แชร์

บทที่ 74

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-11 18:53:17
ครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของกู้จิ่งซีพลันมืดครึ้มขึ้นมาอย่างทันทีทันใดจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดวงตาดุดันกวาดมองสมาชิกสกุลเมิ่งทั้งหลาย สุดท้ายพอสายตาหยุดอยู่ที่เมิ่งตงหย่วนกับนางซุน แววตาของเขาก็ยิ่งเย็นเยียบ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านเมิ่งคงทราบดี หากว่ากันตามกฎระเบียบราชวงศ์เรา การยักยอกสินทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการ จะต้องโทษข้อหา ‘ลักขโมย’”

ทันทีที่กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมิ่งตงหย่วนและภรรยา เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำให้เกียรติของตระกูลต้องเสื่อมเสียเท่านั้น จนลืมไปว่าหากเรื่องราววุ่นวายไปจนถึงขั้นต้องขึ้นศาล แบบนั้นจะต้องมีการพิจารณาตัดสินโทษ นังลูกเนรคุณนั่นช่างใจดำอำมหิตเสียจริง อุตส่าห์เลี้ยงดูจนเติบใหญ่เช่นนั้น แต่ถึงกับส่งผู้อาวุโสในบ้านเข้าคุกได้ลงคอ

เมิ่งจิ่นเหยามองดูพวกเขาสองสามีภรรยาที่ถูกทำให้ตกใจจนหน้าขาวซีดแล้ว นางจึงเปล่งเสียงออกมาได้อย่างถูกเวลา “ท่านพี่ ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมคืน เช่นนั้นก็ช่างเถิด ถึงอย่างไรข้าก็มีหลักฐานแน่ชัดอยู่ในมือ ทั้งยังเตรียมคำร้องไว้แล้ว ข้าจะนำเรื่องของพวกเขาไปฟ้องร้องกับทางการ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 75

    เมิ่งจิ่นอวี้ไหนเลยจะเคยได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้?นางเป็นดั่งไข่มุกที่บิดามารดาประคองอยู่ในมือมาตั้งแต่เกิด ท่านย่าเองก็รักใคร่เอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง ในเรือนหลังนี้นอกจากเฉิงซินแล้ว นางนับว่าเป็นคนที่ได้ความรักความเอ็นดูมากที่สุด ทว่ายามนี้เพียงเพราะสร้อยคอเส้นเดียวนางถึงกับถูกพี่สาวคนโตทำให้อับอายขายหน้านางที่อับอายขายหน้าระคนเดือดดาลจนแทบไม่อยากมีชีวิต ถอดสร้อยบนลำคอออกแล้วยกมือเหวี่ยงใส่หน้าเมิ่งจิ่นเหยา นางด่าทอออกไปด้วยความโกรธเกลียด “เอาคืนไป นังคนเนรคุณใจดำ!”กู้จิ่งซีมือไวตาไว เขารับสร้อยคอไว้ได้ก่อนที่มันจะปะทะลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยา เขาชำเลืองมองเมิ่งจิ่นอวี้ด้วยสายตาเย็นชา แล้วเปิดปากพูดออกไปว่า “คุณหนูรองเมิ่ง จงใจทำร้ายผู้อื่นนั้นโทษสถานหนักคือถูกศีรษะต่อหน้าสาธารณชน โทษสถานเบาคือถูกโบย คุณหนูรองเมิ่งอยากถูกตัดศีรษะหรือถูกโบยดีเล่า?”เขาเป็นขุนนางมาหลายปี และยามนี้ดำรงตำแหน่งสูง อำนาจบารมีมากมาย ยามมองมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ล้วนสร้างความกดดันที่มองไม่เห็นแก่คนอื่นเมิ่งจิ่นอวี้ตกอกตกใจจนสีหน้าซีดเผือด นางร้อง ‘ว้าย’ ออกมา แล้ววิ่งร้องไห้ออกไปเมิ่งเฉิงซิงเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 76

    ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อตา กู้จิ่งซีเป็นลูกเขย เป็นผู้เยาว์กว่าเขา ทว่ากลับไม่มีความเคารพแก่ผู้อาวุโสเช่นเขาเลยสักนิดแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอันใดออกไป ทำเพียงตอบรับด้วยใบหน้าเหยเก จากนั้นก็เดินไปทางกู้จิ่งซีแล้วยื่นมือออกไปรับสร้อยเส้นนั้นมา ทั้งยังกำชับพ่อบ้านให้ออกไปส่งพวกเขาสองสามีภรรยา......อีกด้านหนึ่ง เพิ่งก้าวออกมาจากจวนหย่งชางป๋อไม่นานเมิ่งจิ่นเหยาก็ปล่อยมือที่คล้องแขนกู้จิ่งซีออกอย่างเป็นธรรมชาติ นางก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางรถม้า เพียงมองแค่ย่างก้าวที่เดินเหินอย่างกระฉับกระเฉงแล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่ายามนี้นางกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่งกู้จิ่งซีหลุบตามองแขนของตนเองแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าช่างน่าขบขันยิ่งนัก เมื่อครู่แม่นางผู้นี้ยังเป็นฝ่ายเข้ามาคล้องแขนเขาอย่างสนิทสนมเองแท้ ๆ ทั้งยังแสดงท่าทางเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันปานจะกลืนกินกับเขา ยามนี้ใช้ประโยชน์เรียบร้อยแล้ว ถึงได้ปล่อยแขนเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวชิงชิวและหนิงตงคอยประคองเจ้านายของตนขึ้นรถม้าไป พวกนางลังเลก็ยังไม่ตามขึ้นไป หันไปดูว่าท่านโหวจะนั่งรถม้าคันเดียวกับเจ้านายของพวกตนหรือไม่ ครั้นเห็นว่าท่านโหวเดิม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 77

    เมิ่งจิ่นเหยาฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาผิดแผกไป ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเป็นเพราะเหตุใดยามเงยหน้าขึ้นมองเขาจนดวงตาทั้งสี่ประสานกัน นางพลันสะดุ้งได้สติ เมิ่งจิ่นเหยาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าจนเองพูดจาไม่สมควรอันใดออกไปนางมีมีความผิด นางไม่ควรปากมากสำหรับคนทั่วไปแล้ว คำพูดเมื่อครู่นี้ถือเป็นคำชม ทว่าสำหรับกู้จิ่งซีนั้นกลับดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความอัปยศอดสู อดีตคู่หมั้นขอถอนหมั้นเพียงเพราะกู้จิ่งซีเป็นโรคที่ไม่อาจบอกใครได้ จึงไม่อยากแต่งไปแล้วต้องครองตนเป็นม่ายตลอดชีวิตนางปั้นหน้ายิ้มแย้มแข็งทื่อ แล้วพูดอึก ๆ อัก ๆ กระท่อนกระแท่นไปว่า “ชะ ใช่เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเอ่ยถามอีก “เช่นนั้นฮูหยินคิดว่า เจ้าแต่งกับข้าแล้วคือความโชคดีหรือว่าโชคร้าย?”เมิ่งจิ่นเหยาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางจึงแย้มยิ้มไร้ที่ติออกมาอีกครั้ง “ได้แต่งให้ท่านพี่ ย่อมเป็นความโชคดีอยู่แล้วเจ้าคะ”เป็นโรคร้ายไม่อาจรับอนุจนให้กำเนิดบุตรธิดาอนุภรรยาได้ ทั้งยังมอบเงินให้นางได้ใช้จ่าย พอนางเจอปัญหาก็มาช่วยนาง เช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ข้อบกพร่องเพียงประการเดียวก็คือซื้อตัวใหญ่แล้วดันได้ตัวเล็กมาด้วย ตัวเล็กที่ว่าก็คือเจ้าบุตรชายเนรคุณผู้นั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 78

    ครั้นพ่อบ้านได้ยินเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้แอบเก็บของไว้กับตัว ทว่ากลับกระวนกระวายใจ เขากำชับกำชาบ่าวรับใช้ที่แบกหามหีบอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะด้วยใจที่ถือคติสหายตายได้ แต่ข้าขอยากจนดีกว่าสิ้นชีพ [1] ว่า “เปิดหีบทุกใบออก ให้คุณหนูตรวจดูให้เต็มที่เสีย”หากนายท่านกับฮูหยินแอบเก็บของสิ่งใดไว้แล้วไม่ยอมคืนคุณหนูใหญ่ เช่นนั้นก็จะโทษเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณหนูใหญ่ออกปากแล้วว่าจะตรวจดูต่อหน้า หากเขาปฏิเสธ นั่นย่อมหมายความว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกระทั่งหีบทั้งหมดถูกเปิดออก เมิ่งจิ่นเหยาจึงยื่นรายการสินเดิมไปให้ชิงชิวกับหนิงตง ชุดหนึ่งเป็นรายการฉบับจริง ส่วนอีกชุดเป็นฉบับคัดลอก ให้พวกนางไปตรวจนับว่าของได้มาครบถ้วนหรือไม่ หากขาดสิ่งใดไปก็ให้ชุนหลิ่วจดบันทึกไว้พ่อบ้านมองดูพวกนางตรวจนับ จนเหงื่อเย็นผุดออกมาจากหน้าผาก จึงต้องรีบยกแขกเสื้อขึ้นไปเช็ดให้เรียบร้อย เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าของจะมาไม่ครบถ้วน ทั้งยังเกิดสถานการณ์ที่หาของไม่เจออยู่บ่อยครั้ง เขาถึงกับลอบว่านายท่านกับฮูหยินอยู่ในใจว่าช่างไม่กลัวขายขี้หน้าคนอื่นเอาเสียเลย ถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะยึดเอาของที่มารดาบังเกิดเกล้าของคุณหนูใหญ่เก็บไว้ส่วน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 79

    เจอกันที่ศาล?ครั้นพ่อบ้านได้ยินคำพูดสั้น ๆ เบา ๆ สี่พยางค์นี้แล้ว พลันใจสั่นขึ้นมาในบัดดล เขามองนางด้วยสายตาไม่อยากเชื่อบุตรธิดาฟ้องร้องบิดามารดา เขาไม่เคยได้ยินอะไรเช่นนี้มาก่อนจริง ๆ นี่คือพฤติกรรมอกตัญญู ต่อให้บิดามารดาจะผิดมากเพียงไร ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ หากคุณหนูใหญ่จะยอมทุ่มสุดตัวเพื่อเป็นบุตรสาวอกตัญญูเช่นนี้จริง ๆ หรือเพียงชั่วครู่ พ่อบ้านก็อึก ๆ อัก ๆ ขึ้นมาว่า “คุณหนูใหญ่ จะอย่างไรแล้วนายท่านกับฮูหยินก็เป็นท่านพ่อท่านแม่ของคุณหนูนะขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพูดแก้ให้ถูกต้องด้วยสีหน้าเย็นชา “เมิ่งตงหย่วนเป็นท่านพ่อของข้า แต่นางซุนไม่ใช่ท่านแม่ของข้า ท่านแม่ข้าแซ่โจวมิได้แซ่ซุน”มารดาเลี้ยงก็คือมารดาเหมือนกันนะขอรับท้ายที่สุดแล้วพ่อบ้านก็ไม่กล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกไป คุณหนูใหญ่เป็นถึงบุตรสาวสายตรงคนโต ทว่ากลับได้รับการปรนนิบัติย่ำแย่เสียยิ่งกว่าคุณชายรองที่ถือกำเนิดจากอนุภรรยาเสียอีก คุณชายรองยังจะพอได้รับความชมชอบจากนายท่านกับฮูหยินอยู่บ้าง แต่คุณหนูใหญ่กลับถูกผู้อาวุโสรังเกียจเดียดฉันท์ข่มเหง ก็ไม่แปลกใจที่คุณหนูใหญ่จะตัดไมตรีถึงขนาดนี้“ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอื่นใด ก็ให

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 80

    ใครจะไปคาดคิดว่าเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้ ถึงขั้นให้เปิดหีบตรวจนับของด้านในต่อหน้าบ่าวรับใช้สกุลกู้ในจวนฉางซินโหว เอาเกียรติของสกุลเมิ่งไปเหยียบย่ำลงบนพื้น หาเรื่องทะเลาะกันตามอำเภอใจเช่นนี้?หากตรวจนับดูแล้วว่าไม่มีของสิ่งใดขาดหายไปก็ดี แต่นี่บังเอิญว่ามีของขาดหายไป รายการของหายใบนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสสกุลเมิ่งหน้าชาราวกับถูกตบโดยมือที่มองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งโกรธจนเลือดลมตีขึ้นขนใบหน้าแดงเถือกไปหมด สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายคราจึงสงบสติอารมณ์ลงมาได้ นางโบกมือไหว ๆ ให้พ่อบ้านกับสาวใช้ถอยออกไป กัดฟันแสนคลอนแคลนของตนแล้วพูดลอดไรฟันออกมาด้วยความเคียดแค้น “หากรู้แต่แรกว่านางตัวกาลกิณีผู้นี้จะทำให้ทั้งสกุลเมิ่งต้องเสียหาย ตอนแรกไม่น่าปล่อยให้นางได้มีโอกาสเติบโตมาเลย นี่นางถึงกับต้องทำร้ายคนทั้งตระกูลเพียงเพื่อของเล็กน้อยแค่นี้”นางซุนน้ำตานองหน้า พลางสะอึกสะอื้น “ท่านแม่ ตอนนี้ควรทำเช่นไรดีเจ้าคะ?”ยามนี้นางกลัวแล้วจริง ๆ ความหวาดหวั่นที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนแทบจะกลืนกินนางไปทั้งตัวครั้นได้ประสบกับเรื่องนี้ วันข้างหน้ายามนางออกไปข้างนอกคงจะถูกผู้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 81  

    ทั่วทั้งร่างของนางซุนตกอยู่ในอาการตกตะลึง ความไม่เต็มใจถูกเปิดเผยออกมาทางสีหน้าโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย เมื่อเมิ่งตงหย่วนเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วทันที ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “หรือฮูหยินเจ้าไม่เต็มใจ?” นางซุนได้สติกลับมา เมื่อเผชิญกับท่าทีแข็งกร้าวของมารดาของสามีและผู้เป็นสามี นางก็พูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ท่านพี่ สิน สินเดิมนี่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของข้า จะให้…จะให้ข้านำสินเดิมไปเสริมส่วนที่ขาดได้อย่างไร?” เมื่อฟังออกถึงความไม่เต็มใจจากน้ำเสียงทั้งที่แสดงมาและเก็บงำไว้ ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งก็ชักสีหน้า ถามกลับไปว่า “นางซุน ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาในจวนหย่งชางป๋อ ก็เท่ากับเป็นคนของจวนหย่งชางป๋อแล้ว คนครอบครัวเดียวกันจะพูดจาแบ่งแยกเช่นนี้ได้อย่างไร” นางซุนลำคอตีบตัน บ่นในใจว่านางโจวก็แต่งเข้าจวนหย่งชางป๋อเช่นกัน ก็เป็นคนของจวนหย่งชางป๋อเหมือนกัน แล้วเหตุใดสินเดิมของนางโจวจึงสามารถปล่อยให้นังเด็กสารเลวเมิ่งจิ่นเหยานั่นเอาไปได้ตามใจ? ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตนฝืนต่อแรงกดดันของบิดาแต่งเข้ามา เมื่อเมิ่งตงหย่วนเห็นสีหน้าของนางซุนเต็มไปด้วยความน้อยใจ ก็ยังคงผ่อนน้ำเสียงลงว่า “ฮูหยิน นี่ก็เป็นเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 82

    กู้จิ่งซีเงียบงัน แววตาที่มองนาง มีความเอ็นดูสงสารของผู้ใหญ่ที่มีต่อรุ่นเยาว์ที่เคราะห์ร้ายดวงตาทั้งสี่ข้างของเมิ่งจิ่นเหยากับกู้จิ่งซีประสานกัน จากนั้นก็เงียบงันไปเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องใช้สายตาเช่นนี้มองนางก็ได้ นี่ทำให้นางแทบอดไม่ไหวที่จะเรียก ‘ท่านลุงกู้’ ออกมาที่จริงแล้วนางไม่ได้น่าสงสารอะไร อย่างน้อยก็ไม่เคยต้องหิวโหย เทียบกับขอทานน้อยข้างถนนแล้วยังโชคดีกว่ามากคนเราเมื่อเกิดมานั้น ก็ไม่มีสิ่งใดได้ดังใจไปทั้งหมด หากอยากมีชีวิตอย่างเป็นสุข ก็ต้องรู้จักลดข้อเรียกร้องไปตามสถานการณ์ในความเป็นจริง แม้จะไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ก็สามารถเรียกร้องให้กินอิ่มสวมอุ่น เมื่อท้องได้กินอิ่ม ร่างกายได้สวมใส่จนอบอุ่นแล้ว ตนก็พึงพอใจแล้วเช่นกันผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เก็บสายตากลับมา กล่าวว่า “ข้ากินเสร็จแล้ว เชิญท่านพี่ทานต่อเถอะ” กล่าวจบ นางก็ลุกจากโต๊ะอาหารไปเมื่อเมิ่งจิ่นเหยากลับมาถึงห้อง ก็ถือโอกาสพลิกดูสินเดิมของมารดา ทั้งบัญชีของที่ดินและร้านค้า จากนั้นหางตาก็เหลือบไปเห็นกล่องไม้จื่อถานที่อยู่ด้านข้าง นั่นเป็นของที่มู่จิ่งซีมอบให้นาง มีทั้งตั๋วเงิน กุญแจห้องเก็บของ และทรัพย์สินส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status