แชร์

บทที่ 70

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
เมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าละครที่สองสามีภรรยากำลังแสดงอยู่นั้น พวกเขาคิดใช้วิธีเร่งรัดให้นางนำหลักฐานออกมาในตอนนี้ นางหมดความอดทน และโบกมือพร้อมกับเอ่ยว่า “พอเถอะ พวกท่านสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันแสดงละครต่อหน้าข้า ข้าไม่มีอารมณ์จะดูละครของพวกท่าน”

สายตานางมองกลับไปกลับมาระหว่างสองสามีภรรยา สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่นางซุน นางเผยรอยยิ้มชวนให้ขบคิด และเอ่ยต่อว่า “วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจน ท่านพ่ออาจไม่เชื่อคำพูดของข้า ทว่าภายในสามวันข้ายังไม่ได้รับสินเดิมที่แม่ข้าทิ้งไว้ให้ พวกเราก็ต้องขึ้นศาล หลักฐานที่แน่นหนาทางนี้ของข้า ฟ้องร้องก็ชนะทันที หากไม่เชื่อ พวกท่านสามารถลองดูได้”

เมื่อเห็นว่านางไม่เพียงไม่หลงกล แต่ยังต้องการร้องเรียนกับทางการ จะขึ้นศาลกับพวกเขา สองสามีภรรยาจึงตกใจขึ้นมาทันที

สีหน้าของเมิ่งตงหย่วนดูเคร่งขรึม พลันด่าทอว่า “เหลวไหล!”

ขณะที่เขาพูดยังจ้องบุตรสาวคนโตอย่างไม่พอใจ และอับอายจนโมโห “นี่เป็นเรื่องครอบครัว เหตุใดเรื่องครอบครัวจะต้องวุ่นวายถึงกับขึ้นศาล? เจ้าเป็นผู้น้อย ผู้น้อยฟ้องผู้อาวุโส ถือว่าไม่กตัญญู เจ้าต้องการให้คนทั้งเมืองรู้ว่าผู้น้อยของจวนหย่งชางป๋อไม่กตัญญูหรือ?
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 71

    นี่มันช่างน่าขันเสียเหลือเกิน!ไม่ว่าเรื่องนี้จะวุ่นวายแค่ไหน ล้วนเป็นเพราะเมิ่งตงหย่วนกับนางซุนไร้เหตุผล ทั้งยังหน้าด้านหน้าทนไร้ความละอายจะมีเหตุผลสมควรอันใดถึงได้โยกย้ายสินเดิมของภรรยาที่ตายจากไปแล้ว เอาไปเพิ่มให้แก่บุตรที่เกิดจากตนกับภรรยาใหม่โดยพลการ แต่ไม่มอบให้บุตรสาวแท้ ๆ ที่เกิดจากภรรยาแรก?เมิ่งตงหย่วนถูกบุตรสาวคนโตแสดงหน้าเยาะเย้ยใส่จนประเดี๋ยวหน้าเขียวคล้ำประเดี๋ยวหน้าขาวซีด ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องการหน้าตา เขาจะยอมรับต่อหน้าผู้น้อยว่าตนผิด ยอมรับว่าตนไร้ยางอายได้อย่างไร?เขาเชิดหน้า กล่าววาจาแข็งกร้าวไร้เหตุผล “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโส เป็นบิดาของเจ้า จะตัดสินใจแทนเจ้าไม่ได้เชียวหรือ? เอาล่ะ เรื่องนี้ให้จัดการตามนี้ หากมีเรื่องเช่นนี้จริง มารดาเจ้าก็ต้องกล่าวขอโทษแก่เจ้า วันข้างหน้าน้องชายน้องสาวของเจ้าออกเรือนมีหน้ามีตาไปก็ต้องซาบซึ้งในตัวเจ้า เลิกทำตัวหัวแข็งไม่ยอมผู้ใดได้แล้ว”“ท่านพ่อเถียงข้าง ๆ คู ๆ ไม่มีเหตุผล ไยข้าต้องยอมผู้อื่นด้วย?” เมิ่งจิ่นเหยาเผยสีหน้าเย็นชา ทั้งยังไม่ยอมถอยให้สักนิด “ท่านพ่อคงจะลืมไปแล้วกระมัง? ราชวงศ์มีกฎเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 72

    เห็นนางอ้างไปถึงท่านผู้เฒ่าโจว เมิ่งตงหย่วนก็ไม่รู้จะทำกับนางเช่นไรดี ได้แต่ส่งสายตาให้ภรรยา แล้วกล่าวอย่างจนปัญญา “ฮูหยิน อาเหยายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเจ้าไม่ได้เพิ่มสินเดิมเข้าไปในรายการสินเดิมของนาง สามีขอถามเจ้าอีกครั้งว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริงหรือไม่?”นางซุนเห็นว่าสามีถึงกับอับจนหนทาง และแม้ว่าในใจนางจะอัปยศอดสูเหลือแสน ทว่ากลับต้องก้มหัวให้บุตรสาวเลี้ยงผู้นี้ต่อหน้าบุตรทั้งหลาย เพราะถึงสามีกับมารดาของสามีจะเป็นคนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมด แต่ก็ไม่มีหลักฐานมาชี้ชัดว่าพวกเขาเองก็ร่วมกระทำด้วย หลักฐานทั้งหมดในยามนี้ล้วนชี้มาที่นางทั้งสิ้น นางจึงได้แต่ยอมรับเท่านั้นยามนางมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยา ก็เผยสีหน้าเสียใจ กล่าวอย่างละอายใจว่า “อาเหยา แม่ไม่ดีเอง เจ้าอย่าไปถือโทษท่านพ่อเจ้าเลย เขาไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าอยากจะโทษก็ให้โทษแม่ที่เมื่อครู่นี้ไม่กล้ายอมรับผิด ตอนแรกแม่แค่คิดว่าในเมื่อเจ้าแต่งเข้าจวนฉางซินโหวแล้วจะสุขสบายมั่งมีไปด้วยเงินทอง”กล่าวไปได้กึ่งหนึ่ง ดวงตาของนางซุนก็แดงก่ำ นางรีบเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสะ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 73

    เมิ่งตงหย่วนเห็นท่าทางแน่วแน่ของบุตรสาวคนโต กอปรกับเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้แล้ว ผลที่ตามมามีเพียงสองอย่างเท่านั้น ถ้าไม่คืนสินเดิม ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไรล้วนทำลายเกียรติของตระกูลทั้งสิ้น วันข้างหน้าหากพวกเขาจวนหย่งชางป๋อออกไปข้างนอกจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะแน่ผู้อื่นจะหัวเราะเยาะว่าตระกูลพวกเขาอบรมเลี้ยงดูบุตรสาวหน้าไม่อายผู้หนึ่งออกมา นางตบแต่งให้คนลูกไม่ได้ก็เลยไปแต่งกับคนพ่อ หากไม่ใช่ว่าฉางซินโหวให้ความสำคัญกับนางลูกเนรคุณผู้นี้ อย่างมากเขาก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับนางไป จะได้ไม่ต้องขายขี้หน้ายามนี้ภรรยาซุกซ่อนสินเดิมที่มารดาแท้ ๆ ของบุตรสาวคนโตทิ้งไว้ให้ ฉะนั้นคนที่ได้รับผลกระทบไปด้วยก็คือสกุลเมิ่งทั้งสกุล ทั้งยังเกี่ยวพันไปถึงเรื่องแต่งงานของเฉิงซินกับอาอวี้ มีมารดาเช่นนี้ ยากที่ผู้อื่นจะไม่คิดว่ามีมารดาเช่นไร บุตรธิดาย่อมเป็นเช่นนั้นขณะที่โทสะกำลังครอบงำ เขาก้าวไปด้านหน้าสองก้าว แล้วประณามออกไปด้วยความโกรธเคือง “เจ้ามันลูกทรพี!”สิ้นคำ เขาก็ง้างมือขึ้นมาในฉับพลันทันใด ชั่วพริบตาถัดมาก็หมายจะฟาดลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาอย่างไร้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 74

    ครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของกู้จิ่งซีพลันมืดครึ้มขึ้นมาอย่างทันทีทันใดจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดวงตาดุดันกวาดมองสมาชิกสกุลเมิ่งทั้งหลาย สุดท้ายพอสายตาหยุดอยู่ที่เมิ่งตงหย่วนกับนางซุน แววตาของเขาก็ยิ่งเย็นเยียบ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านเมิ่งคงทราบดี หากว่ากันตามกฎระเบียบราชวงศ์เรา การยักยอกสินทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการ จะต้องโทษข้อหา ‘ลักขโมย’”ทันทีที่กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมิ่งตงหย่วนและภรรยา เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำให้เกียรติของตระกูลต้องเสื่อมเสียเท่านั้น จนลืมไปว่าหากเรื่องราววุ่นวายไปจนถึงขั้นต้องขึ้นศาล แบบนั้นจะต้องมีการพิจารณาตัดสินโทษ นังลูกเนรคุณนั่นช่างใจดำอำมหิตเสียจริง อุตส่าห์เลี้ยงดูจนเติบใหญ่เช่นนั้น แต่ถึงกับส่งผู้อาวุโสในบ้านเข้าคุกได้ลงคอเมิ่งจิ่นเหยามองดูพวกเขาสองสามีภรรยาที่ถูกทำให้ตกใจจนหน้าขาวซีดแล้ว นางจึงเปล่งเสียงออกมาได้อย่างถูกเวลา “ท่านพี่ ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมคืน เช่นนั้นก็ช่างเถิด ถึงอย่างไรข้าก็มีหลักฐานแน่ชัดอยู่ในมือ ทั้งยังเตรียมคำร้องไว้แล้ว ข้าจะนำเรื่องของพวกเขาไปฟ้องร้องกับทางการ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 75

    เมิ่งจิ่นอวี้ไหนเลยจะเคยได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้?นางเป็นดั่งไข่มุกที่บิดามารดาประคองอยู่ในมือมาตั้งแต่เกิด ท่านย่าเองก็รักใคร่เอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง ในเรือนหลังนี้นอกจากเฉิงซินแล้ว นางนับว่าเป็นคนที่ได้ความรักความเอ็นดูมากที่สุด ทว่ายามนี้เพียงเพราะสร้อยคอเส้นเดียวนางถึงกับถูกพี่สาวคนโตทำให้อับอายขายหน้านางที่อับอายขายหน้าระคนเดือดดาลจนแทบไม่อยากมีชีวิต ถอดสร้อยบนลำคอออกแล้วยกมือเหวี่ยงใส่หน้าเมิ่งจิ่นเหยา นางด่าทอออกไปด้วยความโกรธเกลียด “เอาคืนไป นังคนเนรคุณใจดำ!”กู้จิ่งซีมือไวตาไว เขารับสร้อยคอไว้ได้ก่อนที่มันจะปะทะลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยา เขาชำเลืองมองเมิ่งจิ่นอวี้ด้วยสายตาเย็นชา แล้วเปิดปากพูดออกไปว่า “คุณหนูรองเมิ่ง จงใจทำร้ายผู้อื่นนั้นโทษสถานหนักคือถูกศีรษะต่อหน้าสาธารณชน โทษสถานเบาคือถูกโบย คุณหนูรองเมิ่งอยากถูกตัดศีรษะหรือถูกโบยดีเล่า?”เขาเป็นขุนนางมาหลายปี และยามนี้ดำรงตำแหน่งสูง อำนาจบารมีมากมาย ยามมองมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ล้วนสร้างความกดดันที่มองไม่เห็นแก่คนอื่นเมิ่งจิ่นอวี้ตกอกตกใจจนสีหน้าซีดเผือด นางร้อง ‘ว้าย’ ออกมา แล้ววิ่งร้องไห้ออกไปเมิ่งเฉิงซิงเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 76

    ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อตา กู้จิ่งซีเป็นลูกเขย เป็นผู้เยาว์กว่าเขา ทว่ากลับไม่มีความเคารพแก่ผู้อาวุโสเช่นเขาเลยสักนิดแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอันใดออกไป ทำเพียงตอบรับด้วยใบหน้าเหยเก จากนั้นก็เดินไปทางกู้จิ่งซีแล้วยื่นมือออกไปรับสร้อยเส้นนั้นมา ทั้งยังกำชับพ่อบ้านให้ออกไปส่งพวกเขาสองสามีภรรยา......อีกด้านหนึ่ง เพิ่งก้าวออกมาจากจวนหย่งชางป๋อไม่นานเมิ่งจิ่นเหยาก็ปล่อยมือที่คล้องแขนกู้จิ่งซีออกอย่างเป็นธรรมชาติ นางก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางรถม้า เพียงมองแค่ย่างก้าวที่เดินเหินอย่างกระฉับกระเฉงแล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่ายามนี้นางกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่งกู้จิ่งซีหลุบตามองแขนของตนเองแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าช่างน่าขบขันยิ่งนัก เมื่อครู่แม่นางผู้นี้ยังเป็นฝ่ายเข้ามาคล้องแขนเขาอย่างสนิทสนมเองแท้ ๆ ทั้งยังแสดงท่าทางเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันปานจะกลืนกินกับเขา ยามนี้ใช้ประโยชน์เรียบร้อยแล้ว ถึงได้ปล่อยแขนเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวชิงชิวและหนิงตงคอยประคองเจ้านายของตนขึ้นรถม้าไป พวกนางลังเลก็ยังไม่ตามขึ้นไป หันไปดูว่าท่านโหวจะนั่งรถม้าคันเดียวกับเจ้านายของพวกตนหรือไม่ ครั้นเห็นว่าท่านโหวเดิม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 77

    เมิ่งจิ่นเหยาฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาผิดแผกไป ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเป็นเพราะเหตุใดยามเงยหน้าขึ้นมองเขาจนดวงตาทั้งสี่ประสานกัน นางพลันสะดุ้งได้สติ เมิ่งจิ่นเหยาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าจนเองพูดจาไม่สมควรอันใดออกไปนางมีมีความผิด นางไม่ควรปากมากสำหรับคนทั่วไปแล้ว คำพูดเมื่อครู่นี้ถือเป็นคำชม ทว่าสำหรับกู้จิ่งซีนั้นกลับดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความอัปยศอดสู อดีตคู่หมั้นขอถอนหมั้นเพียงเพราะกู้จิ่งซีเป็นโรคที่ไม่อาจบอกใครได้ จึงไม่อยากแต่งไปแล้วต้องครองตนเป็นม่ายตลอดชีวิตนางปั้นหน้ายิ้มแย้มแข็งทื่อ แล้วพูดอึก ๆ อัก ๆ กระท่อนกระแท่นไปว่า “ชะ ใช่เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเอ่ยถามอีก “เช่นนั้นฮูหยินคิดว่า เจ้าแต่งกับข้าแล้วคือความโชคดีหรือว่าโชคร้าย?”เมิ่งจิ่นเหยาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางจึงแย้มยิ้มไร้ที่ติออกมาอีกครั้ง “ได้แต่งให้ท่านพี่ ย่อมเป็นความโชคดีอยู่แล้วเจ้าคะ”เป็นโรคร้ายไม่อาจรับอนุจนให้กำเนิดบุตรธิดาอนุภรรยาได้ ทั้งยังมอบเงินให้นางได้ใช้จ่าย พอนางเจอปัญหาก็มาช่วยนาง เช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ข้อบกพร่องเพียงประการเดียวก็คือซื้อตัวใหญ่แล้วดันได้ตัวเล็กมาด้วย ตัวเล็กที่ว่าก็คือเจ้าบุตรชายเนรคุณผู้นั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 78

    ครั้นพ่อบ้านได้ยินเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้แอบเก็บของไว้กับตัว ทว่ากลับกระวนกระวายใจ เขากำชับกำชาบ่าวรับใช้ที่แบกหามหีบอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะด้วยใจที่ถือคติสหายตายได้ แต่ข้าขอยากจนดีกว่าสิ้นชีพ [1] ว่า “เปิดหีบทุกใบออก ให้คุณหนูตรวจดูให้เต็มที่เสีย”หากนายท่านกับฮูหยินแอบเก็บของสิ่งใดไว้แล้วไม่ยอมคืนคุณหนูใหญ่ เช่นนั้นก็จะโทษเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณหนูใหญ่ออกปากแล้วว่าจะตรวจดูต่อหน้า หากเขาปฏิเสธ นั่นย่อมหมายความว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกระทั่งหีบทั้งหมดถูกเปิดออก เมิ่งจิ่นเหยาจึงยื่นรายการสินเดิมไปให้ชิงชิวกับหนิงตง ชุดหนึ่งเป็นรายการฉบับจริง ส่วนอีกชุดเป็นฉบับคัดลอก ให้พวกนางไปตรวจนับว่าของได้มาครบถ้วนหรือไม่ หากขาดสิ่งใดไปก็ให้ชุนหลิ่วจดบันทึกไว้พ่อบ้านมองดูพวกนางตรวจนับ จนเหงื่อเย็นผุดออกมาจากหน้าผาก จึงต้องรีบยกแขกเสื้อขึ้นไปเช็ดให้เรียบร้อย เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าของจะมาไม่ครบถ้วน ทั้งยังเกิดสถานการณ์ที่หาของไม่เจออยู่บ่อยครั้ง เขาถึงกับลอบว่านายท่านกับฮูหยินอยู่ในใจว่าช่างไม่กลัวขายขี้หน้าคนอื่นเอาเสียเลย ถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะยึดเอาของที่มารดาบังเกิดเกล้าของคุณหนูใหญ่เก็บไว้ส่วน

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 267

    จวนฉางซินโหว เรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย กำลังฟังชุนหลิ่วกับหนิงตงอ่านบันทึกเรื่องเล่าแปลกประหลาด ชุนหลิ่วรับผิดชอบอ่านบทบรรยาย ส่วนหนิงตงอ่านบทสนทนาชิงชิวอยู่ด้านหนึ่งคอยปอกเมล็ดแตงให้เมิ่งจิ่นเหยา ส่วนเซี่ยจู๋ก็คอยพัดวีให้เมิ่งจิ่นเหยาอยู่อีกด้านหนึ่งวันนี้ไม่ถือว่าร้อนนัก ในช่วงไม่กี่ชั่วยามที่ร้อนที่สุด ภายในห้องจะวางตู้น้ำแข็งเอาไว้เพื่อลดอุณหภูมิ เมื่อผ่านยามเซินไปแล้วจะไม่ร้อนเท่าใดนัก ก็จะนำตู้น้ำแข็งออก ภายในห้องยังหลงเหลือความเย็นสบายอยู่เล็กน้อย แค่พัดสักนิดหน่อยก็พอแล้วเมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาลงอย่างสบาย ช่างสำราญใจยิ่งนักเมื่อกู้จิ่งซีกลับมา ก็มองเห็นฉากนี้ เขาตะลึงงันเล็กน้อย แม่นางน้อยที่อยู่แต่ในเรือนมิดชิดช่างรู้จักเพลิดเพลินใจยิ่งนัก เขาไม่เคยให้สาวใช้สองสามคนมาปรนนิบัติเช่นนี้เสพสุขขนาดนี้มาก่อน “ท่านโหว”เมื่อสาวใช้ทั้งสี่คนมองเห็นกู้จิ่งซี ก็รีบคารวะให้เขาเมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามอง บุรุษในชุดขุนนางสีแดงเข้มกำลังก้าวเท้าเดินมาทางนาง จึงส่งเสียงเรียกออกมา “ท่านพี่” เมื่อสังเกตเห็นกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือของเขา ก็เอ่ยถามอีกว่า “ท่านพี

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 266

    กู้จิ่งซีกล่าว “ร่างกายของสตรีเทียบไม่ได้กับบุรุษ ยิ่งต้องระวังสุขภาพให้ดี อย่าสัมผัสความเย็น หากความเย็นเข้าสู่ร่างกายจะได้รับความทรมานได้ หากว่าง่วงนอนก็กลับไปนอนที่เตียง ระวังจะเป็นหวัดเอา”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อคิดถึงสุขภาพของตนเอง ดวงตาก็หม่นลง หันมาพยักหน้าแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว” กล่าวจบ นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้ท่านพี่มีเวลาหรือไม่เจ้าคะ? มิสู้พวกเรามาเดินหมากกันสักตาดีไหมเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบรับอย่างยินดี “ได้”เมิ่งจิ่นเหยาไปเอากระดานหมากมา ทั้งสองคนเดินหมากกันผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม แพ้ชนะก็ได้ถูกตัดสิน ผลลัพธ์ไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย เมิ่งจิ่นเหยาพ่ายแพ้แล้ว นางกำลังมองดูกระดานหมาก แม้เสียใจก็สายไปแล้วกู้จิ่งซีเห็นนางขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ท่าทางแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปในทันที มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจนยากที่จะมองเห็น พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน เมื่อวานข้าก็บอกเจ้าแล้ว การระแวดระวังนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากระมัดระวังมากเกินไปจะเสียเรื่องได้ง่าย ตอนนี้แพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์”เมิ่งจิ่นเหยาไม่ย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status