แชร์

บทที่ 151

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
ร้านฉาหราน

ตอนที่เมิ่งจิ่นเหยาไปถึงห้องส่วนตัว ซ่งซินหนิงก็รออยู่ด้านในแล้ว

ซ่งซินหนิงเทน้ำชาถ้วยหนึ่งให้นางทันที พลางยิ้มและกล่าวว่า “อาเหยา เจ้ามาแล้ว รีบเข้ามานั่งเร็วเข้า ไม่ได้เจอเจ้ามาหลายวัน คิดถึงเจ้าจะแย่”

ซ่งซินหนิงในเวลานี้ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข มุมปากของเมิ่งจิ่นเหยาก็ยกขึ้นตามไปด้วย พยักหน้าเล็กน้อย และนั่งลงที่ด้านข้างของนาง พลางถาม “อาหนิง สุขภาพของเสิ่นฮูหยินดีขึ้นบ้างหรือไม่?”

ส่วนโค้งตรงมุมปากของซ่งซินหนิงยกกว้างขึ้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “อาเหยา วิธีของเจ้ายังคงได้ผล ข้าไปปลอบโยนท่านป้าสะใภ้เสิ่นตามวิธีที่เจ้าบอก ท่านป้าสะใภ้เสิ่นถูกข้าปลอบไปหลายที ทันใดนั้นก็ฮึดสู้ขึ้นมาไม่อยากตายแล้ว นางดื่มยาตรงเวลาทุกวัน และอาการป่วยก็ดีขึ้นแล้ว”

เมิ่งจิ่นเหยาดีใจแทนเพื่อนรัก ตราบใดที่เสิ่นฮูหยินดีขึ้นมา งานแต่งงานก็จะสามารถจัดได้ตามกำหนด นางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เช่นนั้นก็ดี คนมีชีวิตมักจะมีเป้าหมายอยู่เสมอ หากไม่มีเป้าหมาย ก็จะไร้ความหวัง เหลือเพียงแต่ความผิดหวังเท่านั้น และความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ก็จะไม่เหลือเลย”

ซ่งซินหนิงกล่าว “ท่านป้าสะใภ้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 152

    เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “คาดว่าจะไม่มีแม่นางดี ๆ คนไหนกล้าแต่ง แต่เขาก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนแล้วว่าตั้งใจจะไม่แต่งภรรยา และจะอยู่ด้วยกันแค่กับหลี่อี๋เหนียงไปชั่วชีวิตเท่านั้น”“ไม่แต่งภรรยา?” ดวงตาของซ่งซินหนิงเบิกกว้าง อย่างยากจะเชื่อ “ซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวไม่แต่งภรรยา ภายภาคหน้าในบ้านก็จะไม่มีนายหญิงมาควบคุมดูแล แม้แต่งานเข้าสังคมก็จะไม่มีนายหญิงไป นี่เขาคิดอย่างไรกัน?”เมิ่งจิ่นเหยายิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ไม่สนว่าเขาคิดอย่างไร? เขาเป็นแบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นหายนะของคุณหนูที่ไร้ความผิด”ซ่งซินหนิงจิปากสองคำ “เช่นนั้นเขาจะต้องยืดมั่นความคิดในตอนนี้ และภายหลังอย่าได้เปลี่ยนความคิด มิเช่นนั้นจะเป็นหายนะต่อคุณหนูของคนอื่นเขา”เมิ่งจิ่นเหยากล่าว “ต่อไปไม่รู้ แต่ตอนนี้เห็นที เขาจะสามารถยึดมั่นได้”ซ่งซินหนิงหันไปมองอาเมิ่ง อาจเป็นเพราะแต่งงานเข้ามาในจวนฉางซินโหวจะใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ไม่ต้องระวังตัวจากการทำร้ายของแม่เลี้ยงอยู่ตลอดเวลา อาเมิ่งในตอนนี้สีหน้าแดงระเรื่อ ใบหน้ายังอวบขึ้นเล็กน้อย ดูจะมีชีวิตชีวาอย่างเต็มเปี่ยมอีก สภาพแวดล้อมหล่อเลี้ยงคนขึ้นมาจริง ๆ ด้วย นางเอ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 153

    พลบค่ำ เมิ่งจิ่นเหยากินอาหารค่ำกับซ่งซินหนิงที่ภัตตาคาร หลังกินอาหารค่ำเสร็จ ก็ไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนด้วยกันอีก คาดว่ายามชวีสี่เค่อ ทั้งสองจึงจะแยกกัน ต่างคนต่างกลับจวนของตนเองเมื่อกลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียน เมิ่งจิ่นเหยาล้างตัวรอบหนึ่ง จากนั้นก็ให้สาวใช้ออกไป เตรียมตัวจะเข้านอน ทันใดนั้นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่หน้าต่างด้านขวา นางจึงหันไปมองทันที และเห็นเพียงเงาร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาจากรูปร่างแล้ว เป็นชายหนุ่มหรือ?ความตระหนักนี่ทำให้เมิ่งจิ่นเหยาร่างกายหนาวเย็นไปทั่วร่าง สีหน้าขาวซีด และปิดปากไว้แน่น ไม่กล้าปล่อยให้ตนเองส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อยในเวลาอันสั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็คิดความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน และคิดว่ามีคนคิดจะใส่ร้ายนาง สามีของนางมีโรคที่บอกคนอื่นไม่ได้ สามีไม่อยู่ที่เรือน จู่ ๆ มีชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นมาในห้อง หากข่าวแพร่ออกไปนางคงซวย และถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน แถมชื่อเสียงก็ถูกทำลายด้วยเวลานี้ ชายหนุ่มคนนั้นปิดหน้าต่างลง และหันกลับมา หลังจากนั้น ใบหน้าที่ราวกับสายลมเย็นและพระจันทร์ที่สดใสก็เข้าสู่สายตาเป็นกู้จิ่งซีเมิ่งจิ่นเหยาทั้งตกใจและทั้งประหลาดใจ แต่ในที่สุ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 154

    กู้จิ่งซีถามกลับว่า “อืม มีปัญหาอะไรหรือ?”น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งมาก ราวกับการฆ่าคนคือเรื่องที่ปกติธรรมดาเรื่องหนึ่งในสายตาของเขาเมิ่งจิ่นเหยาได้ยิน สีหน้าก็แข็งทื่อ และรู้สึกระทึกเล็กน้อย คำพูดที่เลือดเย็นแบบนี้ไม่ควรออกมาจากปากของกู้จิ่งซี นางถอยหลังก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว และกล่าวเตือนสติว่า “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านเป็นถึงเสนาบดีศาลต้าหลี่ นี่เป็นการรู้กฎหมาย แต่จงใจทำผิดกฎหมายไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตกชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา และเมื่อเห็นความกลัวในดวงตาของนาง ก็รู้ว่านางเข้าใจผิดแล้ว และหากคืนนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจน แล้วตนเองนอนอยู่ข้างกายนาง เกรงว่านางจะฝันร้าย จึงอธิบายว่า “ตอนจับกุมนักโทษที่หลบหนี อีกฝ่ายมีลูกน้องไม่น้อย เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากข้าใจอ่อนเกินไป เจ้าคงจะต้องเป็นแม่หม้ายน้อยแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึง นี่เป็นแวดวงที่นางไม่เคยย่างกราย นางคิดว่าเสนาบดีศาลต้าหลี่เป็นราชการฝ่ายพลเรือน ซึ่งฝ่ายนี้ไม่สนใจเรื่องทุบตีไล่ฟัน และสนใจแค่การสืบคดีเท่านั้น แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนี้เลยแต่ เมื่อคิดดูอย่างละเอียด ก็เป็นเรื่องปกติ นักโทษที่ไหนจะให้ทา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 155

    วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยากำลังดูแลต้นไม้อยู่ เพราะแต่งงานเข้าจวนฉางซินโหวมา นางไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารภายในเรือน ทุกวันจึงว่างมาก นอกจากจะดูแลที่ดินและร้านรวงที่มารดาทิ้งไว้ให้ นางยังดูแลทรัพย์สินส่วนตัวของกู้จิ่งซีด้วยเวลาว่างไม่มีเรื่องอะไรก็แค่อ่านตำรา และดูแลต้นไม้ใบหญ้าเพื่อฆ่าเวลา ไม่ก็ออกไปเดินเล่นที่ร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายผงชาด และร้านขายเสื้อผ้า หรือไม่ก็เลือกไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่รู้สึกน่าสนใจจากคำเชิญที่คนอื่นส่งมาให้เวลานี้ เซี่ยจู๋เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้า และยอบตัวทำวความเคารพมาทางนาง พลางกล่าวอย่างสุภาพว่า “ฮูหยิน คุณชายรองเมิ่งมาแล้วเจ้าค่ะ”น้องรองมาหรือ?เมิ่งจิ่นเหยาขยับมือเล็กน้อย และรู้สึกประหลาดใจ นางแต่งเข้าจวนฉางซินโหวนานขนาดนั้นแล้ว น้องรองยังไม่เคยมาหานางเลย ครั้งนี้เข้ามาบางทีอาจจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็ได้ จึงรีบสั่งว่า “พาเขารับมายังเรือนเวยหรุยเซวียน” ขณะที่กล่าวก็สั่งชิงชิวให้ไปเตรียมน้ำชาด้วยผ่านไปไม่นาน เมิ่งเฉิงจางก็มาถึงเด็กหนุ่มที่อายุสิบสามปี หน้าตาหล่อเหลา ริมฝีปากแดงฟันขาว สุภาพเรียบร้อย ระหว่างการเคลื่อนไหวยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของนักปราชญ์ เพร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 156

    “นางซุนย่อมให้เงิน แต่คงจะไม่พออย่างแน่นอน แม้ท้องจะหิวและอย่างจะเพิ่มอาหารเงินก็ยังไม่พอใช้ หรือว่าเจ้าคิดจะช่วยหอเก็บตำราคัดตำราเพื่อหาเงินเช่นนั้นหรือ? ข้าไม่ได้อยากจะทำลายกำลังใจของเจ้า เพียงแค่อยากให้เจ้ามุ่งมั่นกับการเรียน และไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ในอนาคตจะได้เหนือกว่าคนอื่น”เมิ่งเฉิงจางตกตะลึง แต่ยังยืนกรานไม่รับ และตอบกลับว่า “พี่หญิงใหญ่ น้ำใจของท่านข้ารับไว้แล้ว แต่ข้ารับเงินไม่ได้จริง ๆ แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็รู้ถึงความยากลำบากของผู้หญิง แม้ท่านจะแต่งเข้ามาในจวนสกุลกู้ เป็นลูกสะใภ้ของสกุลกู้แล้ว แต่หากสกุลกู้รู้ว่าท่านใช้เงินช่วยเหลือบ้านมารดา คงจะมีคำวิจารณ์ต่อท่านอย่างแน่นอนขอรับ”เมื่อได้ยิน ขอบตาเมิ่งจิ่นเหยาก็ร้อนผ่าว ยัดเงินใส่ในมือของเขาโดยไม่ฟังเหตุผล และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “น้องรอง ไม่ต้องกังวล นี่ไม่ใช่เงินของสกุลกู้ แต่เป็นเงินของข้าเอง ช่วงก่อนหน้านี้ข้าเอาสินเดิมของท่านแม่ข้ากลับมาแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ามั่งคั่งแล้ว เจ้าก็เอาไปอย่างวางใจเถอะ”นางพูดจบ เมื่อเห็นน้องชายยังคงไม่คิดจะรับ ก็กล่าวอีกว่า “น้องรอง พี่สาวให้น้องชาย ก็อย่าปฏิเสธข้าเล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 157

    เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงอาการตกตะลึงของน้องชาย จึงหันไปมอง พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก็คิดว่าเขาคงเพิ่งได้รับการเลื่อนลำดับญาติจึงยังไม่ทันตอบสนอง จึงกล่าวออกมาเพื่อคลายความกระอักกระอ่วนว่า “ซิวเหวิน อีกสองสามวันเจ้าก็ต้องไปสำนักศึกษาหลินซานแล้วใช่หรือไม่?”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ กู้ซิวเหวินก็ตื่นเต้นเล็กน้อย รีบพยักหน้าและตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ อีกสามวันก็จะไปสำนักศึกษาแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “น้ารองของเจ้าก็จะไปสำนักศึกษาหลินซานด้วย ถึงตอนนั้นพวกเจ้าเป็นเพื่อนร่วมทาง และไปด้วยกันมิดีกว่าหรือ?”นางกล่าวจบ ก็หันไปมองน้องชายที่อยู่ด้านข้าง น้องชายคนนี้ของนางรู้ความ แต่บัณฑิตในสำนักศึกษามาจากทั่วทุกสารทิศ คนที่มีฐานะสูงส่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี นางกลัวน้องชายจะถูกคนอื่นรังแก ซิวเหวินเป็นคุณชายสี่ของสกุลกู้ หากพวกเขาทั้งสองสนิทกันเสียหน่อย หากวันข้างหน้ามีเรื่องอะไร ก็จะดูแลกันได้เมื่อกู้ซิวเหวินได้ยิน ดวงตาก็เปล่งประกาย และมองไปทางเมิ่งเฉิงจางด้วยความประหลาดใจ “น้ารองก็จะไปสำนักศึกษาหลินซานด้วยหรือขอรับ?”เห็นเมิ่งเฉิงจางพยักหน้า เขาก็รีบกล่าว “ท่านอาสะใภ้สาม ข้ากำลังขา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 158

    “ใช่ไม่เหมือน แต่กลับมีความเหมือนบิดาข้าอยู่หลายส่วน ท่านตาของเขาน่ะ” กู้จิ่งซีพยักหน้า และนึกถึงความสัมพันธ์ของนางกับสกุลเมิ่ง แต่นางปฏิบัติต่อเมิ่งเฉิงจางกลับต่างออกไป ราวกับพี่สาวน้องชายแท้ ๆ ที่เกิดจากมารดาเดียวกัน จึงถามอีกครั้งว่า “เจ้ากับน้องรองดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะ?”เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้มที่มุมปาก “เจ้าค่ะ เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของข้า”เพียงคนเดียวหรือ?สองคำนี้ทำให้กู้จิ่งซีชะงักไป ตอนนี้สกุลเมิ่งบวกกับแม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ทั้งหมดก็เจ็ดคน แต่แม่นางน้อยกลับบอกว่าเมิ่งเฉิงจางเป็นญาติเพียงคนเดียว เช่นนั้นตามความหมายในคำพูดก็คือ คนอื่น ๆ ในสกุลเมิ่งเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยเท่านั้นเมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นถึงการแสดงออกของเขา จึงกล่าวอย่างสนใจแต่เรื่องของตนเองว่า “เขาเรียนได้ดีมาก ทำข้อสอบของสำนักศึกษาหลินซานผ่าน และจะได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลินซานเร็ว ๆ นี้แล้ว บังเอิญกู้ซิวเหวินก็ไปที่สำนักศึกษาหลินซานด้วย พวกเขาจะได้เป็นเพื่อนกันพอดีเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” เบา ๆ เมื่อเห็นตอนที่นางกล่าวถึงน้องชายคนนี้ จะมีรอยยิ้มที่มุมปาก คิ้วกับตาก็จะโค้งง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 159

    พ่อบ้านสำลักคำพูดนี้ของนางจนพูดอะไรไม่ออกคุณหนูที่ออกเรือนแล้วพูดจาเช่นนี้มีที่ใดกัน? บ้านมารดาเกิดเรื่อง นางก็คิดว่าฟังเอาสนุก คำพูดที่เลือดเย็นเช่นนี้ น่าจะมีเพียงคุณหนูใหญ่ของบ้านพวกเขาเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาได้เมิ่งจิ่นเหยาก้าวเท้าไปนั่งยังตำแหน่งหลัก มองพ่อบ้านด้วยสายตาที่ไม่แยแส และถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “บอกว่ามาหาข้าเพราะมีเรื่องด่วนไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้ามาแล้ว เจ้าก็เป็นใบ้เสียเล่า?”เมื่อได้ยิน พ่อบ้านก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา ขณะมองเมิ่งจิ่นเหยาก็ถอนหายใจ พลางกล่าว “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยแล้ว อาการป่วยหนักมาก ดังนั้นนายท่านจึงให้ข้าน้อยมาแจ้งท่านเสียหน่อยขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ท่านย่าคนนั้นของนางร่างกายแข็งแรงมาก โดยเฉพาะตอนที่ด่าทอนาง พลังยังเต็มเปี่ยม เห็นได้ชัดว่าอายุเยอะมากแล้ว แต่กลับทำให้นางรู้สึกว่าร่างกายยังแข็งแรงกว่าเด็กสาวเช่นนางเสียอีก อยู่ไปอีกสิบปีก็น่าจะไม่มีปัญหา จู่ ๆ เหตุใดถึงป่วยหนักได้เล่า?นางคิดว่ามีเรื่องลับลมคมใน จึงไม่เชื่อคำพูดของพ่อบ้าน และจ้องพ่อบ้านตาเขม็ง พลางถามอย่างแฝงความนัย “นางป่วยจริง ๆ หรือ?”พ่อบ้านก้มศีรษะลงเล็

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status