แชร์

บทที่ 57

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-11 18:53:17
เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้อยากอธิบายเลยสักนิด นางคิดแต่เพียงว่าจะแก้ตัว จึงฝืนยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “หากข้าบอกว่า ข้าไม่เคยพูดคำพูดเช่นนั้น ท่านพี่จะเชื่อหรือไม่?”

กู้จิ่งซีกล่าวออกมาอย่างแฝงไปด้วยความหมาย “ฮูหยินกำลังใช้มโนธรรมของตนบอกกับข้าว่า เจ้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นงั้นหรือ?”

“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ข้าจะพูดถึงสามีของตนเองเช่นนั้นต่อหน้าสหายได้อย่างไรกัน?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างไม่ต้องคิด ไม่ยอมรับท่าเดียว ละทิ้งเรื่องมโนธรรมอะไรเอาไว้ด้านข้างก่อน

เมื่อเห็นแม่นางน้อยกำลังมองตนเองด้วยรอยยิ้มสดใส แววตาคู่นั้นไร้เดียงสามากเสียจนกู้จิ่งซีรู้ว่านางไม่มีทางยอมรับเป็นแน่ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฮูหยินบอกว่าไม่ เช่นนั้นก็ไม่ ข้าเชื่อฮูหยิน”

เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าไม่เคยพูดเจ้าค่ะ”

กู้จิ่งซีพยักหน้าส่งเสียง “อืม” พลางกล่าวยิ้มหวาน “ฮูหยินเป็นภรรยาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม มิใช่คนที่จะพูดจาว่าร้ายลับหลังสามีเสียหน่อย”

เมิ่งจิ่นเหยาสำลัก “…”

ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อสิ ไยต้องมากระทบกระเทียบกันด้วยเล่า?

กู้จิ่งซีไม่ใส่ใจหัวข้อสนทนานี้อีก เขาเลิกผ้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 58

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบ ถึงแม้นางจะไม่เคยคิดถึงเรื่องบุตรมาก่อน ทว่าบุตรบุญธรรมอย่างกู้ซิวหมิงไม่มีทางดีต่อนางเป็นแน่ หากวันใดวันหนึ่งกู้จิ่งซีไม่อยู่แล้ว วันเวลาที่ดีของนางคงจะต้องถึงจุดสิ้นสุด หากว่ากู้ซิวหมิงบุตรบุญธรรมของนางผู้นั้นมีลูกมีหลาน และลูกหลานมากมายพวกนั้นกลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนางเลย ผนวกกับกู้ซิวหมิงกับนางไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในภายภาคหน้าครอบครัวของกู้ซิวหมิงคงจะจัดการกับหญิงชราที่อายุมากแล้วอย่างนางมีคนน้อยกว่าย่อมไม่อาจต้านทานผู้ที่มีมากกว่าได้ ช่างเป็นบั้นปลายชีวิตที่รันทดยิ่งนักเมื่อพิจารณาทุกสิ่งแล้ว ข้อเสนอของชิงชิวนั้นยอดเยี่ยมมาก นางพยักหน้าตอบ “ตอนนี้ข้ายังไม่คิดจะรับเลี้ยงบุตร อีกสักสองสามปีข้าค่อยพูดเรื่องนี้กับท่านโหวอีกที”เมื่อหนิงตงได้ฟัง ก็มีรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้าในทันที น้ำเสียงเจือไปด้วยความตื่นเต้น กล่าวด้วยเสียงอันเบา “ฮูหยิน ซื่อจื่อไร้ความรับผิดชอบ ขาดคุณธรรม คาดว่าเมื่อจวนโหวอยู่ในมือของเขาคงจะต้องตกต่ำเช่นกัน หากท่านรับอุปการคุณชายน้อยสักคน เลี้ยงดูคุณชายน้อยให้เป็นคนที่ยอดเยี่ยม ก็จะสามารถมาแทนที่ตำแหน่งซื่อจื่อได้นะเจ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 59

    เวยหรุยเซวียนนายบ่าวสามคนกลับถึงเวยหรุยเซวียน เมิ่งจิ่นเหยาคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อฆ่าเวลา แต่กลับรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งที่ตนหลงลืมไป แต่ก็ไม่สามารถคิดออกได้ในทันทีนางมองไปที่ชิงชิว พลางถามว่า “ชิงชิว ข้ายังมีเรื่องอันใดที่ยังไม่ได้ทำอีกหรือไม่?”ชิงชิวชะงักเล็กน้อย ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า “ฮูหยิน ช่วงนี้ท่านไม่ได้บอกให้ข้าน้อยช่วยเตือนเรื่องอันใดเลยเจ้าค่ะ” “ไม่มีงั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาขมวดคิ้วรูปพระจันทร์เสี้ยวขึ้นเล็กน้อย ไยนางถึงรู้สึกว่ามีเรื่องอันใดต้องไปทำอยู่เล่า?ชิงชิวส่ายศีรษะอีกครั้ง พลางกล่าวยืนยัน “ไม่มีจริง ๆ เจ้าค่ะ เป็นเพราะช่วงนี้ฮูหยินมีเรื่องรบกวนจิตใจเลยทำให้ตนเองสับสนหรือไม่เจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พยักหน้า สิ่งนี้มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าบ่าวหนีไปในวันแต่งงาน ถูกคนทั่วทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะ ไม่ว่าใครที่พบเจอล้วนแต่เรียกว่าโชคร้ายทั้งนั้น โชคดีที่เปลี่ยนเจ้าบ่าวที่น่าพึงพอใจได้อย่างกะทันหัน ทั้งยังสามารถดำเนินชีวิตร่วมกันต่อไปได้ มิเช่นนั้นคงต้องอึดอัดใจตายเป็นแน่ชิงชิวเกรงว่านางอารมณ์ไม่ดีแล้วจะเก็บก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 60

    สุดท้าย กู้จิ่งซีก็หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางลงไว้ด้วยกัน เงยหน้ามองไปที่แม่นางน้อย การแต่งกายของนางเมื่อเทียบกับพี่สะใภ้และหลานสาวแล้ว นับได้ว่าเรียบง่าย บนร่างกายไม่ได้มีเครื่องประดับมากมายนักสำหรับเสื้อผ้า เพิ่งจะแต่งเข้ามาจึงยังไม่ทันได้ตัดเย็บขึ้นใหม่ ถึงแม้เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่จะเป็นชุดใหม่ ทว่าสีเขียวเข้มค่อนข้างจะอึมครึม โชคดีที่นางมีรูปโฉมที่งดงาม มิเช่นนั้นคงจะข่มสีนี้ไม่อยู่เป็นแน่การสวมชุดเช่นนี้ ดูราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุม แต่กลับไม่ค่อยเหมาะกับดรุณีน้อยวัยแรกรุ่น แม่นางน้อยวัยนี้ควรจะแต่งสีสว่างสดใสหน่อย ไม่จำเป็นต้องแต่งกายราวกับเป็นผู้อาวุโสมากนักแต่เมื่อมองนางแล้วก็ไม่เหมือนผู้ที่มีนิสัยที่ราวกับเป็นผู้อาวุโสเช่นนั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ตอนนี้คงจะเป็นมารดาเลี้ยงนางซุนที่เป็นผู้หาช่างเย็บปักมาทำให้นาง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มารดาแท้ ๆ จะทุ่มเทเต็มที่ได้อย่างไรกัน? หากนางแต่งเข้ามาในจวนฉางซินโหว แต่แต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะต่ำกว่า เกรงว่าแม้แต่เสื้อผ้าชุดใหม่ก็คงจะไม่ตัดเย็บให้นางบุตรสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ ตระกูลเมิ่งไม่รู้จักเลี้ยงดู เช่นนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 61

    เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง จ้องมองกล่องไม้ในมืออย่างใจลอย กล่องไม้ไม่ได้หนัก แต่นางกลับรู้สึกว่ามันมีน้ำหนักเมื่อถืออยู่ในมือเมื่อเช้านางยังเป็นคนยากจน คนยากจนที่แม้แต่อาหารในภัตตาคารเหอซ่านยังไม่มีปัญญาซื้อกิน ตกบ่ายนางก็ร่ำรวยมหาศาล ความรู้สึกที่ได้ครอบครองเงินก้อนโตภายในชั่วพริบตาเดียวนั้นเหมือนฝันกู้จิ่งซีมอบหมายสิ่งเหล่านี้ให้นางดูแล เขาไม่กลัวเลยหรือว่านางจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุดท้ายก็ผลาญทรัพย์สมบัติของเขาจนหมด?กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยงุนงงจนพูดไม่ออก จ้องมองกล่องไม้ด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ ไม่กี่วันก่อน คู่หมั้นของนางได้หลบหนีงานวิวาห์ แต่แม่หนูน้อยผู้นี้กลับไม่ทำอะไรโง่ ๆ ยังสามารถรับมือได้อย่างสุขุม ซ้ำยังใจกล้าบ้าบิ่นเปลี่ยนตัวสามี ตอนนี้พอเห็นเงินเข้า นางกลับทำใจลอย เป็นไปได้หรือไม่ว่าคู่หมั้นจะสำคัญน้อยกว่าเงิน?เขายิ้มถามว่า “ฮูหยิน เป็นอะไรไปหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วย้อนถามว่า “ท่านพี่ไม่กลัวว่าข้าจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ผลาญทรัพย์สมบัติของท่านจนหมดหรือ?”กู้จิ่งซีมองนาง ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สามีภรรยาคือหนึ่งเดียวกัน ร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 62

    เมิ่งจิ่นเหยาเล่าเรื่องห้องหนังสือให้ฟังอย่างรวบรัดรอบหนึ่งเมื่อสาวใช้ทั้งสองได้ยินเรื่องนี้ มีหรือจะไม่ตกใจ ในขณะเดียวกันก็ดีใจแทนนายหญิงไปด้วย การมอบทรัพย์สินให้นายหญิงดูแลจัดการหมายความว่าในใจท่านโหวนั้นยอมรับนายหญิงแล้ว เห็นนายหญิงเป็นภรรยาตัวจริง จะใช้ชีวิตที่ดีร่วมกับนายหญิงหนิงตงเหลือบมองตั๋วเงินกองนั้น พลางครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ฮูหยิน ในเมื่อเงินนี้ท่านโหวมอบให้ท่านใช้ งั้นพรุ่งนี้ก็ออกไปซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับกันดีไหมเจ้าคะ? การแต่งตัวในตอนนี้ของท่านมันออกจะราบเรียบไปสักหน่อย ก่อนหน้านี้ไม่สามารถแต่งตัว นั่นเพราะไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้ท่านโหวให้เงินท่านแล้ว”ว่าแล้วนางก็มองพินิจนายหญิงครู่หนึ่ง เครื่องแต่งกายของนายหญิงไม่ถึงกับขี้เหร่ บอกได้เพียงว่าดูสง่างามและเรียบง่าย สินเดิมที่นางซุนมอบให้นายหญิงก็มีเครื่องประดับด้วย แต่ทั้งหมดเป็นแบบที่ดูธรรมดาไป ไม่ใส่ยังดีเสียกว่า แม้แต่เสื้อผ้าก็มีแต่สีสันที่ค่อนข้างสูงวัยนางซุนปฏิบัติต่อนายหญิงเช่นนี้เสมอมา เครื่องประดับคือเครื่องประดับที่มีมูลค่าไม่มากนัก เนื้อเสื้อผ้าก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่ดูไม่สวยงามเท่านั้น ที่ทำเช่นนี้ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 63

    วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยากินอาหารเช้าเสร็จก็หยิบรายการสินเดิมของมารดาที่ท่านตามอบให้นางมาเปรียบเทียบกับรายการสินเดิมที่นางซุนให้นางมานางอยากดูว่านางซุนจะใจกล้าสักแค่ไหน นอกจากสินเดิมที่จวนหย่งชางป๋อให้นางมาแล้ว ข้าวของที่มารดาของนางทิ้งไว้ให้ นางซุนเพิ่มเข้าไปในสินเดิมของนางเท่าไหร่ แล้วแอบเอาเข้ากระเป๋าตัวเองอีกเท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบรายการสินเดิมทั้งสองฉบับ สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็มืดมนลง พลางหัวเราะเยาะเบา ๆ “ช่างกล้ามากจริง ๆ กินไปมากมายขนาดนั้น ไม่กลัวท้องแตกตายเลย”ชิงชิวและหนิงตงได้ยินดังนั้น ก็เอนตัวเข้ามาถามว่า “ฮูหยิน มีอะไรหรือ?”“พวกเจ้าดูนี่สิ”ทั้งหมดเป็นสาวใช้คนสนิท เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ได้กันพวกนาง ให้พวกนางดูรายการสินเดิมทั้งสองฉบับโดยตรงสาวใช้ทั้งสองดูจบแล้วก็โกรธมาก แม้ว่าจวนหย่งชางป๋อจะเสื่อมโทรมลง แต่ลูกสาวสายตรงคนโตออกเรือนทั้งที สินเดิมที่ให้ลูกสาวสายตรงคนโตก็ไม่ถึงกับต้องน่าเกลียดเช่นนี้สิ่งที่จวนหย่งชางป๋อได้จัดเตรียมไว้สำหรับนายหญิงของพวกนาง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่สามารถบรรจุลงในกล่องได้เพื่อรักษาหน้าตา แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอย สิ่งข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 64

    พ่อบ้านอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพินิจนางอย่างลึกซึ้ง แม้เห็นนางอมยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า วันนี้คุณหนูใหญ่เหมือนไม่ได้มาด้วยเจตนาดีหลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้รับเชิญให้ไปรอในโถงรับแขก สาวใช้รีบนำชาชั้นดีและของหวานผลไม้รวมสด ๆ มาต้อนรับ ให้นางกินแก้เบื่อไปก่อน สาวใช้อีกคนไปแจ้งเจ้านายคนอื่น ๆ ในจวนการปฏิบัติเยี่ยงแขกผู้มีเกียรติ เมื่อเทียบกับวันที่กลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหนิงตงและชิงชิวเฝ้ามองทุกอย่างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจกลับดูถูกพฤติกรรมของจวนหย่งชางป๋อ นายท่านเห็นวันนั้นที่กลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม ท่านโหวได้กลับมาพร้อมกับนายหญิงด้วย เมื่อรู้ว่านายหญิงเป็นที่โปรดปรานของท่านโหว จึงมองเห็นมูลค่าประโยชน์ใช้สอยใหม่อีกครั้ง ต้องการจับนายหญิงให้อยู่หมัด แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาของพวกเขาถูกลิขิตให้ต้องล้มเหลวทางนั้น พอเมิ่งตงหย่วนและนางซุนรู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยากลับมาแล้วก็พากันงงงวย หลายวันก่อนเพิ่งกลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม วันนี้ทำไมจู่ ๆ ก็กลับมาอีกแล้ว? ก่อนกลับมาก็ไม่ได้ส่งใครมาแจ้งล่วง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 65

    นางซุนได้ยินแล้ว คิ้วโค้งรูปงามก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย นึกด่าทออยู่ในใจ ‘นังเด็กตัวแสบนี่คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?’นางเชยตาขึ้นมองเมิ่งจิ่นเหยา เห็นเมิ่งจิ่นเหยากำลังมองมาที่นางด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้ม จึงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที พลางเอื้อมมือไปรับคำใบรายการที่เมิ่งจิ่นเหยายื่นมาให้เมื่อคลี่ใบรายการออกดู มันเป็นใบรายการที่ยาวมาก พับซ้อนกันเหมือนฎีกากราบทูลของขุนนาง ในนั้นเป็นตัวอักษรบรรจงเล็กที่เป็นลายมือสวยงาม ดูสบายตาสบายใจ แค่มีตัวอักษรมากเกินไปเท่านั้น เป็นใบรายการที่เขียนเต็มแผ่นยาวเหยียดไปหมดตัวอักษรมากเกินไป ความอดทนของนางมีจำกัด จึงไม่อยากอ่านเนื้อหาในนั้นดังนั้นนางซุนจึงมองปราดเดียวแล้วเลื่อนสายตาหนี ฉีกยิ้มก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อาเหยา นี่คืออะไรหรือ?”วันนี้เมิ่งจิ่นเหยามีความอดทนอย่างน่าประหลาด กล่าวด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ท่านแม่ดูแล้วก็จะรู้เอง ท่านลองดูสิ่งของที่บันทึกอยู่ในนั้นว่าพอจะคุ้น ๆ บ้างหรือไม่?”นางซุนอมยิ้มพยักหน้า น้ำเสียงให้ความรู้สึกปล่อยตามอำเภอใจ “ได้ ข้าขอดูก่อน”เมิ่งตงหย่วนขมวดคิ้วมองลูกสาวคนโตอย่างไม่เห็นด้วย ตั้งแต่บุตรสาวสายตรงคนโ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 244

    เมื่อสิ้นเสียง หลี่เฉิงก็รู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ความตื่นตระหนกพวยพุ่งขึ้นในจิตใจ หากเรื่องในวันนี้วุ่นวายไปถึงต่อหน้าฮูหยิน มารดาของเขาก็คงช่วยเขาไม่ได้เช่นกัน บางทีอาจจะเห็นแก่ไมตรีของนายบ่าวในอดีต ไม่เอาเรื่องที่เขาเคลื่อนย้ายเงินรายได้ของที่ดิน ทว่าเงินห้าพันตำลึงก็คงจะไม่ช่วยเขาคืน ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงถึงทางตันเขาชูสามนิ้วกล่าวคำสาบานอย่างหนักแน่น “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยขอสาบาน นับแต่นี้ไปจะภักดีต่อท่าน จะไม่เปลี่ยนใจโดยเด็ดขาด หากข้าน้อยทรยศท่าน ขอให้ถูกฟ้าผ่าขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาไม่สะทกสะเทือน “หากว่าคำสาบานมีประโยชน์ละก็ คาดว่าคงจะมีคนถูกฟ้าผ่าตายทุกวันเป็นแน่” นางพูดจบก็หันไปมองชิงชิวกับหนิงตง “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว พวกเราไปกินข้าวกลางวันกันก่อนเถิด” นายบ่าวทั้งสามคนก้าวเท้าเตรียมจะออกไปจากห้องส่วนตัวหลี่เฉิงเห็นดังนั้น ก็ตกอยู่ในความผิดหวังอย่างมากมายในฉับพลัน ภายในใจรู้สึกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนหน้านี้เขาไปที่โรงบ่อนเป็นครั้งคราว ทว่าไม่เคยลองพนันมากมายขนาดนั้นมาก่อน ตอนนั้นไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจจริง ๆ ถึงได้จมลงไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้นอยู่ ๆ ชิงชิวก็กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยิน บางท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 243

    ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย แววตาปกคลุมไปด้วยความไม่เข้าใจและความสนใจอยู่บางส่วน พลางจับจ้องไปที่หน้าบวมช้ำ และภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหลี่เฉิงอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็พยักหน้า “ช่างเถอะ ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ไม่มีธุระอื่น จะลองฟังเจ้าพูดไร้สาระดูแล้วกัน คิดเสียว่าฆ่าเวลา”เมื่อได้ฟัง หลี่เฉิงก็ลอบผ่อนลมหายใจ ในตอนนี้นอกเสียจากคุณหนูใหญ่ที่กลายเป็นฮูหยินท่านโหวแล้ว เขาไม่สามารถหาผู้อื่นที่สามารถคืนเงินจำนวนนี้แทนเขาได้แล้วจริง ๆ หากภายในสิบวันนี้ไม่สามารถหาเงินห้าพันตำลึงมาได้ เขาคงถูกทุบตีจนตายเป็นแน่และฮูหยินก็คงจะไม่ช่วยเขาแน่นอน ทว่าคุณหนูใหญ่ที่ทราบสถานการณ์อาจจะช่วยเขาก็เป็นได้ เขาคือคนสนิทของฮูหยิน คุณหนูใหญ่กับฮูหยินมีบุญคุณความแค้นต่อกัน ไม่แน่อาจมีเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้เขาก็เป็นได้นี่นา?นี่คือความเชื่อมั่นเพียงอย่างเดียวของเขาหลี่เฉิงนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้าของรถม้า นั่งอยู่ด้านข้างของคนขับ แล้วตามเมิ่งจิ่นเหยาไปที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งเมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัว หลังจากที่เมิ่งจิ่นเหยานั่งลงแล้ว ก็มองหลี่เฉิงด้วยความสงบแม้จะอยู่ท่ามกลางเรื่องวุ่นวายก็ตา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 242

    เมื่อหลี่เฉิงได้ยินเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคย เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเป็นเมิ่งจิ่นเหยา เขาไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นอีกแล้ว คิดแต่เพียงว่าอยากมีชีวิตรอด จึงรีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือ “คุณหนูใหญ่ ช่วยข้าน้อยด้วยขอรับ!”เมิ่งจิ่นเหยาจับจ้องเขาอยู่นาน น้ำเสียงลังเล “เจ้าคือบุตรชายของเฉียวหมอมองั้นหรือ?”หลี่เฉิงพยักหน้าซ้ำเเล้วซ้ำเล่า “ใช่ขอรับ คุณหนูใหญ่ช่วยด้วย!”เมิ่งจิ่นเหยาถามด้วยความประหลาดใจ “ผู้ดูแลหลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ยังไม่ทันได้ที่หลี่เฉิงจะตอบ หัวหน้าอันธพาลก็เหยียดขาแล้วเตะไปที่หลี่เฉิงอย่างแรง จากนั้นก็กล่าวกับเมิ่งจิ่นเหยาว่า “ฮูหยินท่านนี้ นี่คือบ่าวไพร่ในจวนท่านกระนั้นหรือ? จะให้พวกข้าปล่อยเขาไปก็ได้ แต่เขาติดหนี้โรงบ่อนหย่งเซิ่งห้าพันตำลึง ขอเพียงท่านคืนเงินจำนวนนี้แก่พวกข้า พวกข้าก็จะปล่อยคนไปทันที”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาฟังจบ สีหน้าก็ฉายแววประหลาดใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าหลี่เฉิงจะสามารถติดหนี้โรงบ่อนได้ จึงเหลือบมองไปที่หลี่เฉิงอย่างแปลกใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวกับหัวหน้าผู้นั้นว่า “เขาคือบุตรชายของเฉียวหมอมอ คนสนิทที่หย่งชางป๋อฮูหยินไว้วางใจมากที่สุด ทั้งยังเป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 241

    เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็พาชิงชิวกับหนิงตงออกไปข้างนอก ขาของนางหายดีแล้ว จึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระตอนนี้เข้าสู่วสันตฤดู ได้เวลาเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าฤดูร้อนที่บางเบาแล้วเมิ่งจิ่นเหยาคิดถึงเมิ่งเฉิงจางที่กำลังศึกษาร่ำเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลิงซาน จึงไปที่ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า จากนั้นก็ซื้อเสื้อผ้าฤดูร้อนให้เขาสองสามชุดโดยอ้างอิงตามขนาดของเมิ่งเฉิงจางจากนั้นก็ไปที่หอตำรา เลือกสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในหอตำรา [1] ที่คุณภาพดีให้กับเขา ให้กำลังใจเขาในการตั้งใจศึกษาร่ำเรียน ตอนที่กำลังจะเตรียมให้สาวใช้ไปชำระเงินนั้น ก็นึกขึ้นมาได้ว่าซิวเหวินของบ้านใหญ่ก็อยู่ที่สำนักศึกษาเช่นกัน จึงซื้อเพิ่มอีกหนึ่งชุด สุดท้ายก็ไปที่ร้านขายของกินเล่น ซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลกับหมูแผ่นที่ปกติเมิ่งเฉิงจางชอบกิน ให้คนส่งไปให้เขาที่สำนักศึกษาในวันพรุ่งนี้หนิงตงเห็นนางเอาแต่ซื้อของให้กับเมิ่งเฉิงจาง จึงถามอย่างแผ่วเบา “ฮูหยิน เหตุใดท่านไม่ซื้อของให้ตนเองสักหน่อยเล่าเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบว่า “ข้าอยู่ที่จวนท่านโหวไม่ต้องกังวลเรื่องของกินของใช้ ยามผลัดเปลี่ยนฤดูก็มีช่างเย็บปักมาตัดเย็บเสื้อผ้าให้ ไม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 240  

    ...... เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมิ่งจิ่นเหยาตื่นขึ้นมาอย่างเนิบช้า บุรุษข้างกายออกไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วตั้งแต่เช้าตรู่ นางจึงเรียกสาวใช้เข้ามาปรนนิบัติรับใช้ วันนี้นางอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ทั้งชิงชิวและหนิงตงล้วนสัมผัสได้ สาวใช้สองคนหันมาสบตากัน ต่างคนต่างเห็นความงุนงงในแววตาของอีกฝ่าย และในตอนที่กำลังหวีผมแต่งหน้าให้เมิ่งจิ่นเหยา หนิงตงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ฮูหยิน วันนี้ท่านดูเหมือนจะมีความสุขยิ่งนักเจ้าค่ะ ไม่รู้ด้วยเหตุผลใดหรือเจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยาชะงักไป ก่อนจะย้อนถามกลับทันที “ข้ามีความสุขไม่ได้หรือ?” หนิงตงผงกศีรษะ “ท่านตื่นนอนลงจากเตียงก็ยิ้มไม่หยุด เหมือนกับเจอเรื่องดี ๆ อะไรมาอย่างไรอย่างนั้นเจ้าค่ะ” ได้ยินเช่นนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็ผงะไปอีกครั้ง มองตนเองในคันฉ่องแล้ว ดรุณีน้อยในคันฉ่องเรือนผมดุจเมฆาขนคิ้วโค้งงาม รอยยิ้มเพริศพริ้งสดใส ดูเหมือนจะอารมณ์ดีไม่น้อยทีเดียว นางตอบกลับ “คงจะเป็นเพราะเมื่อวานได้รับเครื่องประดับศีรษะงดงามเลิศล้ำมาชุดหนึ่งกระมัง จิตใจถึงได้เบิกบานมีความสุข” ชิงชิวและหนิงตงชะงักไป นายหญิงของพวกนางได้รับเครื่องประดับศีรษะแล้วหนึ่งชุด ไฉนพวกนา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 239  

    เขาตอบกลับได้อย่างเด็ดขาดและฉับไว ไร้ซึ่งความลังเล เมิ่งจิ่นเหยาเชื่อมั่นว่าเขาในยามนี้มิได้มีความรู้สึกใดกับคู่หมั้นคนก่อนอีกแล้ว นางชำเลืองสายตามองกู้จิ่งซี ก่อนจะถามอีกครั้ง “ท่านพี่ ท่านคิดว่าจะจัดการกับเครื่องประดับศีรษะชุดนั้นอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ “ทิ้งไปแล้ว” เมิ่งจิ่นเหยาอึ้งงัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “หยกขาวมันแพะชั้นดีเชียวนะเจ้าคะ ทิ้งไปก็น่าเสียดาย” นางมิได้มีความหมายอื่นใดเป็นพิเศษ แค่รู้สึกว่าหยกเป็นหยกชั้นดีเท่านั้น งานฝีมือก็ประณีตงดงาม และแม่นางสกุลเหมยก็ออกเรือนไปแล้ว นางจะไปถือโทษโกรธเคืองเครื่องประดับศีรษะอันเดียวเพื่ออะไร? นางมิได้สนใจจะสวมใส่สิ่งของที่คนอื่นไม่ต้องการ แต่เก็บมันไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้มิใช่หรือ จะใช้เป็นรางวัลมอบให้สาวใช้หรืออื่นใดนั่นก็ย่อมได้ มิเช่นนั้นแล้ว จะนำไปแลกเป็นเงินมาบริจาคให้โรงทานก็ย่อมได้ กู้จิ่งซีได้ยินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นแววตาของแม่นางน้อยฉายประกายเสียดายนิด ๆ ออกมา ก็เอ่ยพลางยิ้มบาง ๆ “เช่นนั้นก็เอาไปจำนำที่โรงรับจำนำ เปลี่ยนเป็นเงินมาซื้อเครื่องประดับศีรษะชุดใหม่ให้เด็กน้อยสักคนเป็นการชดเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 238  

    ถึงอย่างไรก็ถามมาขนาดนี้แล้ว นางจึงตัดสินใจถามออกไปให้ถึงที่สุดเลยว่า “ท่านพี่อยากมอบให้ดรุณีสกุลใดหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีตอบกลับ “สกุลเหมย” สกุลเหมย? เมิ่งจิ่นเหยาเพียงชะงักไปเล็กน้อยเท่านั้น มิได้รู้สึกแปลกใจอะไรมาก คู่หมั้นคนก่อนของกู้จิ่งซีสกุลเหมยเองหรือ นางกับหนิงตงและชิงชิวเคยคาดเดากันมาก่อน รู้สึกว่าเครื่องประดับศีรษะชุดนั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นของที่กู้จิ่งซีต้องการมอบให้คู่หมั้นคนก่อน บัดนี้นางได้รับคำตอบที่แท้จริงจากกู้จิ่งซีเองแล้ว แต่ก็จริงนะ ลวดลายดอกเหมย สัญลักษณ์ที่ชัดเจนออกปานนั้น ความจริงไม่จำเป็นต้องเดาเลย เพียงแต่ตอนนั้นพวกนางคิดไม่ถึงก็เท่านั้น กู้จิ่งซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ฮูหยินอย่าได้คิดมากเลย ข้ากับนางมิได้มีอะไรต่อกันแล้ว นางสมรสไปนานแล้ว และตามสามีไปทำงานที่ต่างเมืองแล้ว” “เช่นนั้นแล้วเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ ใช่เป็นเพราะท่านพี่อยากจะชดเชยให้ข้า ถึงได้ไปขอจากท่านแม่มา และนำมามอบให้ข้าหรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยาพูดจบ ก็ก้มหน้ามองเครื่องประดับศีรษะทองคำบริสุทธิ์ฝังทับทิมที่นอนอยู่ในกล่อง เครื่องประดับศีรษะชุดนี้งดงามดึงดูดสายตายิ่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 237  

    …ท่านพี่ ท่านเคยมีดรุณีที่เคยเรียกร้องหมายปองแต่มิเคยได้ครอบครองใช่หรือไม่เจ้าคะ? ทันทีที่คำพูดนี้เอ่ยออกจากปาก เมิ่งจิ่นเหยาก็รู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว อยากจะหยิบเข็มกับด้ายมาเย็บปากตนเองให้ปิดสนิทไว้ก่อนล่วงหน้า แบบนี้จะได้ไม่ต้องเอ่ยคำพูดไม่เข้าหูออกมา จี้แผลใจของคนอื่นเช่นนั้นช่างขาดคุณธรรมนัก กู้จิ่งซีได้ยินคำพูดนี้ ก็ผงะไปครู่หนึ่ง รู้สึกเพียงแค่ว่าคำถามของแม่นางน้อยฟังดูไร้เหตุผลและยากจะเข้าใจ สายตาชำเลืองมองนางอย่างแปลกประหลาด ก่อนจะตอบกลับอย่างราบเรียบหนึ่งประโยค “ข้าไม่เคยเรียกร้อง” ไม่เคยเรียกร้อง? เมิ่งจิ่นเหยาชะงักงันไปเล็กน้อย ที่ว่าไม่เคยเรียกร้องหมายถึงอะไร? หมายถึงคิดหมายปอง แต่ยังไม่เคยลงมือเรียกร้องอย่างจริงจังอย่างนั้นหรือ ถึงได้บอกว่าไม่เคยเรียกร้อง? นางพลันรู้สึกเสียดายแทนกู้จิ่งซีขึ้นมา บุรุษคนนี้มีความรู้ความสามารถโดดเด่นเลิศล้ำ รูปโฉมหล่อเหลาหมดจด พื้นเพชาติตระกูลก็ดีเลิศ แต่เพราะป่วยเป็นโรคที่บอกผู้อื่นไม่ได้ แม้แต่ดรุณีที่หัวใจรักยังไม่กล้าเรียกร้องครอบครอง สุดท้ายก็พลาดโอกาสไป กู้จิ่งซีถูกสายตาสงสารของนางจ้องมองจนรู้สึกไม่สบายตัว ไม่เข้าใจว่าแม่นางน้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 236  

    ชิงชิวรับคำ ก่อนจะล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งจิ่นเหยายืนขึ้นมา และหมุนตัวกลับไป มองเขาด้วยแววตาเจือความฉงน และถามว่า “ท่านพี่มีเรื่องใดจะคุยกับข้าหรือ?” กู้จิ่งซีสืบเท้าไปด้านหน้า พลางยื่นกล่องไม้จันทน์ในมือให้นาง พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “สิ่งนี้มอบให้ฮูหยิน ฮูหยินดูก่อนว่าชอบหรือไม่ชอบ?” ได้ยินเช่นนั้น เมิ่งจิ่นเหยาเหลือบสายตามองเขาปราดหนึ่งด้วยความงุนงง ก่อนจะยื่นมือไปรับกล่องไม้จันทน์มาด้วยความรู้สึกลังเล แม้จะไม่ได้เปิดกล่องออก แต่รู้สึกได้ว่าของน่าจะมีราคามากทีเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่จำเป็นต้องบรรจุมาในกล่องไม้จันทน์ก็ได้ นางเอ่ยถามออกไป “ท่านพี่ สิ่งนี้คืออะไรหรือ?” “ฮูหยินลองดูก่อน” กู้จิ่งซีบอกเชิงว่าให้นางเปิดกล่องออก เห็นเขาไม่ยอมบอก เมิ่งจิ่นเหยาก็ยิ่งสงสัย ประคองกล่องไม้ไปวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นก็เปิดกล่องไม้ออก ครั้นหลุบตาลงมอง สายตาของนางพลันนิ่งไปทันที นางจ้องมองของที่อยู่ด้านในด้วยความตื่นเต้นและงงงัน สิ่งนั้นก็คือเครื่องประดับศีรษะทองคำบริสุทธิ์ฝังทับทิม เครื่องประดับศีรษะชุดนี้มีทั้งสิ้นยี่สิบสามชุด และอัญมณีทุกเม็ดมีขนาดเท่าหัวแม่โป้ง มีลวดลายบุปผาโบต

DMCA.com Protection Status