ตอนที่ 23 ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวเรือนบุปผา ในราตรีที่ไร้จันทร์ แสงของหมู่ดาวพราวพร่างระยิบระยับ สายเงาดำสายหนึ่งวูบไหวเคลื่อนผ่านเข้าไปในเรือนบุปผา มันหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นในเรือนกำลังนั่งฝึกกำลังภายใจ ผ่านไปหนึ่งจอกชา เจ้าของเรือนก็ลืมตาขึ้น กล่าว “มีสิ่งใด?”
ตอนที่ 24 ครุ่นคิด กังวล ในห้องครัวจ้าวเหมยกับอิงฮว่ากำลังนั่งทานมื้อเช้าด้วยกัน อิงฮว่าหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมา จ้าวเหมยขมวดคิ้วถาม “เงินนี่คือ?” “ฮูหยินน้อยให้ข้ามาแบ่งกับท่าน...เมื่อเช้านางถามถึงครอบครัวข้า...นี่เป็นค่าใช้จ่ายให้ข้าเขียนจดหมายถึงพวกเขา”
ตอนที่ 25 ข้ารู้ทุกเรื่อง พรุ่งนี้เซียวอี้หยางต้องไปราชการที่จางโจว เขาให้คนมาแจ้งที่เรือนว่ามีเอกสารที่ยังจัดเตรียมไม่เสร็จ คาดว่าจะกลับดึกไม่ต้องรอทานมื้อเย็นและกว่าชายหนุ่มจะกลับหวังชิงหว่านก็เข้านอนไปแล้ว เช้ามืด หวังชิงหว่านลืมตาขึ้นมาเห็นเซียวอี้หยางกำลังจัดเตรียมของใช้
ตอนที่ 26 น้ำใสไร้ปลา คณะของกองคลังใช้เวลาเดินทางถึงสองวันกว่าจะมาถึงจางโจว นางอำเภอนำเหล่าขุนนางในท้องถิ่นมายืนรอรับที่ประตูเมือง “ผู้น้อยเฉิงคุนนายอำเภอจางโจว คารวะท่านเสนาบดีหวัง” เสนาบดีหวังลู่หานลงจากรถม้าแล้วเดินตรงไปยังกลุ่มขุนนาง ใบหน้าของเขาระบายยิ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียง
ตอนที่ 27 โน้มน้าว เซียวอี้หยางจับจ้องมองกระดาษที่กำลังถูกไฟไหม้จนกลายเป็นขึ้เถ้า ในแววตาชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้มกับข้อความในสารลับ “โน้มน้าวนางมาเป็นพวก” เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ประตู เขารีบดับไฟกระดาษแล้วแสร้งกำลังเขียนเอกสาร คนผู้นั้นไม่ได้เดินเข้ามาในห้อง
ตอนที่ 28 วาจา ทิ่มแทง ม้าวิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หวังชิงหว่านอยากจะเอ่ยปากถามอีกทว่าก็เก็บคำพูดลงคอไป สายลมหนาวยะเยือกกระทบใบหน้าทำให้นางรู้สึกเหน็บหนาวเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เซียวอี้หยางบังคับม้าให้หยุดบนลานกว้างบนภูเขา เสียงลมพัดหวีดพัดบาดเสียดเข้าไปในหัวใจ ชายหน
ตอนที่ 29 จัดการเอง หวังชิงหว่านลืมตาขึ้นมาก็เป็นเวลาสายมากแล้ว นางบิดกายขจัดความเมื่อยล้าเล็กน้อยก่อนจะลุกออกมานอกเรือนเจอกับอิงฮว่าที่กำลังเก็บเสื้อผ้าออกไปซัก “ฮูหยินน้อยตื่นแล้วหรือเจ้าคะ....” หวังชิงหว่านพยักหน้ากล่าว “คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมดแล้ว” “คุณชาย
ตอนที่ 30 ไก่อารมณ์ดีเมืองชีโจว “ซูหมิง ซูหมิง” ซูหมิงที่กำลังซักผ้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาเห็น ป้าหลิงข้างบ้านจึงยิ้มให้ เอ่ย “ท่านป้ามีสิ่งใดหรือ”“ลูกชายข้าที่ทำงานอยู่ร้านเครื่องกระเบื้องเผากลับมาจากเมืองหลวงแล้ว...”ซูหมิงยิ้มอย่างอิจโรยตอบ “ยินดีกับป้าด้วย”“ไม่ใช่แค่นั้น นี่!! ลูกช
ผลประกาศทำให้ เด็กสาวตาแดงกร่ำด้วยความดีใจ ครอบครัวก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สักพักก็มีเจ้าหน้าเชิญไปยืนหลักฐานที่โต๊ะข้าง ๆ ให้กรอกข้อมูลเป็นบัณฑิตน้อยของสำนักศึกษาต่อไป เมื่อมีคนสมหวังก็ต้องมีคนไม่สมหวัง เสียงยินดีผิดหวังคละปนกันไป กว่าจะครบตามจำนวนก็ทำให้เจ้าหน้าของสำน
ฮองเฮาทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่จัดงานชมบุปผาขึ้น แม้จะทรงทราบว่าหญิงสาวมีแผนการบางอย่างแต่ก็ไม่ทรงห้ามปราม เพียงแค่ตรัสเตือนเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ อย่าทรงทำสิ่งใดร้ายแรงเกินไปได้หรือไม่” “ตอนนี้เสด็จพ่อไม่โปรดลูก แต่ก็ไม่ทรงห้ามให้ลูกจัดงานเลี้ยงกระมัง” ฮองเฮาวางจอกชา
จงถังแทบอยากจะเอามือปิดหน้าร้องไห้ ท่านอ๋องท่านจะเก็บอาการบ้างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มนี้ย่อมราวถูกมนต์สะกด ซูอินเองก็ไม่หลุดพ้นในการถูกล่อลวงครั้งนี้ นางไม่อาจจะเฉไฉได้อีกว่ารอยยิ้มนั้นยิ้มให้นาง เฉิงอ๋องรู้สึกว่าตนเองออกอาการมากเกินไป จึงรีบตวัดชายเส
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาบริเวณบ้าน เป็นยามปกติที่ครอบครัวจะร่วมทานข้าวเช้าด้วยกัน สวีซื่อมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาปลื้มปริม ทว่ายังแฝงความกังวลใจ “ซูเอ๋อร์ เจ้าต้องไปงานเลี้ยงในวัง เงินขายภาพวาดที่ขายได้ครั้งที่แล้วยังมีเหลือ เจ้าเอาไปซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ ถึงไม่อาจสู้เหล่าคุณหนูสูงศั
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั