แชร์

บทที่ 154

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
กู้จิ่งซีถามกลับว่า “อืม มีปัญหาอะไรหรือ?”

น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งมาก ราวกับการฆ่าคนคือเรื่องที่ปกติธรรมดาเรื่องหนึ่งในสายตาของเขา

เมิ่งจิ่นเหยาได้ยิน สีหน้าก็แข็งทื่อ และรู้สึกระทึกเล็กน้อย คำพูดที่เลือดเย็นแบบนี้ไม่ควรออกมาจากปากของกู้จิ่งซี นางถอยหลังก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว และกล่าวเตือนสติว่า “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านเป็นถึงเสนาบดีศาลต้าหลี่ นี่เป็นการรู้กฎหมาย แต่จงใจทำผิดกฎหมายไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

กู้จิ่งซีตกชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา และเมื่อเห็นความกลัวในดวงตาของนาง ก็รู้ว่านางเข้าใจผิดแล้ว และหากคืนนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจน แล้วตนเองนอนอยู่ข้างกายนาง เกรงว่านางจะฝันร้าย จึงอธิบายว่า “ตอนจับกุมนักโทษที่หลบหนี อีกฝ่ายมีลูกน้องไม่น้อย เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากข้าใจอ่อนเกินไป เจ้าคงจะต้องเป็นแม่หม้ายน้อยแล้ว”

เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึง นี่เป็นแวดวงที่นางไม่เคยย่างกราย นางคิดว่าเสนาบดีศาลต้าหลี่เป็นราชการฝ่ายพลเรือน ซึ่งฝ่ายนี้ไม่สนใจเรื่องทุบตีไล่ฟัน และสนใจแค่การสืบคดีเท่านั้น แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนี้เลย

แต่ เมื่อคิดดูอย่างละเอียด ก็เป็นเรื่องปกติ นักโทษที่ไหนจะให้ทา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 155

    วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยากำลังดูแลต้นไม้อยู่ เพราะแต่งงานเข้าจวนฉางซินโหวมา นางไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารภายในเรือน ทุกวันจึงว่างมาก นอกจากจะดูแลที่ดินและร้านรวงที่มารดาทิ้งไว้ให้ นางยังดูแลทรัพย์สินส่วนตัวของกู้จิ่งซีด้วยเวลาว่างไม่มีเรื่องอะไรก็แค่อ่านตำรา และดูแลต้นไม้ใบหญ้าเพื่อฆ่าเวลา ไม่ก็ออกไปเดินเล่นที่ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายผงชาด และร้านขายเสื้อผ้า หรือไม่ก็เลือกไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่รู้สึกน่าสนใจจากคำเชิญที่คนอื่นส่งมาให้เวลานี้ เซี่ยจู๋เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้า และยอบตัวทำวความเคารพมาทางนาง พลางกล่าวอย่างสุภาพว่า “ฮูหยิน คุณชายรองเมิ่งมาแล้วเจ้าค่ะ”น้องรองมาหรือ?เมิ่งจิ่นเหยาขยับมือเล็กน้อย และรู้สึกประหลาดใจ นางแต่งเข้าจวนฉางซินโหวนานขนาดนั้นแล้ว น้องรองยังไม่เคยมาหานางเลย ครั้งนี้เข้ามาบางทีอาจจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็ได้ จึงรีบสั่งว่า “พาเขารับมายังเรือนเวยหรุยเซวียน” ขณะที่กล่าวก็สั่งชิงชิวให้ไปเตรียมน้ำชาด้วยผ่านไปไม่นาน เมิ่งเฉิงจางก็มาถึงเด็กหนุ่มที่อายุสิบสามปี หน้าตาหล่อเหลา ริมฝีปากแดงฟันขาว สุภาพเรียบร้อย ระหว่างการเคลื่อนไหวยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของนักปราชญ์ เพร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 156

    “นางซุนย่อมให้เงิน แต่คงจะไม่พออย่างแน่นอน แม้ท้องจะหิวและอย่างจะเพิ่มอาหารเงินก็ยังไม่พอใช้ หรือว่าเจ้าคิดจะช่วยหอเก็บตำราคัดตำราเพื่อหาเงินเช่นนั้นหรือ? ข้าไม่ได้อยากจะทำลายกำลังใจของเจ้า เพียงแค่อยากให้เจ้ามุ่งมั่นกับการเรียน และไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ในอนาคตจะได้เหนือกว่าคนอื่น”เมิ่งเฉิงจางตกตะลึง แต่ยังยืนกรานไม่รับ และตอบกลับว่า “พี่หญิงใหญ่ น้ำใจของท่านข้ารับไว้แล้ว แต่ข้ารับเงินไม่ได้จริง ๆ แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็รู้ถึงความยากลำบากของผู้หญิง แม้ท่านจะแต่งเข้ามาในจวนสกุลกู้ เป็นลูกสะใภ้ของสกุลกู้แล้ว แต่หากสกุลกู้รู้ว่าท่านใช้เงินช่วยเหลือบ้านมารดา คงจะมีคำวิจารณ์ต่อท่านอย่างแน่นอนขอรับ”เมื่อได้ยิน ขอบตาเมิ่งจิ่นเหยาก็ร้อนผ่าว ยัดเงินใส่ในมือของเขาโดยไม่ฟังเหตุผล และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “น้องรอง ไม่ต้องกังวล นี่ไม่ใช่เงินของสกุลกู้ แต่เป็นเงินของข้าเอง ช่วงก่อนหน้านี้ข้าเอาสินเดิมของท่านแม่ข้ากลับมาแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ามั่งคั่งแล้ว เจ้าก็เอาไปอย่างวางใจเถอะ”นางพูดจบ เมื่อเห็นน้องชายยังคงไม่คิดจะรับ ก็กล่าวอีกว่า “น้องรอง พี่สาวให้น้องชาย ก็อย่าปฏิเสธข้าเล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 157

    เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงอาการตกตะลึงของน้องชาย จึงหันไปมอง พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก็คิดว่าเขาคงเพิ่งได้รับการเลื่อนลำดับญาติจึงยังไม่ทันตอบสนอง จึงกล่าวออกมาเพื่อคลายความกระอักกระอ่วนว่า “ซิวเหวิน อีกสองสามวันเจ้าก็ต้องไปสำนักศึกษาหลินซานแล้วใช่หรือไม่?”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ กู้ซิวเหวินก็ตื่นเต้นเล็กน้อย รีบพยักหน้าและตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ อีกสามวันก็จะไปสำนักศึกษาแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้ารองของเจ้าก็จะไปสำนักศึกษาหลินซานด้วย ถึงตอนนั้นพวกเจ้าเป็นเพื่อนร่วมทาง และไปด้วยกันมิดีกว่าหรือ?”นางกล่าวจบ ก็หันไปมองน้องชายที่อยู่ด้านข้าง น้องชายคนนี้ของนางรู้ความ แต่บัณฑิตในสำนักศึกษามาจากทั่วทุกสารทิศ คนที่มีฐานะสูงส่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี นางกลัวน้องชายจะถูกคนอื่นรังแก ซิวเหวินเป็นคุณชายสี่ของสกุลกู้ หากพวกเขาทั้งสองสนิทกันเสียหน่อย หากวันข้างหน้ามีเรื่องอะไร ก็จะดูแลกันได้เมื่อกู้ซิวเหวินได้ยิน ดวงตาก็เปล่งประกาย และมองไปทางเมิ่งเฉิงจางด้วยความประหลาดใจ “น้ารองก็จะไปสำนักศึกษาหลินซานด้วยหรือขอรับ?”เห็นเมิ่งเฉิงจางพยักหน้า เขาก็รีบกล่าว “ท่านอาสะใภ้สาม ข้ากำลังขา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 158

    “ใช่ไม่เหมือน แต่กลับมีความเหมือนบิดาข้าอยู่หลายส่วน ท่านตาของเขาน่ะ” กู้จิ่งซีพยักหน้า และนึกถึงความสัมพันธ์ของนางกับสกุลเมิ่ง แต่นางปฏิบัติต่อเมิ่งเฉิงจางกลับต่างออกไป ราวกับพี่สาวน้องชายแท้ ๆ ที่เกิดจากมารดาเดียวกัน จึงถามอีกครั้งว่า “เจ้ากับน้องรองดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะ?”เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้มที่มุมปาก “เจ้าค่ะ เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของข้า”เพียงคนเดียวหรือ?สองคำนี้ทำให้กู้จิ่งซีชะงักไป ตอนนี้สกุลเมิ่งบวกกับแม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ทั้งหมดก็เจ็ดคน แต่แม่นางน้อยกลับบอกว่าเมิ่งเฉิงจางเป็นญาติเพียงคนเดียว เช่นนั้นตามความหมายในคำพูดก็คือ คนอื่น ๆ ในสกุลเมิ่งเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยเท่านั้นเมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นถึงการแสดงออกของเขา จึงกล่าวอย่างสนใจแต่เรื่องของตนเองว่า “เขาเรียนได้ดีมาก ทำข้อสอบของสำนักศึกษาหลินซานผ่าน และจะได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลินซานเร็ว ๆ นี้แล้ว บังเอิญกู้ซิวเหวินก็ไปที่สำนักศึกษาหลินซานด้วย พวกเขาจะได้เป็นเพื่อนกันพอดีเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” เบา ๆ เมื่อเห็นตอนที่นางกล่าวถึงน้องชายคนนี้ จะมีรอยยิ้มที่มุมปาก คิ้วกับตาก็จะโค้งง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 159

    พ่อบ้านสำลักคำพูดนี้ของนางจนพูดอะไรไม่ออกคุณหนูที่ออกเรือนแล้วพูดจาเช่นนี้มีที่ใดกัน? บ้านมารดาเกิดเรื่อง นางก็คิดว่าฟังเอาสนุก คำพูดที่เลือดเย็นเช่นนี้ น่าจะมีเพียงคุณหนูใหญ่ของบ้านพวกเขาเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาได้เมิ่งจิ่นเหยาก้าวเท้าไปนั่งยังตำแหน่งหลัก มองพ่อบ้านด้วยสายตาที่ไม่แยแส และถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “บอกว่ามาหาข้าเพราะมีเรื่องด่วนไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้ามาแล้ว เจ้าก็เป็นใบ้เสียเล่า?”เมื่อได้ยิน พ่อบ้านก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา ขณะมองเมิ่งจิ่นเหยาก็ถอนหายใจ พลางกล่าว “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยแล้ว อาการป่วยหนักมาก ดังนั้นนายท่านจึงให้ข้าน้อยมาแจ้งท่านเสียหน่อยขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ท่านย่าคนนั้นของนางร่างกายแข็งแรงมาก โดยเฉพาะตอนที่ด่าทอนาง พลังยังเต็มเปี่ยม เห็นได้ชัดว่าอายุเยอะมากแล้ว แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่าร่างกายยังแข็งแรงกว่าเด็กสาวเช่นนางเสียอีก อยู่ไปอีกสิบปีก็น่าจะไม่มีปัญหา จู่ ๆ เหตุใดถึงป่วยหนักได้เล่า?นางคิดว่ามีเรื่องลับลมคมใน จึงไม่เชื่อคำพูดของพ่อบ้าน และจ้องพ่อบ้านตาเขม็ง พลางถามอย่างแฝงความนัย “นางป่วยจริง ๆ หรือ?”พ่อบ้านก้มศีรษะลงเล็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 160

    ตอนที่เมิ่งจิ่นเหยามาถึงโถงหรงฝู ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งก็กำลังนอนกลางวันอยู่ สาวใช้เหมือนจะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องกลับมา จึงเชิญนางไปยังห้องโถงเล็กของโถงหรงฝู ยกน้ำชาชั้นดีกับของหวานให้นาง และขอให้นางรอไปก่อนสักครู่สาวใช้อีกคนหนึ่งรีบไปแจ้งเมิ่งตงหย่วนกับนางซุนทันทีชิงชิวยืนปรนนิบัติอยู่ข้างกายเมิ่งจิ่นเหยา เมื่อเห็นสาวใช้มีท่าทางที่ดีต่อเจ้านายตนเองเช่นนี้ ต่างตกใจแทนเจ้านายที่ได้รับการโปรดปราน เจ้านายของพวกนางอยู่โถงหรงฝูก็เคยได้รับการต้อนรับเช่นนี้มาก่อนหรือ?ชิงชิวย่อตัว และกระซิบที่ข้างหูของเมิ่งจิ่นเหยา “ฮูหยิน เหตุใดข้าน้อยถึงรู้สึกว่าพวกเขามีเจตนาที่ไม่ดีเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างใจเย็นว่า “ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”ผ่านไปได้ไม่นาน เมิ่งตงหย่วนกับนนางซุนก็มาถึงเมิ่งจิ่นเหยาลุกขึ้นทำความเคารพ “ท่านพ่อ ฮูหยินเมิ่ง”นางซุนได้ยินนางเรียกตนเองว่าท่านแม่ แต่กลับเรียกแค่เมิ่งฮูหยิน ก็รักษาหน้าไม่ได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้เถียงกับนาง จึงตอบรับและยิ้มกว้าง “อาเหยา นั่งลงก่อนค่อยพูดเถอะ” เมิ่งจิ่นเหยาเห็นนางที่แม้ในใจจะเกลียดจนกัดฟันแทบหลุด และเกลียดจนอยาก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 161

    เมื่อสิ้นเสียง ฝีเท้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็หยุดชะงัก พลางหันหน้ากลับไปมองท่านย่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ยังตะโกนให้นางหยุดด้วยความขุ่นเคืองอยู่เลย เวลานี้กลับสงบนิ่งอีกครั้ง แววตาอ่อนโยนก็จริง การขอร้องผู้อื่นก็ควรต้องมีท่าทีขอร้อง นับว่ามีไหวพริบยิ่งนัก หากเป็นเมื่อก่อน คงหลุดปากด่าว่านางอกตัญญู ด่าว่านางไร้หัวใจ ด่าว่านางไม่คำนึงถึงสกุลไปแล้วนางยิ้มพลางถาม “ท่านย่ายังมีธุระอันใดอีกหรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความเดือดดาลที่อยู่ภายในก้นบึ้งของจิตใจ พยายามรักษาความอบอุ่นที่อยู่ในน้ำเสียงอย่างเต็มที่ “อาเหยา เฉิงซิงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบา ๆ “ข้ารู้เจ้าค่ะ แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งใช้ใจแลกใจ ใช้เหตุผลแลกเหตุผล “อาเหยา ย่ารู้ว่าเจ้าขุ่นเคืองที่มารดาของเจ้าก้าวก่ายเรื่องสินเดิมของมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้า ทว่าน้องสามของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงเจ้าจะโกรธมารดาเจ้าเพียงไร ก็ไม่ควรคิดแค้นน้องสามของเจ้าไปด้วย”สำนักศึกษาหลิงซานเป็นสำนักศึกษาที่บรรดาบัณฑิตในใต้หล้าแห่แหนกันไป เมื่อเข้าไปที่สำนักศึกษาหลิงซานแล้ว ก็จะเข้าใกล้จิ้นซื่อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 162

    เมื่อได้ยินคำว่าเฉิงอวี่สองคำ สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็หยุดชะงัก มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำไว้แน่น เล็บมือทั้งหมดจิกเข้าไปในเนื้อของฝ่ามือ แต่กลับยังไม่ปล่อย มองไปที่นางซุนด้วยสายตาที่น่ากลัว พลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เฉิงอวี่ตายได้เช่นไร ไม่มีผู้ใดเข้าใจชัดเจนไปกว่าเมิ่งฮูหยินอีกแล้วเจ้าค่ะ”ใบหน้าของนางซุนซีดเผือดเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็ก้มหน้าแอบร้องไห้ พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “อาเหยา สินเดิมของมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้า ข้าได้คืนเจ้าไปแล้ว เจ้ายังต้องการอันใดอีก? ความตายของเฉิงอวี่เป็นปัญหาของเจ้า ทุกคนเห็นประจักษ์แก่สายตาของตนเอง ตอนนี้เจ้าจะสาดโคลนใส่ผู้อื่น ผลักความรับผิดชอบมาให้ข้ากระนั้นหรือ? ตอนนั้นท่านแม่ให้เจ้าไปที่โถงพระเพื่อขจัดพลังงานชั่วร้าย เจ้าก็ร้องไห้โวยวายไม่ไป เป็นข้าที่ร้องขอความเมตตาให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยามองดูการเสแสร้งแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อของนาง ดวงตามืดมนจนไม่อาจคาดเดา กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เมิ่งฮูหยิน หวังว่าภายภาคหน้าท่านจะยังสามารถกล่าวคำพูดนี้ออกมาได้อย่างมั่นใจอยู่นะ”ท่าทางแสร้งเช็ดน้ำตาของนางซุนชะงักเล็กน้อยเมิ่งตงหย่วนเห็นภรรยาเช็ดน้ำตาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ก

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 278

    แต่โดยรวมแล้ว หลานสาวคนโตก็ไม่ใช่คนเลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้ นอกจากรังแกเซวียนหลิงแล้ว ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายทำร้ายใคร เพียงแต่คนเป็นบิดามารดาไม่ได้อบรมสั่งสอนให้ดี เลยเลี้ยงเด็กดีในทางที่ผิด หากต่อไปไม่พบเจอกับเรื่องอะไร นิสัยนี้เกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ชักสายตากลับ และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เซวียนอี๋ เซวียนหลิงกลับไปก่อนเถอะ”ทันทีที่กู้เซวียนอี๋กับกู้เซวียนหลิงได้ยิน ก็รู้ว่าเหล่าอาวุโสมีเรื่องต้องพูดคุยกัน จึงตอบรับอย่างเชื่อฟัง และออกจากโถงโซ่วอันไปหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ไล่สาวใช้ที่ปรนนิบัติให้ออกไป จึงเหลือเพียงเฝิงหมอมอ รวมทั้งลูกสะใภ้อีกสามคนเท่านั้นนางจางอดสงสัยไม่ได้ จึงถาม “ท่านแม่ ท่านมีเรื่องสำคัญอะไรจะปรึกษากับพวกเราหรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง เซวียนอี๋กับเซวียนหลิงเด็กทั้งสองถึงวัยปักปิ่น และถึงวัยที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงานได้แล้ว พวกเจ้าเป็นมารดามีบุคคลที่ถูกใจหรือยัง?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางเฉินก็รีบกล่าวทันที “ท่านแม่ เรื่องงานแต่งของเซวียนหลิง ปีนี้ลูกสะใภ้ให้ความสำคัญอยู่ตลอด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 277

    ยามดึกสงัด ผู้คนกำลังพักผ่อน เมิ่งจิ่นเหยานอนอยู่บนเตียง เตียงของฤดูร้อนเปลี่ยนเป็นเสื่อหยก เสื่อหยกไม่ได้ทำจากหยก แต่เป็นเสื่อเย็นที่ทำมาจากไม้ไผ่ สามารถลดอุณหภูมิได้ ฤดูร้อนนอนอยู่บนนั้นจะรู้สึกสบายเล็กน้อย หน้าต่างก็เปิดเอาไว้ ลมฤดูร้อนพัดเข้ามาจะได้ขับไล่ความร้อน และภายในห้องไม่ต้องวางกระจกน้ำแข็งก็ไม่รู้สึกร้อนเช่นกันสบโอกาสตอนที่กู้จิ่งซีไปอาบน้ำยังไม่กลับมา เมิ่งจิ่นเหยาคิดสักพัก จึงขยับตัวนอนยังตำแหน่งของกู้จิ่งซี ถึงอย่างไรกู้จิ่งซีก็ยังไม่กลับมา นางถูตัวกับความเย็น ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความเย็นของเสื่อหยกที่แพร่กระจายออกมา นางสบายตัวจึงหรี่ตาขี้นมาผ่านไปไม่นาน กู้จิ่งซีกลับมา พบว่าแม่นางน้อยที่อยู่บนเตียงหลับไปแล้ว แถมยังนอนอยู่ตรงตำแหน่งของเขาอีกด้วยแม่นางน้อยสวมเสื้อเสื้อผ้าไหมตัวบาง แม้แต่เสื้อด้านในเป็นสีอะไรล้วนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเขาเห็นแล้ว ก็ละสายตาด้วยสีหน้าที่อึดอัด แต่สุดท้ายกลับไม่กล้าหยิบผ้าห่มไปคลุมให้แม่นางน้อย เพราะครั้งก่อนคลุมให้แล้ว กลับทำให้แม่นางน้อยร้อนจนตื่น แถมยังโกรธและโทษที่เขารบกวนการนอนหลับอีกพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่ต้องใช

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status