แชร์

บทที่ 157

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงอาการตกตะลึงของน้องชาย จึงหันไปมอง พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก็คิดว่าเขาคงเพิ่งได้รับการเลื่อนลำดับญาติจึงยังไม่ทันตอบสนอง จึงกล่าวออกมาเพื่อคลายความกระอักกระอ่วนว่า “ซิวเหวิน อีกสองสามวันเจ้าก็ต้องไปสำนักศึกษาหลินซานแล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ กู้ซิวเหวินก็ตื่นเต้นเล็กน้อย รีบพยักหน้าและตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ อีกสามวันก็จะไปสำนักศึกษาแล้ว”

เมิ่งจิ่นเหยาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้ารองของเจ้าก็จะไปสำนักศึกษาหลินซานด้วย ถึงตอนนั้นพวกเจ้าเป็นเพื่อนร่วมทาง และไปด้วยกันมิดีกว่าหรือ?”

นางกล่าวจบ ก็หันไปมองน้องชายที่อยู่ด้านข้าง น้องชายคนนี้ของนางรู้ความ แต่บัณฑิตในสำนักศึกษามาจากทั่วทุกสารทิศ คนที่มีฐานะสูงส่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี นางกลัวน้องชายจะถูกคนอื่นรังแก ซิวเหวินเป็นคุณชายสี่ของสกุลกู้ หากพวกเขาทั้งสองสนิทกันเสียหน่อย หากวันข้างหน้ามีเรื่องอะไร ก็จะดูแลกันได้

เมื่อกู้ซิวเหวินได้ยิน ดวงตาก็เปล่งประกาย และมองไปทางเมิ่งเฉิงจางด้วยความประหลาดใจ “น้ารองก็จะไปสำนักศึกษาหลินซานด้วยหรือขอรับ?”

เห็นเมิ่งเฉิงจางพยักหน้า เขาก็รีบกล่าว “ท่านอาสะใภ้สาม ข้ากำลังขา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 158

    “ใช่ไม่เหมือน แต่กลับมีความเหมือนบิดาข้าอยู่หลายส่วน ท่านตาของเขาน่ะ” กู้จิ่งซีพยักหน้า และนึกถึงความสัมพันธ์ของนางกับสกุลเมิ่ง แต่นางปฏิบัติต่อเมิ่งเฉิงจางกลับต่างออกไป ราวกับพี่สาวน้องชายแท้ ๆ ที่เกิดจากมารดาเดียวกัน จึงถามอีกครั้งว่า “เจ้ากับน้องรองดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะ?”เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้มที่มุมปาก “เจ้าค่ะ เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของข้า”เพียงคนเดียวหรือ?สองคำนี้ทำให้กู้จิ่งซีชะงักไป ตอนนี้สกุลเมิ่งบวกกับแม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ทั้งหมดก็เจ็ดคน แต่แม่นางน้อยกลับบอกว่าเมิ่งเฉิงจางเป็นญาติเพียงคนเดียว เช่นนั้นตามความหมายในคำพูดก็คือ คนอื่น ๆ ในสกุลเมิ่งเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยเท่านั้นเมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นถึงการแสดงออกของเขา จึงกล่าวอย่างสนใจแต่เรื่องของตนเองว่า “เขาเรียนได้ดีมาก ทำข้อสอบของสำนักศึกษาหลินซานผ่าน และจะได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลินซานเร็ว ๆ นี้แล้ว บังเอิญกู้ซิวเหวินก็ไปที่สำนักศึกษาหลินซานด้วย พวกเขาจะได้เป็นเพื่อนกันพอดีเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” เบา ๆ เมื่อเห็นตอนที่นางกล่าวถึงน้องชายคนนี้ จะมีรอยยิ้มที่มุมปาก คิ้วกับตาก็จะโค้งง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 159

    พ่อบ้านสำลักคำพูดนี้ของนางจนพูดอะไรไม่ออกคุณหนูที่ออกเรือนแล้วพูดจาเช่นนี้มีที่ใดกัน? บ้านมารดาเกิดเรื่อง นางก็คิดว่าฟังเอาสนุก คำพูดที่เลือดเย็นเช่นนี้ น่าจะมีเพียงคุณหนูใหญ่ของบ้านพวกเขาเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาได้เมิ่งจิ่นเหยาก้าวเท้าไปนั่งยังตำแหน่งหลัก มองพ่อบ้านด้วยสายตาที่ไม่แยแส และถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “บอกว่ามาหาข้าเพราะมีเรื่องด่วนไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้ามาแล้ว เจ้าก็เป็นใบ้เสียเล่า?”เมื่อได้ยิน พ่อบ้านก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา ขณะมองเมิ่งจิ่นเหยาก็ถอนหายใจ พลางกล่าว “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยแล้ว อาการป่วยหนักมาก ดังนั้นนายท่านจึงให้ข้าน้อยมาแจ้งท่านเสียหน่อยขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ท่านย่าคนนั้นของนางร่างกายแข็งแรงมาก โดยเฉพาะตอนที่ด่าทอนาง พลังยังเต็มเปี่ยม เห็นได้ชัดว่าอายุเยอะมากแล้ว แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่าร่างกายยังแข็งแรงกว่าเด็กสาวเช่นนางเสียอีก อยู่ไปอีกสิบปีก็น่าจะไม่มีปัญหา จู่ ๆ เหตุใดถึงป่วยหนักได้เล่า?นางคิดว่ามีเรื่องลับลมคมใน จึงไม่เชื่อคำพูดของพ่อบ้าน และจ้องพ่อบ้านตาเขม็ง พลางถามอย่างแฝงความนัย “นางป่วยจริง ๆ หรือ?”พ่อบ้านก้มศีรษะลงเล็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 160

    ตอนที่เมิ่งจิ่นเหยามาถึงโถงหรงฝู ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งก็กำลังนอนกลางวันอยู่ สาวใช้เหมือนจะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องกลับมา จึงเชิญนางไปยังห้องโถงเล็กของโถงหรงฝู ยกน้ำชาชั้นดีกับของหวานให้นาง และขอให้นางรอไปก่อนสักครู่สาวใช้อีกคนหนึ่งรีบไปแจ้งเมิ่งตงหย่วนกับนางซุนทันทีชิงชิวยืนปรนนิบัติอยู่ข้างกายเมิ่งจิ่นเหยา เมื่อเห็นสาวใช้มีท่าทางที่ดีต่อเจ้านายตนเองเช่นนี้ ต่างตกใจแทนเจ้านายที่ได้รับการโปรดปราน เจ้านายของพวกนางอยู่โถงหรงฝูก็เคยได้รับการต้อนรับเช่นนี้มาก่อนหรือ?ชิงชิวย่อตัว และกระซิบที่ข้างหูของเมิ่งจิ่นเหยา “ฮูหยิน เหตุใดข้าน้อยถึงรู้สึกว่าพวกเขามีเจตนาที่ไม่ดีเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างใจเย็นว่า “ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”ผ่านไปได้ไม่นาน เมิ่งตงหย่วนกับนนางซุนก็มาถึงเมิ่งจิ่นเหยาลุกขึ้นทำความเคารพ “ท่านพ่อ ฮูหยินเมิ่ง”นางซุนได้ยินนางเรียกตนเองว่าท่านแม่ แต่กลับเรียกแค่เมิ่งฮูหยิน ก็รักษาหน้าไม่ได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้เถียงกับนาง จึงตอบรับและยิ้มกว้าง “อาเหยา นั่งลงก่อนค่อยพูดเถอะ” เมิ่งจิ่นเหยาเห็นนางที่แม้ในใจจะเกลียดจนกัดฟันแทบหลุด และเกลียดจนอยาก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 161

    เมื่อสิ้นเสียง ฝีเท้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็หยุดชะงัก พลางหันหน้ากลับไปมองท่านย่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ยังตะโกนให้นางหยุดด้วยความขุ่นเคืองอยู่เลย เวลานี้กลับสงบนิ่งอีกครั้ง แววตาอ่อนโยนก็จริง การขอร้องผู้อื่นก็ควรต้องมีท่าทีขอร้อง นับว่ามีไหวพริบยิ่งนัก หากเป็นเมื่อก่อน คงหลุดปากด่าว่านางอกตัญญู ด่าว่านางไร้หัวใจ ด่าว่านางไม่คำนึงถึงสกุลไปแล้วนางยิ้มพลางถาม “ท่านย่ายังมีธุระอันใดอีกหรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความเดือดดาลที่อยู่ภายในก้นบึ้งของจิตใจ พยายามรักษาความอบอุ่นที่อยู่ในน้ำเสียงอย่างเต็มที่ “อาเหยา เฉิงซิงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเบา ๆ “ข้ารู้เจ้าค่ะ แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งใช้ใจแลกใจ ใช้เหตุผลแลกเหตุผล “อาเหยา ย่ารู้ว่าเจ้าขุ่นเคืองที่มารดาของเจ้าก้าวก่ายเรื่องสินเดิมของมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้า ทว่าน้องสามของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงเจ้าจะโกรธมารดาเจ้าเพียงไร ก็ไม่ควรคิดแค้นน้องสามของเจ้าไปด้วย”สำนักศึกษาหลิงซานเป็นสำนักศึกษาที่บรรดาบัณฑิตในใต้หล้าแห่แหนกันไป เมื่อเข้าไปที่สำนักศึกษาหลิงซานแล้ว ก็จะเข้าใกล้จิ้นซื่อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 162

    เมื่อได้ยินคำว่าเฉิงอวี่สองคำ สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็หยุดชะงัก มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำไว้แน่น เล็บมือทั้งหมดจิกเข้าไปในเนื้อของฝ่ามือ แต่กลับยังไม่ปล่อย มองไปที่นางซุนด้วยสายตาที่น่ากลัว พลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เฉิงอวี่ตายได้เช่นไร ไม่มีผู้ใดเข้าใจชัดเจนไปกว่าเมิ่งฮูหยินอีกแล้วเจ้าค่ะ”ใบหน้าของนางซุนซีดเผือดเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็ก้มหน้าแอบร้องไห้ พลางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “อาเหยา สินเดิมของมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้า ข้าได้คืนเจ้าไปแล้ว เจ้ายังต้องการอันใดอีก? ความตายของเฉิงอวี่เป็นปัญหาของเจ้า ทุกคนเห็นประจักษ์แก่สายตาของตนเอง ตอนนี้เจ้าจะสาดโคลนใส่ผู้อื่น ผลักความรับผิดชอบมาให้ข้ากระนั้นหรือ? ตอนนั้นท่านแม่ให้เจ้าไปที่โถงพระเพื่อขจัดพลังงานชั่วร้าย เจ้าก็ร้องไห้โวยวายไม่ไป เป็นข้าที่ร้องขอความเมตตาให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยามองดูการเสแสร้งแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อของนาง ดวงตามืดมนจนไม่อาจคาดเดา กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เมิ่งฮูหยิน หวังว่าภายภาคหน้าท่านจะยังสามารถกล่าวคำพูดนี้ออกมาได้อย่างมั่นใจอยู่นะ”ท่าทางแสร้งเช็ดน้ำตาของนางซุนชะงักเล็กน้อยเมิ่งตงหย่วนเห็นภรรยาเช็ดน้ำตาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 163

    เมื่อออกมาจากโถงหรงฝู เมิ่งจิ่นเหยาก็หายใจเข้าลึก ๆ ไม่ได้หยุดชะงักแม้เพียงชั่วครู่ ก้าวเท้าเดินจากมาอย่างรวดเร็ว ลอดผ่านประตูรูปพระจันทร์ ก็พบกับเด็กหนุ่มที่เดินมาด้วยท่าทางรีบร้อน เมื่อเด็กหนุ่มเห็นนาง ก็รีบเดินเข้ามาถาม “พี่หญิงใหญ่ พวกเขาไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใจใช่หรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่เป็นไร พวกเขาทำอันใดข้าไม่ได้หรอก”นางกล่าวจบ ก็มองไปที่เมิ่งเฉิงจางอย่างครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พลางกล่าวอีกว่า “น้องรอง เจ้ากลับไปเก็บของในเรือนสักหน่อย แล้วตามข้ากลับไปที่จวนฉางซินโหว”เมิ่งเฉิงจางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงมองนางอย่างมึนงงเมิ่งจิ่นเหยามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่ารอบด้านไม่มีผู้ใด ก็อธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “เมิ่งเฉิงซิงเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซานไม่ได้ วันนี้พวกเขาเล่นลูกไม้ให้ข้ากลับมา ก็เพื่อเรื่องการเรียนของเมิ่งเฉิงซิง กันไว้ดีกว่าแก้ เจ้ากลับไปที่จวนจางซินโหวกับข้าก่อนเถิด”หากไม่มีเหตุการณ์อย่างในวันนี้ นางก็คงไม่เป็นกังวล ทว่าเมื่อมีเรื่องดังเช่นเมื่อครู่แล้ว นางไม่คิดมากไม่ได้ บุตรชายแท้ ๆ ของนางซุนไม่สามารถไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซานได้ ทว่าน้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 164

    เขาถามแผ่วเบา “พี่หญิงใหญ่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นตอนอยู่ที่โถงหรงฝูงั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ “ไม่มีอันใด เพียงแต่คิดเรื่องบางอย่างได้เท่านั้น” เมื่อเห็นเขายังคิดจะถามต่อ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “น้องรอง ตอนนี้ยังเช้าเกินไป เจ้ายังขาดเหลือสิ่งของอันใดหรือไม่? พวกเราจะได้ไปซื้อกันตอนนี้เลย”เมิ่งเฉิงจางคิดอยู่ชั่วครู่ “พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่ขาดเหลืออันใดขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยายิ้มพลางพยักหน้า “อืม หากว่าขาดเหลือสิ่งใด ถึงเวลานั้นเจ้าค่อยไปซื้ออีกก็ได้ หรือหากว่าเจ้านึกขึ้นได้ว่าขาดเหลือสิ่งใด พวกเราค่อยไปซื้อพรุ่งนี้”เมิ่งเฉิงจางรับคำ พลางมองนาง มีหลายครั้งที่อยากพูดแต่ไม่ได้พูดออกมา สุดท้ายก็มองเห็นชิงชิวส่ายหน้าเล็กน้อยมาทางเขา จึงได้ล้มเลิกไม่ถามต่อผ่านไปไม่นาน ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งและคนอื่น ๆ ก็รู้ว่าเมิ่งจิ่นเหยาพาเมิ่งเฉิงจางไปด้วย ทว่าเมื่อได้ฟังที่พ่อบ้านพูด ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งกับเมิ่งตงหย่วนต่างก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สกุลเมิ่งมีเพียงเด็กที่เป็นลูกอนุผู้นี้ที่สามารถพูดคุยกับเมิ่งจิ่นเหยาได้ พี่น้องทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดี ภายภาคหน้ายังสามารถหาผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านทางเฉิงจาง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 165

    ภายในห้อง เมิ่งจิ่นเหยาค่อย ๆ คลายกำปั้นที่กำไว้ตลอดเวลาออกฝ่ามือที่ขาวละมุนทั้งสองข้างมีรอยรูปพระจันทร์เสี้ยวสีชมพูอ่อนหลายรอยประทับอยู่รอยประทับปรากฏออกมาเป็นสีแดงเข้ม เป็นสีของเลือดที่แข็งตัว เล็บมือต่างเปื้อนคราบเลือดที่แข็งตัว เห็นได้ว่านางใช้แรงมากมายเพียงใด ถึงสามารถใช้เล็บมือทำให้ตนเองบาดเจ็บได้เมิ่งจิ่นเหยาหรี่ตาลงมองอย่างเฉยชาอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เบนสายตาออกไปอันที่จริงเจ็บอยู่หรอก ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้นนางมีน้องชายทั้งหมดสามคน น้องสามเฉิงซิงเป็นบุตรของนางซุน เฉิงอวี่กับเฉิงจางเป็นฝาแฝดที่นางตู้สาวใช้ต้นห้องเป็นผู้ให้กำเนิดตอนที่นางตู้ตั้งครรภ์ฝาแฝด บอกว่าฝันเห็นตนเองให้กำเนิดบุตรสาวที่น่ารักสองคน บ่าวไพร่ในจวนก็บอกว่าดูจากท้องของนางตู้ ก็รู้สึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงสองคนเพราะเหตุนี้ ท่านพ่อจึงไม่ได้คาดหวังกับเด็กที่อยู่ในครรภ์ของนางตู้มากนัก ถึงอย่างไรก็มีบุตรสาวสองคนอย่างนางกับเมิ่งจิ่นอวี้อยู่แล้ว จึงคิดแต่เพียงอยากได้บุตรชายมาสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้ยกนางตู้ที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะตั้งครรภ์เป็นฝาแฝดสตรีขึ้นเป็นอน

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status