ตอนที่ 19 ล้วนเป็นแผน หวังชิงหว่านลืมตาขึ้นมาไม่เห็นเซียวอี้หยางอยู่ข้างกาย พลันจำได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องไปทำงานจึงลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปยังห้องหนังสือ เห็นชายหนุ่มกำลังอ่านเอกสารบางอย่าง เซียวอี้หยางได้ยินฝีเท้ากำลังเดินเข้าจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าว “เหตุใดถึงได
เซียวอี้หยางเบิกตากว้างด้วยความยินดี ครั้งนี้เขาได้มีโอกาสได้สร้างผลงานแล้วรีบกล่าว “ข้าน้อยมิกล้า...ขอบคุณท่านพ่อตาที่ให้โอกาสขอรับ” หวังลู่หานผงกศีรษะเล็กน้อยกล่าว “ในเมื่อเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็ย่อมต้องส่งเสริมกัน...หว่านเอ๋อร์...นางเป็นอย่างไรบ้าง...” พอนึกถึงภรรยาแววตา
ตอนที่ 20 แค่นึกสนุก หากหวังชิงหว่านรับรู้ความคิดของแม่สามีคงจะอยากบอก ไม่มีใครมีเวลามาใส่ใจผู้อื่นขนาดนั้น ทุกคนล้วนต้องทำมาหากิน ทว่าคนที่ใช้ชีวิตมาครึ่งทางแล้วหากจะอธิบายให้เปลี่ยนความคิดอาจจะเสียเวลาเปล่าประโยชน์ หวังชิงหว่านเดินออกห่างมากจากลู่อันกับลี่อินก็เอ่ยขึ้น
หวังชิงหว่านเอียงคอเล็กน้อยกล่าว “งั้นก็ไปกันเถอะ” “อืม” เซียวอี้หยางรับคำพร้อมกับจูงมือฮูหยินของตนเองเดินออกไป บนระเบียงหอโรงน้ำชาอี้กง ยังมีกลุ่มคนหนึ่งจับจ้องมองหวังชิงหว่านกับสามีเช่นกัน “ตายจริง!! นั่นไม่ใช่น้องเจ็ดของเจ้าหรือ” สตรีในชุดอาภรณ์เขียวผ้าไหมหรูหราผู้หนึ่งเ
ตอนที่ 21 ต่างซ่อนเร้น ไอน้ำล่องลอยอยู่บนอากาศ เงาร่างหญิงงามนอนอยู่อ่างน้ำดูเลือนลางแฝงความเย้ายวน พลันก็มีเงาดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น “เรียนนายหญิง วันนี้คุณหนูยังคงไปจับปลาเช่นเคยหลังจากนั้นนางยังไปช่วยเด็กสกุลเซียวขายที่ตลาด” หญิงงามในอ่างลืมตาขึ้นมาพลางยิ้มที่มุมปา
ตอนที่ 22 เอาคืน มู่ชิงกับมู่หลิงถูกจ้างให้มาคุ้มครองความปลอดภัยเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ พวกนางหาได้เกี่ยวข้องไม่ หวังชิงหว่านจะทำสิ่งใดพวกนางล้วนไม่คิดจะเอ่ยปากทักท้วงหรือติติง สิ่งที่ต้องเอ่ยก็เอ่ยไปหมดแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าบ้านสกุลเซียว หวังชิงหว่านนั่งคู่กับเก
ตอนที่ 23 ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวเรือนบุปผา ในราตรีที่ไร้จันทร์ แสงของหมู่ดาวพราวพร่างระยิบระยับ สายเงาดำสายหนึ่งวูบไหวเคลื่อนผ่านเข้าไปในเรือนบุปผา มันหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นในเรือนกำลังนั่งฝึกกำลังภายใจ ผ่านไปหนึ่งจอกชา เจ้าของเรือนก็ลืมตาขึ้น กล่าว “มีสิ่งใด?”
ตอนที่ 24 ครุ่นคิด กังวล ในห้องครัวจ้าวเหมยกับอิงฮว่ากำลังนั่งทานมื้อเช้าด้วยกัน อิงฮว่าหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมา จ้าวเหมยขมวดคิ้วถาม “เงินนี่คือ?” “ฮูหยินน้อยให้ข้ามาแบ่งกับท่าน...เมื่อเช้านางถามถึงครอบครัวข้า...นี่เป็นค่าใช้จ่ายให้ข้าเขียนจดหมายถึงพวกเขา”
ผลประกาศทำให้ เด็กสาวตาแดงกร่ำด้วยความดีใจ ครอบครัวก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สักพักก็มีเจ้าหน้าเชิญไปยืนหลักฐานที่โต๊ะข้าง ๆ ให้กรอกข้อมูลเป็นบัณฑิตน้อยของสำนักศึกษาต่อไป เมื่อมีคนสมหวังก็ต้องมีคนไม่สมหวัง เสียงยินดีผิดหวังคละปนกันไป กว่าจะครบตามจำนวนก็ทำให้เจ้าหน้าของสำน
ฮองเฮาทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่จัดงานชมบุปผาขึ้น แม้จะทรงทราบว่าหญิงสาวมีแผนการบางอย่างแต่ก็ไม่ทรงห้ามปราม เพียงแค่ตรัสเตือนเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ อย่าทรงทำสิ่งใดร้ายแรงเกินไปได้หรือไม่” “ตอนนี้เสด็จพ่อไม่โปรดลูก แต่ก็ไม่ทรงห้ามให้ลูกจัดงานเลี้ยงกระมัง” ฮองเฮาวางจอกชา
จงถังแทบอยากจะเอามือปิดหน้าร้องไห้ ท่านอ๋องท่านจะเก็บอาการบ้างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มนี้ย่อมราวถูกมนต์สะกด ซูอินเองก็ไม่หลุดพ้นในการถูกล่อลวงครั้งนี้ นางไม่อาจจะเฉไฉได้อีกว่ารอยยิ้มนั้นยิ้มให้นาง เฉิงอ๋องรู้สึกว่าตนเองออกอาการมากเกินไป จึงรีบตวัดชายเส
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาบริเวณบ้าน เป็นยามปกติที่ครอบครัวจะร่วมทานข้าวเช้าด้วยกัน สวีซื่อมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาปลื้มปริม ทว่ายังแฝงความกังวลใจ “ซูเอ๋อร์ เจ้าต้องไปงานเลี้ยงในวัง เงินขายภาพวาดที่ขายได้ครั้งที่แล้วยังมีเหลือ เจ้าเอาไปซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ ถึงไม่อาจสู้เหล่าคุณหนูสูงศั
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั