แชร์

บทที่ 52

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-11 18:53:17
เมิ่งจิ่นเหยาค่อนข้างแปลกใจ ก่อนจะถามอย่างสนใจว่า “นางพูดจาดี ๆ เพื่อข้าหรือ? นางพูดว่าอะไรหรือ?”

“นางบอกว่า” ซ่งซินหนิงกระแอมไอเบา ๆ สองครั้ง แล้วบีบเสียงเลียนแบบน้ำเสียงของเมิ่งจิ่นอวี้ “พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไร? พี่หญิงใหญ่ของข้ากับพี่เขยใหญ่รักใคร่กลมเกลียวกัน ถึงไม่ได้ถูกเมินเฉย วันที่พี่หญิงใหญ่กลับบ้าน ทุกคนในสกุลเมิ่งของเราเห็นชัดเจนว่าพี่เขยใหญ่ปฏิบัติต่อพี่หญิงใหญ่เรียกได้ว่ารักใคร่เอาใจใส่อย่างยิ่ง”

เมื่อกล่าวจบ เมิ่งจิ่นเหยาก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “เมิ่นจิ่นอวี้เรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้นแล้ว แต่ว่าสมองของนางคิดเรื่องการณ์ไกลมากนักไม่ได้หรอก น่าจะเป็นแม่เลี้ยงของข้าที่สอนมาดี”

ซ่งซินหนิงยังไม่ทันตั้งสติกลับมา “หมายความว่าอะไร?”

เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน ก่อนจะกล่าวเหน็บแนมว่า “ข้ามีชีวิตที่ดีในสกุลกู้ ได้รับความรักจากสามี ต่อให้ครอบครัวสามีของข้าไม่ได้สนับสนุนพวกเขา แต่พวกเขาก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากในนั้น เมื่อออกจากบ้านผู้อื่นจะเห็นแก่จวนฉางซินโหว ไว้หน้าบาง ๆ พวกเขาเล็กน้อย ดังนั้น พวกเขาทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงข้างนอก มีประโยชน์อัน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 53

    “ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ นะ ทั้งหมดต้องโทษลูกน้องที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ข่าวจึงไม่ถูกต้อง”ฉีอวิ้นเหวินทำหน้าไร้เดียงสา และจนปัญญาเล็กน้อย นึกถึงบทสนทนาที่ลอบฟังเมื่อครู่นี้ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะขยิบตาให้กู้จิ่งซี แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ตาแก่ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ปกติเจ้าดูเหมือนพระ แต่ยังมักมากด้วยเนี่ยนะ” “...”กู้จิ่งซีไร้คำพูดตอบโต้ไปชั่วขณะ เรื่องในคืนวันก่อนนั้นเป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยผู้นั้นยังจะเล่าให้สหายสนิทฟังว่าเขาเป็นคนมักมาก ส่วนตาแก่อะไรนั่น เขาคิดว่าตนเองยังหนุ่ม ยังห่างไกลจากการกลายเป็นตาแก่อีกหลายสิบปีเมื่อเห็นเขาเงียบไม่พูดไม่จา ฉีอวิ้นเหวินก็ประหลาดใจ มองสหายสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณารอบหนึ่ง เมื่อมองดูรูปลักษณ์ที่แต่งกายงดงามเหมาะสม เคร่งขรึมจริงจัง ไม่ใกล้เคียงกับคนมักมากเลย เขาจึงเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อและสงสัยใคร่รู้ว่า “เย่าหลิง เจ้าคงไม่ได้มักมากจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่? เจ้าดูเคร่งขรึมตรงไปตรงไปมามาก มองไม่ออกเลยจริง ๆ” กู้จิ่งซีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” ฉีอวิ้นเหวินใคร่ครวญแล้วหัวเราะพลางกล่าวว่า “ภร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 54

    แม้ความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่เขายังคงปลอบโยนอย่างจริงจังว่า “เย่าหลิง นางยังเด็กอยู่เลย อายุยังน้อยกว่าบุตรชายของเจ้าเสียอีก แม่นางน้อยก่อความวุ่นวายบ้างก็เป็นเรื่องปกติมาก เจ้าให้อภัยเสียบ้าง ไว้ผ่านไปอีกไม่กี่ปีนิสัยก็จะสุขุมขึ้น คงไม่ก่อความวุ่นวายแล้ว”กู้จิ่งซีเงียบไป เขาคิดว่าผ่านไปไม่กี่ปีก็คงก่อความวุ่นวายเหมือนเดิม เมื่อเห็นสีหน้าอยากนินทาของสหายสนิท เขาก็ไม่อยากคุยหัวข้อนี้ต่อไปอีก ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เจ้าก็ตามคดีนี้ต่อเอง ตรวจสอบจุดที่น่าสงสัยให้กระจ่างแล้วปิดคดีภายในครึ่งเดือน ต่อไปอย่ามาหาข้าพร้อมกับข่าวเท็จเช่นนี้อีก”“หา?” ฉีอวิ้นเหวินตะลึงงัน ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ พลางกล่าวว่า “เย่าหลิง นี่เป็นเรื่องไม่คาดคิด ทั้งหมดต้องโทษลูกน้องที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ไว้ใจไม่ได้” กู้จิ่งซีปรายตามองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “ข้าจะกลับก่อน เจ้าก็ทำงานต่อไป ตอนนี้ข้ายังอยู่ในช่วงลาหยุดแต่งงาน คราวหน้าหากไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็อย่ามาหาข้า”ฉีอวิ้นเหวินผงกศีรษะ ลอบด่าผู้ใต้บังคับบัญชาในใจว่าไว้ใจไม่ได้ ทำให้พวกเขาสองคนเดินทางมาอย่างเสียเปล่า หากรู้แต่แรก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 55

    เสียงของซ่งซินหนิงไม่ดัง แต่ก็ไม่เบาเช่นกัน ไม่เพียงเมิ่งจิ่นเหยาที่ได้ยิน แม้แต่กู้จิ่งซีกับฉีอวิ้นเหวินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน เวลานี้ ราวกับว่าอากาศหยุดนิ่งก็ไม่ปาน บรรยากาศอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งระเบียงทางเดิน เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้นฉับพลัน เผลอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วมองไปทางด้านขวา ก่อนจะเห็นกู้จิ่งซีผู้เป็นสามีของนางจริง ๆ ชั่วพริบตาที่ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน บุรุษผู้นั้นมองนางอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นางทำสีหน้าแข็งทื่อ รู้สึกร้อนตัวเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกคับขันจนอยากจะหลบหนีไป นี่มันเรื่องอะไรกัน?ไม่นานมานี้ยังพูดคุยถึงเขา ถึงขนาดที่เมื่อครู่นี้ยังบอกว่าเขาเป็นตาแก่ เวลานี้เจอกันตรง ๆ เขาได้ยินคำว่า ‘ตาแก่’ นั้นอย่างชัดเจนนางกะตำแหน่งที่กู้จิ่งซีอยู่ทางสายตา เป็นหน้าประตูห้องรับรองส่วนตัวที่อยู่ถัดจากห้องของพวกนางไปหนึ่งห้อง ยังมีห้องรับรองส่วนตัวกั้นระหว่างห้องของพวกนางอยู่หนึ่งห้องพอดี ในเมื่อมีห้องรับรองส่วนตัวกั้นอยู่หนึ่งห้อง เช่นนั้นบทสนทนาของพวกนางภายในห้องรับรองส่วนตัว แม้จะมีเสียงดังขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่กู้จิ่งซีย่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 56

    น้าหลานทั้งสองได้จากไปแล้ว สาวใช้ของซ่งซินหนิงเดินตามหลังพวกเขาไปติด ๆไม่นานบนระเบียงทางเดินก็เหลือเพียงเมิ่งจิ่นเหยาและสามี รวมถึงสองสาวใช้ชิงชิวและหนิงตงที่กำลังก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกละอายใจบนระเบียงทางเดินเงียบสงบยิ่งนัก บรรยากาศค่อนข้างกระอักกระอ่วนเมิ่งจิ่นเหยากับกู้จิ่งซีสบตากันชั่วขณะ นางคิดจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของกู้จิ่งซี นางก็ลังเลที่จะเอ่ยออกมา อึดอัดใจเสียจนสามารถใช้นิ้วเท้าขุดดินได้ขนาดย่อม ๆ เขาได้ยินคำพูดของอาหนิงเมื่อครู่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งท้ายที่สุด เป็นกู้จิ่งซีที่ทำลายความเงียบ “ฮูหยินยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีแล้ว ท่านพี่ยังมีธุระอันใดอีกหรือไม่?”กู้จิ่งซีกล่าว “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นก็กลับจวนกันเถิด”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ มองเห็นกู้จิ่งซีหันหลังและเดินไปที่บันไดแล้ว นางลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงก้าวเท้าตามไป อาหนิงไปกับใต้เท้าฉีแล้ว นางไม่มีเรื่องอันใดอีก กลับไปก่อนก็ดีเหมือนกันเมื่อสองสามีภรรยาออกมาจากร้านฉาหราน ก็เดินทางกลับจวนในทันท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 57

    เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้อยากอธิบายเลยสักนิด นางคิดแต่เพียงว่าจะแก้ตัว จึงฝืนยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “หากข้าบอกว่า ข้าไม่เคยพูดคำพูดเช่นนั้น ท่านพี่จะเชื่อหรือไม่?”กู้จิ่งซีกล่าวออกมาอย่างแฝงไปด้วยความหมาย “ฮูหยินกำลังใช้มโนธรรมของตนบอกกับข้าว่า เจ้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นงั้นหรือ?”“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ข้าจะพูดถึงสามีของตนเองเช่นนั้นต่อหน้าสหายได้อย่างไรกัน?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างไม่ต้องคิด ไม่ยอมรับท่าเดียว ละทิ้งเรื่องมโนธรรมอะไรเอาไว้ด้านข้างก่อนเมื่อเห็นแม่นางน้อยกำลังมองตนเองด้วยรอยยิ้มสดใส แววตาคู่นั้นไร้เดียงสามากเสียจนกู้จิ่งซีรู้ว่านางไม่มีทางยอมรับเป็นแน่ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฮูหยินบอกว่าไม่ เช่นนั้นก็ไม่ ข้าเชื่อฮูหยิน”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าไม่เคยพูดเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีพยักหน้าส่งเสียง “อืม” พลางกล่าวยิ้มหวาน “ฮูหยินเป็นภรรยาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม มิใช่คนที่จะพูดจาว่าร้ายลับหลังสามีเสียหน่อย”เมิ่งจิ่นเหยาสำลัก “…”ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อสิ ไยต้องมากระทบกระเทียบกันด้วยเล่า?กู้จิ่งซีไม่ใส่ใจหัวข้อสนทนานี้อีก เขาเลิกผ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 58

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบ ถึงแม้นางจะไม่เคยคิดถึงเรื่องบุตรมาก่อน ทว่าบุตรบุญธรรมอย่างกู้ซิวหมิงไม่มีทางดีต่อนางเป็นแน่ หากวันใดวันหนึ่งกู้จิ่งซีไม่อยู่แล้ว วันเวลาที่ดีของนางคงจะต้องถึงจุดสิ้นสุด หากว่ากู้ซิวหมิงบุตรบุญธรรมของนางผู้นั้นมีลูกมีหลาน และลูกหลานมากมายพวกนั้นกลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนางเลย ผนวกกับกู้ซิวหมิงกับนางไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในภายภาคหน้าครอบครัวของกู้ซิวหมิงคงจะจัดการกับหญิงชราที่อายุมากแล้วอย่างนางมีคนน้อยกว่าย่อมไม่อาจต้านทานผู้ที่มีมากกว่าได้ ช่างเป็นบั้นปลายชีวิตที่รันทดยิ่งนักเมื่อพิจารณาทุกสิ่งแล้ว ข้อเสนอของชิงชิวนั้นยอดเยี่ยมมาก นางพยักหน้าตอบ “ตอนนี้ข้ายังไม่คิดจะรับเลี้ยงบุตร อีกสักสองสามปีข้าค่อยพูดเรื่องนี้กับท่านโหวอีกที”เมื่อหนิงตงได้ฟัง ก็มีรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้าในทันที น้ำเสียงเจือไปด้วยความตื่นเต้น กล่าวด้วยเสียงอันเบา “ฮูหยิน ซื่อจื่อไร้ความรับผิดชอบ ขาดคุณธรรม คาดว่าเมื่อจวนโหวอยู่ในมือของเขาคงจะต้องตกต่ำเช่นกัน หากท่านรับอุปการคุณชายน้อยสักคน เลี้ยงดูคุณชายน้อยให้เป็นคนที่ยอดเยี่ยม ก็จะสามารถมาแทนที่ตำแหน่งซื่อจื่อได้นะเจ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 59

    เวยหรุยเซวียนนายบ่าวสามคนกลับถึงเวยหรุยเซวียน เมิ่งจิ่นเหยาคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อฆ่าเวลา แต่กลับรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งที่ตนหลงลืมไป แต่ก็ไม่สามารถคิดออกได้ในทันทีนางมองไปที่ชิงชิว พลางถามว่า “ชิงชิว ข้ายังมีเรื่องอันใดที่ยังไม่ได้ทำอีกหรือไม่?”ชิงชิวชะงักเล็กน้อย ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า “ฮูหยิน ช่วงนี้ท่านไม่ได้บอกให้ข้าน้อยช่วยเตือนเรื่องอันใดเลยเจ้าค่ะ” “ไม่มีงั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาขมวดคิ้วรูปพระจันทร์เสี้ยวขึ้นเล็กน้อย ไยนางถึงรู้สึกว่ามีเรื่องอันใดต้องไปทำอยู่เล่า?ชิงชิวส่ายศีรษะอีกครั้ง พลางกล่าวยืนยัน “ไม่มีจริง ๆ เจ้าค่ะ เป็นเพราะช่วงนี้ฮูหยินมีเรื่องรบกวนจิตใจเลยทำให้ตนเองสับสนหรือไม่เจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พยักหน้า สิ่งนี้มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าบ่าวหนีไปในวันแต่งงาน ถูกคนทั่วทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะ ไม่ว่าใครที่พบเจอล้วนแต่เรียกว่าโชคร้ายทั้งนั้น โชคดีที่เปลี่ยนเจ้าบ่าวที่น่าพึงพอใจได้อย่างกะทันหัน ทั้งยังสามารถดำเนินชีวิตร่วมกันต่อไปได้ มิเช่นนั้นคงต้องอึดอัดใจตายเป็นแน่ชิงชิวเกรงว่านางอารมณ์ไม่ดีแล้วจะเก็บก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 60

    สุดท้าย กู้จิ่งซีก็หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางลงไว้ด้วยกัน เงยหน้ามองไปที่แม่นางน้อย การแต่งกายของนางเมื่อเทียบกับพี่สะใภ้และหลานสาวแล้ว นับได้ว่าเรียบง่าย บนร่างกายไม่ได้มีเครื่องประดับมากมายนักสำหรับเสื้อผ้า เพิ่งจะแต่งเข้ามาจึงยังไม่ทันได้ตัดเย็บขึ้นใหม่ ถึงแม้เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่จะเป็นชุดใหม่ ทว่าสีเขียวเข้มค่อนข้างจะอึมครึม โชคดีที่นางมีรูปโฉมที่งดงาม มิเช่นนั้นคงจะข่มสีนี้ไม่อยู่เป็นแน่การสวมชุดเช่นนี้ ดูราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุม แต่กลับไม่ค่อยเหมาะกับดรุณีน้อยวัยแรกรุ่น แม่นางน้อยวัยนี้ควรจะแต่งสีสว่างสดใสหน่อย ไม่จำเป็นต้องแต่งกายราวกับเป็นผู้อาวุโสมากนักแต่เมื่อมองนางแล้วก็ไม่เหมือนผู้ที่มีนิสัยที่ราวกับเป็นผู้อาวุโสเช่นนั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ตอนนี้คงจะเป็นมารดาเลี้ยงนางซุนที่เป็นผู้หาช่างเย็บปักมาทำให้นาง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มารดาแท้ ๆ จะทุ่มเทเต็มที่ได้อย่างไรกัน? หากนางแต่งเข้ามาในจวนฉางซินโหว แต่แต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะต่ำกว่า เกรงว่าแม้แต่เสื้อผ้าชุดใหม่ก็คงจะไม่ตัดเย็บให้นางบุตรสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ ตระกูลเมิ่งไม่รู้จักเลี้ยงดู เช่นนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status