แชร์

บทที่ 69

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-11 18:53:17
เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ทำให้ทุกคนตกใจ

ทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าจะมีแผนสำรองเช่นนี้จริง ๆ ความคิดของนายท่านผู้เฒ่าโจวผู้นี้รอบคอบเพียงใดกัน ถึงสามารถคาดการณ์แต่ละเหตุการณ์หลังจากนั้นได้ล่วงหน้า ทั้งยังเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้าด้วย?

นางซุนกับเมิ่งตงหย่วนสองสามีภรรยาเดิมทีรู้สึกโล่งอก คิดว่าจะแก้ตัวให้ผ่าน ๆ ไป โดยบอกแค่ว่าไม่เคยเห็นใบรายการฉบับนั้น และไม่ยอมรับความถูกต้องของใบรายการนั้น ทว่าตอนนี้มีแผนสำรองนั้นแล้ว นั่นคือหลักฐานที่แน่นหนาอย่างมาก

สองสามีภรรยาอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะนางซุน หัวใจของนางเต้นรัว หรือว่าชื่อเสียงดีงามที่นางสั่งสมมาหลายปีจะพังลงในทันทีแล้ว? แม้สามีและมารดาของสามีจะรู้เรื่องราวภายในทั้งหมด แต่เดาว่าพวกเขาจะล้างมลทินให้ตนเอง และโยนความผิดให้นาง

สองพี่น้องเมิ่งจิ่นอวี้และเมิ่งเฉิงซิงหวาดหวั่นแทนมารดาตนเช่นกัน ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เมิ่งจิ่นเหยาพูดล้วนเป็นความจริง ท่านแม่ยักยอกสินเดิมที่นางโจวทิ้งไว้ให้จริง ๆ

ขณะที่สองสามีภรรยาคิดหาวิธีหลบหลีก ต้องการพลิกสถานการณ์จากร้ายเป็นดี เมิ่งจิ่นเหยาจึงเอ่ยต่อว่า “ท่านพ่อไม่พูด นั่นหมายความว่าไม่เชื่อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 70

    เมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าละครที่สองสามีภรรยากำลังแสดงอยู่นั้น พวกเขาคิดใช้วิธีเร่งรัดให้นางนำหลักฐานออกมาในตอนนี้ นางหมดความอดทน และโบกมือพร้อมกับเอ่ยว่า “พอเถอะ พวกท่านสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันแสดงละครต่อหน้าข้า ข้าไม่มีอารมณ์จะดูละครของพวกท่าน”สายตานางมองกลับไปกลับมาระหว่างสองสามีภรรยา สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่นางซุน นางเผยรอยยิ้มชวนให้ขบคิด และเอ่ยต่อว่า “วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจน ท่านพ่ออาจไม่เชื่อคำพูดของข้า ทว่าภายในสามวันข้ายังไม่ได้รับสินเดิมที่แม่ข้าทิ้งไว้ให้ พวกเราก็ต้องขึ้นศาล หลักฐานที่แน่นหนาทางนี้ของข้า ฟ้องร้องก็ชนะทันที หากไม่เชื่อ พวกท่านสามารถลองดูได้”เมื่อเห็นว่านางไม่เพียงไม่หลงกล แต่ยังต้องการร้องเรียนกับทางการ จะขึ้นศาลกับพวกเขา สองสามีภรรยาจึงตกใจขึ้นมาทันทีสีหน้าของเมิ่งตงหย่วนดูเคร่งขรึม พลันด่าทอว่า “เหลวไหล!”ขณะที่เขาพูดยังจ้องบุตรสาวคนโตอย่างไม่พอใจ และอับอายจนโมโห “นี่เป็นเรื่องครอบครัว เหตุใดเรื่องครอบครัวจะต้องวุ่นวายถึงกับขึ้นศาล? เจ้าเป็นผู้น้อย ผู้น้อยฟ้องผู้อาวุโส ถือว่าไม่กตัญญู เจ้าต้องการให้คนทั้งเมืองรู้ว่าผู้น้อยของจวนหย่งชางป๋อไม่กตัญญูหรือ?

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 71

    นี่มันช่างน่าขันเสียเหลือเกิน!ไม่ว่าเรื่องนี้จะวุ่นวายแค่ไหน ล้วนเป็นเพราะเมิ่งตงหย่วนกับนางซุนไร้เหตุผล ทั้งยังหน้าด้านหน้าทนไร้ความละอายจะมีเหตุผลสมควรอันใดถึงได้โยกย้ายสินเดิมของภรรยาที่ตายจากไปแล้ว เอาไปเพิ่มให้แก่บุตรที่เกิดจากตนกับภรรยาใหม่โดยพลการ แต่ไม่มอบให้บุตรสาวแท้ ๆ ที่เกิดจากภรรยาแรก?เมิ่งตงหย่วนถูกบุตรสาวคนโตแสดงหน้าเยาะเย้ยใส่จนประเดี๋ยวหน้าเขียวคล้ำประเดี๋ยวหน้าขาวซีด ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องการหน้าตา เขาจะยอมรับต่อหน้าผู้น้อยว่าตนผิด ยอมรับว่าตนไร้ยางอายได้อย่างไร?เขาเชิดหน้า กล่าววาจาแข็งกร้าวไร้เหตุผล “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโส เป็นบิดาของเจ้า จะตัดสินใจแทนเจ้าไม่ได้เชียวหรือ? เอาล่ะ เรื่องนี้ให้จัดการตามนี้ หากมีเรื่องเช่นนี้จริง มารดาเจ้าก็ต้องกล่าวขอโทษแก่เจ้า วันข้างหน้าน้องชายน้องสาวของเจ้าออกเรือนมีหน้ามีตาไปก็ต้องซาบซึ้งในตัวเจ้า เลิกทำตัวหัวแข็งไม่ยอมผู้ใดได้แล้ว”“ท่านพ่อเถียงข้าง ๆ คู ๆ ไม่มีเหตุผล ไยข้าต้องยอมผู้อื่นด้วย?” เมิ่งจิ่นเหยาเผยสีหน้าเย็นชา ทั้งยังไม่ยอมถอยให้สักนิด “ท่านพ่อคงจะลืมไปแล้วกระมัง? ราชวงศ์มีกฎเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 72

    เห็นนางอ้างไปถึงท่านผู้เฒ่าโจว เมิ่งตงหย่วนก็ไม่รู้จะทำกับนางเช่นไรดี ได้แต่ส่งสายตาให้ภรรยา แล้วกล่าวอย่างจนปัญญา “ฮูหยิน อาเหยายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเจ้าไม่ได้เพิ่มสินเดิมเข้าไปในรายการสินเดิมของนาง สามีขอถามเจ้าอีกครั้งว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริงหรือไม่?”นางซุนเห็นว่าสามีถึงกับอับจนหนทาง และแม้ว่าในใจนางจะอัปยศอดสูเหลือแสน ทว่ากลับต้องก้มหัวให้บุตรสาวเลี้ยงผู้นี้ต่อหน้าบุตรทั้งหลาย เพราะถึงสามีกับมารดาของสามีจะเป็นคนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมด แต่ก็ไม่มีหลักฐานมาชี้ชัดว่าพวกเขาเองก็ร่วมกระทำด้วย หลักฐานทั้งหมดในยามนี้ล้วนชี้มาที่นางทั้งสิ้น นางจึงได้แต่ยอมรับเท่านั้นยามนางมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยา ก็เผยสีหน้าเสียใจ กล่าวอย่างละอายใจว่า “อาเหยา แม่ไม่ดีเอง เจ้าอย่าไปถือโทษท่านพ่อเจ้าเลย เขาไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าอยากจะโทษก็ให้โทษแม่ที่เมื่อครู่นี้ไม่กล้ายอมรับผิด ตอนแรกแม่แค่คิดว่าในเมื่อเจ้าแต่งเข้าจวนฉางซินโหวแล้วจะสุขสบายมั่งมีไปด้วยเงินทอง”กล่าวไปได้กึ่งหนึ่ง ดวงตาของนางซุนก็แดงก่ำ นางรีบเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 73

    เมิ่งตงหย่วนเห็นท่าทางแน่วแน่ของบุตรสาวคนโต กอปรกับเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้แล้ว ผลที่ตามมามีเพียงสองอย่างเท่านั้น ถ้าไม่คืนสินเดิม ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไรล้วนทำลายเกียรติของตระกูลทั้งสิ้น วันข้างหน้าหากพวกเขาจวนหย่งชางป๋อออกไปข้างนอกจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะแน่ผู้อื่นจะหัวเราะเยาะว่าตระกูลพวกเขาอบรมเลี้ยงดูบุตรสาวหน้าไม่อายผู้หนึ่งออกมา นางตบแต่งให้คนลูกไม่ได้ก็เลยไปแต่งกับคนพ่อ หากไม่ใช่ว่าฉางซินโหวให้ความสำคัญกับนางลูกเนรคุณผู้นี้ อย่างมากเขาก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับนางไป จะได้ไม่ต้องขายขี้หน้ายามนี้ภรรยาซุกซ่อนสินเดิมที่มารดาแท้ ๆ ของบุตรสาวคนโตทิ้งไว้ให้ ฉะนั้นคนที่ได้รับผลกระทบไปด้วยก็คือสกุลเมิ่งทั้งสกุล ทั้งยังเกี่ยวพันไปถึงเรื่องแต่งงานของเฉิงซินกับอาอวี้ มีมารดาเช่นนี้ ยากที่ผู้อื่นจะไม่คิดว่ามีมารดาเช่นไร บุตรธิดาย่อมเป็นเช่นนั้นขณะที่โทสะกำลังครอบงำ เขาก้าวไปด้านหน้าสองก้าว แล้วประณามออกไปด้วยความโกรธเคือง “เจ้ามันลูกทรพี!”สิ้นคำ เขาก็ง้างมือขึ้นมาในฉับพลันทันใด ชั่วพริบตาถัดมาก็หมายจะฟาดลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาอย่างไร้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 74

    ครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของกู้จิ่งซีพลันมืดครึ้มขึ้นมาอย่างทันทีทันใดจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดวงตาดุดันกวาดมองสมาชิกสกุลเมิ่งทั้งหลาย สุดท้ายพอสายตาหยุดอยู่ที่เมิ่งตงหย่วนกับนางซุน แววตาของเขาก็ยิ่งเย็นเยียบ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านเมิ่งคงทราบดี หากว่ากันตามกฎระเบียบราชวงศ์เรา การยักยอกสินทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการ จะต้องโทษข้อหา ‘ลักขโมย’”ทันทีที่กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมิ่งตงหย่วนและภรรยา เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำให้เกียรติของตระกูลต้องเสื่อมเสียเท่านั้น จนลืมไปว่าหากเรื่องราววุ่นวายไปจนถึงขั้นต้องขึ้นศาล แบบนั้นจะต้องมีการพิจารณาตัดสินโทษ นังลูกเนรคุณนั่นช่างใจดำอำมหิตเสียจริง อุตส่าห์เลี้ยงดูจนเติบใหญ่เช่นนั้น แต่ถึงกับส่งผู้อาวุโสในบ้านเข้าคุกได้ลงคอเมิ่งจิ่นเหยามองดูพวกเขาสองสามีภรรยาที่ถูกทำให้ตกใจจนหน้าขาวซีดแล้ว นางจึงเปล่งเสียงออกมาได้อย่างถูกเวลา “ท่านพี่ ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมคืน เช่นนั้นก็ช่างเถิด ถึงอย่างไรข้าก็มีหลักฐานแน่ชัดอยู่ในมือ ทั้งยังเตรียมคำร้องไว้แล้ว ข้าจะนำเรื่องของพวกเขาไปฟ้องร้องกับทางการ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 75

    เมิ่งจิ่นอวี้ไหนเลยจะเคยได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้?นางเป็นดั่งไข่มุกที่บิดามารดาประคองอยู่ในมือมาตั้งแต่เกิด ท่านย่าเองก็รักใคร่เอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง ในเรือนหลังนี้นอกจากเฉิงซินแล้ว นางนับว่าเป็นคนที่ได้ความรักความเอ็นดูมากที่สุด ทว่ายามนี้เพียงเพราะสร้อยคอเส้นเดียวนางถึงกับถูกพี่สาวคนโตทำให้อับอายขายหน้านางที่อับอายขายหน้าระคนเดือดดาลจนแทบไม่อยากมีชีวิต ถอดสร้อยบนลำคอออกแล้วยกมือเหวี่ยงใส่หน้าเมิ่งจิ่นเหยา นางด่าทอออกไปด้วยความโกรธเกลียด “เอาคืนไป นังคนเนรคุณใจดำ!”กู้จิ่งซีมือไวตาไว เขารับสร้อยคอไว้ได้ก่อนที่มันจะปะทะลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยา เขาชำเลืองมองเมิ่งจิ่นอวี้ด้วยสายตาเย็นชา แล้วเปิดปากพูดออกไปว่า “คุณหนูรองเมิ่ง จงใจทำร้ายผู้อื่นนั้นโทษสถานหนักคือถูกศีรษะต่อหน้าสาธารณชน โทษสถานเบาคือถูกโบย คุณหนูรองเมิ่งอยากถูกตัดศีรษะหรือถูกโบยดีเล่า?”เขาเป็นขุนนางมาหลายปี และยามนี้ดำรงตำแหน่งสูง อำนาจบารมีมากมาย ยามมองมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ล้วนสร้างความกดดันที่มองไม่เห็นแก่คนอื่นเมิ่งจิ่นอวี้ตกอกตกใจจนสีหน้าซีดเผือด นางร้อง ‘ว้าย’ ออกมา แล้ววิ่งร้องไห้ออกไปเมิ่งเฉิงซิงเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 76

    ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อตา กู้จิ่งซีเป็นลูกเขย เป็นผู้เยาว์กว่าเขา ทว่ากลับไม่มีความเคารพแก่ผู้อาวุโสเช่นเขาเลยสักนิดแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอันใดออกไป ทำเพียงตอบรับด้วยใบหน้าเหยเก จากนั้นก็เดินไปทางกู้จิ่งซีแล้วยื่นมือออกไปรับสร้อยเส้นนั้นมา ทั้งยังกำชับพ่อบ้านให้ออกไปส่งพวกเขาสองสามีภรรยา......อีกด้านหนึ่ง เพิ่งก้าวออกมาจากจวนหย่งชางป๋อไม่นานเมิ่งจิ่นเหยาก็ปล่อยมือที่คล้องแขนกู้จิ่งซีออกอย่างเป็นธรรมชาติ นางก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางรถม้า เพียงมองแค่ย่างก้าวที่เดินเหินอย่างกระฉับกระเฉงแล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่ายามนี้นางกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่งกู้จิ่งซีหลุบตามองแขนของตนเองแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าช่างน่าขบขันยิ่งนัก เมื่อครู่แม่นางผู้นี้ยังเป็นฝ่ายเข้ามาคล้องแขนเขาอย่างสนิทสนมเองแท้ ๆ ทั้งยังแสดงท่าทางเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันปานจะกลืนกินกับเขา ยามนี้ใช้ประโยชน์เรียบร้อยแล้ว ถึงได้ปล่อยแขนเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวชิงชิวและหนิงตงคอยประคองเจ้านายของตนขึ้นรถม้าไป พวกนางลังเลก็ยังไม่ตามขึ้นไป หันไปดูว่าท่านโหวจะนั่งรถม้าคันเดียวกับเจ้านายของพวกตนหรือไม่ ครั้นเห็นว่าท่านโหวเดิม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 77

    เมิ่งจิ่นเหยาฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาผิดแผกไป ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเป็นเพราะเหตุใดยามเงยหน้าขึ้นมองเขาจนดวงตาทั้งสี่ประสานกัน นางพลันสะดุ้งได้สติ เมิ่งจิ่นเหยาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าจนเองพูดจาไม่สมควรอันใดออกไปนางมีมีความผิด นางไม่ควรปากมากสำหรับคนทั่วไปแล้ว คำพูดเมื่อครู่นี้ถือเป็นคำชม ทว่าสำหรับกู้จิ่งซีนั้นกลับดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความอัปยศอดสู อดีตคู่หมั้นขอถอนหมั้นเพียงเพราะกู้จิ่งซีเป็นโรคที่ไม่อาจบอกใครได้ จึงไม่อยากแต่งไปแล้วต้องครองตนเป็นม่ายตลอดชีวิตนางปั้นหน้ายิ้มแย้มแข็งทื่อ แล้วพูดอึก ๆ อัก ๆ กระท่อนกระแท่นไปว่า “ชะ ใช่เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเอ่ยถามอีก “เช่นนั้นฮูหยินคิดว่า เจ้าแต่งกับข้าแล้วคือความโชคดีหรือว่าโชคร้าย?”เมิ่งจิ่นเหยาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางจึงแย้มยิ้มไร้ที่ติออกมาอีกครั้ง “ได้แต่งให้ท่านพี่ ย่อมเป็นความโชคดีอยู่แล้วเจ้าคะ”เป็นโรคร้ายไม่อาจรับอนุจนให้กำเนิดบุตรธิดาอนุภรรยาได้ ทั้งยังมอบเงินให้นางได้ใช้จ่าย พอนางเจอปัญหาก็มาช่วยนาง เช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ข้อบกพร่องเพียงประการเดียวก็คือซื้อตัวใหญ่แล้วดันได้ตัวเล็กมาด้วย ตัวเล็กที่ว่าก็คือเจ้าบุตรชายเนรคุณผู้นั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status