แชร์

บทที่ 107

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-05 17:00:01
อีกด้านหนึ่ง นางจางออกจากโถงโซ่วอัน รู้สึกอิ่มเอมใจไปทั่วร่าง รอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้าไม่เคยจางไป

นางเดินอย่างรวดเร็วราวกับเดินไปตามลม กลับไปถึงเรือนของตนเองด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อได้รู้ว่าสามีไปที่ห้องของอนุภรรยา รอยยิ้มก็จางหายไปในพริบตา นางเพิ่งจะไปที่เรือนแม่สามีไม่นานเท่าใดเอง? ไปถึงห้องอันอบอุ่นแสนหวานของอนุภรรยาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องการศึกษาเล่าเรียนของบุตรชาย นางก็ยกยิ้มขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สั่งให้สาวใช้ไปเชิญกู้จิ่งเซิ่งกลับมา

ทว่ากู้จิ่งเซิ่งกำลังดื่มด่ำอยู่ในสถานที่อันอบอุ่นแสนหวานของอนุภรรยาผู้งดงาม นอนอยู่บนเตียงแล้ว เตรียมตัวที่จะลงสนามแล้ว อยู่ ๆ ก็ถูกสาวใช้ก็มาขัดจังหวะเสียได้ เขามีโทสะไม่น้อย และหมดความสนใจไปพร้อม ๆ กัน ให้อนุโฉมงามปรนนิบัติตนเองให้สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงออกไป

สาวใช้เห็นประตูเปิดออก นายท่านออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง พลางถามนางอย่างไม่สบอารมณ์ “มีเรื่องอันใดกันแน่?”

สาวใช้ตกใจเสียจนคอหด รีบตอบกลับไปว่า “นายท่าน ฮูหยินใหญ่บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากพูดคุยกับท่านเจ้าค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณชายสี่ ให้ท่านไปก่อนเจ้าค่ะ ”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 108

    เมื่อได้ฟัง กู้จิ่งเซิ่งก็ไร้หนทาง สตรีก็คือปัญหา เรื่องหยุมหยิมยังคิดมากมายถึงเพียงนี้ ได้รับผลประโยชน์มาอยู่ในมือก็พอแล้วมิใช่หรือไร? คิดเรื่องที่เหลวไหลพวกนี้จะมีประโยชน์อันใดกัน?เขากล่าวอย่างหงุดหงิดยิ่งนัก “ครั้งนี้รับสมัครคนที่อายุสิบขวบถึงสิบห้าปี ซิวหย่วนและคนอื่น ๆ ต่างก็อายุเกินกันหมดแล้ว พูดได้แค่เพียงว่าซิวเหวินของพวกเราโชคดีเท่านั้น”นางจางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้าคิดว่าไม่ใช่เจ้าค่ะ ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อ ขนาดซื่อจื่อยังไม่เคยได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ จะมาให้แก่ซิวเหวินได้เยี่ยงไรกัน?”นางกล่าวจบ ก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดไม่นาน ภายในสมองของนางก็ผุดความคิดที่น่าประหลาดใจขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างขึ้นในฉับพลัน หลังจากความประหลาดใจผ่านไปแล้ว ก็คือความปีติยินดีถึงขีดสุด ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้นางถามด้วยท่าทางลึกลับยิ่งนัก “ท่านพี่ ท่านว่าท่านแม่คิดจะให้น้องสามรับซิวเหวินของพวกเราเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่เจ้าคะ?” หลังกู้จิ่งเซิ่งได้ฟังก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ รู้สึกว่าภรรยาคิดเพ้อเจ้อยิ่งนัก จึงตอบไปว่า “เจ้าอย่าได้คิดเหลวไหลเชียว ครอบครัวของน้องสามมีซิวห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 109

    โถงบรรพชนกู้เซวียนอี๋กำลังอดกลั้นต่อความอัปยศอดสู ภายใต้การกำกับของหมอมอคนสนิทของมารดา นางไปที่โถงบรรพชนและคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษเพื่อสำนึกในความผิดนางโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยถูกลงโทษหนักขนาดนี้มาก่อนเมื่อก่อนก่อปัญหาขัดแย้งกับกู้เซวียนหลิง ท่านย่าก็จะลงโทษพวกนางให้คัดกฎตระกูลด้วยกัน ไม่เคยโดนกักบริเวณมาก่อน ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคัดกฎตระกูล ยังต้องมาถูกกักบริเวณอีกครึ่งเดือน และลงโทษให้คุกเข่าในโถงบรรพชนอีกสองชั่วยามด้วยช่างเป็นความอัปยศใหญ่หลวงยิ่งนัก!รุ่นหลานของตระกูลกู้ ก็มีเพียงนางกับพี่สามเท่านั้นที่ได้รับการลงโทษต่อหน้าเหล่าบรรพบุรุษ แต่พี่สามหนีการแต่งงานตามผู้อื่นไป ระดับของความรุนแรงไม่เหมือนกันนี่นานางไม่ได้หนีการแต่งงาน หรือทำเรื่องให้ตระกูลต้องอับอายขายหน้าเสียหน่อย นึกไม่ถึงว่าท่านแม่จะใจร้ายถึงเพียงนี้ ลงโทษลูกสาวแท้ ๆ ของตนเองอย่างรุนแรง เพื่อหลานสาวที่เป็นลูกของอนุภรรยาหมอมอกล่าวอย่างปลอบใจว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านก็อย่าได้โทษฮูหยินใหญ่ไปเลยนะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ไร้ซึ่งหนทาง ถึงได้ลงโทษท่าน”สีหน้ากู้เซวียนอี๋ย่ำแย่ยิ่งนัก พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไปเถิด อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 110

    นัยน์ตาของกู้ซิวหมิงฉายแววแห่งความมืดมน ในใจคิดว่าเมิ่งจิ่นเหยาเกิดมาจากครอบครัวที่ตกอับดังคาด ลำเอียงช่วยเหลือเซวียนหลิงที่เกิดจากอนุภรรยา จะได้แสดงความมีอำนาจเหนือกว่าให้ประจักษ์ออกมาสินะ? ช่างเป็นสตรีที่มีความคิดชั่วร้ายยิ่งนัก ท่านพ่อตาบอดเสียจริง ถึงได้แต่งงานกับสตรีเช่นนี้เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่ญาติผู้น้องผู้นี้ต้องเผชิญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่ประสบชะตากรรมและความรู้สึกเดียวกัน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องหญิงใหญ่ลำบากแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนน้องหญิงใหญ่เพื่อคลายความน่าเบื่อหน่ายแล้วกัน เวลาเพียงสองชั่วยามไม่นานก็ผ่านไปแล้ว” กู้เซวียนอี๋เห็นว่าพี่ชายไม่ได้ซักไซ้อันใดอีก ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางพยักหน้าแผ่วเบาในช่วงเวลานี้ กู้ซิวหมิงถูกกักบริเวณอยู่ภายในโถงบรรพชน จึงไม่รู้ว่าภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้นในระยะนี้บ้าง บ่าวรับใช้เพียงคนเดียวที่คอยปรนนิบัติเขาอยู่ก็ไม่ได้พูดคุยอันใดกับเขาเลย จึงได้แต่ตะล่อมถามกู้เซวียนอี๋ ถึงแม้กู้เซวียนอี๋จะอวดดีและเผด็จการ ไม่มองเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ทั้งยังชอบรังแกญาติผู้น้อง ทว่าความคิดอ่านมิได้ลึกซึ้ง จึงไม่ได้รู้สึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 111  

    ณ โถงโซ่วอัน ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถือกรรไกรไว้ในมือ ค่อย ๆ เล็มต้นไม้แคระในกระถางที่ตนเองปลูกอย่างใจเย็น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ก็เงยหน้าขึ้นเหลือบตามอง ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “เย่าหลิงเจ้ามาแล้วหรือ” จากนั้นค่อยก้มศีรษะเล็มกิ่งต้นไม้แคระในกระถางต่อ กู้จิ่งซีไม่ได้รบกวนความสำราญของมารดา เมื่อค้อมกายคารวะมารดาแล้ว ก็ไปนั่งรอด้านข้าง ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ตัดแต่งต้นไม้แคระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยวางกรรไกรลง และเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งซึ่งอยู่เหนือบุตรชาย ครั้นเห็นสีหน้าแววตาของบุตรชายดูอิดโรยอ่อนล้า ชัดเจนว่าหลายวันนี้พักผ่อนไม่เพียงพอนัก นางจึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงขึ้นว่า “เย่าหลิง เจ้าดูซีดเซียวยิ่งนัก ช่วงนี้เจ้างานยุ่งมากหรือ?” กู้จิ่งซีตอบเลี่ยงประเด็น “เจอคดียากคดีหนึ่ง ช่วงนี้จึงยุ่งไปสักหน่อย แต่ก็จัดการเรียบร้อยดีแล้ว ท่านแม่เรียกลูกมามีธุระอันใดหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มิได้อ้อมค้อมกับเขา เข้าประเด็นทันที “เย่าหลิง ข้าจำได้ว่าเจ้ากับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน” “ลูกกับหัวหน้าสำนักสวีเป็นสหายต่างวัยด้วยกันจริง” กู้จิ่งซีพยักหน้าเบา ๆ “เหตุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 112  

    สำหรับเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มิได้เป็นกังวล ตอบกลับว่า “สภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนคนได้ เขาเพียงแค่ถูกตามใจจนเกียจคร้านเท่านั้น แต่เมื่อใดที่เห็นสหายร่วมเรียนรอบตัวตั้งใจศึกษาตำราอย่างมานะบากบั่นแล้ว ก็จะซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับเด็กที่ฉลาดเฉลียวหากจะศึกษาเล่าเรียนแล้ว แม้ลงแรงน้อยนิดแต่ผลสำเร็จเป็นเท่าตัว” กู้จิ่งซีงุนงง “ท่านแม่เชื่อใจเขาหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลั้วหัวเราะพลางว่า “ข้าเองก็เห็นเด็กคนนี้มาจนโตเหมือนกัน เขานิสัยเป็นอย่างไรข้ารู้ดี” ได้ยินวาจานี้แล้ว กู้จิ่งซีเองก็รู้สึกคาดหวังกับผลลัพธ์ของหลานชายคนนี้เช่นกัน หากว่าสามารถพัฒนาตนเองได้จริง ครั้นจะหาเส้นสายให้เขาได้มีตำแหน่งก็ถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้าเข้าไปแล้วใช้ชีวิตแบบเช้าชามเย็นชาม นั่นก็เสียเกียรติสกุลกู้จริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองสีท้องฟ้านอกหน้าต่างปราดหนึ่ง บัดนี้ตะวันลาลับขอบภูเขาแล้ว อีกไม่นานท้องฟ้าจะมืดสนิท ก็หันไปมองบุตรชาย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เย่าหลิง ประเดี๋ยวก็จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ไม่สู้อยู่รับมื้อเย็นด้วยกันก่อนจะเป็นอย่างไร ข้าจะกำชับห้องครัวปรุงอาหารที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 113  

    สองวันหลังจากนั้น กู้จิ่งซีได้พากู้ซิวเหวินไปเยือนหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซาน ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ กู้จิ่งซีไปขอร้องถึงสำนักด้วยตนเอง หัวหน้าสวีลองทดสอบความรู้ของกู้ซิวเหวินแล้วพบว่าเป็นเด็กฉลาดเฉลียว เพียงแต่ความรู้ยังไม่แน่นหนา ด้วยเห็นแก่หน้าสหาย จึงเพิ่มจำนวนที่นั่งของศิษย์ให้อีกหนึ่งรายชื่อเป็นกรณีพิเศษไป ภายในห้อง หัวหน้าสวีวัยพ้นครึ่งร้อยไปแล้ว กำลังพูดคุยกับกู้จิ่งซีที่วัยใกล้สามสิบอย่างสนุกสนานออกรส สหายต่างวัยคู่นี้ ด้วยวัยของทั้งสองห่างกันจนสามารถเป็นบุตรบิดาได้เลย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังเรียกขานอย่างเป็นกันเองว่าพี่ชายน้องชาย หัวหน้าสวีมองออกไปยังเด็กหนุ่มผู้ซึ่งกำลังเล่นกับแมวอยู่ในสวนด้านข้าง เด็กหนุ่มยิ้มร่า ท่าทางไร้ซึ่งความกลัดกลุ้มกังวล ก็ถามอย่างฉงนใจขึ้นว่า “เย่าหลิง หลานชายคนนี้ของเจ้าดูฉลาดเฉลียวยิ่งนัก แต่เหตุใดสกุลกู้ของพวกเจ้าจึงไม่สามารถเลี้ยงดูอบรมให้เขาดีเลิศได้เล่า?” กู้จิ่งซีตอบกลับ “ปกติแล้วพี่สะใภ้ใหญ่ค่อนข้างให้ท้ายบุตรชาย” หัวหน้าสวีได้ฟังแล้วก็เข้าใจ แบบนี้เรียกว่าตามใจจนบุตรชายเกียจคร้าน วิชาความรู้ไม่ถึงแก่น จึงอยากเปลี่ยนสถานที่ให้เด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 114  

    ที่สำนักศึกษามีการแบ่งระดับชั้นเรียน ก็เพื่อจะได้สอนศิษย์ตามความสามารถง่ายขึ้น ลูกศิษย์ที่อยู่ต่างระดับชั้น รูปแบบการสอนก็จะแตกต่างกันไปด้วย ลูกศิษย์ที่อยู่ชั้นเรียนระดับหนึ่งก็ไม่สามารถใช้รูปแบบการสอนสำหรับชั้นเรียนระดับสี่ได้ มิเช่นนั้นแล้วจะเปลืองเวลาไปโดยใช่เหตุ ส่วนลูกศิษย์ชั้นเรียนระดับสี่ หากว่าใช้รูปแบบการสอนของชั้นเรียนระดับหนึ่งแล้ว ลูกศิษย์ก็อาจจะเรียนไม่เข้าใจ เหมือนกับหลานชายของเขา ความรู้พื้นฐานยังไม่แน่นพอ ให้เรียนที่ระดับพื้นฐานแบบนี้ดีที่สุดแล้ว แม้จะเป็นชั้นเรียนระดับพื้นฐาน แต่กู้จิ่งเซิ่งและนางจางก็ยังยิ้มออก รู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด แม้จะเป็นระดับพื้นฐาน แต่ก็ทำให้เขาได้เอาไปคุยโวโอ้อวดได้อีกนานแล้ว กู้จิ่งเซิ่งปกปิดความตื่นเต้นในน้ำเสียงไม่อยู่ “น้องสาม หนนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก ระดับพื้นฐานก็ไม่เป็นอะไร ขอเพียงซิวเหวินตั้งใจศึกษาวิชา ก็พอจะเลื่อนขั้นได้แล้ว” “พี่ใหญ่เกรงใจแล้ว” กู้จิ่งซีเห็นสายตาคู่นั้นของพี่ชายใหญ่ยามที่มองตนเองอยู่ ส่องประกายเจิดจ้า ก็กลัวว่าเขาจะขอให้ตนเองอยู่รับอาหารเที่ยงด้วยกัน และอีกสักพักคงโน้มน้าวให้ดื่มสุราต่อด้วยกัน ก็เอ่ยขึ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 115  

    ณ เรือนเวยหรุยเซวียน กู้จิ่งซีกลับถึงเรือน เวลาก็ล่วงเลยถึงเที่ยงวันแล้ว เป็นเวลาอาหารมื้อเที่ยงพอดี ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของแม่นางน้อย และไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของสาวใช้สองคนอย่างชิงชิวและหนิงตงเช่นกัน เขารู้สึกประหลาดใจ ก็ถามชุนหลิ่วว่า “วันนี้ฮูหยินออกไปข้างนอกหรือ?” ชุนหลิ่วตอบกลับอย่างนอบน้อม “วันนี้ฮูหยินมีนัดหมายกับใครบางคนเจ้าค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อราว ๆ หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้เองเจ้าค่ะ” นางพูดจบ ก็ไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง “ท่านโหว ไม่ทราบว่ามื้อเที่ยงท่านจะรับอาหารหรือไม่เจ้าคะ?” ได้ยินวาจานี้ กู้จิ่งซีมุ่นหัวคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกว่าสาวใช้ที่ปกติดูฉลาดเฉลียวน่าจะเพี้ยนไปหน่อยแล้ว ถึงเวลาของมื้อเที่ยงแล้ว ยังจะถามอีกว่าต้องการรับประทานมื้อเที่ยงอีกหรือไม่ ไม่ให้กินมื้อเที่ยงแล้วจะให้กินมื้อเย็นหรืออย่างไร? ชุนหลิ่วเห็นสีหน้าเขาไม่สบอารมณ์ ก็รีบอธิบายต่อทันที “ก่อนที่ฮูหยินจะออกไปได้แจ้งว่าจะไม่กลับมารับมื้อเที่ยงเจ้าค่ะ และสั่งห้องครัวว่าไม่ต้องเตรียมสำรับอาหารไว้ จะได้ไม่ต้องเตรียมให้เปลืองเวลา กลับคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะกลับมาเร็วเช่นนี้” กู้จิ่งซีผงะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 180  

    ได้ยินเช่นนั้น นางจางก็เหลือบสายตามองกู้จิ่งซีด้วยความพรั่นพรึงปราดหนึ่ง บัดนี้กลับเป็นบุตรชายของนางที่เป็นฝ่ายคนมากรุมรังแกคนน้อย หากว่าบุตรชายของตนเองเป็นฝ่ายผิดก่อนขึ้นมาจะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร? อาสามยึดมั่นในความยุติธรรมชื่นชมลงโทษล้วนละเอียดรอบคอบมาตลอด เมื่อลงโทษผู้น้อยที่ทำความผิดแล้วก็ไม่เคยใจอ่อนปรานีแม้เพียงครั้งเดียว “ท่านแม่” ในตอนนั้นเอง เสียงของกู้จิ่งเซิ่งก็ดังขึ้นมา เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีเองก็ทำความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่” นางจางเหลือบสายตามองขึ้นไป ก็เห็นว่าแม่สามีเข้ามาแล้ว จึงผละออกจากบุตรชาย และร้องเรียก “ท่านแม่” จากนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างกระตือรือร้นประคองแม่สามีไปนั่งประจำตำแหน่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองนางปราดหนึ่ง ปล่อยให้นางช่วยประคองเดินไป รู้ดีว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ คงเป็นเพราะกลัวว่าบุตรชายจะถูกลงโทษ ฉะนั้นถึงได้รีบร้อนเข้ามาเอาอกเอาใจผู้อาวุโสก่อนใคร หวังว่าโทษจะเบาลงได้บ้าง แต่หนนี้ดูนางจะคิดมากเกินไป เพราะคนที่ผิดก่อนอย่างไรก็เป็นซิวหมิง หากจะลงโทษก็ต้องลงโทษซิวหมิงก่อน ฮูหยินผู้เฒ่ากู้นั่งประจำตำแหน่งแล้ว ก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 179  

    อีกฟากนั้น เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีได้รับข่าวอย่างไม่ตั้งตัว แจ้งว่าให้พวกเขามุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอัน สองคนสามีภรรยาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็รีบมุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอันทันที กู้จิ่งเซิ่งและนางจางสองคนสามีภรรยาเองก็เช่นกัน เมื่อได้รับข่าวแล้ว ก็รีบร้อนมุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอันทันที โดยปกติท่านแม่ไม่เคยเรียกพวกเขาเข้าพบอย่างกะทันหันเช่นนี้ ในเมื่อเรียกพวกเขาให้ไปเข้าพบก็หมายความว่าต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้สึกวิตกกังวล แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าสามและภรรยาก็มาถึงแล้วเช่นกัน ก็ค่อยรู้สึกเบาใจลงมาได้สักหน่อย กู้จิ่งเซิ่งชะงักฝีเท้า ถามไถ่อย่างสงสัย “น้องสาม น้องสะใภ้สาม พวกเจ้าเองก็ถูกท่านแม่เรียกพบเหมือนกันหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีพยักหน้าเบา ๆ กู้จิ่งเซิ่งยังถามอีกว่า “เช่นนั้นท่านแม่ได้แจ้งหรือไม่ว่าท่านเรียกให้พวกข้ามาด้วยเหตุผลอันใด?” กู้จิ่งซีตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้ท่านแม่มิได้แจ้ง เพียงแต่ระยะนี้ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น คงจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรกระมัง พี่ใหญ่วางใจเถิด” ได้ยินวาจานี้แล้ว กู้จิ่งเซิ่งเองก็ไม่คิดอะไรมากไปกว่าน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 178  

    “บริสุทธิ์?” กู้ซิวหมิงแค่นเสียงหัวเราะ “ตอนแรกที่ข้าหนีงานวิวาห์ นางเกือบจะได้สมรสกับเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อข้ายังมิได้สมรสภรรยาเอก ตัวเจ้าก็มีความเป็นไปได้ถึงห้าส่วนที่จะได้เป็นสามีของนาง” และทันทีที่เขาพูดจบ ก็ถูกเมิ่งเฉิงจางที่อยู่ด้านข้างยกเท้าถีบเข้าอย่างรุนแรง เขาไม่ทันตั้งตัวก็ล้มลงไป ทำให้กู้ซิวเหวินได้โอกาสพลิกตัวกลับมา เดิมทีเมิ่งเฉิงจางไม่พร้อมจะเข้าร่วม แต่เมื่อได้ยินกู้ซิวหมิงกล่าวหาว่าร้ายทำลายความบริสุทธิ์ของพี่หญิงใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง ก็ทนไม่ไหว เข้าร่วมกับกู้ซิวเหวินทันที เมื่อเป็นสองรุมหนึ่ง ก็ทำให้กู้ซิวหมิงซึ่งเดิมเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไป เมิ่งเฉิงจางและกู้ซิวเหวินต่างฉลาดเฉียบแหลมทั้งคู่ เลือกลงมือเฉพาะส่วนที่มีเสื้อผ้าปกปิดเท่านั้น กระทั่งมีสาวใช้คนหนึ่งบังเอิญเดินผ่านมา เห็นภาพฉากนี้เข้า ก็ตกใจรีบหมุนตัวเดินหนีไปทันที วิ่งโร่ไปยังโถงโซ่วอันเพื่อนำเรื่องไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็สั่งให้เฝิงหมอมอหญิงรับใช้คนสนิทเข้ามาห้ามปรามการทะเลาะทันที และพาตัวพวกเขาทุกคนกลับมาที่โถงโซ่วอัน ขณะเดียวกันก็สั่งให้ส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 177  

    สิ้นวาจานี้ บรรยากาศรอบข้างพลันจมดิ่งสู่ความตึงเครียด กู้ซิวหมิงและกู้ซิวเหวินเป็นพี่น้องกันมาหลายปี สมานฉันท์ปรองดองกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้ง แต่วันนี้กลับไม่สนหน้าของอีกฝ่าย มีปากเสียงปะทะคารมต่อกันโดยตรง พวกเขาขึงตาจ้องกันด้วยโทสะ ท้ายที่สุดก็เป็นกู้ซิวหมิงผู้ซึ่งเป็นฝ่ายผิดก่อนต้องยอมถอย ด้วยเรื่องนี้ การกระทำของเขาทำให้ชื่อเสียงของพี่น้องในตระกูลต้องได้รับผลกระทบไปด้วยจริง และเพราะเหตุผลนี้ ท่านพ่อถึงได้เรียกเขาไปตำหนิที่ห้องหนังสือเมื่อตอนก่อน ทว่าบัดนี้เขาเองก็ได้ให้หว่านเอ๋อร์ย้ายออกจากห้องหลักซึ่งต้องเป็นภรรยาเอกเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์อาศัยแล้ว ยังต้องการให้เขาทำอย่างไรอีก? เมิ่งเฉิงจางผงะไป มองสองพี่สองที่ไม่ยอมลดราวาศอก เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะบานปลายไปถึงขั้นทำให้พวกเขาสองคนพี่น้องต้องทะเลาะกัน หลี่หว่านเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า บัดนี้ไม่อาจอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว เสี้ยวพริบตาหยาดน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาในทันที สะอื้นไห้เสียงเบา กู้ซิวเหวินเห็นนางร้องไห้น้ำตานองหน้า ท่าทางเหมือนอนุภรรยาของท่านพ่อของเขาไม่มีผิด ความรู้สึกชิงชังรังเกียจยิ่งผุดขึ้นในใจ ก็เสริมขึ้นประโยค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

DMCA.com Protection Status