Share

บทที่ 68

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
เมิ่งตงหย่วนเหลือบมองภรรยาโดยไม่รู้ตัว เห็นภรรยาสีหน้าตึงเครียด จากนั้นค่อยมองไปทางบุตรสาวคนโต และแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อาเหยา คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เมิ่งจิ่นเหยากวาดสายตามองผู้คนในที่นั้นอย่างเมินเฉย สุดท้ายสายตาหยุดลงที่ตัวนางซุน และเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ตอนข้าเพิ่งเกิด แม่แท้ ๆ ของข้าก็เสียชีวิตแล้ว คนรอบตัวท่านแม่ถูกขับไล่ไปหมดโดยอ้างสาเหตุว่าพวกเขาทำผิด นอกจากนี้แม่ของข้าเป็นบุตรสาวคนเดียว ไม่มีพี่น้อง จึงไม่มีผู้ใดบอกเล่าเกี่ยวกับแม่ของข้า ทั้งตอนออกเรือนจะต้องทำอย่างไร และต้องนำสินเดิมไปมากเท่าใด

ทว่าเนื่องจากแม่ของข้าไม่มีพี่น้อง ดังนั้นท่านตาจึงมีแผนสำรอง ใบรายการสินเดิมของนาง จะมีแบบเดียวกันอยู่สองฉบับ ฉบับหนึ่งนางซุนเป็นคนเก็บไว้ หลังจากที่นางแต่งเข้ามา ส่วนอีกฉบับอยู่ที่จวนของท่านตาข้า บนนั้นจะมีตราประทับ เพื่อป้องกันวันข้างหน้าเกิดปัญหา ถูกคนยักยอกสินเดิมแล้วไม่มีทางเรียกร้องความเป็นธรรม ตอนนี้ดูเหมือนว่า ท่านตาข้าในตอนนั้นจัดการได้อย่างชาญฉลาด มีคนยักยอกสินเดิมของแม่ข้าจริง ๆ”

นางซุนและเมิ่งตงหย่วนได้ยินดังนั้น ในใจหวาดหวั่น นึกไม่ถึงว่าตระกูลโจวยังมีแผนส
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 69

    เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ทำให้ทุกคนตกใจทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าจะมีแผนสำรองเช่นนี้จริง ๆ ความคิดของนายท่านผู้เฒ่าโจวผู้นี้รอบคอบเพียงใดกัน ถึงสามารถคาดการณ์แต่ละเหตุการณ์หลังจากนั้นได้ล่วงหน้า ทั้งยังเตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้าด้วย?นางซุนกับเมิ่งตงหย่วนสองสามีภรรยาเดิมทีรู้สึกโล่งอก คิดว่าจะแก้ตัวให้ผ่าน ๆ ไป โดยบอกแค่ว่าไม่เคยเห็นใบรายการฉบับนั้น และไม่ยอมรับความถูกต้องของใบรายการนั้น ทว่าตอนนี้มีแผนสำรองนั้นแล้ว นั่นคือหลักฐานที่แน่นหนาอย่างมากสองสามีภรรยาอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะนางซุน หัวใจของนางเต้นรัว หรือว่าชื่อเสียงดีงามที่นางสั่งสมมาหลายปีจะพังลงในทันทีแล้ว? แม้สามีและมารดาของสามีจะรู้เรื่องราวภายในทั้งหมด แต่เดาว่าพวกเขาจะล้างมลทินให้ตนเอง และโยนความผิดให้นางสองพี่น้องเมิ่งจิ่นอวี้และเมิ่งเฉิงซิงหวาดหวั่นแทนมารดาตนเช่นกัน ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่เมิ่งจิ่นเหยาพูดล้วนเป็นความจริง ท่านแม่ยักยอกสินเดิมที่นางโจวทิ้งไว้ให้จริง ๆ ขณะที่สองสามีภรรยาคิดหาวิธีหลบหลีก ต้องการพลิกสถานการณ์จากร้ายเป็นดี เมิ่งจิ่นเหยาจึงเอ่ยต่อว่า “ท่านพ่อไม่พูด นั่นหมายความว่าไม่เชื่อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 70

    เมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าละครที่สองสามีภรรยากำลังแสดงอยู่นั้น พวกเขาคิดใช้วิธีเร่งรัดให้นางนำหลักฐานออกมาในตอนนี้ นางหมดความอดทน และโบกมือพร้อมกับเอ่ยว่า “พอเถอะ พวกท่านสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันแสดงละครต่อหน้าข้า ข้าไม่มีอารมณ์จะดูละครของพวกท่าน”สายตานางมองกลับไปกลับมาระหว่างสองสามีภรรยา สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่นางซุน นางเผยรอยยิ้มชวนให้ขบคิด และเอ่ยต่อว่า “วันนี้ข้าจะพูดให้ชัดเจน ท่านพ่ออาจไม่เชื่อคำพูดของข้า ทว่าภายในสามวันข้ายังไม่ได้รับสินเดิมที่แม่ข้าทิ้งไว้ให้ พวกเราก็ต้องขึ้นศาล หลักฐานที่แน่นหนาทางนี้ของข้า ฟ้องร้องก็ชนะทันที หากไม่เชื่อ พวกท่านสามารถลองดูได้”เมื่อเห็นว่านางไม่เพียงไม่หลงกล แต่ยังต้องการร้องเรียนกับทางการ จะขึ้นศาลกับพวกเขา สองสามีภรรยาจึงตกใจขึ้นมาทันทีสีหน้าของเมิ่งตงหย่วนดูเคร่งขรึม พลันด่าทอว่า “เหลวไหล!”ขณะที่เขาพูดยังจ้องบุตรสาวคนโตอย่างไม่พอใจ และอับอายจนโมโห “นี่เป็นเรื่องครอบครัว เหตุใดเรื่องครอบครัวจะต้องวุ่นวายถึงกับขึ้นศาล? เจ้าเป็นผู้น้อย ผู้น้อยฟ้องผู้อาวุโส ถือว่าไม่กตัญญู เจ้าต้องการให้คนทั้งเมืองรู้ว่าผู้น้อยของจวนหย่งชางป๋อไม่กตัญญูหรือ?

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 71

    นี่มันช่างน่าขันเสียเหลือเกิน!ไม่ว่าเรื่องนี้จะวุ่นวายแค่ไหน ล้วนเป็นเพราะเมิ่งตงหย่วนกับนางซุนไร้เหตุผล ทั้งยังหน้าด้านหน้าทนไร้ความละอายจะมีเหตุผลสมควรอันใดถึงได้โยกย้ายสินเดิมของภรรยาที่ตายจากไปแล้ว เอาไปเพิ่มให้แก่บุตรที่เกิดจากตนกับภรรยาใหม่โดยพลการ แต่ไม่มอบให้บุตรสาวแท้ ๆ ที่เกิดจากภรรยาแรก?เมิ่งตงหย่วนถูกบุตรสาวคนโตแสดงหน้าเยาะเย้ยใส่จนประเดี๋ยวหน้าเขียวคล้ำประเดี๋ยวหน้าขาวซีด ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องการหน้าตา เขาจะยอมรับต่อหน้าผู้น้อยว่าตนผิด ยอมรับว่าตนไร้ยางอายได้อย่างไร?เขาเชิดหน้า กล่าววาจาแข็งกร้าวไร้เหตุผล “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโส เป็นบิดาของเจ้า จะตัดสินใจแทนเจ้าไม่ได้เชียวหรือ? เอาล่ะ เรื่องนี้ให้จัดการตามนี้ หากมีเรื่องเช่นนี้จริง มารดาเจ้าก็ต้องกล่าวขอโทษแก่เจ้า วันข้างหน้าน้องชายน้องสาวของเจ้าออกเรือนมีหน้ามีตาไปก็ต้องซาบซึ้งในตัวเจ้า เลิกทำตัวหัวแข็งไม่ยอมผู้ใดได้แล้ว”“ท่านพ่อเถียงข้าง ๆ คู ๆ ไม่มีเหตุผล ไยข้าต้องยอมผู้อื่นด้วย?” เมิ่งจิ่นเหยาเผยสีหน้าเย็นชา ทั้งยังไม่ยอมถอยให้สักนิด “ท่านพ่อคงจะลืมไปแล้วกระมัง? ราชวงศ์มีกฎเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 72

    เห็นนางอ้างไปถึงท่านผู้เฒ่าโจว เมิ่งตงหย่วนก็ไม่รู้จะทำกับนางเช่นไรดี ได้แต่ส่งสายตาให้ภรรยา แล้วกล่าวอย่างจนปัญญา “ฮูหยิน อาเหยายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเจ้าไม่ได้เพิ่มสินเดิมเข้าไปในรายการสินเดิมของนาง สามีขอถามเจ้าอีกครั้งว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริงหรือไม่?”นางซุนเห็นว่าสามีถึงกับอับจนหนทาง และแม้ว่าในใจนางจะอัปยศอดสูเหลือแสน ทว่ากลับต้องก้มหัวให้บุตรสาวเลี้ยงผู้นี้ต่อหน้าบุตรทั้งหลาย เพราะถึงสามีกับมารดาของสามีจะเป็นคนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมด แต่ก็ไม่มีหลักฐานมาชี้ชัดว่าพวกเขาเองก็ร่วมกระทำด้วย หลักฐานทั้งหมดในยามนี้ล้วนชี้มาที่นางทั้งสิ้น นางจึงได้แต่ยอมรับเท่านั้นยามนางมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยา ก็เผยสีหน้าเสียใจ กล่าวอย่างละอายใจว่า “อาเหยา แม่ไม่ดีเอง เจ้าอย่าไปถือโทษท่านพ่อเจ้าเลย เขาไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าอยากจะโทษก็ให้โทษแม่ที่เมื่อครู่นี้ไม่กล้ายอมรับผิด ตอนแรกแม่แค่คิดว่าในเมื่อเจ้าแต่งเข้าจวนฉางซินโหวแล้วจะสุขสบายมั่งมีไปด้วยเงินทอง”กล่าวไปได้กึ่งหนึ่ง ดวงตาของนางซุนก็แดงก่ำ นางรีบเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสะ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 73

    เมิ่งตงหย่วนเห็นท่าทางแน่วแน่ของบุตรสาวคนโต กอปรกับเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้แล้ว ผลที่ตามมามีเพียงสองอย่างเท่านั้น ถ้าไม่คืนสินเดิม ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไรล้วนทำลายเกียรติของตระกูลทั้งสิ้น วันข้างหน้าหากพวกเขาจวนหย่งชางป๋อออกไปข้างนอกจะต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะแน่ผู้อื่นจะหัวเราะเยาะว่าตระกูลพวกเขาอบรมเลี้ยงดูบุตรสาวหน้าไม่อายผู้หนึ่งออกมา นางตบแต่งให้คนลูกไม่ได้ก็เลยไปแต่งกับคนพ่อ หากไม่ใช่ว่าฉางซินโหวให้ความสำคัญกับนางลูกเนรคุณผู้นี้ อย่างมากเขาก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับนางไป จะได้ไม่ต้องขายขี้หน้ายามนี้ภรรยาซุกซ่อนสินเดิมที่มารดาแท้ ๆ ของบุตรสาวคนโตทิ้งไว้ให้ ฉะนั้นคนที่ได้รับผลกระทบไปด้วยก็คือสกุลเมิ่งทั้งสกุล ทั้งยังเกี่ยวพันไปถึงเรื่องแต่งงานของเฉิงซินกับอาอวี้ มีมารดาเช่นนี้ ยากที่ผู้อื่นจะไม่คิดว่ามีมารดาเช่นไร บุตรธิดาย่อมเป็นเช่นนั้นขณะที่โทสะกำลังครอบงำ เขาก้าวไปด้านหน้าสองก้าว แล้วประณามออกไปด้วยความโกรธเคือง “เจ้ามันลูกทรพี!”สิ้นคำ เขาก็ง้างมือขึ้นมาในฉับพลันทันใด ชั่วพริบตาถัดมาก็หมายจะฟาดลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาอย่างไร้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 74

    ครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของกู้จิ่งซีพลันมืดครึ้มขึ้นมาอย่างทันทีทันใดจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดวงตาดุดันกวาดมองสมาชิกสกุลเมิ่งทั้งหลาย สุดท้ายพอสายตาหยุดอยู่ที่เมิ่งตงหย่วนกับนางซุน แววตาของเขาก็ยิ่งเย็นเยียบ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านเมิ่งคงทราบดี หากว่ากันตามกฎระเบียบราชวงศ์เรา การยักยอกสินทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการ จะต้องโทษข้อหา ‘ลักขโมย’”ทันทีที่กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมิ่งตงหย่วนและภรรยา เมื่อครู่นี้พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำให้เกียรติของตระกูลต้องเสื่อมเสียเท่านั้น จนลืมไปว่าหากเรื่องราววุ่นวายไปจนถึงขั้นต้องขึ้นศาล แบบนั้นจะต้องมีการพิจารณาตัดสินโทษ นังลูกเนรคุณนั่นช่างใจดำอำมหิตเสียจริง อุตส่าห์เลี้ยงดูจนเติบใหญ่เช่นนั้น แต่ถึงกับส่งผู้อาวุโสในบ้านเข้าคุกได้ลงคอเมิ่งจิ่นเหยามองดูพวกเขาสองสามีภรรยาที่ถูกทำให้ตกใจจนหน้าขาวซีดแล้ว นางจึงเปล่งเสียงออกมาได้อย่างถูกเวลา “ท่านพี่ ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมคืน เช่นนั้นก็ช่างเถิด ถึงอย่างไรข้าก็มีหลักฐานแน่ชัดอยู่ในมือ ทั้งยังเตรียมคำร้องไว้แล้ว ข้าจะนำเรื่องของพวกเขาไปฟ้องร้องกับทางการ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 75

    เมิ่งจิ่นอวี้ไหนเลยจะเคยได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้?นางเป็นดั่งไข่มุกที่บิดามารดาประคองอยู่ในมือมาตั้งแต่เกิด ท่านย่าเองก็รักใคร่เอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง ในเรือนหลังนี้นอกจากเฉิงซินแล้ว นางนับว่าเป็นคนที่ได้ความรักความเอ็นดูมากที่สุด ทว่ายามนี้เพียงเพราะสร้อยคอเส้นเดียวนางถึงกับถูกพี่สาวคนโตทำให้อับอายขายหน้านางที่อับอายขายหน้าระคนเดือดดาลจนแทบไม่อยากมีชีวิต ถอดสร้อยบนลำคอออกแล้วยกมือเหวี่ยงใส่หน้าเมิ่งจิ่นเหยา นางด่าทอออกไปด้วยความโกรธเกลียด “เอาคืนไป นังคนเนรคุณใจดำ!”กู้จิ่งซีมือไวตาไว เขารับสร้อยคอไว้ได้ก่อนที่มันจะปะทะลงบนดวงหน้าของเมิ่งจิ่นเหยา เขาชำเลืองมองเมิ่งจิ่นอวี้ด้วยสายตาเย็นชา แล้วเปิดปากพูดออกไปว่า “คุณหนูรองเมิ่ง จงใจทำร้ายผู้อื่นนั้นโทษสถานหนักคือถูกศีรษะต่อหน้าสาธารณชน โทษสถานเบาคือถูกโบย คุณหนูรองเมิ่งอยากถูกตัดศีรษะหรือถูกโบยดีเล่า?”เขาเป็นขุนนางมาหลายปี และยามนี้ดำรงตำแหน่งสูง อำนาจบารมีมากมาย ยามมองมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ล้วนสร้างความกดดันที่มองไม่เห็นแก่คนอื่นเมิ่งจิ่นอวี้ตกอกตกใจจนสีหน้าซีดเผือด นางร้อง ‘ว้าย’ ออกมา แล้ววิ่งร้องไห้ออกไปเมิ่งเฉิงซิงเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 76

    ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อตา กู้จิ่งซีเป็นลูกเขย เป็นผู้เยาว์กว่าเขา ทว่ากลับไม่มีความเคารพแก่ผู้อาวุโสเช่นเขาเลยสักนิดแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอันใดออกไป ทำเพียงตอบรับด้วยใบหน้าเหยเก จากนั้นก็เดินไปทางกู้จิ่งซีแล้วยื่นมือออกไปรับสร้อยเส้นนั้นมา ทั้งยังกำชับพ่อบ้านให้ออกไปส่งพวกเขาสองสามีภรรยา......อีกด้านหนึ่ง เพิ่งก้าวออกมาจากจวนหย่งชางป๋อไม่นานเมิ่งจิ่นเหยาก็ปล่อยมือที่คล้องแขนกู้จิ่งซีออกอย่างเป็นธรรมชาติ นางก้าวเท้ายาว ๆ ไปทางรถม้า เพียงมองแค่ย่างก้าวที่เดินเหินอย่างกระฉับกระเฉงแล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่ายามนี้นางกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่งกู้จิ่งซีหลุบตามองแขนของตนเองแล้วอดรู้สึกไม่ได้ว่าช่างน่าขบขันยิ่งนัก เมื่อครู่แม่นางผู้นี้ยังเป็นฝ่ายเข้ามาคล้องแขนเขาอย่างสนิทสนมเองแท้ ๆ ทั้งยังแสดงท่าทางเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันปานจะกลืนกินกับเขา ยามนี้ใช้ประโยชน์เรียบร้อยแล้ว ถึงได้ปล่อยแขนเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวชิงชิวและหนิงตงคอยประคองเจ้านายของตนขึ้นรถม้าไป พวกนางลังเลก็ยังไม่ตามขึ้นไป หันไปดูว่าท่านโหวจะนั่งรถม้าคันเดียวกับเจ้านายของพวกตนหรือไม่ ครั้นเห็นว่าท่านโหวเดิม

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status