Share

บทที่ 94

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
เมื่อแต่ละคนได้รับเงินรางวัล ก็รีบกล่าวขอบคุณ

ระหว่างทางกลับเรือนเวยหรุยเซวียน หนิงตงถามอย่างสงสัยประโยคหนึ่งว่า “ฮูหยิน ท่านว่าพวกนางป่วยจริงหรือแกล้งป่วยเจ้าคะ?”

เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยันว่า “มีครั้งใดบ้างที่พวกนางเจอเรื่องแล้วไม่ล้มหมอนนอนเสื่อบ้าง? คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอจนทนรับปัญหาไม่ไหวกระมัง เจอเรื่องอะไรหน่อยก็เลยล้มป่วยไป”

เมื่อหนิงตงได้ยินก็เข้าใจทันที การแกล้งป่วยไม่เพียงจะได้รับความเห็นใจ ยังสามารถอ้างการป่วยไข้ไม่ออกจากบ้าน จะได้ไม่ต้องถูกผู้คนเยาะหยัน นี่เป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว

เมื่อผ่านประตูวงเดือนและระเบียงทางเดินไป ก็มีเสียงทะเลาะกันของเด็กสาวสองคนดังมาอย่างกะทันหัน เมิ่งจิ่นเหยาชะงักฝีเท้ามองไปตามเสียง ก็เห็นกู้เซวียนอี๋บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของบ้านใหญ่ กับบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของบ้านรองกู้เซวียนหลิง กำลังทะเลาะกันโดยไม่ทราบสาเหตุ

ล้วนเป็นเด็กสาวในวัยสิบห้า คนหนึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง อีกคนขี้ขลาดอ่อนแอ ความแตกต่างระหว่างบุตรอนุภรรยาและบุตรภรรยาเอกนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ อุปนิสัยช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเหลือเกิน

เมื่อชุนหลิ่วเ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 95

    “หยุดมือ!”ในช่วงเวลาอันคับขันนั่นเอง ก็มีเสียงที่ค่อนข้างน่ายำเกรงดังขึ้น มือของกู้เซวียนอี๋ค้างอยู่กลางอากาศ หันไปทางต้นเสียงด้วยใบหน้าแข็งเกร็งก็เห็นเมิ่งจิ่นเหยากำลังชักสีหน้า เดินนำสาวใช้จำนวนหนึ่งมาทางพวกนาง ทั้งที่หญิงสาวอายุมากกว่าพวกนางเพียงปีเดียว แต่รัศมีบนตัวนางกลับทำให้คนกริ่งเกรงอย่างมาก นั่นเป็นความกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ชนิดหนึ่ง ทำให้ฝ่ามือนั้นของนางชะงักค้างอยู่เช่นนั้น ไม่กล้าตบลงบนใบหน้าของกู้เซวียนหลิงบางที อาจเป็นเพราะเมิ่งจิ่นเหยามีฐานะเป็นผู้อาวุโส เป็นภรรยาของท่านอาสาม เพราะความเคารพและหวาดกลัวต่อท่านอาสาม ทำให้นางเกิดความกริ่งเกรงต่อเมิ่งจิ่นเหยาตามไปด้วยความแข็งกร้าวของกู้เซวียนอี๋พลันอ่อนลงในทันที ค่อยๆ ลดฝ่ามือที่เงื้ออยู่ลงด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่งเสียงเรียกอย่างตะกุกตะกักว่า “อา อาสะใภ้สาม”กู้เซวียนหลิงแตกตื่นไปชั่วขณะ คิดถึงพฤติกรรมเมื่อครู่ของตน คาดว่าคงถูกผู้อาวุโสเห็นเข้าแล้ว ในใจก็รู้สึกกริ่งเกรงอย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่เสียใจ กลับคารวะเมิ่งจิ่นเหยาตามธรรมเนียมของผู้เยาว์อย่างเคารพว่า “เซวียนหลิงคารวะอาสะใภ้สามเจ้าค่ะ อาสะใภ้สามสบายดีหรือไม่เจ้าค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 96

    เมิ่งจิ่นเหยานวดหว่างคิ้ว หันไปมองชุนหลิ่วแล้วสั่งการว่า “ชุนหลิ่ว เจ้าพูดทุกสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ออกมาซ้ำอีกครั้ง ทว่าพูดแค่คำพูดของคุณหนูใหญ่ก็พอ”กู้เซวียนอี๋ “???”กู้เซวียนหลิง “???”สองพี่น้องต่างตกตะลึง ฝ่ายแรกตะลึงงัน หวาดหวั่น ไม่อยากเชื่อ ส่วนฝ่ายหลังยังไม่ได้สติกลับมา ——ข้าจงใจแล้วอย่างไร เจ้าจะทำอะไรข้าได้? ——ลูกอนุก็คือลูกอนุ ชอบประจบประแจง เจ้าเอาใจท่านย่าไปจะมีประโยชน์อะไร? ท่านก็ไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของเจ้าเสียหน่อย นอกจากนี้ เจ้ายังเป็นลูกอนุอีก เจ้ายังคิดจะให้นางเอ็นดูเจ้าจากใจจริงอย่างนั้นหรือ? —— ท่านแม่หรือ? อย่าลืมเสียสิว่าเจ้าเป็นแค่ลูกอนุ ท่านอาสะใภ้รองก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเจ้าเสียหน่อย แม่ที่เป็นอนุบุญน้อยคนนั้นของเจ้าตายไปนานแล้ว ตายไปตั้งนานแล้วก็ไม่รู้ไปเกิดใหม่หรือยัง ถ้าไปเกิดแล้ว ก็น่าจะเด็กกว่าเจ้าเป็นสิบปีกระมัง ——กู้เซวียนหลิง เจ้าช่างบังอาจนัก ข้าว่าเจ้ากำลังรนหาที่ตายใช่หรือไม่!”ความจำของชุนหลิ่วไม่เลว นางพูดลอกเลียนสิ่งที่กู้เซวียนอี๋พูดออกมาอีกครั้งอย่างไม่ตกหล่น แม้แต่น้ำเสียงขณะที่กู้เซวียนอี๋พูดก็เลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์ หลังกล่าวคำสุดท้ายจบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 97

    เมื่อเห็นนางไม่กล่าววาจา เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่คิดจะปล่อยนางไป ถามต่ออย่างเรียบๆ ว่า “เจ้าไม่พูด ก็เท่ากับยอมรับว่า เพราะมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกตัญญูใช่หรือไม่?”กู้เซวียนอี๋เคยถูกคนเค้นถามติดต่อกันเช่นนี้แต่เมื่อใด?ถูกเค้นถามก็ช่างแล้ว ถ้อยคำและน้ำเสียงยังแข็งกร้าวอีก และนางยังเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผล น้ำตาจึงไหลหนักยิ่งกว่าเดิมแล้ว ศีรษะของนางส่ายไปมาราวป๋องแป๋งก็ไม่ปาน นางตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ การที่ผู้เยาว์กตัญญูต่อผู้อาวุโสเป็น สิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล เป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ไม่อาจแปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดหรือไม่ ก็ควรกตัญญูอย่างดี ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าอกตัญญู”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ถามอย่างไม่เร่งร้อนต่ออีกว่า “ถูกแล้ว เมื่อครู่เจ้าพูดว่า ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางรักใคร่ชนรุ่นเยาว์ที่มิเกี่ยวข้องกับนางทางสายเลือดของนางอย่างจริงใจ เยี่ยงนั้นความหมายของเจ้าก็คือ ฮูหยินผู้เฒ่าก็มิได้รักใคร่เอ็นดูบิดาและอารองของเจ้าอย่างจริงใจเช่นกันหรือ?”กู้เซวียนอี๋รีบส่ายหัวอย่างลนลาน พูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านย่าเป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 98

    นางเฉินกลับไม่ยอมปล่อยนาง ไล่ขนาบต่อว่า “จะอย่างไรพี่สะใภ้ใหญ่ก็เป็นถึงผู้อาวุโส กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าเด็กๆ ก็ไม่กลัวจะสอนพวกเขาให้เสียคนหรือ”นางจางควบคุมสีหน้าไม่อยู่เล็กน้อย ตอบว่า “นั่นเป็นเพราะข้าร้อนใจเกินไป เจ้าดูมือเซวียนหลิงของข้าสิ เซวียนหลิงนางมีนิสัยรุนแรง ชอบรังแกเซวียนอี๋ของเรา ก็มิใช่ว่านางไม่เคยรังแกเซวียนอี๋มาก่อน ครั้งนี้ยิ่งเกินเลย ถึงขนาดเลือดออกแล้ว”นางเฉินเหลือบตามองลูกอนุที่อยู่ข้างกายครั้งหนึ่ง บุตรสาวอนุนางนี้ปกติแล้วขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็แค่ฉวยโอกาสนี้มาว่านาง ว่านางที่เป็นมารดาไม่ได้อบรมบุตรธิดาให้ดีเท่านั้น นางปกป้องบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากอนุเบื้องหลัง แล้วถามกลับไปว่า “พี่สะใภ้ก็มั่นใจถึงเพียงนั้น ว่าเป็นฝีมือของเซวียนหลิงหรือ? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเซวียนอี๋ที่ล้มเองก็ได้ ปกติแล้ว เซวียนหลิงแม้แต่มดตัวเดียวก็ยังไม่กล้าทำร้าย แล้วจะลงมือทำร้ายคนได้อย่างไร”นางเพิ่งกล่าวจบ เสียงของกู้เซวียนหลิงก็ดังขึ้นมาว่า “ท่านแม่ เป็น เป็นข้าที่ผลักพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”เมื่อนางเฉินได้ยิน ก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด นางหันไปด้วยสีหน้าแข็งค้าง มองบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 99

    ใบหน้าของนางจางร้อนผะผ่าว ทั้งที่ลูกสาวของนางร้องไห้แถมยังบาดเจ็บด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายผู้ที่ผิดกลับเป็นบุตรสาวของนาง?เมื่อได้ยินนางเฉินพูดเช่นนั้น สีหน้าของนางก็ไม่น่ามองเป็นอย่างมาก การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ยกระดับไปถึงว่าจะทำให้มารดาของสามีโกรธจนป่วยหรือไม่ ทำให้นางจบเรื่องอย่างลำบาก หากตำหนินิดหน่อยแล้วลงโทษเพียงเล็กน้อย ก็เท่ากับว่านางให้ท้ายบุตรสาว ไม่เห็นสุขภาพของมารดาของสามีอยู่ในสายตา กระทั่งตัวนางเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของบุตรสาวด้วยนางมองบุตรสาวที่น้ำตานองหน้า เมื่อครู่คิดว่าเซวียนหลิงเป็นคนผิด จึงเรียกร้องให้นางเฉินลงโทษเซวียนหลิงอย่างหนัก ตอนนี้เมื่อพบว่าคนที่ผิดคือเซวียนอี๋ หากไม่ลงโทษอย่างหนัก นางก็ไม่อาจสงบเรื่องนี้ลงได้ส่วนเรื่องจะลงโทษหนักอย่างไรนั้น?นางนึกถึงกู้ซิวหมิงที่เวลานี้ยังสำนึกผิดและคัดกฎตระกูลอยู่ในโถงบรรพชน ในใจคิดว่า กู้ซิวหมิงที่เป็นถึงซื่อจื่อของจวนโหว เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของทายาทสายตรง ยังถูกโบยไปถึงยี่สิบห้าแส้ คัดกฎสกุลร้อยจบ และกักบริเวณอยู่ในโถงบรรพชนหนึ่งเดือนเมื่อมีตัวอย่างเช่นนี้อยู่ก่อน ลูกสาวของนางทั้งพูดจาล่วงเกินมารดาของสามี ท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 100

    นางเฉินกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องขอบคุณน้องสะใภ้สาม เพราะเมื่อครู่ น้องสะใภ้สามปรากฏตัวได้ทันเวลา จึงช่วยหยุดเซวียนอี๋ไม่ให้ตบเซวียนหลิงได้ เด็กคนนั้นมีกำลังค่อนข้างมาก หากมิใช่เพราะเจ้าปรากฏตัว เซวียนหลิงที่ตัวคนเดียวคงถูกนางจับตัวไว้แล้วทุบตีเป็นแน่ ไม่แน่ว่าใบหน้าอาจถูกข่วนจนเป็นรอยไปด้วย” เมื่อฟังถึงจุดนี้ ในใจของกู้เซวียนหลิงก็ยิ่งหวาดกลัว มิใช่มารดาเอกพูดเกินจริง เพราะเมื่อพี่หญิงใหญ่ข่วนคนขึ้นมา นางก็ไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมาจริงๆ ตัวนางถึงวัยที่จะต้องพูดคุยเรื่องการแต่งงานแล้ว หากเสียโฉมขึ้นมายังจะแต่งงานได้อย่างไร? โชคยังดีที่อาสะใภ้สามมาได้ทันเวลาเมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่อยากฟังคนขอบคุณไปขอบคุณมา นางถามไถ่เรื่องสารทุกข์สุกดิบกับนางเฉินสองสามคำ จากนั้นก็นำสาวใช้จากไประหว่างทาง เมื่อนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของนางเฉิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ถอนใจว่า “เซวียนหลิง เด็กคนนี้ถือว่ามีวาสนา ที่มีมารดาใหญ่เช่นนี้คอยปกป้อง”ชุนหลิ่วค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดนี้เป็นอย่างมาก เอ่ยปากตอบว่า “คุณหนูรองทั้งกตัญญูต่อมารดาใหญ่และรู้ความ ยามฟางอี๋เหนียงยังมีชีวิตอยู่ก็อ่อนโยนรู้หน้าที่ ไม่แก่ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 101

    เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยากลับถึงเรือนเวยหรุยเซวียน ก็จวนจะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ทว่านางไม่อยากกินอาหารเท่าใดนัก สักพักจึงได้มอบอาหารให้กับสาวใช้ไม่กี่คนไปแบ่งกันกิน แล้วให้ห้องครัวทำโจ๊กไก่ฉีก ดังนั้นต้องรอนานสักหน่อยถึงจะสามารถทานได้ จึงได้ทานขนมสองไปชิ้นเพื่อรองท้องก่อนเมื่อชิงชิวเข้ามาในห้อง ก็มองเห็นนางนั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยริมหน้าต่าง มือข้างหนึ่งวางอยู่บนขอบหน้าต่าง พลางเท้าคางไว้ที่หลังมือ มองไปยังท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ไม่รู้กำลังขบคิดเรื่องอันใดอยู่ชิงชิวเดินไปหานาง พลางถามด้วยความเป็นห่วง “ฮูหยิน ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ?” เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ดึงสติกลับมา ดวงตาทั้งคู่ค่อย ๆ ฟื้นความสว่างใส พลางคลี่ยิ้ม “ไม่มีอันใด แค่คิดเรื่องบางอย่างเท่านั้น”ชิงชิวทั้งเชื่อแล้วก็ทั้งสงสัย แต่ว่าในเมื่อนายหญิงไม่อยากเอ่ยถึง นางก็จะไม่จมอยู่กับคำถามนี้อีก จึงเปลี่ยนมาถามด้วยความอยากรู้ “ฮูหยิน ปกติท่านไม่ชอบยุ่งเรื่องเช่นนี้ของผู้อื่น ไยวันนี้ถึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เล่าเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างเรียบเฉย “คงเป็นเพราะเคยตากฝนมาก่อน ถึง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 102

    เมิ่งจิ่นเหยาแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ในภายภาคหน้ายังต้องหาสามีในอุดมคติให้เจ้ากับหนิงตงสักคนแล้วส่งพวกเจ้าออกเรือนด้วย”ชิงชิวส่ายศีรษะอย่างร้อนรน “ข้าน้อยไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ อยากอยู่ข้างกายของฮูหยินตลอดไป”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สตรีซื่อบื้อ อย่าได้คิดเช่นนั้นเชียว ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เจ้าเสียเวลาไปทั้งชีวิตได้หรอก เมื่อพบกับบุรุษดีที่พึงใจก็สามารถใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานได้แล้ว ข้าเป็นฮูหยินท่านโหว ถึงอย่างไรสถานะนี้ก็สามารถสนับสนุนเจ้าได้ ทำให้ครอบครัวสามีไม่กล้ารังแกพวกเจ้าแม้แต่นิดเดียว” ชิงชิวตอบกลับไปว่า “ฮูหยิน ข้าน้อยไม่รู้สึกว่าการอยู่เคียงข้างท่านเป็นการเสียเวลาไปทั้งชีวิตเลยนะเจ้าคะ ข้าน้อยขอพูดตามตรง ข้าน้อยได้ตัดสินใจไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้วว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดเจ้าคะ”เมิ่งจิ่นเหยางงงัน ยากที่จะเข้าใจ “เหตุใดเล่า?”“ที่จริงข้าน้อยไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงานเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ คิดแต่เพียงว่าจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านเท่านั้น” ชิงชิวกล่าวพลางยกยิ้มเบา ๆ “การแต่งงานไม่ใช่เร

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status