แชร์

บทที่ 50

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
“เจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมอีกเหรอ?” ซ่งซินหนิงมองนางอย่างฉุนเฉียวแวบหนึ่ง ขอบตาแดงขึ้นทันที เสียงสะอึกสะอื้นแล้ว “เป็นแบบนี้แล้ว เจ้าหลอกข้าได้ที่ไหน? เจ้าคนสารเลวกู้ซิวหมิงหลบหนีการแต่งงานในวันแต่งงาน จะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมได้อย่างไร?”

เมิ่งจิ่นเหยาจูงนางมานั่งลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “กู้ซิวหมิงหนีการแต่งงานไปแล้ว แต่สกุลกู้ไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นบุรุษที่ยังไม่ได้แต่งงาน การแต่งงานถึงยังจัดขึ้นราบรื่นไม่ใช่หรือ”

ซ่งซินหนิงสูดจมูก บังคับให้น้ำตากลับไปก่อนจะตอบว่า “การแต่งงานจัดขึ้นราบรื่น แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนนอกกุเรื่องเจ้าว่าอย่างไรบ้าง?”

แม้เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็คาดเดาได้ว่าคนเหล่านั้นปั้นเรื่องของนางว่าอย่างไร จึงหัวเราะพลางเอ่ยว่า “บอกว่าสกุลเมิ่งเลี้ยงดูบุตรสาวไร้ยางอาย แต่งงานกับบุตรชายไม่ได้ก็จะแต่งงานกับบิดาแทน? เช่นนั้นก็ดีมากเหมือนกัน คนที่โดนนินทาไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียว ยังมีบิดาผู้แสนดีและมารดาเลี้ยงผู้แสนดีของข้าด้วย แม้แต่สกุลก็ไม่สามารถโชคดีรอดพ้นไปได้ ถึงอย่างไรสกุลกู้ก็เลี้ยงดูบุตรอกตัญญูที่ไม่ได้รับการอบร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 51

    เมิ่งจิ่นเหยามองสหายสนิทที่โศกเศร้าเสียแทนนาง ท่าทางซีดเซียวนั้นเห็นได้ชัดว่าเพราะเป็นห่วงนาง ไม่ได้นอนหลับสนิทมาหลายวัน นางรู้สึกซาบซึ้งใจไม่หยุด นอกจากสาวใช้สองคนข้างกายนางแล้ว บนโลกนี้ก็มีเพียงอาหนิงเท่านั้นที่เป็นห่วงและเสียใจกับเรื่องที่นางต้องเผชิญนางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาที่ไหลซึมจากหางตาของซ่งซินหนิงเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อาหนิง เป็นเพราะข้าไม่ได้โง่งม ดังนั้นถึงไม่ได้เลือกคุณชายรองหรือคุณชายสี่”ซ่งซินหนิงไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?” เมิ่งจิ่นเหยาเอ่ยอย่างไม่เดือดร้อนว่า “พวกเขาเป็นเด็กจากบ้านใหญ่และบ้านรองที่เกิดจากอนุภรรยา ส่วนกู้ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อของจวนโหว หากเลือกระหว่างพวกเขา แม้ว่าจะกลายเป็นพี่สะใภ้หรือน้องสะใภ้ของกู้ซิวหมิงได้สำเร็จ แต่ท้ายที่สุดยังคงอยู่ต่ำกว่าเขาหนึ่งขั้น คุณชายรองกับคุณชายสี่สามารถปกป้องข้าได้ที่ไหนกัน? มีเพียงกู้จิ่งซีคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ เขาเป็นบิดาของกู้ซิวหมิง สามารถปราบกู้ซิวหมิงได้” ซ่งซินหนิงได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไป ก่อนจะใคร่ครวญคำพูดของนางอย่างละเอียด ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยพยักหน้าเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นถามอีกว่า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 52

    เมิ่งจิ่นเหยาค่อนข้างแปลกใจ ก่อนจะถามอย่างสนใจว่า “นางพูดจาดี ๆ เพื่อข้าหรือ? นางพูดว่าอะไรหรือ?”“นางบอกว่า” ซ่งซินหนิงกระแอมไอเบา ๆ สองครั้ง แล้วบีบเสียงเลียนแบบน้ำเสียงของเมิ่งจิ่นอวี้ “พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไร? พี่หญิงใหญ่ของข้ากับพี่เขยใหญ่รักใคร่กลมเกลียวกัน ถึงไม่ได้ถูกเมินเฉย วันที่พี่หญิงใหญ่กลับบ้าน ทุกคนในสกุลเมิ่งของเราเห็นชัดเจนว่าพี่เขยใหญ่ปฏิบัติต่อพี่หญิงใหญ่เรียกได้ว่ารักใคร่เอาใจใส่อย่างยิ่ง” เมื่อกล่าวจบ เมิ่งจิ่นเหยาก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “เมิ่นจิ่นอวี้เรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้นแล้ว แต่ว่าสมองของนางคิดเรื่องการณ์ไกลมากนักไม่ได้หรอก น่าจะเป็นแม่เลี้ยงของข้าที่สอนมาดี”ซ่งซินหนิงยังไม่ทันตั้งสติกลับมา “หมายความว่าอะไร?”เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน ก่อนจะกล่าวเหน็บแนมว่า “ข้ามีชีวิตที่ดีในสกุลกู้ ได้รับความรักจากสามี ต่อให้ครอบครัวสามีของข้าไม่ได้สนับสนุนพวกเขา แต่พวกเขาก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากในนั้น เมื่อออกจากบ้านผู้อื่นจะเห็นแก่จวนฉางซินโหว ไว้หน้าบาง ๆ พวกเขาเล็กน้อย ดังนั้น พวกเขาทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงข้างนอก มีประโยชน์อัน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 53

    “ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ นะ ทั้งหมดต้องโทษลูกน้องที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ข่าวจึงไม่ถูกต้อง”ฉีอวิ้นเหวินทำหน้าไร้เดียงสา และจนปัญญาเล็กน้อย นึกถึงบทสนทนาที่ลอบฟังเมื่อครู่นี้ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะขยิบตาให้กู้จิ่งซี แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ตาแก่ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ปกติเจ้าดูเหมือนพระ แต่ยังมักมากด้วยเนี่ยนะ” “...”กู้จิ่งซีไร้คำพูดตอบโต้ไปชั่วขณะ เรื่องในคืนวันก่อนนั้นเป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยผู้นั้นยังจะเล่าให้สหายสนิทฟังว่าเขาเป็นคนมักมาก ส่วนตาแก่อะไรนั่น เขาคิดว่าตนเองยังหนุ่ม ยังห่างไกลจากการกลายเป็นตาแก่อีกหลายสิบปีเมื่อเห็นเขาเงียบไม่พูดไม่จา ฉีอวิ้นเหวินก็ประหลาดใจ มองสหายสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณารอบหนึ่ง เมื่อมองดูรูปลักษณ์ที่แต่งกายงดงามเหมาะสม เคร่งขรึมจริงจัง ไม่ใกล้เคียงกับคนมักมากเลย เขาจึงเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อและสงสัยใคร่รู้ว่า “เย่าหลิง เจ้าคงไม่ได้มักมากจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่? เจ้าดูเคร่งขรึมตรงไปตรงไปมามาก มองไม่ออกเลยจริง ๆ” กู้จิ่งซีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” ฉีอวิ้นเหวินใคร่ครวญแล้วหัวเราะพลางกล่าวว่า “ภร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 54

    แม้ความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่เขายังคงปลอบโยนอย่างจริงจังว่า “เย่าหลิง นางยังเด็กอยู่เลย อายุยังน้อยกว่าบุตรชายของเจ้าเสียอีก แม่นางน้อยก่อความวุ่นวายบ้างก็เป็นเรื่องปกติมาก เจ้าให้อภัยเสียบ้าง ไว้ผ่านไปอีกไม่กี่ปีนิสัยก็จะสุขุมขึ้น คงไม่ก่อความวุ่นวายแล้ว”กู้จิ่งซีเงียบไป เขาคิดว่าผ่านไปไม่กี่ปีก็คงก่อความวุ่นวายเหมือนเดิม เมื่อเห็นสีหน้าอยากนินทาของสหายสนิท เขาก็ไม่อยากคุยหัวข้อนี้ต่อไปอีก ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เจ้าก็ตามคดีนี้ต่อเอง ตรวจสอบจุดที่น่าสงสัยให้กระจ่างแล้วปิดคดีภายในครึ่งเดือน ต่อไปอย่ามาหาข้าพร้อมกับข่าวเท็จเช่นนี้อีก”“หา?” ฉีอวิ้นเหวินตะลึงงัน ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ พลางกล่าวว่า “เย่าหลิง นี่เป็นเรื่องไม่คาดคิด ทั้งหมดต้องโทษลูกน้องที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ไว้ใจไม่ได้” กู้จิ่งซีปรายตามองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “ข้าจะกลับก่อน เจ้าก็ทำงานต่อไป ตอนนี้ข้ายังอยู่ในช่วงลาหยุดแต่งงาน คราวหน้าหากไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็อย่ามาหาข้า”ฉีอวิ้นเหวินผงกศีรษะ ลอบด่าผู้ใต้บังคับบัญชาในใจว่าไว้ใจไม่ได้ ทำให้พวกเขาสองคนเดินทางมาอย่างเสียเปล่า หากรู้แต่แรก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 55

    เสียงของซ่งซินหนิงไม่ดัง แต่ก็ไม่เบาเช่นกัน ไม่เพียงเมิ่งจิ่นเหยาที่ได้ยิน แม้แต่กู้จิ่งซีกับฉีอวิ้นเหวินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน เวลานี้ ราวกับว่าอากาศหยุดนิ่งก็ไม่ปาน บรรยากาศอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งระเบียงทางเดิน เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้นฉับพลัน เผลอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วมองไปทางด้านขวา ก่อนจะเห็นกู้จิ่งซีผู้เป็นสามีของนางจริง ๆ ชั่วพริบตาที่ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน บุรุษผู้นั้นมองนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นางทำสีหน้าแข็งทื่อ รู้สึกร้อนตัวเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกคับขันจนอยากจะหลบหนีไป นี่มันเรื่องอะไรกัน?ไม่นานมานี้ยังพูดคุยถึงเขา ถึงขนาดที่เมื่อครู่นี้ยังบอกว่าเขาเป็นตาแก่ เวลานี้เจอกันตรง ๆ เขาได้ยินคำว่า ‘ตาแก่’ นั้นอย่างชัดเจนนางกะตำแหน่งที่กู้จิ่งซีอยู่ทางสายตา เป็นหน้าประตูห้องรับรองส่วนตัวที่อยู่ถัดจากห้องของพวกนางไปหนึ่งห้อง ยังมีห้องรับรองส่วนตัวกั้นระหว่างห้องของพวกนางอยู่หนึ่งห้องพอดี ในเมื่อมีห้องรับรองส่วนตัวกั้นอยู่หนึ่งห้อง เช่นนั้นบทสนทนาของพวกนางภายในห้องรับรองส่วนตัว แม้จะมีเสียงดังขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่กู้จิ่งซีย่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 56

    น้าหลานทั้งสองได้จากไปแล้ว สาวใช้ของซ่งซินหนิงเดินตามหลังพวกเขาไปติด ๆไม่นานบนระเบียงทางเดินก็เหลือเพียงเมิ่งจิ่นเหยาและสามี รวมถึงสองสาวใช้ชิงชิวและหนิงตงที่กำลังก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกละอายใจบนระเบียงทางเดินเงียบสงบยิ่งนัก บรรยากาศค่อนข้างกระอักกระอ่วนเมิ่งจิ่นเหยากับกู้จิ่งซีสบตากันชั่วขณะ นางคิดจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของกู้จิ่งซี นางก็ลังเลที่จะเอ่ยออกมา อึดอัดใจเสียจนสามารถใช้นิ้วเท้าขุดดินได้ขนาดย่อม ๆ เขาได้ยินคำพูดของอาหนิงเมื่อครู่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งท้ายที่สุด เป็นกู้จิ่งซีที่ทำลายความเงียบ “ฮูหยินยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีแล้ว ท่านพี่ยังมีธุระอันใดอีกหรือไม่?”กู้จิ่งซีกล่าว “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นก็กลับจวนกันเถิด”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ มองเห็นกู้จิ่งซีหันหลังและเดินไปที่บันไดแล้ว นางลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงก้าวเท้าตามไป อาหนิงไปกับใต้เท้าฉีแล้ว นางไม่มีเรื่องอันใดอีก กลับไปก่อนก็ดีเหมือนกันเมื่อสองสามีภรรยาออกมาจากร้านฉาหราน ก็เดินทางกลับจวนในทันท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 57

    เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้อยากอธิบายเลยสักนิด นางคิดแต่เพียงว่าจะแก้ตัว จึงฝืนยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “หากข้าบอกว่า ข้าไม่เคยพูดคำพูดเช่นนั้น ท่านพี่จะเชื่อหรือไม่?”กู้จิ่งซีกล่าวออกมาอย่างแฝงไปด้วยความหมาย “ฮูหยินกำลังใช้มโนธรรมของตนบอกกับข้าว่า เจ้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นงั้นหรือ?”“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ข้าจะพูดถึงสามีของตนเองเช่นนั้นต่อหน้าสหายได้อย่างไรกัน?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างไม่ต้องคิด ไม่ยอมรับท่าเดียว ละทิ้งเรื่องมโนธรรมอะไรเอาไว้ด้านข้างก่อนเมื่อเห็นแม่นางน้อยกำลังมองตนเองด้วยรอยยิ้มสดใส แววตาคู่นั้นไร้เดียงสามากเสียจนกู้จิ่งซีรู้ว่านางไม่มีทางยอมรับเป็นแน่ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฮูหยินบอกว่าไม่ เช่นนั้นก็ไม่ ข้าเชื่อฮูหยิน”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าไม่เคยพูดเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีพยักหน้าส่งเสียง “อืม” พลางกล่าวยิ้มหวาน “ฮูหยินเป็นภรรยาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม มิใช่คนที่จะพูดจาว่าร้ายลับหลังสามีเสียหน่อย”เมิ่งจิ่นเหยาสำลัก “…”ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อสิ ไยต้องมากระทบกระเทียบกันด้วยเล่า?กู้จิ่งซีไม่ใส่ใจหัวข้อสนทนานี้อีก เขาเลิกผ้า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 58

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบ ถึงแม้นางจะไม่เคยคิดถึงเรื่องบุตรมาก่อน ทว่าบุตรบุญธรรมอย่างกู้ซิวหมิงไม่มีทางดีต่อนางเป็นแน่ หากวันใดวันหนึ่งกู้จิ่งซีไม่อยู่แล้ว วันเวลาที่ดีของนางคงจะต้องถึงจุดสิ้นสุด หากว่ากู้ซิวหมิงบุตรบุญธรรมของนางผู้นั้นมีลูกมีหลาน และลูกหลานมากมายพวกนั้นกลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนางเลย ผนวกกับกู้ซิวหมิงกับนางไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในภายภาคหน้าครอบครัวของกู้ซิวหมิงคงจะจัดการกับหญิงชราที่อายุมากแล้วอย่างนางมีคนน้อยกว่าย่อมไม่อาจต้านทานผู้ที่มีมากกว่าได้ ช่างเป็นบั้นปลายชีวิตที่รันทดยิ่งนักเมื่อพิจารณาทุกสิ่งแล้ว ข้อเสนอของชิงชิวนั้นยอดเยี่ยมมาก นางพยักหน้าตอบ “ตอนนี้ข้ายังไม่คิดจะรับเลี้ยงบุตร อีกสักสองสามปีข้าค่อยพูดเรื่องนี้กับท่านโหวอีกที”เมื่อหนิงตงได้ฟัง ก็มีรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้าในทันที น้ำเสียงเจือไปด้วยความตื่นเต้น กล่าวด้วยเสียงอันเบา “ฮูหยิน ซื่อจื่อไร้ความรับผิดชอบ ขาดคุณธรรม คาดว่าเมื่อจวนโหวอยู่ในมือของเขาคงจะต้องตกต่ำเช่นกัน หากท่านรับอุปการคุณชายน้อยสักคน เลี้ยงดูคุณชายน้อยให้เป็นคนที่ยอดเยี่ยม ก็จะสามารถมาแทนที่ตำแหน่งซื่อจื่อได้นะเจ้

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 267

    จวนฉางซินโหว เรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย กำลังฟังชุนหลิ่วกับหนิงตงอ่านบันทึกเรื่องเล่าแปลกประหลาด ชุนหลิ่วรับผิดชอบอ่านบทบรรยาย ส่วนหนิงตงอ่านบทสนทนาชิงชิวอยู่ด้านหนึ่งคอยปอกเมล็ดแตงให้เมิ่งจิ่นเหยา ส่วนเซี่ยจู๋ก็คอยพัดวีให้เมิ่งจิ่นเหยาอยู่อีกด้านหนึ่งวันนี้ไม่ถือว่าร้อนนัก ในช่วงไม่กี่ชั่วยามที่ร้อนที่สุด ภายในห้องจะวางตู้น้ำแข็งเอาไว้เพื่อลดอุณหภูมิ เมื่อผ่านยามเซินไปแล้วจะไม่ร้อนเท่าใดนัก ก็จะนำตู้น้ำแข็งออก ภายในห้องยังหลงเหลือความเย็นสบายอยู่เล็กน้อย แค่พัดสักนิดหน่อยก็พอแล้วเมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาลงอย่างสบาย ช่างสำราญใจยิ่งนักเมื่อกู้จิ่งซีกลับมา ก็มองเห็นฉากนี้ เขาตะลึงงันเล็กน้อย แม่นางน้อยที่อยู่แต่ในเรือนมิดชิดช่างรู้จักเพลิดเพลินใจยิ่งนัก เขาไม่เคยให้สาวใช้สองสามคนมาปรนนิบัติเช่นนี้เสพสุขขนาดนี้มาก่อน “ท่านโหว”เมื่อสาวใช้ทั้งสี่คนมองเห็นกู้จิ่งซี ก็รีบคารวะให้เขาเมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามอง บุรุษในชุดขุนนางสีแดงเข้มกำลังก้าวเท้าเดินมาทางนาง จึงส่งเสียงเรียกออกมา “ท่านพี่” เมื่อสังเกตเห็นกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือของเขา ก็เอ่ยถามอีกว่า “ท่านพี

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 266

    กู้จิ่งซีกล่าว “ร่างกายของสตรีเทียบไม่ได้กับบุรุษ ยิ่งต้องระวังสุขภาพให้ดี อย่าสัมผัสความเย็น หากความเย็นเข้าสู่ร่างกายจะได้รับความทรมานได้ หากว่าง่วงนอนก็กลับไปนอนที่เตียง ระวังจะเป็นหวัดเอา”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อคิดถึงสุขภาพของตนเอง ดวงตาก็หม่นลง หันมาพยักหน้าแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว” กล่าวจบ นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้ท่านพี่มีเวลาหรือไม่เจ้าคะ? มิสู้พวกเรามาเดินหมากกันสักตาดีไหมเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบรับอย่างยินดี “ได้”เมิ่งจิ่นเหยาไปเอากระดานหมากมา ทั้งสองคนเดินหมากกันผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม แพ้ชนะก็ได้ถูกตัดสิน ผลลัพธ์ไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย เมิ่งจิ่นเหยาพ่ายแพ้แล้ว นางกำลังมองดูกระดานหมาก แม้เสียใจก็สายไปแล้วกู้จิ่งซีเห็นนางขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ท่าทางแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปในทันที มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจนยากที่จะมองเห็น พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน เมื่อวานข้าก็บอกเจ้าแล้ว การระแวดระวังนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากระมัดระวังมากเกินไปจะเสียเรื่องได้ง่าย ตอนนี้แพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์”เมิ่งจิ่นเหยาไม่ย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status