‘อยากได้งานหรือ’
หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมองผู้ถาม แล้วรีบจับขาอีกฝ่ายพลางบอกอย่างกะตือรือร้น ไม่สนใจร่างกายตนที่เพิ่งถูกร้านขายบะหมี่ไล่ออกมาและผลักล้มลงริมถนนหน้าร้านหลังเข้าไปขอทำงานแต่เสื้อผ้าสกปรกจนลูกค้ารังเกียจ ทำให้เจ้าของร้านไม่ยอมรับทั้งยังขับไสออกมาด้วยความรุนแรงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่
‘ขอรับ ข้าอยากได้งานทำ’
ผู้ชายที่เขาคุยด้วยยิ้มมุมปาก
‘ข้าจะช่วยเจ้าหาเอง’
ร่างผอมเกร็นสูงโย่งรีบลุกขึ้นด้วยความยินดี แล้วอีกฝ่ายก็บอกให้เดินตามไป กระทั่งถึงสถานที่หนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่โต แต่ตนถูกพาเข้าไปด้านหลังและยืนรอด้านนอก ครู่หนึ่งก็มีหญิงงามที่ดูมีอายุออกมากับชายผู้นั้น ทั้งสองพูดคุยกระซิบกระซาบกันก่อนหญิงนางนั้นจะก้าวมาดูเขาใกล้ๆ ด้วยสายตาพินิจแล้วใช้ผ้าปิดจมูกพลางเอ่ยถาม
‘อายุเท่าไร’
‘สิบสามขอรับ’
‘ชื่อแซ่อะไร เป็นลูกบ้านไหน’
‘ข้าชื่อ เยี่ยนเฉิน อยู่บนภูเขาในป่า ท่านแม่ข้าป่วยต้องใช้เงินซื้อยา ข้าต้องหางานทำ’
เขาทำงานหาเงินเลี้ยงดูมารดามาตั้งแต่อายุสิบขวบ ไม่ว่างานใดก็ยอมทำทั้งหมด แต่เพราะต้องดูแลมารดาด้วยทำให้ไม่อาจเป็นบ่าวหรือคนงานของที่ใดได้ถาวร เมื่อกลับไปร้านเดิมก็จะถูกไล่ออกบางครั้งก็ทุบตี เขาจึงเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ และครั้งนี้ก็เข้ามาในเมืองที่ใหญ่ขึ้นกว่าหมู่บ้านริมเขา
‘มาไกลเช่นนี้คงจำเป็นจริงๆ เอาเถิด ข้าจะรับเจ้าไว้’
‘จริงหรือขอรับ’
พอเขาขยับไปใกล้อีกฝ่ายก็ถอยห่างพลางยกมือห้าม แล้วหันไปเรียกผู้ชายที่พาตนมา
‘เจ้าพาไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ให้สะอาดสะอ้าน แล้วพาไปพบข้าอีกครั้ง’
จากนั้นเขาก็ถูกพาไปส่งเข้าห้องอาบน้ำกระทั่งเยี่ยนเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา ผู้ที่นั่งรอพลางดื่มเหล้าอยู่ด้านนอกก็ถึงกับมองแล้วนิ่งงันไป
‘เจ้า เยี่ยนเฉินหรือ’
เขาพยักหน้ารับอีกฝ่ายก็มองด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาโอบไหล่ราวสนิทสนมพาไปพบกับนายหญิงผู้รับเขาทำงาน
‘เยี่ยนเฉินมาแล้วขอรับนายหญิง’
‘ให้เข้ามา’
ร่างผอมโย่งของเยี่ยนเฉินถูกดันให้ก้าวเข้าประตูไป นายหญิงนั่งเอนหลังด้วยท่าทางเบื่อหน่าย โดยมีผู้หญิงสองคนนวดแขนขาให้ ทว่าพอหันมาเห็นเขาก็ชะงักตาเบิกขยายขึ้น ปากสีแดงจัดเผยอราวพบสิ่งไม่คาดฝัน
‘พวกเจ้าออกไป อ้อ...เอานี่ไปให้อาเค่อด้วย’
นางส่งถุงผ้าให้หญิงสาวคนหนึ่งก็รับไป เยี่ยนเฉินมองตามอย่างสงสัยหากก็ได้ยินเสียงแว่วด้านนอกจึงรู้ว่าผู้ชายที่พาตนมาได้เงินไป
‘ไม่น่าเชื่อ ว่าอาเค่อจะพาเพชรเม็ดงามมาให้ข้า’
นายหญิงเอ่ยเสียงหวานพร้อมขยับตัวลุกเดินมาประชิดเขา เยี่ยนเฉินมึนงงหากก็ยืนนิ่งขณะที่อีกฝ่ายวางมือบนบ่าเขาแล้วโน้มมาเอ่ยเสียงเบาใกล้หูทำเอาเขาขนลุกซู่
‘เห็นทีข้าต้องสอนงานเสียก่อน ในเมื่อเจ้ายังอ่อนด้อยนัก’
จบคำร่างผอมก็สะดุ้งเฮือกถอยหนีเพราะรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นที่ไล้ใบหูตน ทว่านายหญิงจับแขนเขาเอาไว้
‘อยากได้เงินไม่ใช่หรือ อยู่ที่นี่จะทำเงินให้เจ้าได้มากมาย ยิ่งใบหน้างดงามกว่าอิสตรีเช่นเจ้าด้วยแล้ว ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีก็พร้อมจ่ายเงินเพื่อเจ้า’
อีกฝ่ายบอกขณะที่ใบหน้าอยู่ใกล้เขาเพียงช่วงลมหายใจ
‘เอ่อ แต่ข้าอาจต้องกลับไปดูแลมารดาของข้าด้วย เกรงจะทำงานที่นี่นานไม่ได้’
เยี่ยนเฉินยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะให้ตนทำงานใด แต่ก็บอกออกไปให้นายหญิงรู้เอาไว้ก่อนว่าตนอาจไม่สามารถทำเงินมากมายอย่างที่นางเอ่ย
‘อืม...เช่นนั้น หากเจ้าเก่ง เรียนรู้งานเร็วแล้วก็ขยัน ข้าจะอนุญาตให้เจ้ากลับบ้านได้ตามที่ต้องการ’
นายหญิงของสำนักโคมเขียวบอก ด้วยใบหน้าราวสวรรค์สร้างชวนหลงใหล แม้แต่นางเองยังไม่อาจละสายตาได้ย่อมต้องเป็นผู้ที่เรียกเงินเข้ามาได้มหาศาล ฉะนั้นนางย่อมยินดีให้ความสะดวกแก่อีกฝ่าย
นอกจากหญิงงามแล้วสำนักของนางยังมีบุรุษรูปงามที่ทั้งร้องและเล่นดนตรีได้ไม่ต่างจากผู้หญิง เพื่อบริการทั้งชายและหญิงที่ต้องการความสำราญ ซึ่งบรรดาผู้หญิงที่ต้องการชายหนุ่มบำรุงบำเรอนั้นเป็นผู้มีอันจะกิน และเรียกไปถึงบ้านโดยไม่มีผู้คนภายนอกล่วงรู้ แน่นอนว่าไม่ใช่สาววัยแรกแย้ม ส่วนใหญ่ก็เข้าสู่วัยกลางคนที่ขึ้นคานหรือสามีจากไปแล้ว
‘นายหญิงใจดีนัก ข้าขอขอบคุณนายหญิงล่วงหน้าขอรับ’
เยี่ยนเฉินเอ่ยอย่างยินดี แล้วก็ต้องยืนนิ่งเมื่อมือนุ่มประคองข้างแก้มของตน
‘ข้าจะใจดีแล้วก็จ่ายค่าตัวให้เจ้าอย่างงาม แต่ต้องอยู่ที่เจ้าด้วยว่าจะเรียนรู้เก่งแค่ไหน’
ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มสีสันเคลื่อนมาใกล้ ริมฝีปากสีแดงชาดแนบมาบนปากของเขาทำให้เยี่ยนเฉินนิ่งงัน ทั้งมือยังเคลื่อนไหวลูบไล้ทั่วกายรวมถึงส่วนที่ทำให้ขาอ่อนไปทั้งตัวจนถึงกับทรุดลงพื้น แล้วก็ถูกร่างของนายหญิงกดลงคร่อมอยู่เหนือร่างตน ชุดที่เพิ่งใส่ถูกถอด ไม่นานก็ได้เห็นกายขาวอวบอิ่มปราศจากเสื้อผ้าของผู้หญิงเป็นครั้งแรกในชีวิต ทั้งยังได้รู้จักรสชาติแห่งกามารมณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ
นับจากวันนั้นนายหญิงก็ใช้เวลาฝึกเขาหลายคืน ก่อนเยี่ยนเฉินจะถูกส่งไปบริการสตรีที่ต้องการรสรัก และพวกนางก็ต่างหลงใหลคลั่งไคล้เขาอย่างมาก แม้แต่นายหญิงเองก็ไม่เคยให้เขาห่างมือนาน
เยี่ยนเฉินไม่ได้รู้สึกชื่นชอบสิ่งที่ตนทำแม้จะตื่นเต้นและสนุกไปกับมัน ทว่าเขาพอใจที่ได้เงินมากมายเพื่อมาซื้อยาดีๆ รักษามารดา การอยู่ที่นั่นทำให้เขาได้พานพบกับตัณหาราคะ กิเลสของผู้คน เล่ห์เหลี่ยมกลโกง เติบโตมาอย่างรู้ทันผู้คนรอบข้าง รวมทั้งการฆ่าคนในครั้งแรกเพราะอาเค่อที่พาเขามาขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองคิดกระทำชำเราเขา เยี่ยนเฉินสู้ยิบตาและมีโอกาสแทงอีกฝ่ายตาย โดยนายหญิงเองก็ช่วยปกปิดเรื่องเอาไว้ด้วยความลุ่มหลงในตัวเขา ให้คนแอบเอาศพอาเค่อออกไปฝังทิ้งในป่า และเยี่ยนเฉินก็ชิงชังรังเกียรติสัมผัสจากบุรุษ นายหญิงเองก็หวงมากกว่าจะเสพสมกับผู้ที่ผ่านมือชาย เขาจึงไม่เคยถูกส่งไปรับใช้ชายใด
ฟ้ามืดไปแล้วทหารยังไม่กลับมา หัวหน้าองครักษ์เหลียงยิ่งกระวนกระวายเดินกลับไปกลับมาไม่ห่างกระโจมที่ประทับนัก เมื่อเห็นทหารสี่นายที่ตนส่งไปเข้ามาก็รีบถามทันที
“ไม่มีใครหรือ”
เพราะเห็นว่าไม่มีหญิงงามมาด้วยเขาก็ไม่จำเป็นต้องเดาแต่อย่างใด
“เอ่อ ความจริงมีขอรับ”
“มี? แล้วคนล่ะ”
เมื่อถูกถามทหารทั้งสี่ก็สีหน้าไม่ดีนัก ต่างมองกันไปมาแล้วสุดท้ายก็เป็นคนเดินที่เอ่ยขึ้น
“นางหนีไปแล้วตกหน้าผาขอรับ”
“ว่าไงนะ”
เนื่องจากจ่ายทองไปแล้วพวกเขาจึงไม่อาจปิดบังได้ หากทองหายจะไม่มีคนได้อย่างไร
“เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยว่านางผู้นั้นตกลงไปพร้อมน้องสาวของนาง”
เสียงเข้มดังขึ้นทำให้เหล่าทหารต่างก็หันมองด้านหลัง
“ฝ่าบาท เสด็จออกไปตั้งแต่เมื่อไรพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงรีบก้าวไปใกล้พร้อมถามด้วยความแปลกใจที่เห็นนายตนเดินเข้ามาในค่ายพักจากด้านนอก
“ว่าไง คนพวกนี้ใช่หรือไม่ที่ซื้อเจ้ากับพี่สาว”
องค์ชายไม่ได้ตอบหัวหน้าองครักษ์แต่เหลือบมองไปด้านหลังพร้อมถาม และก็เห็นว่าดวงหน้าเล็กโผล่ออกมามองทหารทั้งสี่นาย ก่อนจะเผยอปากพยักหน้าถี่รัวแล้วกลับไปหลบด้านหลังร่างสูงโปร่ง มือน้อยกำชุดตรงช่วงต้นขาแกร่งแน่นด้วยความหวาดกลัว
“เอาพวกมันไปตัดหัวให้หมด”
รับสั่งมีมาในทันทีทันใดเช่นกันหลังองค์ชายได้คำตอบ
=====
พระเอกของเราผ่านอะไรมามากมาย ก็เลยเป็นพี่เฉินสายดุ สายโหดของจริงจ้า ^-^
“ฝ่าบาท”หัวหน้าองครักษ์เหลียงทัดทาน ขณะที่เหล่าทหารต่างก็ทรุดลงคุกเข่าหน้าซีดเผือด“ทหารเหล่านี้ทำตามคำสั่งข้าและรับสั่งฝ่าบาท เหตุใดจึงรับสั่งลงทัณฑ์พ่ะย่ะค่ะ”“ข้าสั่งให้หาผู้ที่เต็มใจไม่ใช่บังคับ พวกเจ้าทำเรื่องน่าละอายนัก ทั้งยังทำให้คนตายไปด้วยคนนึง สมควรชดใช้ด้วยชีวิต”“ขอพระเมตตา กระหม่อมไม่ได้บังคับ...เอ่อ...”หนึ่งในนั้นรีบทูลทว่าก็เอ่ยผิดถูกเพราะเกรงว่าตนจะคอขาด“คือว่ามีคนบังคับเอาพวกนางมาขายพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ มีคนเอาหญิงงามกับน้องของนางมาขาย ต้องการเงินไปแทนหนี้ที่ใช้คืนไม่หมด พวกนางไม่ยินยอมขายตนเองก็จริง แต่พวกกระหม่อมเห็นว่าหากไม่ซื้อ พวกนางอาจเป็นอันตรายได้ จึงตัดสินใจซื้อพ่ะย่ะค่ะ”อีกคนรีบช่วยเสริมสหายของตน“พวกกระหม่อมตั้งใจจะพาพวกนางมาพบหัวหน้าองครักษ์เหลียงเพื่อหารือตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”คนที่สามรีบเอ่ยและตามด้วยคนที่สี่เช่นกัน“พวกกระหม่อมให้พวกนางเดินมาดีๆ โดยไม่ได้มัดหรือบังคับจับไว้เลยพ่ะย่ะค่ะ แต่อยู่ๆ พวกนางก็วิ่งหนีไป ตามไปถึงหน้าผาพี่สาวของนางก็อุ้มนางกระโดดลงไปแล้ว พวกกระหม่อมไม่อาจช่วยได้ทันพ่ะย่ะค่ะ”ฟังคำจากทหารแล้วเยี่ยนเฉินผู้ป
หลังจากอิ่มแล้วเสี่ยวเม่ยก็นั่งนิ่งอยู่นานจนเผลอหลับไป ร่างน้อยนอนบนพื้นใกล้โต๊ะเตี้ยที่วางอาหารร่างสูงโปร่งกลับเข้ามาด้านในเห็นคนตัวเล็กนอนฟุบที่พื้นคิ้วเข้มก็ขมวดก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“หลับหรือ”เมื่อแน่ใจแล้วก็ถอนหายใจ“กินอิ่มนอนหลับทั้งที่คราบน้ำตาเปื้อนแก้ม หน้าตาเนื้อตัวมอมแมม นี่แหละนะเด็ก”เอ่ยเบาๆ แล้วก็ออกไปเรียกให้ทหารมาเก็บโต๊ะ แต่กลับคิดว่าการเคลื่อนไหวของทหารใกล้ๆ อาจทำให้เด็กสาวตื่นจึงน่าจะพาไปนอนที่อื่น ไม่ใช่ห่วงแต่เขาไม่อยากเห็นเจ้าตัวนั่งเกร็งน้ำตาคลอเพราะกลัวเขาอีกคิดแล้วเยี่ยนเฉินก็จำต้องอุ้มร่างเล็กขึ้นมองหาที่ที่จะให้อีกฝ่ายนอนได้ หากก็ไม่มี จึงจำใจพาเดินไปยังส่วนที่มีเตียงนอนด้านในแล้ววางแม่หนูเจ้าน้ำตาลง ก่อนจะถอยไปยืนกอดอกมองด้วยความขัดใจ“เตียงข้าที่เคยต้อนรับสาวงามอยู่เป็นนิตย์ คืนนี้กลับกลายเป็นเด็กน้อยไม่ประสาครอบครอง”ผู้เอ่ยไม่คิดอยู่ใกล้ร่างเล็ก จำต้องยกเตียงนี้ให้นางไป“เฮ้อ...น่าเสียดาย ผู้จากไปคือพี่สาวเจ้า ผู้ยังมีชีวิตอยู่เป็นเจ้าที่ไม่อาจใช้งานได้ หากพี่สาวเจ้ายังอยู่ข้าย่อมเกลี้ยกล่อมนางให้ติดตามไปด้วยได้”เยียนเฉินเอ่ยแล้วก็หันหลังเดินออกไ
เยี่ยนเฉินก้มลงมองดวงหน้าเล็กมอมแมม สบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันด้วยแววตาแสนซื่อ“ข้าช่วยเจ้า ไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาเป็นภาระข้า”เขากัดฟันเข่นเขี้ยวเสียงเข้ม มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัวจนถอดใจไม่อยากเกาะติดตนได้“แต่ข้าได้ยินว่าท่านต้องการผู้ติดตาม ท่านบอกให้คนไปหาผู้ที่เต็มใจไปกับท่าน”ร่างเล็กสั่นนิดๆ หากก็ยังเชิดหน้าขึ้นพูดกับเขาอย่างฉะฉาน ทว่ากลับทำให้เยี่ยนเฉินฉุนจัด มือหนาจับคางเล็กบีบเบาๆ ขณะก้มหน้าลงไปกระซิบเครียด“ข้าต้องการหญิงงาม ไม่ใช่เด็กที่เป็นภาระ ใช้งานไม่ได้เช่นเจ้า”“ข้าทำอาหารได้ดีมาก พี่ลู่ฟางชมเสมอว่าข้าทำอร่อย ข้าทำให้ท่านกินได้”มุมปากได้รูปอย่างชายชาตรีกระตุกยิ้มหยันพร้อมส่งเสียงในลำคอ“ใครอยากได้เจ้าไปทำอาหารกัน”“แล้วท่านอยากได้ผู้ติดตามหญิงไปทำสิ่งใด ข้าทำได้ทั้งนั้น”เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเฉินต้องหลับตาลงราวหลบดวงตาคู่วาววามใสซื่อ ทว่าความจริงแล้วพยายามระงับอารมณ์ขัดอกขัดใจกับความดื้อด้านของเด็กสาวตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็ยืดตัวขึ้น ปล่อยมือจากคางเล็กแล้วมองเมินไปทางอื่นอย่างไม่คิดจะอธิบาย“นะพี่ชาย ได้โปรดให้
อาหารค่อยๆ ลำเลียงมาวางบนโต๊ะตรงหน้าขณะที่เยี่ยนเฉินมองอย่างเอื่อยเฉื่อยหากก็รู้สึกว่ามีอาหารจานหนึ่งเป็นอาหารพื้นๆ ต่างจากจานอื่นที่ปรุงแต่งอย่างน่ากินสวยงามเช่นชาววัง แม้ไม่เรื่องมากเพราะตนก็ชินกับการกินอาหารพื้นบ้านแต่ก็นึกแปลกใจ“จานนี้เป็นฝีมือเสี่ยวเม่ยพ่ะย่ะค่ะ นางขออนุญาตกระหม่อมจัดเตรียมอาหารให้ฝ่าบาท ให้ลองชิมเพื่อพิสูจน์ว่านางสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ดีหากติดตามฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ได้รับการเฉลยจากหัวหน้าองครักษ์ที่ดูแลควบคุมตรวจสอบอาหารให้ปลอดภัยทุกมื้อด้วยตนเองแล้วเยี่ยนเฉินก็เอ่ยย้ำ“เสี่ยวเม่ย”“พ่ะย่ะค่ะ”เพราะไม่เคยคิดให้อีกฝ่ายติดตาม เขาจึงไม่เคยสนใจชื่อแซ่เด็กสาว เพิ่งรู้จากหัวหน้าองครักษ์ว่านางชื่อนี้ กระนั้นเยี่ยนเฉินก็เพียงพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยก่อนบอก“บอกให้นางเข้ามา”สั่งแล้วก็โบกมือให้หัวหน้าองครักษ์ที่รับคำสั่งออกไป ไม่นานเจ้าของร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน“ที่อยู่ๆ ก็หายเงียบไปเพราะอย่างนี้สินะ”เสี่ยวเม่ยพยักหน้าแล้วเหลือบมองคนตัวโตหวั่นใจว่าตนจะโดนดุหรือไม่“นั่งลงสิ กินด้วยกันนี่แหละ”“แต่ท่านอาที่อยู่ข้างนอกบอกให้รอ บอกว่าไม่ควรร่วมโต๊ะกับพี่
“เจ้าเป็นใคร”ดวงตาคู่คมเข้มเหลือบมองผู้พูด อีกฝ่ายเป็นเหมือนเงาทะมึนอยู่ตรงหน้าด้วยเยี่ยนเฉินไม่ได้จุดตะเกียง ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่าตนยังไม่นอน ทว่าเพียงเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นผู้ใด“เหตุใดจึงปลอมแปลงเป็นองค์ชายของข้า”“หึ รู้แล้วสินะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่มีความหวั่นเกรง ทั้งยังราวกับหยันด้วยซ้ำ“ข้าสงสัยมานานแล้ว นับวันก็ยิ่งมั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่องค์ชาย”หัวหน้าองครักษ์เหลียงเข่นเสียงหากก็ไม่ดังนัก ตนผ่านทหารยามด้านหน้าได้ไม่ยากเมื่อบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบทูลองค์ชาย หากก็ไม่อยากเสียงดังจนด้านนอกได้ยิน“สมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์”แม้จะเอ่ยชม ทว่าแววตาคมเข้มเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ละสายตาจากปลายดาบอีกฝ่ายแม้เพียงชั่วแวบ“องค์ชายของข้าอยู่ที่ใด”คำถามนี้ทำให้เยี่ยนเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย“เจ้าคิดดูสิ คาดเดาเก่งไม่ใช่หรือ”เหลียงชื่อซิ่นขบกรามแน่น จากน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจกับแววตากระหยิ่มของอีกฝ่ายเขาก็พอเดาออกไม่อาจมีคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ เมื่อมีตัวปลอม ตัวจริงย่อมไม่มี“เจ้าสังหารองค์ชาย”“นับว่าฉลาดทีเดียว”“บังอาจนัก ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้ารอดมือไปแน่”“ก็ลองดู”ปล
“มันคือมารร้ายที่สังหารองค์ชายชุนเทียน ฆ่ามันเสีย”ชื่อซิ่นยกมือชี้ผู้ที่กำลังย่างสามขุมมาหาตนอย่างเชื่องช้า“พวกเจ้าก็เห็นว่าเวลานี้องค์ชายไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย นั่นเพราะมันผู้นี้ไม่ใช่พระองค์ จะชักช้าอยู่ไย เราต้องแก้แค้นให้องค์ชายเดี๋ยวนี้”พร้อมกับพูดก็พยายามลุกขึ้น ทว่าไม่อาจทำได้ สุดท้ายเหล่าทหารที่ต่างก็ลอบมองกันจึงตัดสินใจช่วยหัวหน้าตน เพราะลำบากมาด้วยกันในฐานะองครักษ์และอีกฝ่ายเป็นผู้ที่จริงจังต่อหน้าที่ ทั้งยังดูแลองค์ชายรองมาเนิ่นนาน รักและเทิดทูนยิ่งกว่าผู้ใด ที่สำคัญความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือขององค์ชายรองในช่วงสามเดือนมานี้ก็ชัดแจ้งต่อบรรดาองครักษ์ทุกนายเยี่ยนเฉินมองเหล่าทหารที่ต่างก็ยกดาบขึ้นและค่อยๆ ขยับล้อมเข้ามาพลางยิ้มมุมปาก“ในเมื่อเจ้าและคนของเจ้าเลือกเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมก่อนจะตะโกนเสียงดัง“เข้ามาเลย เจ้าพวกทหารหน้าโง่ทั้งหลาย”ทหารหลายนายพุ่งเข้าหาร่างสูงโปร่งตามคำท้า ด้วยต่างก็มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นายของตน ขณะที่มีคนช่วยพยุงเหลียงชื่อซิ่นจนลุกขึ้นมาได้ แต่เขาไม่ได้อยู่นิ่ง ยังหาดาบเข้าฟาดฟันร่วมกับบรรดาลูกน
“ข้านึกว่าเจ้าฉลาดเสียอีก”เยี่ยนเฉินถอนหายใจแล้วยืดตัวขึ้น เดินเข้าลึกไปในกระโจมขยับมือไพล่หลังพร้อมเอ่ย“เจ้าไปเสีย ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่”การฆ่าผู้ที่เป็นศัตรูของตนไม่ยากเช่นการลงมือกับเด็กไม่มีทางสู้ แม้เขาจะใจเหี้ยมโหดเพียงใดก็ไม่เคยฆ่าเด็กและสตรีไร้ทางสู้ ยกเว้นสตรีผู้นั้นจะร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย ทว่าในชีวิตของเยี่ยนเฉินบรรดาสตรีเมื่อได้เห็นโฉมหน้าเขาก็ไม่มีผู้ใดคิดยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างต้องการอยู่เคียงข้างกายเขา ครอบครองเขา บางครั้งก็ตบตีทะเลาะกันอย่างน่ารำคาญ เขาจึงเริ่มอาศัยปลอมแปลงเป็นผู้อื่นเพื่อเข้าฝึกยุทธ์หรือใช้ชีวิต เพราะต้องการเลี่ยงสตรีหลงใหลอย่างเกินเหตุ หากต้องการความสำราญเขาก็สามารถหาได้ด้วยใบหน้าปลอม“ข้าไม่ไป”หลังจากเงียบไปนานเสียงเล็กเครือก็ดังขึ้น“เหตุใดจึงพูดเข้าใจยากนัก ข้าให้โอกาสเจ้ารอดชีวิตไม่รู้หรือไง”เยี่ยนเฉินหันกลับมาตวาดเสียงเข้มทำเอาร่างเล็กสะดุ้งตกใจ ทว่าเจ้าตัวกลับก้มหน้างุดลงไม่ยอมขยับหนีไปไหน“เอาเถิด คืนนี้ดึกเกินกว่าเจ้าจะเดินทางลงเขา เราเพิ่งมาไม่ไกลนัก พรุ่งนี้เจ้าเดินกลับตามรอยของรถม้าก็แล้วกัน จะได้ไม่หลง ตอนนี
เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับปรือ กลิ่นเนื้อบางอย่างย่างลอยเข้าจมูกทำให้ต้องรีบลืมตา“บนสวรรค์มีปลาย่างหรือ”“นรกต่างหาก”เสียงเข้มดุ ทว่าราบเรียบดังไม่ห่างตัวนักทำให้นางหันไปมอง แม้จะจำเสียงได้ทว่าเห็นใบหน้าคมเข้มก็ยิ่งมั่นใจ ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มกว้าง“พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว”ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นไปใกล้เจ้าของร่างสูงโปร่ง ทว่าใบหน้าดุดันกับน้ำเสียงเข้มของเขาทำเอาเท้าเล็กชะงัก“เจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้ข้าอยากฆ่าให้ตายคามือนัก”หันมองนางด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากคำพูดแล้วก็หันกลับไปมองสิ่งที่เขากำลังย่างอยู่รอยยิ้มกว้างของเสี่ยวเม่ยค่อยๆ ลดลงเมื่อคิดว่าตนคงถูกพี่ชายโกรธจนเกลียดไปแล้ว ทว่ากลิ่นของเนื้อปลาย่างก็หอมเชิญชวนจนท้องร้องประท้วง นางยืนมองปลาสองตัวที่ชายหนุ่มย่างโดยไม่ละสายตาหากก็ไม่กล้าเอ่ยขอ นานครู่หนึ่งเขาก็ยื่นปลาที่เสียบไม้หนึ่งตัวมาทางนาง“เอาไปสิ หิวแล้วไม่ใช่หรือ”เสี่ยวเม่ยกลืนน้ำลาย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วรับปลามาอย่างไม่ปฏิเสธ เวลานี้มืดแล้วไม่แปลกที่นางจะหิวจัด ด้วยไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าร่างเล็กนั่งลงใกล้ๆ กองไฟไม่ห่างจากร่างสูงโปร่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกินปลาขอ
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห
“ความรักหัวใจของเรากำหนด เราไม่อาจเลือกเองได้ว่าจะรักหรือไม่รัก”นางเอ่ยพลางจับหน้าอกของตัวเอง“หัวใจของลูกเจ็บปวดที่เขาจะจากไป ลูกห้ามใจตัวเองไม่ได้ และหากไม่ทำสิ่งใดเลย ลูกคงอยู่ไม่ได้ ท่านพ่อเห็นใจลูกเถิด”หนิงเฟิ่งสงสารลูก ทั้งปวดใจตามจนทนไม่ได้ นางจับมือของสวามีพร้อมเอ่ยขอ“ท่านพี่ หลันเอ๋อร์เพียงขอชีวิต ไม่ได้ขอให้ละเว้นโทษ ช่วยลูกของเราเถิด”เจิ้งหานสบตากับชายาตน อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาขอร้อง เพราะหากเขาไม่รับปากบุตรสาวก็คงดื้อรั้นอยู่เช่นนี้“จะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่เอาเถิด พ่อรับปากว่าจะขอให้ท่านปู่เว้นโทษตายก็ได้ แต่โทษเป็นก็คงสาหัสไม่ต่างกับตายทั้งเป็นเช่นกัน”เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ไม่อยากตามใจอวี้หลันจนเกินควร แต่ไม่อาจใจแข็งกับบุตรสาวได้อวี้หลันได้แต่มองตามบิดาตนแล้วก็สะอึกสะอื้นเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าผลสุดท้ายแล้วชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร จะฟื้นหรือไม่“หลันเอ๋อร์”หนิงเฟิ่งพยุงบุตรสาวตนอีกครั้ง อีกฝ่ายก็โผเข้ามากอดแทนที่จะยอมลุกขึ้น“ท่านแม่ ลูกผิดหรือเจ้าคะ ลูกผิดที่ผูกพันใจกับปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ”“โถ...ลูกแม่”ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงโอบกอดบุ
จิตใจอวี้หลันไม่เป็นสุขแม้กลับมายังเผ่าบุปผาหลายวันแล้ว การไม่มีม่านม่านอยู่ด้วยทำให้นางไม่อาจบอกเล่าความในใจกับผู้ใดได้ บิดาของนางไม่เอ่ยถึงข่าวคราวใดจากทางสวรรค์หรือเผ่าปีศาจ ส่วนมารดานั้นแม้จะคอยมาอยู่ด้วยอย่างเป็นห่วงกระทั่งนางเข้านอนจึงกลับไป ทว่าอวี้หลันรู้สึกราวกำลังถูกจับตามองมากกว่านางนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาจนสุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่ง มองมือสองข้างของตนที่กดกระบี่ใส่ปีศาจตนนั้นแล้วก็น้ำตาเอ่อคลอ“เจ้าคือพี่เยี่ยนเฉินจริงหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร”แม้คิดว่ายากจะเป็นไปได้ แต่กลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย เพราะอีกฝ่ายรู้จักชื่อ ‘เสี่ยวเม่ย’ ของนาง ราชาปีศาจเองก็เรียกเขาว่า‘เยี่ยนเฉิน’ หากเป็นเรื่องจริงเท่ากับนางลงมือสังหารคนรักในชาติมนุษย์ด้วยมือตนเอง อวี้หลันอดปวดร้าวใจกับความกลัวนี้ไม่ได้นางอยากรู้คำตอบ อยากรู้ความจริง แต่ไม่รู้จะได้มาอย่างไร“ถ้ำนั้นอยู่ที่ใดข้าก็ไม่รู้”ถึงอยากไปที่นั่นด้วยตนเองอีกครั้ง อยากรู้ว่าชายหนุ่มดีขึ้นหรือยังพร้อมสอบถามเรื่องที่สงสัย แต่บิดามารดาคงไม่ยอมให้นางคลาดสายตา อวี้หลันรู้สึกได้ถึงสายตาเคร่งเครียดจากบิดาทว่าท่านกลับไม่ถามสิ่งใดแน่นอนว่าสตรีที่อยู่กับบ
“เขายังมีชีวิตอยู่”“จริงหรือ”อวี้หลันหันถามอย่างมีความหวังขึ้นมา และก็ได้รับการพยักหน้าตอบกลับจากราชาปีศาจ ทว่าสะดุดใจชื่อที่อีกฝ่ายเรียกชายหนุ่ม“แต่กระบี่นี้สามารถทำลายวิญญาณอมตะได้ไม่ใช่หรือ”นางเอ่ยด้วยความแปลกใจ แต่ชายหนุ่มยังไม่สูญสลายไปหลังจากถูกนางแทง นั่นเท่ากับว่าเขาอาจยังพอมีทางรอด“กระบี่นี้ ดูเหมือนจะเป็นกระบี่อินทรีไร้พ่ายที่ท่านเทพอาจารย์ของเจ้าสำนักชิงเฉิงสร้างขึ้น ข้าจำได้ตอนไปพบเทพอาจารย์พร้อมท่านเหลียงเฟิ่ง”แม่ทัพสือเฟิ่งก้าวเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยการจะเข้าประตูสวรรค์นั้นไม่ใช่ผู้ใดก็เข้าได้ ตนจึงต้องพาเจ้าสำนักเหลียงเฟิ่งไปพบเทพอาจารย์แห่งสำนักชิงเฉิง“ใช่เจ้าค่ะท่านตา”อวี้หลันรีบสำทับแม่ทัพแห่งเผ่าวิหค ซึ่งเป็นน้องชายราชาวิหคท่านตาของนาง“แต่เท่าที่รู้ กระบี่นี้จะไม่สังหารผู้ที่เป็นเจ้าของกระบี่”คำบอกของผู้ที่นับได้ว่าเป็นตาของตนอีกคนทำให้อวี้หลันหันมองผู้เจ็บอย่างเต็มตา ใบหน้าคมคายที่ล้ำเลิศหาผู้ใดเทียมยากนี้ต่างจากเยี่ยนเฉินโดยสิ้นเชิง ทว่าแม้แต่ราชาปีศาจก็ยังเรียกชายหนุ่มด้วยชื่อนี้ มันหมายความว่าอย่างไร นางได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ“หากยังไม่ตาย ก็ต้องควบคุ