แชร์

บทที่ 142  

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-14 17:00:00
เขาพูดจบ ก็ผินใบหน้ามองแม่นางข้างกาย ดรุณีน้ำตาคลอเบ้า จ้องมองเขาอย่างอึดอัดสับสน เขาเจ็บปวดหัวใจไม่จบสิ้น ขณะเดียวกันก็สงสารสุดหัวใจ หากมิใช่เพราะเขาบุ่มบ่ามมุทะลุเกินไป วันนี้หว่านเอ๋อร์ก็ไม่ต้องทนกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมแล้ว

กู้จิ่งซีย่างเท้าไปสองก้าว เห็นบุตรชายไม่ขยับตาม ก็ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ยังไม่เดินอีก?”

กู้ซิวหมิงเปล่งเสียงรับคำ จากนั้นก็เอ่ยกับหลี่หว่านเอ๋อร์ “หว่านเอ๋อร์ เจ้ากลับไปรอข้าที่เรือนชิงอวี้เซวียนก่อน”

หลี่หว่านเอ๋อร์อดทนกลั้นน้ำตาไว้ พยักหน้ารับเบา ๆ จ้องมองเงาแผ่นหลังที่จากไปของสองคนพ่อลูก บัดนี้นางรู้สึกไร้ที่พึ่งพิงอย่างถึงที่สุดแล้ว

คงเป็นเพราะเมื่อวานและหลายวันก่อนถูกความรุ่งเรืองมั่งคั่งลวงตา ทำให้หลงคิดไปว่าท่านพี่ซิวหมิงยอมไม่สมรสภรรยาเพื่อนางแล้ว จะไม่มีผู้ใดกล้าข่มเหงรังแกนาง และจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่ท่ามกลางอาภรณ์แพรพรรณหรูหราและอาหารเลิศรสโอชา มีความมั่งคั่งรุ่งเรืองเคียงข้าง และมีชายหนุ่มคนรักอยู่เคียงคู่ไปตลอดชีวิต

และในอนาคตอันใกล้นี้ นางกับท่านพี่ซิวหมิงก็จะให้กำเนิดบุตรธิดาครบถ้วน และมีชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 143  

    เดิมทีเมิ่งจิ่นเหยาคิดว่าเหตุใดจะต้องสร้างความอึดอัดใจให้สตรีด้วยกัน ในเมื่อพันหมื่นความผิดล้วนอยู่ที่กู้ซิวหมิงที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ที่สุด จึงไม่คิดจะทำให้หลี่หว่านเอ๋อร์ต้องลำบากใจมาตั้งแต่ตอนต้นแล้ว แต่ถึงอย่างไรแล้ว นางไม่คิดจะทำให้คนอื่นลำบากใจก็จริง แต่คนอื่นกลับใช้กู้ซิวหมิงมาก่อความรำคาญให้นาง พอพูดแบบนี้แล้ว เหมือนกับว่านางยังคงคิดถึงกู้ซิวหมิงไม่ลืมเลือน อิจฉาริษยาหลี่หว่านเอ๋อร์ ถึงได้หาเรื่องสร้างความอึดอัดใจให้คนอื่น ฟ้าดินเป็นพยาน หากนางคิดจะสร้างความลำบากใจให้หลี่หว่านเอ๋อร์จริง เช่นนั้นก็คงเรียกเจ้าตัวมาตำหนิต่อหน้า ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่หว่านเอ๋อร์เข้าไปอยู่ในห้องหลักของเรือนชิงอวี้เซวียน หลังจากที่หลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวนมาแล้ว ไยจะต้องรอให้ถึงบัดนี้ด้วย? สีหน้าของนางดูเคร่งขรึมลง ชำเลืองมองหลี่หว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาเยือกเย็น พลางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “คนที่มีสิทธิ์เรียกข้าว่าท่านแม่ นอกจากกู้ซิวหมิงบุตรชายของข้าแล้ว ก็มีเพียงแค่ฮูหยินของซื่อจื่อที่ผ่านพิธีสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วเท่านั้น มิใช่อนุภรรยาของบุตรชายของข้า” สิ้นเสียงของนาง ก็หันไปเอ่ยกับหนิงตงที่อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 144  

    หนิงตงได้ยินเจ้านายเอ่ยเช่นนี้ ก็รีบแก้ไขคำพูดทันที “หลี่อี๋เหนียงกับท่านซื่อจื่อเป็นคนประเภทเดียวกัน ไม่แปลกที่จะเข้าขากันได้ดีเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยาส่งสายตาคาดโทษใส่นางไปหนึ่งที ช่างเป็นเจ้าหนูหัวใสเสียจริง พริบตาเดียวก็รู้ว่าไม่ควรจะเรียกชื่อออกมาตรง ๆ หนิงตงโกรธกรุ่นในใจ ยังคงพึมพำต่อว่า “เป็นอนุของซื่อจื่อ กลับเอาตนเองเสมอฮูหยินซื่อจื่อ ไม่เข้าใจธรรมเนียมประเพณีก็แล้วกันไป แต่ยังไร้ยางอายด้วยนี่สิเจ้าคะ ไม่รู้ว่าพ่อแม่สั่งสอนมาอย่างไร รู้ว่าคุณชายเขาก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ก็ยังจะหนีตามเขาไปอีก” เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินประโยคนี้ พลันชะงักฝีเท้าในทันใด ดึงหน้าขรึม พลางตำหนิด้วยเสียงเข้มว่า “หนิงตง ถ้อยคำเช่นนี้เจ้าอย่าได้พูดออกมาอีก” “เจ้าคะ?” หนิงตงอุทานออกมาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายของตนถึงได้เข้มงวดขึ้นมากะทันหัน เมิ่งจิ่นเหยาอธิบาย “พ่อแม่ของหลี่อี๋เหนียงตายไปนานแล้ว ท่านปู่ของนางเป็นคนเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่” ได้ยินเช่นนี้แล้ว หนิงตงเข้าใจทันที หากว่าพ่อแม่ของนางผู้นั้นตายไปนานแล้ว ความจริงก็ไม่สมควรพูดจาลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นก็เหมือนเป็นการสะกิดรอยแผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 145  

    เมิ่งจิ่นเหยาหลุดหัวเราะออกมาทันที “ไยเจ้าจึงคิดเช่นนี้?” ชุนหลิ่วจิตใจห่อเหี่ยว น้ำเสียงเจือด้วยความน้อยใจ “ก็ท่านสั่งให้ข้าน้อยไปรับใช้ข้างกายหลี่อี๋เหนียงนี่เจ้าคะ” “เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว?” เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าเบา ๆ เอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เจ้าฉลาดเฉลียวออกเพียงนี้ ทำงานได้รอบคอบเหมาะสม ข้าจะทิ้งเจ้าลงหรือ? ข้าเพียงรู้สึกว่าเจ้าเหมาะสมกับหน้าที่นี้มากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น ไว้สั่งสอนกฎระเบียบให้หลี่อี๋เหนียงเรียบร้อยแล้ว เจ้ายังต้องกลับมาทำงานที่เรือนเวยหรุยเซวียนเหมือนเดิม” ชุนหลิ่วฟังแล้ว แววตาฉายประกายยินดีออกมา “ฮูหยินจะบอกว่า หากข้าน้อยสอนกฎระเบียบมารยาทให้หลี่อี๋เหนียงเรียบร้อยแล้ว ยังกลับมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายท่านได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยายิ้มก็ถามกลับ “หากมิใช่เช่นนั้นเล่า?” ชุนหลิ่วย้ำกับนางอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ตราบใดที่หลี่อี๋เหนียงเรียนรู้มารยาทเรียบร้อยแล้ว ข้าน้อยก็กลับมาได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าน้อย ๆ “ย่อมเป็นเช่นนั้น” หลังได้รับคำตอบที่แน่ชัดแล้ว ชุนหลิ่วผุดยิ้มอย่างเริงร่าทันที นางเป็นสาวใช้ของเรือนเวยหรุยเซวียน เพิ่งไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 146  

    หนิงตงหอบหายใจด้วยโทสะ “ฮูหยิน นางทำเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ถึงขั้นมาหลอกลวงความรู้สึกของข้าน้อย ทำข้าน้อยรู้สึกผิดกับตนเองอยู่พักหนึ่งเชียว” เมิ่งจิ่นเหยายิ้มพลางเอ่ย “แล้วใครให้เจ้าเฝ้าอิจฉานางทุกวันเล่า?” หนิงตงกะพริบตาปริบ ๆ รีบโน้มน้าวให้เจ้านายเปลี่ยนประเด็นทันที ไม่อยากคิดถึงชุนหลิ่วเจ้าคนโกหกนั่นขึ้นมาอีกแล้ว …… ภายในห้องหนังสือ กู้ซิวหมิงตามบิดาเข้าไปที่ห้องหนังสือด้วยความประหม่า เมื่อเห็นบิดานั่งลง และมองมาทางเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ หัวใจของเขาพลันบีบรัดแน่นขึ้นมา ไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงหายใจแรง กู้จิ่งซีขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย เมื่อก่อนมองเจ้าลูกชายคนนี้แล้วยังรู้สึกว่าใช้ได้พอประมาณ แม้ไม่มีด้านใดโดดเด่นออกมา แต่โดยภาพรวมแล้วก็ดูดี พอจะชื่นชมได้บ้าง แต่บัดนี้แค่เห็นเจ้าลูกชายคนนี้เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีแล้ว บิดาและบุตรชายต่างสบตากันในความเงียบงัน แม้เป็นเพียงเสี้ยวขณะสั้น ๆ แต่กลับรู้สึกยาวนานราวหนึ่งชาติภพ กู้ซิวหมิงรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่างนี้ ทำให้หัวใจของเขายิ่งรู้สึกวิตกกังวล จนหน้าผากชุ่มเหงื่อแต่ไม่กล้าเลื่อนมือขึ้นไปเช็ด หากถามว่าทั้งตระกูลกู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 147

    ถ้อยคำนี้เอ่ยออกมา จิตใจของกู้ซิวหมิงสั่นสะท้าน แววตาฉายประกายหวาดผวา พรั่นพรึง เขารีบร้อนส่ายหน้าปฏิเสธ แก้ต่างเพื่อตนเอง “ท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นขอรับ” กู้จิ่งซีมองเขาด้วยสายตาอึมครึม เอ่ยไม่รีบร้อนไม่ยืดยาว “ในเมื่อข้ามีเจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ทว่าผู้สืบทอดตำแหน่งของจวนโหวก็ใช่จะเป็นของเจ้าคนเดียวเสมอไป และตระกูลกู้ก็ไม่ได้มีเจ้าเป็นเด็กเพียงคนเดียว ในเมื่อเจ้าไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่สำคัญได้ เช่นนั้นก็ให้คนที่ทำได้มารับหน้าที่แทนเสีย” กู้ซิวหมิงหน้าซีดเผือด ในแววตาเต็มไปด้วยความขลาดกลัว สองขาอ่อนระทวย คุกเข่าฟุ่บลงกับพื้น รีบยอมรับผิดทันใด “ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอรับ จะไม่มีครั้งต่อไปอีกเด็ดขาด ท่านพ่อได้โปรดเมตตา ให้โอกาสลูกแก้ไขเรื่องผิดพลาดและเริ่มต้นใหม่ด้วยขอรับ” ยามเขาเอ่ยวาจา เสียงสั่นเครือ ก่อนจะถูกรับเป็นลูกบุญธรรม พ่อแม่แท้ ๆ เคยบอกว่าเขาจะได้ไปเป็นซื่อจื่อ เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจวนโหวในวันข้างหน้า หลังจากถูกรับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว จวนโหวทั้งเบื้องบนเบื้องล่างล้วนแต่ดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดีที่สุด ตอนที่เขาเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในจวนโหวได้แล้ว ในขณะเดียวกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 148  

    นางเอ่ยพลาง ก็ตัดพ้อตนเอง “จริงอยู่ที่นางเป็นหญิงที่มาจากจวนหย่งชางป๋อ มาจากตระกูลขุนนางบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีรูปโฉมงดงามเพริศพริ้ง แต่ข้าเป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าที่ไม่มีอะไรเลยคนหนึ่ง ครอบครัวของท่านจะชอบนางมากกว่าก็เป็นเรื่องปกติ” กู้ซิวหมิงแม้รำคาญ แต่เมื่อเห็นดรุณีน้อยน่าเอ็นดูในอ้อมอกของตนเองกำลังร้องไห้ฮือ ๆ ไหล่บางสั่นเทิ้ม เขาก็ใจอ่อนลง ข่มความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญไว้ลึกสุดของดวงใจ อดทนเอ่ยวาจาปลอบโยนไปสองประโยค “หว่านเอ๋อร์เจ้าอย่าร้องไห้เลย พวกเขาจะชอบหรือไม่ชอบไม่สำคัญ ตราบใดที่ข้าชอบเจ้าก็เพียงพอแล้ว” แต่ถึงอย่างไรแล้ว หลี่หว่านเอ๋อร์หนนี้กลับมิได้สงบอารมณ์ลงง่ายดายเพียงนั้นแล้ว คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่นางคิดถึงเรื่องน่าอับอายในโถงโซ่วอันที่ตนกระทำเพราะไม่รู้มารยาท สายตาเหล่านั้นยามที่จ้องมองมาทางนาง สายตาที่ชวนให้คิดตามนั่น ทำให้นางรู้สึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนี คิดถึงวันข้างหน้าหากตนต้องออกจากเรือนไปข้างนอก และบังเอิญพบคนเหล่านั้นเข้าจะต้องถูกดูหมิ่นดูแคลน นางก็ยิ่งรู้สึกพรั่นพรึงแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองกู้ซิวหมิงช้า ๆ บนหน้าเล็กที่เปื้อน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 149  

    หลี่หว่านเอ๋อร์เหมือนถูกอสนีบาตฟาดลงท่ามกลางฟ้าแจ่มใส นางเบิกตากว้างทันใด ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “ท่านพี่ซิวหมิง ท่าน ท่านมิใช่เคยบอกว่าถึงข้าจะเป็นอนุ แต่ก็เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของท่าน เป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวในใจของท่าน? หรือท่านจะกลืนคำพูดตนเอง จะเข้าพิธีสมรสให้หญิงอื่นเป็นภรรยาเอก?” กู้ซิวหมิงรีบร้อนส่ายหน้า ให้คำมั่นสัญญาซ้ำอีกครั้ง “หว่านเอ๋อร์ ข้าไม่มีวันสมรสภรรยาเอก เพียงแต่เจ้าคืออนุภรรยา อาศัยในห้องหลักนั้นผิดประเพณี” พูดจบ เขาก็แก้ต่างเพิ่มเติมให้ตนเอง “คำสั่งของผู้ใหญ่ ห้ามฝ่าฝืน หว่านเอ๋อร์เจ้าเป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่นมาตลอด ก็น่าจะเข้าใจข้าใช่หรือไม่?” หลี่หว่านเอ๋อร์สีหน้าซีดเผือด ร่างกายบอบบางโงนเงนจะล้มอยู่รอมร่อ ทรุดลงในอ้อมอกของกู้ซิวหมิง เข้าใจดีว่าสิ่งนี้มิใช่ความตั้งใจของท่านพี่ซิวหมิง แต่เป็นผู้อาวุโสในตระกูลกู้ที่ดูแคลนนาง ได้แต่ผงกรับศีรษะเบา ๆ ปล่อยให้ธารน้ำตาสองข้างไหลพรากลงมา เป็นครั้งแรกที่นางได้รับรู้ว่าการเป็นอนุภรรยาในตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ในตอนแรกบรรดาเพื่อนบ้านเมื่อรู้ว่านางจะได้เป็นอนุภรรยาของซื่อจื่อฉางซินโหว ต่างก็บอกว่าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 150  

    หลี่หว่านเอ๋อร์ฟังแล้ว ทันใดนั้นก็ตึงเครียดขึ้นมา หากนางไม่ตั้งใจเรียนรู้ให้ดี ผู้อาวุโสต้องยิ่งรู้สึกไม่พอใจในตัวนาง คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรนางต้องตั้งใจแสดงออกมาให้ดีเพียบพร้อม …… ณ เรือนเวยหรุยเซวียน เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เหลือบสายตาขึ้นมอง เห็นเงาร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา บุรุษที่ไม่เปิดเผยอารมณ์ง่าย ๆ บัดนี้กลับมีสีหน้าเยือกเย็นมืดครึ้ม ท่าทางโทสะยังไม่จางหาย เห็นได้ชัดว่าคงเดือดดาลเพราะกู้ซิวหมิงมาไม่น้อย ทว่านั่นก็ปกติแล้ว มีบุตรอย่างกู้ซิวหมิง คนเป็นพ่อคนไหนบ้างจะไม่เดือดดาลโมโห? เมื่อกู้จิ่งซีเข้ามาในห้อง กลิ่นชาอ่อน ๆ ลอยปะทะจมูก ครั้นเหลือบสายตาขึ้นมองไป ก็เห็นแม่นางน้อยที่นั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะน้ำชา กำลังจิบชาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ท่าทางดูสบายใจไม่เบา สายตาสองคู่ประสานกัน เมิ่งจิ่นเหยาก็หยิบจอกชาสะอาดหนึ่งใบมาและรินน้ำชาเข้าไป ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ท่านพี่ ไม่สู้ดื่มชาคลายโทสะสักหน่อยเป็นอย่างไรเจ้าคะ?” “เช่นนั้นข้าต้องขอรับไว้โดยไม่เกรงใจแล้ว” กู้จิ่งซีขยับก้าวไปนั่งลงตรงข้ามนาง หยิบจอกชาขึ้นดม กลิ่นน้ำชาสดชื่นบริสุทธิ์ หอมกรุ่นอบอวล เขาเม้มริมฝีป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status