Share

บทที่ 56

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
น้าหลานทั้งสองได้จากไปแล้ว สาวใช้ของซ่งซินหนิงเดินตามหลังพวกเขาไปติด ๆ

ไม่นานบนระเบียงทางเดินก็เหลือเพียงเมิ่งจิ่นเหยาและสามี รวมถึงสองสาวใช้ชิงชิวและหนิงตงที่กำลังก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกละอายใจ

บนระเบียงทางเดินเงียบสงบยิ่งนัก บรรยากาศค่อนข้างกระอักกระอ่วน

เมิ่งจิ่นเหยากับกู้จิ่งซีสบตากันชั่วขณะ นางคิดจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของกู้จิ่งซี นางก็ลังเลที่จะเอ่ยออกมา อึดอัดใจเสียจนสามารถใช้นิ้วเท้าขุดดินได้ขนาดย่อม ๆ เขาได้ยินคำพูดของอาหนิงเมื่อครู่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

ท้ายที่สุด เป็นกู้จิ่งซีที่ทำลายความเงียบ “ฮูหยินยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่?”

เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีแล้ว ท่านพี่ยังมีธุระอันใดอีกหรือไม่?”

กู้จิ่งซีกล่าว “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นก็กลับจวนกันเถิด”

เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ มองเห็นกู้จิ่งซีหันหลังและเดินไปที่บันไดแล้ว นางลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงก้าวเท้าตามไป อาหนิงไปกับใต้เท้าฉีแล้ว นางไม่มีเรื่องอันใดอีก กลับไปก่อนก็ดีเหมือนกัน

เมื่อสองสามีภรรยาออกมาจากร้านฉาหราน ก็เดินทางกลับจวนในทันท
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 57

    เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้อยากอธิบายเลยสักนิด นางคิดแต่เพียงว่าจะแก้ตัว จึงฝืนยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “หากข้าบอกว่า ข้าไม่เคยพูดคำพูดเช่นนั้น ท่านพี่จะเชื่อหรือไม่?”กู้จิ่งซีกล่าวออกมาอย่างแฝงไปด้วยความหมาย “ฮูหยินกำลังใช้มโนธรรมของตนบอกกับข้าว่า เจ้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นงั้นหรือ?”“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ข้าจะพูดถึงสามีของตนเองเช่นนั้นต่อหน้าสหายได้อย่างไรกัน?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างไม่ต้องคิด ไม่ยอมรับท่าเดียว ละทิ้งเรื่องมโนธรรมอะไรเอาไว้ด้านข้างก่อนเมื่อเห็นแม่นางน้อยกำลังมองตนเองด้วยรอยยิ้มสดใส แววตาคู่นั้นไร้เดียงสามากเสียจนกู้จิ่งซีรู้ว่านางไม่มีทางยอมรับเป็นแน่ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฮูหยินบอกว่าไม่ เช่นนั้นก็ไม่ ข้าเชื่อฮูหยิน”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าไม่เคยพูดเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีพยักหน้าส่งเสียง “อืม” พลางกล่าวยิ้มหวาน “ฮูหยินเป็นภรรยาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม มิใช่คนที่จะพูดจาว่าร้ายลับหลังสามีเสียหน่อย”เมิ่งจิ่นเหยาสำลัก “…”ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อสิ ไยต้องมากระทบกระเทียบกันด้วยเล่า?กู้จิ่งซีไม่ใส่ใจหัวข้อสนทนานี้อีก เขาเลิกผ้า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 58

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบ ถึงแม้นางจะไม่เคยคิดถึงเรื่องบุตรมาก่อน ทว่าบุตรบุญธรรมอย่างกู้ซิวหมิงไม่มีทางดีต่อนางเป็นแน่ หากวันใดวันหนึ่งกู้จิ่งซีไม่อยู่แล้ว วันเวลาที่ดีของนางคงจะต้องถึงจุดสิ้นสุด หากว่ากู้ซิวหมิงบุตรบุญธรรมของนางผู้นั้นมีลูกมีหลาน และลูกหลานมากมายพวกนั้นกลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนางเลย ผนวกกับกู้ซิวหมิงกับนางไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในภายภาคหน้าครอบครัวของกู้ซิวหมิงคงจะจัดการกับหญิงชราที่อายุมากแล้วอย่างนางมีคนน้อยกว่าย่อมไม่อาจต้านทานผู้ที่มีมากกว่าได้ ช่างเป็นบั้นปลายชีวิตที่รันทดยิ่งนักเมื่อพิจารณาทุกสิ่งแล้ว ข้อเสนอของชิงชิวนั้นยอดเยี่ยมมาก นางพยักหน้าตอบ “ตอนนี้ข้ายังไม่คิดจะรับเลี้ยงบุตร อีกสักสองสามปีข้าค่อยพูดเรื่องนี้กับท่านโหวอีกที”เมื่อหนิงตงได้ฟัง ก็มีรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้าในทันที น้ำเสียงเจือไปด้วยความตื่นเต้น กล่าวด้วยเสียงอันเบา “ฮูหยิน ซื่อจื่อไร้ความรับผิดชอบ ขาดคุณธรรม คาดว่าเมื่อจวนโหวอยู่ในมือของเขาคงจะต้องตกต่ำเช่นกัน หากท่านรับอุปการคุณชายน้อยสักคน เลี้ยงดูคุณชายน้อยให้เป็นคนที่ยอดเยี่ยม ก็จะสามารถมาแทนที่ตำแหน่งซื่อจื่อได้นะเจ้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 59

    เวยหรุยเซวียนนายบ่าวสามคนกลับถึงเวยหรุยเซวียน เมิ่งจิ่นเหยาคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อฆ่าเวลา แต่กลับรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งที่ตนหลงลืมไป แต่ก็ไม่สามารถคิดออกได้ในทันทีนางมองไปที่ชิงชิว พลางถามว่า “ชิงชิว ข้ายังมีเรื่องอันใดที่ยังไม่ได้ทำอีกหรือไม่?”ชิงชิวชะงักเล็กน้อย ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า “ฮูหยิน ช่วงนี้ท่านไม่ได้บอกให้ข้าน้อยช่วยเตือนเรื่องอันใดเลยเจ้าค่ะ” “ไม่มีงั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาขมวดคิ้วรูปพระจันทร์เสี้ยวขึ้นเล็กน้อย ไยนางถึงรู้สึกว่ามีเรื่องอันใดต้องไปทำอยู่เล่า?ชิงชิวส่ายศีรษะอีกครั้ง พลางกล่าวยืนยัน “ไม่มีจริง ๆ เจ้าค่ะ เป็นเพราะช่วงนี้ฮูหยินมีเรื่องรบกวนจิตใจเลยทำให้ตนเองสับสนหรือไม่เจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พยักหน้า สิ่งนี้มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าบ่าวหนีไปในวันแต่งงาน ถูกคนทั่วทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะ ไม่ว่าใครที่พบเจอล้วนแต่เรียกว่าโชคร้ายทั้งนั้น โชคดีที่เปลี่ยนเจ้าบ่าวที่น่าพึงพอใจได้อย่างกะทันหัน ทั้งยังสามารถดำเนินชีวิตร่วมกันต่อไปได้ มิเช่นนั้นคงต้องอึดอัดใจตายเป็นแน่ชิงชิวเกรงว่านางอารมณ์ไม่ดีแล้วจะเก็บก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 60

    สุดท้าย กู้จิ่งซีก็หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางลงไว้ด้วยกัน เงยหน้ามองไปที่แม่นางน้อย การแต่งกายของนางเมื่อเทียบกับพี่สะใภ้และหลานสาวแล้ว นับได้ว่าเรียบง่าย บนร่างกายไม่ได้มีเครื่องประดับมากมายนักสำหรับเสื้อผ้า เพิ่งจะแต่งเข้ามาจึงยังไม่ทันได้ตัดเย็บขึ้นใหม่ ถึงแม้เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่จะเป็นชุดใหม่ ทว่าสีเขียวเข้มค่อนข้างจะอึมครึม โชคดีที่นางมีรูปโฉมที่งดงาม มิเช่นนั้นคงจะข่มสีนี้ไม่อยู่เป็นแน่การสวมชุดเช่นนี้ ดูราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุม แต่กลับไม่ค่อยเหมาะกับดรุณีน้อยวัยแรกรุ่น แม่นางน้อยวัยนี้ควรจะแต่งสีสว่างสดใสหน่อย ไม่จำเป็นต้องแต่งกายราวกับเป็นผู้อาวุโสมากนักแต่เมื่อมองนางแล้วก็ไม่เหมือนผู้ที่มีนิสัยที่ราวกับเป็นผู้อาวุโสเช่นนั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ตอนนี้คงจะเป็นมารดาเลี้ยงนางซุนที่เป็นผู้หาช่างเย็บปักมาทำให้นาง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มารดาแท้ ๆ จะทุ่มเทเต็มที่ได้อย่างไรกัน? หากนางแต่งเข้ามาในจวนฉางซินโหว แต่แต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะต่ำกว่า เกรงว่าแม้แต่เสื้อผ้าชุดใหม่ก็คงจะไม่ตัดเย็บให้นางบุตรสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ ตระกูลเมิ่งไม่รู้จักเลี้ยงดู เช่นนั้น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 61

    เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง จ้องมองกล่องไม้ในมืออย่างใจลอย กล่องไม้ไม่ได้หนัก แต่นางกลับรู้สึกว่ามันมีน้ำหนักเมื่อถืออยู่ในมือเมื่อเช้านางยังเป็นคนยากจน คนยากจนที่แม้แต่อาหารในภัตตาคารเหอซ่านยังไม่มีปัญญาซื้อกิน ตกบ่ายนางก็ร่ำรวยมหาศาล ความรู้สึกที่ได้ครอบครองเงินก้อนโตภายในชั่วพริบตาเดียวนั้นเหมือนฝันกู้จิ่งซีมอบหมายสิ่งเหล่านี้ให้นางดูแล เขาไม่กลัวเลยหรือว่านางจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุดท้ายก็ผลาญทรัพย์สมบัติของเขาจนหมด?กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยงุนงงจนพูดไม่ออก จ้องมองกล่องไม้ด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ ไม่กี่วันก่อน คู่หมั้นของนางได้หลบหนีงานวิวาห์ แต่แม่หนูน้อยผู้นี้กลับไม่ทำอะไรโง่ ๆ ยังสามารถรับมือได้อย่างสุขุม ซ้ำยังใจกล้าบ้าบิ่นเปลี่ยนตัวสามี ตอนนี้พอเห็นเงินเข้า นางกลับทำใจลอย เป็นไปได้หรือไม่ว่าคู่หมั้นจะสำคัญน้อยกว่าเงิน?เขายิ้มถามว่า “ฮูหยิน เป็นอะไรไปหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วย้อนถามว่า “ท่านพี่ไม่กลัวว่าข้าจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ผลาญทรัพย์สมบัติของท่านจนหมดหรือ?”กู้จิ่งซีมองนาง ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สามีภรรยาคือหนึ่งเดียวกัน ร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 62

    เมิ่งจิ่นเหยาเล่าเรื่องห้องหนังสือให้ฟังอย่างรวบรัดรอบหนึ่งเมื่อสาวใช้ทั้งสองได้ยินเรื่องนี้ มีหรือจะไม่ตกใจ ในขณะเดียวกันก็ดีใจแทนนายหญิงไปด้วย การมอบทรัพย์สินให้นายหญิงดูแลจัดการหมายความว่าในใจท่านโหวนั้นยอมรับนายหญิงแล้ว เห็นนายหญิงเป็นภรรยาตัวจริง จะใช้ชีวิตที่ดีร่วมกับนายหญิงหนิงตงเหลือบมองตั๋วเงินกองนั้น พลางครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ฮูหยิน ในเมื่อเงินนี้ท่านโหวมอบให้ท่านใช้ งั้นพรุ่งนี้ก็ออกไปซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับกันดีไหมเจ้าคะ? การแต่งตัวในตอนนี้ของท่านมันออกจะราบเรียบไปสักหน่อย ก่อนหน้านี้ไม่สามารถแต่งตัว นั่นเพราะไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้ท่านโหวให้เงินท่านแล้ว”ว่าแล้วนางก็มองพินิจนายหญิงครู่หนึ่ง เครื่องแต่งกายของนายหญิงไม่ถึงกับขี้เหร่ บอกได้เพียงว่าดูสง่างามและเรียบง่าย สินเดิมที่นางซุนมอบให้นายหญิงก็มีเครื่องประดับด้วย แต่ทั้งหมดเป็นแบบที่ดูธรรมดาไป ไม่ใส่ยังดีเสียกว่า แม้แต่เสื้อผ้าก็มีแต่สีสันที่ค่อนข้างสูงวัยนางซุนปฏิบัติต่อนายหญิงเช่นนี้เสมอมา เครื่องประดับคือเครื่องประดับที่มีมูลค่าไม่มากนัก เนื้อเสื้อผ้าก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่ดูไม่สวยงามเท่านั้น ที่ทำเช่นนี้ไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 63

    วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยากินอาหารเช้าเสร็จก็หยิบรายการสินเดิมของมารดาที่ท่านตามอบให้นางมาเปรียบเทียบกับรายการสินเดิมที่นางซุนให้นางมานางอยากดูว่านางซุนจะใจกล้าสักแค่ไหน นอกจากสินเดิมที่จวนหย่งชางป๋อให้นางมาแล้ว ข้าวของที่มารดาของนางทิ้งไว้ให้ นางซุนเพิ่มเข้าไปในสินเดิมของนางเท่าไหร่ แล้วแอบเอาเข้ากระเป๋าตัวเองอีกเท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบรายการสินเดิมทั้งสองฉบับ สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็มืดมนลง พลางหัวเราะเยาะเบา ๆ “ช่างกล้ามากจริง ๆ กินไปมากมายขนาดนั้น ไม่กลัวท้องแตกตายเลย”ชิงชิวและหนิงตงได้ยินดังนั้น ก็เอนตัวเข้ามาถามว่า “ฮูหยิน มีอะไรหรือ?”“พวกเจ้าดูนี่สิ”ทั้งหมดเป็นสาวใช้คนสนิท เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ได้กันพวกนาง ให้พวกนางดูรายการสินเดิมทั้งสองฉบับโดยตรงสาวใช้ทั้งสองดูจบแล้วก็โกรธมาก แม้ว่าจวนหย่งชางป๋อจะเสื่อมโทรมลง แต่ลูกสาวสายตรงคนโตออกเรือนทั้งที สินเดิมที่ให้ลูกสาวสายตรงคนโตก็ไม่ถึงกับต้องน่าเกลียดเช่นนี้สิ่งที่จวนหย่งชางป๋อได้จัดเตรียมไว้สำหรับนายหญิงของพวกนาง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่สามารถบรรจุลงในกล่องได้เพื่อรักษาหน้าตา แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอย สิ่งข

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 64

    พ่อบ้านอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพินิจนางอย่างลึกซึ้ง แม้เห็นนางอมยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า วันนี้คุณหนูใหญ่เหมือนไม่ได้มาด้วยเจตนาดีหลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้รับเชิญให้ไปรอในโถงรับแขก สาวใช้รีบนำชาชั้นดีและของหวานผลไม้รวมสด ๆ มาต้อนรับ ให้นางกินแก้เบื่อไปก่อน สาวใช้อีกคนไปแจ้งเจ้านายคนอื่น ๆ ในจวนการปฏิบัติเยี่ยงแขกผู้มีเกียรติ เมื่อเทียบกับวันที่กลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหนิงตงและชิงชิวเฝ้ามองทุกอย่างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในใจกลับดูถูกพฤติกรรมของจวนหย่งชางป๋อ นายท่านเห็นวันนั้นที่กลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม ท่านโหวได้กลับมาพร้อมกับนายหญิงด้วย เมื่อรู้ว่านายหญิงเป็นที่โปรดปรานของท่านโหว จึงมองเห็นมูลค่าประโยชน์ใช้สอยใหม่อีกครั้ง ต้องการจับนายหญิงให้อยู่หมัด แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาของพวกเขาถูกลิขิตให้ต้องล้มเหลวทางนั้น พอเมิ่งตงหย่วนและนางซุนรู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยากลับมาแล้วก็พากันงงงวย หลายวันก่อนเพิ่งกลับบ้านหลังออกเรือนวันที่สาม วันนี้ทำไมจู่ ๆ ก็กลับมาอีกแล้ว? ก่อนกลับมาก็ไม่ได้ส่งใครมาแจ้งล่วง

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 269

    กู้จิ่งซีรู้สึกแค่เพียงไม่คาดคิดเท่านั้น เดิมทีไม่ได้คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าเมื่อเห็นแม่นางน้อยอับอายเสียจนหน้าแดง สีหน้าท่าทางขัดเขินไม่กล้ามองตนเองอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี คำพูดที่กล่าวออกมาจึงแฝงไปด้วยการหยอกเย้า “ฮูหยินใช้ข้าเป็นสาวใช้แล้วหรือ”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็มองไปทางเขาอย่างฉับพลัน บุรุษผู้นั้นยิ้มมุมปาก ดวงตามองตนเองอย่างหยอกล้อ รู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที อดไม่ได้ที่จะตอกกลับ “มิใช่ว่าท่านพี่อยากเป็นสาวใช้หรอกหรือ? ข้าก็ทำตามความปรารถนาของท่านพี่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีรู้ว่าเมื่อใดควรหยุด หากทำให้แม่น้อยร้องไห้ขึ้นมาก็คงจะจบไม่สวยเท่าใดนัก จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม “อืม ฮูหยินพูดถูกแล้ว ข้าเต็มใจเอง ตอนนี้ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ฮูหยินกินเองเถิด”เขาพูดพลางเอาเปลือกกับเมล็ดของลิ้นจี่วางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบผ้าสีเหลี่ยมสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดมือ เตรียมที่จะจากไปเมิ่งจิ่นเหยาเหลือบมองลิ้นจี่ที่เหลืออยู่พลางถามว่า “ท่านพี่ไม่ถือโอกาสกินตอนที่ยังสดใหม่อยู่สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะ “ฮูหยินกินเถิด ข้าไม่ค

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 268

    เขาเอื้อมมือไปหยิบที่ปอกเปลือกแล้วมาหนึ่งลูก จากนั้นก็ยื่นไปที่ปากของแม่นางน้อย พลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ฮูหยิน เพียงแค่มองดูอย่างเดียวลิ้มลองรสชาติไม่ได้ ลองชิมดูก่อนดีหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาได้สติกลับมา ก็เห็นเขาแย้มยิ้มมองตนเอง ดวงตาอันอ่อนละมุนคู่นั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก จึงอ้าปากรับการป้อนของเขาโดยไม่รู้ตัว กัดหนึ่งคำเบา ๆ เนื้อของลิ้นจี่ราวกับผิวที่เนียนนุ่ม อ่อนนุ่มและสดชื่น มีรสหอมหวานในปาก กลิ่นหอมกรุ่น หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติดีเยี่ยม ทำให้ชวนนึกถึงรสชาติที่เหลืออยู่ในปากเมื่อเห็นนางหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ถึงขั้นทำให้หวนนึกถึง กู้จิ่งซียิ้มพลางถามว่า “อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “อร่อยเจ้าค่ะ ผ่านมานานหลายปีได้กินอีกครั้ง ยังเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำอยู่เลยเจ้าค่ะ” เมื่อนับเวลาจากที่นางกินลิ้นจี่ครั้งที่แล้ว ก็คือสิบปีก่อน ตอนนั้นท่านปู่ได้รับลิ้นจี่มาจากสหายนิดหน่อย ลูกเดียวยังทำใจกินไม่ลง นำกลับมาป้อนใส่ท้องนางทั้งหมด เวลานั้นนางยังไม่เข้าใจความล้ำค่าของลิ้นจี่ รู้เพียงแต่ว่าอร่อยเท่านั้น ต่อมาท่านปู่เสียชีวิตไป นางก็ไม่ได้กินอีกเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 267

    จวนฉางซินโหว เรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย กำลังฟังชุนหลิ่วกับหนิงตงอ่านบันทึกเรื่องเล่าแปลกประหลาด ชุนหลิ่วรับผิดชอบอ่านบทบรรยาย ส่วนหนิงตงอ่านบทสนทนาชิงชิวอยู่ด้านหนึ่งคอยปอกเมล็ดแตงให้เมิ่งจิ่นเหยา ส่วนเซี่ยจู๋ก็คอยพัดวีให้เมิ่งจิ่นเหยาอยู่อีกด้านหนึ่งวันนี้ไม่ถือว่าร้อนนัก ในช่วงไม่กี่ชั่วยามที่ร้อนที่สุด ภายในห้องจะวางตู้น้ำแข็งเอาไว้เพื่อลดอุณหภูมิ เมื่อผ่านยามเซินไปแล้วจะไม่ร้อนเท่าใดนัก ก็จะนำตู้น้ำแข็งออก ภายในห้องยังหลงเหลือความเย็นสบายอยู่เล็กน้อย แค่พัดสักนิดหน่อยก็พอแล้วเมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาลงอย่างสบาย ช่างสำราญใจยิ่งนักเมื่อกู้จิ่งซีกลับมา ก็มองเห็นฉากนี้ เขาตะลึงงันเล็กน้อย แม่นางน้อยที่อยู่แต่ในเรือนมิดชิดช่างรู้จักเพลิดเพลินใจยิ่งนัก เขาไม่เคยให้สาวใช้สองสามคนมาปรนนิบัติเช่นนี้เสพสุขขนาดนี้มาก่อน “ท่านโหว”เมื่อสาวใช้ทั้งสี่คนมองเห็นกู้จิ่งซี ก็รีบคารวะให้เขาเมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามอง บุรุษในชุดขุนนางสีแดงเข้มกำลังก้าวเท้าเดินมาทางนาง จึงส่งเสียงเรียกออกมา “ท่านพี่” เมื่อสังเกตเห็นกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือของเขา ก็เอ่ยถามอีกว่า “ท่านพี

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 266

    กู้จิ่งซีกล่าว “ร่างกายของสตรีเทียบไม่ได้กับบุรุษ ยิ่งต้องระวังสุขภาพให้ดี อย่าสัมผัสความเย็น หากความเย็นเข้าสู่ร่างกายจะได้รับความทรมานได้ หากว่าง่วงนอนก็กลับไปนอนที่เตียง ระวังจะเป็นหวัดเอา”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อคิดถึงสุขภาพของตนเอง ดวงตาก็หม่นลง หันมาพยักหน้าแผ่วเบาพลางกล่าวว่า “เจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว” กล่าวจบ นางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้ท่านพี่มีเวลาหรือไม่เจ้าคะ? มิสู้พวกเรามาเดินหมากกันสักตาดีไหมเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบรับอย่างยินดี “ได้”เมิ่งจิ่นเหยาไปเอากระดานหมากมา ทั้งสองคนเดินหมากกันผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม แพ้ชนะก็ได้ถูกตัดสิน ผลลัพธ์ไม่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย เมิ่งจิ่นเหยาพ่ายแพ้แล้ว นางกำลังมองดูกระดานหมาก แม้เสียใจก็สายไปแล้วกู้จิ่งซีเห็นนางขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ท่าทางแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปในทันที มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจนยากที่จะมองเห็น พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน เมื่อวานข้าก็บอกเจ้าแล้ว การระแวดระวังนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากระมัดระวังมากเกินไปจะเสียเรื่องได้ง่าย ตอนนี้แพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์”เมิ่งจิ่นเหยาไม่ย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status