่คิดจะให้น้องสามรับซิวเหวินของพวกเราเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่เจ้าคะ?” หลังกู้จิ่งเซิ่งได้ฟังก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ รู้สึกว่าภรรยาคิดเพ้อเจ้อยิ่งนัก จึงตอบไปว่า “เจ้าอย่าได้คิดเหลวไหลเชียว ครอบครัวของน้องสามมีซิวห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 109

    โถงบรรพชนกู้เซวียนอี๋กำลังอดกลั้นต่อความอัปยศอดสู ภายใต้การกำกับของหมอมอคนสนิทของมารดา นางไปที่โถงบรรพชนและคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษเพื่อสำนึกในความผิดนางโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยถูกลงโทษหนักขนาดนี้มาก่อนเมื่อก่อนก่อปัญหาขัดแย้งกับกู้เซวียนหลิง ท่านย่าก็จะลงโทษพวกนางให้คัดกฎตระกูลด้วยกัน ไม่เคยโดนกักบริเวณมาก่อน ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคัดกฎตระกูล ยังต้องมาถูกกักบริเวณอีกครึ่งเดือน และลงโทษให้คุกเข่าในโถงบรรพชนอีกสองชั่วยามด้วยช่างเป็นความอัปยศใหญ่หลวงยิ่งนัก!รุ่นหลานของตระกูลกู้ ก็มีเพียงนางกับพี่สามเท่านั้นที่ได้รับการลงโทษต่อหน้าเหล่าบรรพบุรุษ แต่พี่สามหนีการแต่งงานตามผู้อื่นไป ระดับของความรุนแรงไม่เหมือนกันนี่นานางไม่ได้หนีการแต่งงาน หรือทำเรื่องให้ตระกูลต้องอับอายขายหน้าเสียหน่อย นึกไม่ถึงว่าท่านแม่จะใจร้ายถึงเพียงนี้ ลงโทษลูกสาวแท้ ๆ ของตนเองอย่างรุนแรง เพื่อหลานสาวที่เป็นลูกของอนุภรรยาหมอมอกล่าวอย่างปลอบใจว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านก็อย่าได้โทษฮูหยินใหญ่ไปเลยนะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ไร้ซึ่งหนทาง ถึงได้ลงโทษท่าน”สีหน้ากู้เซวียนอี๋ย่ำแย่ยิ่งนัก พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไปเถิด อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 110

    นัยน์ตาของกู้ซิวหมิงฉายแววแห่งความมืดมน ในใจคิดว่าเมิ่งจิ่นเหยาเกิดมาจากครอบครัวที่ตกอับดังคาด ลำเอียงช่วยเหลือเซวียนหลิงที่เกิดจากอนุภรรยา จะได้แสดงความมีอำนาจเหนือกว่าให้ประจักษ์ออกมาสินะ? ช่างเป็นสตรีที่มีความคิดชั่วร้ายยิ่งนัก ท่านพ่อตาบอดเสียจริง ถึงได้แต่งงานกับสตรีเช่นนี้เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่ญาติผู้น้องผู้นี้ต้องเผชิญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่ประสบชะตากรรมและความรู้สึกเดียวกัน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องหญิงใหญ่ลำบากแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนน้องหญิงใหญ่เพื่อคลายความน่าเบื่อหน่ายแล้วกัน เวลาเพียงสองชั่วยามไม่นานก็ผ่านไปแล้ว” กู้เซวียนอี๋เห็นว่าพี่ชายไม่ได้ซักไซ้อันใดอีก ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางพยักหน้าแผ่วเบาในช่วงเวลานี้ กู้ซิวหมิงถูกกักบริเวณอยู่ภายในโถงบรรพชน จึงไม่รู้ว่าภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้นในระยะนี้บ้าง บ่าวรับใช้เพียงคนเดียวที่คอยปรนนิบัติเขาอยู่ก็ไม่ได้พูดคุยอันใดกับเขาเลย จึงได้แต่ตะล่อมถามกู้เซวียนอี๋ ถึงแม้กู้เซวียนอี๋จะอวดดีและเผด็จการ ไม่มองเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ทั้งยังชอบรังแกญาติผู้น้อง ทว่าความคิดอ่านมิได้ลึกซึ้ง จึงไม่ได้รู้สึ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 111  

    ณ โถงโซ่วอัน ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถือกรรไกรไว้ในมือ ค่อย ๆ เล็มต้นไม้แคระในกระถางที่ตนเองปลูกอย่างใจเย็น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ก็เงยหน้าขึ้นเหลือบตามอง ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “เย่าหลิงเจ้ามาแล้วหรือ” จากนั้นค่อยก้มศีรษะเล็มกิ่งต้นไม้แคระในกระถางต่อ กู้จิ่งซีไม่ได้รบกวนความสำราญของมารดา เมื่อค้อมกายคารวะมารดาแล้ว ก็ไปนั่งรอด้านข้าง ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ตัดแต่งต้นไม้แคระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยวางกรรไกรลง และเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งซึ่งอยู่เหนือบุตรชาย ครั้นเห็นสีหน้าแววตาของบุตรชายดูอิดโรยอ่อนล้า ชัดเจนว่าหลายวันนี้พักผ่อนไม่เพียงพอนัก นางจึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงขึ้นว่า “เย่าหลิง เจ้าดูซีดเซียวยิ่งนัก ช่วงนี้เจ้างานยุ่งมากหรือ?” กู้จิ่งซีตอบเลี่ยงประเด็น “เจอคดียากคดีหนึ่ง ช่วงนี้จึงยุ่งไปสักหน่อย แต่ก็จัดการเรียบร้อยดีแล้ว ท่านแม่เรียกลูกมามีธุระอันใดหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มิได้อ้อมค้อมกับเขา เข้าประเด็นทันที “เย่าหลิง ข้าจำได้ว่าเจ้ากับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน” “ลูกกับหัวหน้าสำนักสวีเป็นสหายต่างวัยด้วยกันจริง” กู้จิ่งซีพยักหน้าเบา ๆ “เหตุ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 112  

    สำหรับเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มิได้เป็นกังวล ตอบกลับว่า “สภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนคนได้ เขาเพียงแค่ถูกตามใจจนเกียจคร้านเท่านั้น แต่เมื่อใดที่เห็นสหายร่วมเรียนรอบตัวตั้งใจศึกษาตำราอย่างมานะบากบั่นแล้ว ก็จะซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับเด็กที่ฉลาดเฉลียวหากจะศึกษาเล่าเรียนแล้ว แม้ลงแรงน้อยนิดแต่ผลสำเร็จเป็นเท่าตัว” กู้จิ่งซีงุนงง “ท่านแม่เชื่อใจเขาหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลั้วหัวเราะพลางว่า “ข้าเองก็เห็นเด็กคนนี้มาจนโตเหมือนกัน เขานิสัยเป็นอย่างไรข้ารู้ดี” ได้ยินวาจานี้แล้ว กู้จิ่งซีเองก็รู้สึกคาดหวังกับผลลัพธ์ของหลานชายคนนี้เช่นกัน หากว่าสามารถพัฒนาตนเองได้จริง ครั้นจะหาเส้นสายให้เขาได้มีตำแหน่งก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าเข้าไปแล้วใช้ชีวิตแบบเช้าชามเย็นชาม นั่นก็เสียเกียรติสกุลกู้จริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองสีท้องฟ้านอกหน้าต่างปราดหนึ่ง บัดนี้ตะวันลาลับขอบภูเขาแล้ว อีกไม่นานท้องฟ้าจะมืดสนิท ก็หันไปมองบุตรชาย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เย่าหลิง ประเดี๋ยวก็จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ไม่สู้อยู่รับมื้อเย็นด้วยกันก่อนจะเป็นอย่างไร ข้าจะกำชับห้องครัวปรุงอาหารที่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 113  

    สองวันหลังจากนั้น กู้จิ่งซีได้พากู้ซิวเหวินไปเยือนหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซาน ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ กู้จิ่งซีไปขอร้องถึงสำนักด้วยตนเอง หัวหน้าสวีลองทดสอบความรู้ของกู้ซิวเหวินแล้วพบว่าเป็นเด็กฉลาดเฉลียว เพียงแต่ความรู้ยังไม่แน่นหนา ด้วยเห็นแก่หน้าสหาย จึงเพิ่มจำนวนที่นั่งของศิษย์ให้อีกหนึ่งรายชื่อเป็นกรณีพิเศษไป ภายในห้อง หัวหน้าสวีวัยพ้นครึ่งร้อยไปแล้ว กำลังพูดคุยกับกู้จิ่งซีที่วัยใกล้สามสิบอย่างสนุกสนานออกรส สหายต่างวัยคู่นี้ ด้วยวัยของทั้งสองห่างกันจนสามารถเป็นบุตรบิดาได้เลย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังเรียกขานอย่างเป็นกันเองว่าพี่ชายน้องชาย หัวหน้าสวีมองออกไปยังเด็กหนุ่มผู้ซึ่งกำลังเล่นกับแมวอยู่ในสวนด้านข้าง เด็กหนุ่มยิ้มร่า ท่าทางไร้ซึ่งความกลัดกลุ้มกังวล ก็ถามอย่างฉงนใจขึ้นว่า “เย่าหลิง หลานชายคนนี้ของเจ้าดูฉลาดเฉลียวยิ่งนัก แต่เหตุใดสกุลกู้ของพวกเจ้าจึงไม่สามารถเลี้ยงดูอบรมให้เขาดีเลิศได้เล่า?” กู้จิ่งซีตอบกลับ “ปกติแล้วพี่สะใภ้ใหญ่ค่อนข้างให้ท้ายบุตรชาย” หัวหน้าสวีได้ฟังแล้วก็เข้าใจ แบบนี้เรียกว่าตามใจจนบุตรชายเกียจคร้าน วิชาความรู้ไม่ถึงแก่น จึงอยากเปลี่ยนสถานที่ให้เด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 114  

    ที่สำนักศึกษามีการแบ่งระดับชั้นเรียน ก็เพื่อจะได้สอนศิษย์ตามความสามารถง่ายขึ้น ลูกศิษย์ที่อยู่ต่างระดับชั้น รูปแบบการสอนก็จะแตกต่างกันไปด้วย ลูกศิษย์ที่อยู่ชั้นเรียนระดับหนึ่งก็ไม่สามารถใช้รูปแบบการสอนสำหรับชั้นเรียนระดับสี่ได้ มิเช่นนั้นแล้วจะเปลืองเวลาไปโดยใช่เหตุ ส่วนลูกศิษย์ชั้นเรียนระดับสี่ หากว่าใช้รูปแบบการสอนของชั้นเรียนระดับหนึ่งแล้ว ลูกศิษย์ก็อาจจะเรียนไม่เข้าใจ เหมือนกับหลานชายของเขา ความรู้พื้นฐานยังไม่แน่นพอ ให้เรียนที่ระดับพื้นฐานแบบนี้ดีที่สุดแล้ว แม้จะเป็นชั้นเรียนระดับพื้นฐาน แต่กู้จิ่งเซิ่งและนางจางก็ยังยิ้มออก รู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด แม้จะเป็นระดับพื้นฐาน แต่ก็ทำให้เขาได้เอาไปคุยโวโอ้อวดได้อีกนานแล้ว กู้จิ่งเซิ่งปกปิดความตื่นเต้นในน้ำเสียงไม่อยู่ “น้องสาม หนนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก ระดับพื้นฐานก็ไม่เป็นอะไร ขอเพียงซิวเหวินตั้งใจศึกษาวิชา ก็พอจะเลื่อนขั้นได้แล้ว” “พี่ใหญ่เกรงใจแล้ว” กู้จิ่งซีเห็นสายตาคู่นั้นของพี่ชายใหญ่ยามที่มองตนเองอยู่ ส่องประกายเจิดจ้า ก็กลัวว่าเขาจะขอให้ตนเองอยู่รับอาหารเที่ยงด้วยกัน และอีกสักพักคงโน้มน้าวให้ดื่มสุราต่อด้วยกัน ก็เอ่ยขึ้

Bab terbaru

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status