วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยากินอาหารเช้าเสร็จก็หยิบรายการสินเดิมของมารดาที่ท่านตามอบให้นางมาเปรียบเทียบกับรายการสินเดิมที่นางซุนให้นางมานางอยากดูว่านางซุนจะใจกล้าสักแค่ไหน นอกจากสินเดิมที่จวนหย่งชางป๋อให้นางมาแล้ว ข้าวของที่มารดาของนางทิ้งไว้ให้ นางซุนเพิ่มเข้าไปในสินเดิมของนางเท่าไหร่ แล้วแอบเอาเข้ากระเป๋าตัวเองอีกเท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบรายการสินเดิมทั้งสองฉบับ สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็มืดมนลง พลางหัวเราะเยาะเบา ๆ “ช่างกล้ามากจริง ๆ กินไปมากมายขนาดนั้น ไม่กลัวท้องแตกตายเลย”ชิงชิวและหนิงตงได้ยินดังนั้น ก็เอนตัวเข้ามาถามว่า “ฮูหยิน มีอะไรหรือ?”“พวกเจ้าดูนี่สิ”ทั้งหมดเป็นสาวใช้คนสนิท เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ได้กันพวกนาง ให้พวกนางดูรายการสินเดิมทั้งสองฉบับโดยตรงสาวใช้ทั้งสองดูจบแล้วก็โกรธมาก แม้ว่าจวนหย่งชางป๋อจะเสื่อมโทรมลง แต่ลูกสาวสายตรงคนโตออกเรือนทั้งที สินเดิมที่ให้ลูกสาวสายตรงคนโตก็ไม่ถึงกับต้องน่าเกลียดเช่นนี้สิ่งที่จวนหย่งชางป๋อได้จัดเตรียมไว้สำหรับนายหญิงของพวกนาง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่สามารถบรรจุลงในกล่องได้เพื่อรักษาหน้าตา แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอย สิ่งข
พ่อบ้านอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพินิจนางอย่างลึกซึ้ง แม้เห็นนางอมยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า วันนี้คุณหนูใหญ่เหมือนไม่ได้มาด้วยเจตนาดีหลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้รับเชิญให้ไปรอในโถงรับแขก สาวใช้รีบนำชาชั้นดีและของหวานผลไม้รวมสด ๆ มาต้อนรับ ให้นางกินแก้เบื่อไปก่อน สาวใช้อีกคนไปแจ้งเจ้านายคนอื่น ๆ ในจวนการปฏิบัติเยี่ยงแขกผู้มีเกียรติ เมื่อเทียบกับวันที่กลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหนิงตงและชิงชิวเฝ้ามองทุกอย่างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจกลับดูถูกพฤติกรรมของจวนหย่งชางป๋อ นายท่านเห็นวันนั้นที่กลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม ท่านโหวได้กลับมาพร้อมกับนายหญิงด้วย เมื่อรู้ว่านายหญิงเป็นที่โปรดปรานของท่านโหว จึงมองเห็นมูลค่าประโยชน์ใช้สอยใหม่อีกครั้ง ต้องการจับนายหญิงให้อยู่หมัด แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาของพวกเขาถูกลิขิตให้ต้องล้มเหลวทางนั้น พอเมิ่งตงหย่วนและนางซุนรู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยากลับมาแล้วก็พากันงงงวย หลายวันก่อนเพิ่งกลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม วันนี้ทำไมจู่ ๆ ก็กลับมาอีกแล้ว? ก่อนกลับมาก็ไม่ได้ส่งใครมาแจ้งล่วง
นางซุนได้ยินแล้ว คิ้วโค้งรูปงามก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย นึกด่าทออยู่ในใจ ‘นังเด็กตัวแสบนี่คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?’นางเชยตาขึ้นมองเมิ่งจิ่นเหยา เห็นเมิ่งจิ่นเหยากำลังมองมาที่นางด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้ม จึงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที พลางเอื้อมมือไปรับคำใบรายการที่เมิ่งจิ่นเหยายื่นมาให้เมื่อคลี่ใบรายการออกดู มันเป็นใบรายการที่ยาวมาก พับซ้อนกันเหมือนฎีกากราบทูลของขุนนาง ในนั้นเป็นตัวอักษรบรรจงเล็กที่เป็นลายมือสวยงาม ดูสบายตาสบายใจ แค่มีตัวอักษรมากเกินไปเท่านั้น เป็นใบรายการที่เขียนเต็มแผ่นยาวเหยียดไปหมดตัวอักษรมากเกินไป ความอดทนของนางมีจำกัด จึงไม่อยากอ่านเนื้อหาในนั้นดังนั้นนางซุนจึงมองปราดเดียวแล้วเลื่อนสายตาหนี ฉีกยิ้มก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อาเหยา นี่คืออะไรหรือ?”วันนี้เมิ่งจิ่นเหยามีความอดทนอย่างน่าประหลาด กล่าวด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ท่านแม่ดูแล้วก็จะรู้เอง ท่านลองดูสิ่งของที่บันทึกอยู่ในนั้นว่าพอจะคุ้น ๆ บ้างหรือไม่?”นางซุนอมยิ้มพยักหน้า น้ำเสียงให้ความรู้สึกปล่อยตามอำเภอใจ “ได้ ข้าขอดูก่อน”เมิ่งตงหย่วนขมวดคิ้วมองลูกสาวคนโตอย่างไม่เห็นด้วย ตั้งแต่บุตรสาวสายตรงคนโ
โชคดีที่นางโจวทิ้งสินเดิมไว้จำนวนหนึ่ง ทำให้จวนหย่งชางป๋อมีเงินทองมากมายอยู่ในมือ สินเดิมนี้สองในสามส่วนจะให้เฉิงซิงไว้ขอสะใภ้ในอนาคต และมอบให้อาอวี้เป็นสินเดิม เช่นนี้แล้ว งานมงคลสมรสของบุตรทั้งสองคนก็จะดูมีหน้ามีตาขึ้นเยอะ สำหรับเฉิงจาง เขาเป็นบุตรชายอนุภรรยา บุตรชายอนุภรรยาไม่ได้สูงศักดิ์เท่าบุตรธิดาของภรรยาเอก แค่แต่งพอถูไถก็พอแล้วเขากลับไม่รู้สึกว่าทำเช่นนี้มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง อาเหยาบุตรสาวเนรคุณผู้นั้นถือกำเนิดมาก็ทำให้นางโจวต้องตาย เขาเชื่อว่านางโจวคงไม่อยากให้สินเดิมของตนตกไปอยู่ในมือของตัวกาลกิณีเช่นกัน ตัวกาลกิณีผู้นี้แต่งเข้าไปในจวนฉางซิงโหวที่มั่งคั่งร่ำรวย สินเดิมของนางโจวเหล่านี้ ก็ถือว่าช่วยเหลืออุปถัมภ์พี่น้องของนาง ทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยมากถึงเพียงนั้น ขณะที่นางซุนถูกซักถามแล้วเงียบงันอยู่นั้น เมิ่งตงหย่วนก็เอ่ยขึ้นแทนภรรยาเพื่อลดความประหม่า “อาเหยา มารดาของเจ้าจะยักยอกสินเดิมของมารดาบังเกิดเกล้าเจ้าได้อย่างไร? มารดาบังเกิดเกล้าของเจ้าตายเพราะคลอดเจ้ายาก และมารดาผู้นี้หลังจากแต่งเข้ามา นางก็รับเจ้ามาเลี้ยงดูข้างกาย หลายปีมานี้เจ้าทั้งเกเรและไม
เดิมทีเมิ่งจิ่นอวี้คิดว่ามารดายักยอกสินเดิมของมารดาแท้ ๆ เมิ่งจิ่นเหยาไปจริง ในใจรู้สึกกังวล กลัวว่ามารดาจะทำเรื่องเช่นนั้นจริง ยามนี้เรื่องราววุ่นวายใหญ่โต แม่ของนางไม่เพียงเสียหน้า แม้แต่นางก็ยังถูกคนครหา ไม่แน่ยังจะส่งผลกระทบต่องานสมรสของนางด้วยตอนนี้นางได้ยินคำยืนยันจากปากของบิดาว่า ใบรายการสินเดิมฉบับนั้นเป็นของปลอม นางพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที พอเห็นสีหน้าน้อยใจของมารดา นางกลับรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเมิ่งจิ่นเหยาเปิดปากจะพูด นางรีบชิงเอ่ยก่อน โดยถามด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “พี่หญิง ท่านทำเกินไปแล้ว! ตอนที่ท่านยังแบเบาะ ท่านแม่เลี้ยงดูท่านอย่างเอาใจใส่ ทั้งตอนที่ท่านถูกท่านย่าลงโทษ มีครั้งใดที่ท่านแม่ไม่อ้อนวอนแทนท่านบ้าง? ตอนนี้ท่านกลับเชื่อคำพูดของผู้อื่น ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่ชัดเจน ก็วิ่งโร่กลับมาเค้นถามท่านแม่ เสียแรงท่านแม่นึกว่าท่านคิดถึงครอบครัว จึงเรียกข้ากับน้องชายทั้งสองให้มาพบท่านโดยเฉพาะ”เมิ่งเฉิงซิงอายุน้อยที่สุดก็โมโหความไม่เป็นธรรม “พี่หญิง กายังรู้จักบินมาป้อนอาหารพ่อแม่ของมัน ท่านไม่รู้จักสำนึกบุญคุณการเลี้ยงดูก็ช่างเถิด แต่ยังเชื่อค
เมิ่งตงหย่วนเหลือบมองภรรยาโดยไม่รู้ตัว เห็นภรรยาสีหน้าตึงเครียด จากนั้นค่อยมองไปทางบุตรสาวคนโต และแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อาเหยา คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เมิ่งจิ่นเหยากวาดสายตามองผู้คนในที่นั้นอย่างเมินเฉย สุดท้ายสายตาหยุดลงที่ตัวนางซุน และเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ตอนข้าเพิ่งเกิด แม่แท้ ๆ ของข้าก็เสียชีวิตแล้ว คนรอบตัวท่านแม่ถูกขับไล่ไปหมดโดยอ้างสาเหตุว่าพวกเขาทำผิด นอกจากนี้แม่ของข้าเป็นบุตรสาวคนเดียว ไม่มีพี่น้อง จึงไม่มีผู้ใดบอกเล่าเกี่ยวกับแม่ของข้า ทั้งตอนออกเรือนจะต้องทำอย่างไร และต้องนำสินเดิมไปมากเท่าใด ทว่าเนื่องจากแม่ของข้าไม่มีพี่น้อง ดังนั้นท่านตาจึงมีแผนสำรอง ใบรายการสินเดิมของนาง จะมีแบบเดียวกันอยู่สองฉบับ ฉบับหนึ่งนางซุนเป็นคนเก็บไว้ หลังจากที่นางแต่งเข้ามา ส่วนอีกฉบับอยู่ที่จวนของท่านตาข้า บนนั้นจะมีตราประทับ เพื่อป้องกันวันข้างหน้าเกิดปัญหา ถูกคนยักยอกสินเดิมแล้วไม่มีทางเรียกร้องความเป็นธรรม ตอนนี้ดูเหมือนว่า ท่านตาข้าในตอนนั้นจัดการได้อย่างชาญฉลาด มีคนยักยอกสินเดิมของแม่ข้าจริง ๆ”นางซุนและเมิ่งตงหย่วนได้ยินดังนั้น ในใจหวาดหวั่น นึกไม่ถึงว่าตระกูลโจวยังมีแผนส
เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ทำให้ทุกคนตกใจทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าจะมีแผนสำรองเช่นนี้จริง ๆ ความคิดของนายท่านผู้เฒ่าโจวผู้นี้รอบคอบเพียงใดกัน ถึงสามารถคาดการณ์แต่ละเหตุการณ์หลังจากนั้นได้ล่วงหน้า ทั้งยังเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้าด้วย?นางซุนกับเมิ่งตงหย่วนสองสามีภรรยาเดิมทีรู้สึกโล่งอก คิดว่าจะแก้ตัวให้ผ่าน ๆ ไป โดยบอกแค่ว่าไม่เคยเห็นใบรายการฉบับนั้น และไม่ยอมรับความถูกต้องของใบรายการนั้น ทว่าตอนนี้มีแผนสำรองนั้นแล้ว นั่นคือหลักฐานที่แน่นหนาอย่างมากสองสามีภรรยาอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะนางซุน หัวใจของนางเต้นรัว หรือว่าชื่อเสียงดีงามที่นางสั่งสมมาหลายปีจะพังลงในทันทีแล้ว? แม้สามีและมารดาของสามีจะรู้เรื่องราวภายในทั้งหมด แต่เดาว่าพวกเขาจะล้างมลทินให้ตนเอง และโยนความผิดให้นางสองพี่น้องเมิ่งจิ่นอวี้และเมิ่งเฉิงซิงหวาดหวั่นแทนมารดาตนเช่นกัน ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เมิ่งจิ่นเหยาพูดล้วนเป็นความจริง ท่านแม่ยักยอกสินเดิมที่นางโจวทิ้งไว้ให้จริง ๆ ขณะที่สองสามีภรรยาคิดหาวิธีหลบหลีก ต้องการพลิกสถานการณ์จากร้ายเป็นดี เมิ่งจิ่นเหยาจึงเอ่ยต่อว่า “ท่านพ่อไม่พูด นั่นหมายความว่าไม่เชื่อ
เมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าละครที่สองสามีภรรยากำลังแสดงอยู่นั้น พวกเขาคิดใช้วิธีเร่งรัดให้นางนำหลักฐานออกมาในตอนนี้ นางหมดความอดทน และโบกมือพร้อมกับเอ่ยว่า “พอเถอะ พวกท่านสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันแสดงละครต่อหน้าข้า ข้าไม่มีอารมณ์จะดูละครของพวกท่าน”สายตานางมองกลับไปกลับมาระหว่างสองสามีภรรยา สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่นางซุน นางเผยรอยยิ้มชวนให้ขบคิด และเอ่ยต่อว่า “วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจน ท่านพ่ออาจไม่เชื่อคำพูดของข้า ทว่าภายในสามวันข้ายังไม่ได้รับสินเดิมที่แม่ข้าทิ้งไว้ให้ พวกเราก็ต้องขึ้นศาล หลักฐานที่แน่นหนาทางนี้ของข้า ฟ้องร้องก็ชนะทันที หากไม่เชื่อ พวกท่านสามารถลองดูได้”เมื่อเห็นว่านางไม่เพียงไม่หลงกล แต่ยังต้องการร้องเรียนกับทางการ จะขึ้นศาลกับพวกเขา สองสามีภรรยาจึงตกใจขึ้นมาทันทีสีหน้าของเมิ่งตงหย่วนดูเคร่งขรึม พลันด่าทอว่า “เหลวไหล!”ขณะที่เขาพูดยังจ้องบุตรสาวคนโตอย่างไม่พอใจ และอับอายจนโมโห “นี่เป็นเรื่องครอบครัว เหตุใดเรื่องครอบครัวจะต้องวุ่นวายถึงกับขึ้นศาล? เจ้าเป็นผู้น้อย ผู้น้อยฟ้องผู้อาวุโส ถือว่าไม่กตัญญู เจ้าต้องการให้คนทั้งเมืองรู้ว่าผู้น้อยของจวนหย่งชางป๋อไม่กตัญญูหรือ?
กู้เซวียนอี๋เห็นนางแล้ว ก็รีบเข้ามาคารวะ “เซวียนอี๋คารวะอาสะใภ้สามเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย “เซวียนอี๋”เวลานี้ กู้ซิวหมิงและหลี่หว่านเอ๋อร์เดินมาทางนี้ หลังจากเห็นพวกนาง ก็เดินเข้ามากู้ซิวหมิงประสานมือคารวะต่อเมิ่งจิ่นเหยาอย่างนอบน้อม “ลูกคารวะท่านแม่ขอรับ” ขณะที่กล่าว เขาก็พยักหน้าให้กู้เซวียนอี๋เบา ๆ “น้องหญิงใหญ่”หลี่หว่านเอ๋อร์ก็รีบย่อกายคารวะเช่นกัน “ข้าน้อยคารวะฮูหยิน คารวะคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวเสียงราบเรียบ “หลี่อี๋เหนียงไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นมาเถอะ”หลี่หว่านเอ๋อร์ยืนขึ้น และยืนอยู่ข้างกายกู้ซิวหมิงอย่างว่าง่าย พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนสายตาของกู้ซิวหมิงตกอยู่ที่เซวียนอี๋ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย และกล่าวเสียงอ่อนโยน “น้องหญิงใหญ่ เจ้าหมั้นหมายแล้ว พี่สามยังไม่ได้ยินดีกับเจ้า เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าตรงนี้เลยแล้วกัน”เมิ่งจิ่นเหยาเห็นกู้ซิวหมิงมุมปากประดับรอยยิ้ม น้ำเสียงก็อ่อนโยน แต่กลับยิ้มไม่ส่งถึงดวงตา หากไม่สังเกตให้ดี คงมองไม่ออกจริง ๆ นางจึงขมวดคิ้วอย่างยากจะสังเกตเห็น พลางวิจารณ์อยู่ภายในใจ นางรู้
นางเฉินยิ้มและเม้มปาก พลางมองไปทางบุตรชายที่อยู่อีกด้าน รอยยิ้มก็แข็งค้าง เรื่องงานแต่งของลูกอนุได้รับการตัดสินแล้ว แต่บุตรชายสายตรงของนางกลับยังไม่มีการตัดสิน ตอนนี้เรือนใหญ่ใกล้จะมีหลานชายคนโตสายตรงหรือว่าหลานสาวคนโตสายตรงแล้ว เมื่อนางจางเห็นนางก็โอ้อวดกับนาง ท่าทีเย่อหยิ่งนั้นทำให้นางโกรธอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวนางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “น่าเสียดาย ครั้งก่อนเดิมทีถูกใจแม่นางดี ๆ คนหนึ่ง ต่างถูกซิวหมิงทำให้วุ่นวาย เขาก่อเรื่องเช่นนั้นออกมา มารดาของฝ่ายหญิงเขาจึงไม่อยากยกบุตรสาวให้แต่งเข้าบ้านพวกเรา หลี่หว่านบอกว่าธรรมเนียมบ้านพวกเราไม่ดี แถมยังโปรดปรานอนุละเลยภรรยา จนตอนนี้ฝ่ายหญิงเขาหมั้นหมายแล้ว”ทันทีที่กู้ซิวหงได้ยินบทสนทนาวกกลับมาถึงตนเอง ก็รีบกล่าว ”ท่านแม่ ท่านเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานของน้องรองก่อน ลูกยังไม่รีบ และอยากรอจนกว่าจะสอบผ่านเข้าราชสำนักค่อยว่ากันขอรับ“นางเฉินจ้องเขาแวบหนึ่ง “พี่ชายใหญ่เจ้าอายุมากกว่าเจ้าหนึ่งปี ตอนนี้ใกล้จะเป็นพ่อคนอยู่แล้ว เจ้ายังไม่รีบร้อนอีกหรือ?”กู้ซิวหงถามด้วยน้ำเสียงเบาเล็กน้อย “ท่านแม่ ฮูหยินสกุลหลิวบ้านข้าง ๆ ที่อายุเท่าท่าน ได้ยินว่าต
กู้จิ่งซีเปิดริมฝีปากบาง พลางกล่าวเสียเรียบเฉยว่า “มีบางครั้ง ที่นิสัยกำหนดโชคชะตา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิธีการสั่งสอนของบิดามารดา อีกส่วนหนึ่งเป็นสาเหตุมาจากนิสัย หากเปลี่ยนเป็นเซวียนหลิง ตราบใดที่พี่สะใภ้รองบอกว่าไม่ได้ ก็คงจะไม่กล้าติดต่อกับผู้ชายเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน”เมิ่งจิ่นเหยาชะงัก จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วยทันที เปลี่ยนเป็นเซวียนหลิง คงจะไม่กล้าทำเช่นนี้อย่างแน่นอน เซวียนหลิงเชื่อฟังและว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด และไม่เคยทำเรื่องที่ล้ำเส้นเลย “เพียงแต่ พี่สะใภ้ใหญ่ดูเหมือนจะสูญเสียจิตวิญญาณเพราะเรื่องนี้นะเจ้าคะ”กู้จิ่งซีไม่มีความเห็นใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นางไม่สั่งสอนบุตรสาวให้ดี ทั้งยังถูกความเย่อหยิ่งครอบงำจนรับปากอู่อันป๋อ ว่าจะให้เซวียนอี๋เจอกับอู่อันป๋อซื่อจื่ออีก สุดท้ายเกิดเรื่องเช่นนี้ จะโทษผู้ใดได้? มีเวลาโศกเศร้า ไม่สู้ใช้เวลาเตือนบุตรสาว และทำให้บุตรสาวฉลาดขึ้นเสียหน่อย จะได้หลีกเลี่ยงการเสียเปรียบหลังแต่งออกไปไม่ดีกว่าหรือ?”คำพูดนี้กล่าวได้มีเหตุผล เมิ่งจิ่นเหยาจึงไม่มีการคัดค้านความจริงคนเป็นมารดามีอิทธิพลต่อบุตรสาวอย่างมาก เรื่องนี้กำห
ฮูหยินผู้เฒ่ากู้สูดหายใจเข้าลึก น้ำเสียงกลับสู่ความสงบ “ยังจะทำอันใดได้อีกเล่า? เซวียนอี๋กับอู่อันป๋อซื่อจื่อไปล่องเรือ หลังจากตกน้ำก็ถูกอู่อันป๋อซื่อจื่อช่วยขึ้นมา ทั้งยังถูกคนรู้จักมาเห็นเรื่องเช่นนี้อีก จะต้องแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน เซวียนอี๋ไม่แต่งกับเขา หรือว่าจะให้ตัดผมออกบวชเป็นแม่ชีหรือไร?”นางจางตะลึงงัน ในใจเป็นทุกข์ยิ่งนัก เดิมทีเป็นเพราะจวนอู่อันป๋อซื่อจื่อมีเรื่องกังวลใจอยู่มากมาย บุตรสาวแต่งออกไปจะน้อยเนื้อต่ำใจเอาได้ ซึ่งก็ไม่สบายใจมากพออยู่แล้ว ตอนนี้มาพบว่าลูกสะใภ้ที่อู่อันป๋อฮูหยินชื่นชอบที่สุดอาจจะไม่ใช่บุตรสาวของนาง บุตรสาวของนางเป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น จึงยิ่งโมโหและยากที่จะรับได้นางกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “ท่านแม่ นิสัยนี้ของเซวียนอี๋ หากแต่งออกไปแล้วรับมือไม่ไหว จะเสียเปรียบเอาได้เจ้าคะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองนางจางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ท่าทางวิตกกังวล นางถอนหายใจแผ่วเบาอย่างช่วยไม่ได้ ไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว ยังจะทำอย่างไรได้อีก?ชั่วขณะนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ลุกขึ้นมาก่อน มานั่งลงคุยกันเถิด”นางจางรับคำเสียงต่ำ ลุกขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงตำแหน่ง
กู้จิ่งเซิ่งสูดลมหายใจเข้าอย่างเจ็บปวด สีหน้าย่ำแย่ “ฮูหยิน นี่เจ้าทำอันใดกัน? ไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว จะทำอันใดได้อีก? ถึงเซวียนอี๋รับมือไม่ได้ก็ต้องทำ ให้นางฉลาดสักหน่อยก็พอแล้วไม่ใช่หรือไร?”คุยไม่ถูกคอ เพียงครึ่งคำก็มากเกินไป นางจางถูกพวกเขาพ่อลูกทำให้โมโหเสียจนวิงเวียนศีรษะ จ้องมองเขาอยู่นานด้วยความโกรธ ถึงอย่างไรก็อดทนไหว ไม่ได้ด่าเขาว่าโง่เง่า สะบัดแขนเสื้อจากไปทันที เมื่อเห็นดังนั้น กู้จิ่งเซิ่งก็มีโทสะยิ่งนัก รู้สึกแต่เพียงว่าภรรยานับวันยิ่งเจ้าอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกับกล้าชักสีหน้าใส่เขา ความอ่อนโยนและใส่ใจเมื่อตอนยังเยาว์หายไปหมดแล้ว เขาจึงไปที่เรือนของอนุภรรยาด้วยความหงุดหงิด เพื่อเสาะหาเรื่องที่ทำให้มีความสุข นางจางกระวนกระวาย ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงได้มุ่งหน้าไปที่โถงโซ่วอัน เพื่อดูว่าแม่สามีมีวิธีช่วยเซวียนอี๋ได้หรือไม่ โถงโซ่วอัน วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้อยู่ในโถงพระเกือบจะทั้งวัน ไม่ได้รับรู้เรื่องราวจากภายนอก และยังไม่รู้เรื่องของหลานสาวคนโต มีสาวใช้มารายงานว่าสะใภ้ใหญ่มาหานาง นางถึงได้ออกมาจากโถงพระ และไปพบกับสะใภ้ใหญ่ เมื่อมองเห็นสะใภ้ใหญ่ดวงตาแดงก่ำ สีหน้า
สู่ของั้นหรือ?เมื่อนางจางได้ฟังคำพูดสองคำนี้ ก็มึงงงไปชั่วขณะเดิมทีนางคิดว่าหลังจากที่อู่อันป๋อฮูหยินไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงาน เช่นนั้นอู่อันป๋อซื่อจื่อก็น่าจะไม่ได้ถูกใจเซวียนอี๋ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอันใด ถือเสียว่าเป็นการนัดพบกันระหว่างสหายตามปกติเท่านั้น ผู้ใดจะคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้กันเล่า?หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ตอนแรกนางคงรีบบอกกับอู่อันป๋อฮูหยินไปแล้วว่าไม่เหมาะสม แบบนี้อู่อันป๋อฮูหยินจะต้องพูดคุยกับอู่อันป๋อซื่อจื่อเป็นแน่ และก็จะไม่ไปมาหาสู่กับเซวียนอี๋เป็นการส่วนตัวอีกตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว คนคำนวนมิสู้ฟ้าลิขิตอย่างแท้จริง เป็นภัยพิบัติที่มิอาจหลีกเลี่ยงกู้เซวียนอี๋เห็นมารดานิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา จึงกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าก็ชอบพอเขาเช่นกันเจ้าค่ะ อยากแต่งงานกับเขาเท่านั้น”นางจางมองบุตรสาวที่ถลำเข้าไปเรียบร้อยแล้ว อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “เซวียนอี๋ เจ้าเอาแต่ใจถึงเพียงนี้ ในภายหน้าหน้าไม่ช้าก็เร็วจะต้องเสียใจเป็นแน่ จวนอู่อันป๋อไม่ได้สงบเหมือนดังเปลือกนอก มีเรื่องให้ทุกข์ใจมากมายนัก”กู้เซวียนอี๋กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “จวนอ
กู้เซวียนอี๋ตะลึงงัน หันกลับไปยกยิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผลว่า “ท่านแม่ ข้าคิดว่าอู่อันป๋อซื่อจื่อดียิ่งนักเจ้าค่ะ ท่านย่าบอกว่าอู่อันป๋อซื่อจื่อไม่ดี ก็เพราะว่าข้ามิใช่หลานสาวแท้ ๆ หรือไม่เจ้าคะ นางไม่อยากให้ข้าแต่งงานดี ๆ งั้นหรือเจ้าคะ? พอข้าแต่งงานกับเขาแล้ว ข้าก็จะเป็นฮูหยินของซื่อจื่อ และต่อไปก็จะเป็นฮูหยินท่านป๋อ มีอันใดไม่ดีกันเจ้าคะ?”เมื่อนางจางได้ฟังก็เกือบจะเป็นลมเพราะโทสะ ซักไซ้ว่า “เซวียนอี๋ เจ้าบอกแม่มา ว่ามีคนยุยงเจ้าใช่หรือไม่? ทั้ง ๆ ที่วันนั้นเจ้ารับปากแม่ไว้ดิบดีแล้ว ว่าจะไม่มีความรู้สึกใดต่ออู่อันป๋อซื่อจื่อ เหตุใดอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจได้เล่า? ”ร่องรอยแห่งความตื่นตระหนกวาบผ่านสายตาของกู้เซวียนอี๋ไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่น “ไม่เจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดยุยงข้า เป็นข้าเองที่คิดว่าอู่อันป๋อซื่อจื่อนั้นดียิ่งนัก เขารูปงาม มีชาติตระกูล และยังมีใจให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”นางจางโมโหเสียจนวิงเวียนศีรษะ นิ้วมือที่ชี้ไปยังกู้เซวียนอี๋สั่นเทาเล็กน้อย “เซวียนอี๋ เจ้า เจ้าเลอะเลือนไปแล้ว!” นางกล่าว น้ำตาหยดลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ตำหนิตนเองยิ่งนัก “ต้องโทษแม่ เป็นแม่เอง
“แย่แล้วเจ้าค่ะ!”“ฮูหยินใหญ่ แย่แล้วเจ้าค่ะ!”นางจางเตรียมตัวจะไปที่เรือนของกู้เซวียนอี๋ เมิ่งจิ่นเหยาก็กำลังจะจากไป อยู่ ๆ ก็มีเสียงของสาวใช้ดังออกมาจากด้านนอก ราวกับว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โตอันใดเมื่อได้ยินเสียงนี้ ฝีเท้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักค้างใจของนางจางเต้นแรงและเร็วยิ่งนัก สัญชาตญาณบอกนางว่านั่นไม่น่าจะใช่เรื่องดีอันใด ในทันใดนั้นเอง ก็มีเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้มากมายผุดขึ้นมาในหัวสมองของนาง รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในฉับพลันหลังจากที่สาวใช้รีบร้อนวิ่งเข้ามาแล้ว นางจางก็จิตใจร้อนรน กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เรื่องอันใดกัน ถึงได้ตื่นตกใจเช่นนี้? บุ่มบ่ามถึงเพียงนี้ ไม่มีกฎเกณฑ์แม้แต่น้อย โชคดีที่วันนี้ไม่มีแขกอยู่ด้วย”เมื่อสาวใช้ฟังจบก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ รีบคารวะให้นางและเมิ่งจิ่นเหยา แล้วกล่าวว่า “ฮูหยินใหญ่ คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อนางจางได้ฟัง เบื้องหน้าก็มืดดับลง แทบจะทรุดตัวลงกับพื้น โชคดีที่เมิ่งจิ่นเหยาอยู่ไม่ห่างนัก จึงรีบเอื้อมมือไปพยุงนาง สาวใช้ที่อยู่ข้างกายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวเช่นเดียวกัน พุ่งไปข้างหน้าเพื่อพยุงนางไว้ นางถึงไ
ทั้งสองคนรับคำ แล้วสั่งให้สาวใช้ไปนำไพ่ใบไม้มา......จวนฉางซินโหวหลังจากเมิ่งจิ่นเหยากลับจวน ก็มุ่งหน้าไปที่เรือนของนางจางโดยทันทีการล่องเรือในวันนี้ ฉากนั้นที่นางเห็น นางคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเอ่ยปากกับนางจาง หากว่านางจางรู้เรื่องอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ถือเสียว่านางยุ่งเรื่องของผู้อื่นหากว่านางจางไม่รู้เรื่อง การรู้ล่วงหน้าย่อมสามารถทำให้มีการเตรียมพร้อมได้ด้วยเช่นกัน อย่าปล่อยให้กู้เซวียนอี๋ก้าวเข้าไปในกองเพลิง มิเช่นนั้นเมื่อยามที่ได้รู้จากปากของกู้เซวียนอี๋ อาจจะสายเกินไปแล้วก็เป็นได้ และจะยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ หนิงตงถามว่า “ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องของบ้านใหญ่ ท่านจะสนใจมากมายทำไมกันหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับว่า “ข้าก็เป็นสตรีเหมือนกัน ในเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้แล้ว ย่อมทนเห็นนางกระโดดเข้าสู่กองเพลิงไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ไม่ชอบจวนอู่อันป๋อเท่าใดนัก”หนิงตงตะลึงงัน หลังจากนั้นก็พยักหน้านางจางรู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยามาหานาง ก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญขึ้นมาเล็กน้อยในฉับพลัน ต้องรู้ว่าทุกครั้งมีเพียงนางเท่านั้นที่ไปพูดคุยกับเมิ่งจิ่นเหยาที่เรือนเวยห