“มันคือมารร้ายที่สังหารองค์ชายชุนเทียน ฆ่ามันเสีย”
ชื่อซิ่นยกมือชี้ผู้ที่กำลังย่างสามขุมมาหาตนอย่างเชื่องช้า
“พวกเจ้าก็เห็นว่าเวลานี้องค์ชายไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย นั่นเพราะมันผู้นี้ไม่ใช่พระองค์ จะชักช้าอยู่ไย เราต้องแก้แค้นให้องค์ชายเดี๋ยวนี้”
พร้อมกับพูดก็พยายามลุกขึ้น ทว่าไม่อาจทำได้ สุดท้ายเหล่าทหารที่ต่างก็ลอบมองกันจึงตัดสินใจช่วยหัวหน้าตน เพราะลำบากมาด้วยกันในฐานะองครักษ์และอีกฝ่ายเป็นผู้ที่จริงจังต่อหน้าที่ ทั้งยังดูแลองค์ชายรองมาเนิ่นนาน รักและเทิดทูนยิ่งกว่าผู้ใด ที่สำคัญความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือขององค์ชายรองในช่วงสามเดือนมานี้ก็ชัดแจ้งต่อบรรดาองครักษ์ทุกนาย
เยี่ยนเฉินมองเหล่าทหารที่ต่างก็ยกดาบขึ้นและค่อยๆ ขยับล้อมเข้ามาพลางยิ้มมุมปาก
“ในเมื่อเจ้าและคนของเจ้าเลือกเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“เข้ามาเลย เจ้าพวกทหารหน้าโง่ทั้งหลาย”
ทหารหลายนายพุ่งเข้าหาร่างสูงโปร่งตามคำท้า ด้วยต่างก็มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นายของตน ขณะที่มีคนช่วยพยุงเหลียงชื่อซิ่นจนลุกขึ้นมาได้ แต่เขาไม่ได้อยู่นิ่ง ยังหาดาบเข้าฟาดฟันร่วมกับบรรดาลูกน้องของตน
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเข้าถึงตัวเยี่ยนเฉินได้ แม้ปลายดาบก็ไม่อาจแตะต้องผิวเนื้อ ร่างสูงโปร่งหลบหลีกรวดเร็ว ทั้งยังซัดฝ่ามือใส่ผู้ที่ประชิดจนกระเด็นกระดอนออกไปตามกันหลายนาย ต่างคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนักจนลุกไม่ขึ้น แม้กระทั่งผู้ที่ลอบเข้ามาทางด้านหลังก็ยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้
“พวกเจ้ามีความสามารถเพียงแค่นี้หรือ”
เยี่ยนเฉินเยาะหยัน
ปลายดาบของชื่อซิ่นทิ่มลงพื้นเพื่อประคองตนเองหลังถูกหมัดหนักเข้าที่หน้าท้องเต็มๆ ทหารของตนนอนเจ็บระนาวรายรอบทำให้เขายิ่งไม่ยอมจำนนในเมื่อตนเป็นหัวหน้า ต่อให้จะมีเพียงตนสู้เป็นคนสุดท้ายก็จะยืนหยัดต่อให้ได้แม้จะแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงก็ตาม
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า ทหารแคว้นจ้าว จะไม่ยอมล้มโดยง่าย แม้ศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ย้ากกก!”
ร่างสูงกำยำของชื่อซิ่นยกดาบขึ้นวิ่งเข้าหาชายผู้ปลอมแปลงเป็นองค์ชายอย่างไม่หวั่นเกรง
“หึ น่านับถือ แต่ข้าขี้เกียจเล่นกับพวกเจ้าแล้ว”
เยี่ยนเฉินเปล่งเสียงเหี้ยมออกมา ทว่ากลับยืนนิ่ง แต่ก่อนที่ชื่อซิ่นจะถึงตนเพียงไม่กี่ก้าว ร่างสูงโปร่งก็ขยับวูบเร็วในชั่วพริบตาแทบมองไม่ทัน แล้วก็เห็นว่ายืนชิดติดร่างของหัวหน้าองครักษ์ขณะที่มือทะลุเข้าไปในอกหนาของชื่อซิ่นที่ยังยกดาบชูค้าง ตาเหลือกถลน จากนั้นก็ดึงมือออกมาโดยร่างของหัวหน้าองครักษ์ค่อยๆ โอนเอนล้มลง และเห็นว่าในมือเขานั้นมีหัวใจสีแดงเข้มเต้นตุบอยู่
“ข้าชอบในความซื่อสัตย์ของเจ้า น่าเสียดายจริงๆ”
พร้อมกับพึมพำมือก็บีบหัวใจในมือจนมันปลิ้นเลือดไหลเยิ้มล้นมือหนา
เหล่าทหารที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าต่างก็อึ้ง ตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะพยายามตะเกียกตะกายลุกหนีเอาตัวรอด
เยี่ยนเฉินมองทหารที่ใครลุกได้ก็วิ่งหนี ใครที่ไม่อาจลุกขึ้นก็พยายามคลานเพื่อจะไปใหไกลจากตรงนี้แล้วส่ายหน้าระอา
“ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อพวกเจ้าคิดร้ายต่อข้า เป็นองครักษ์แต่กลับคิดร้ายต่อองค์ชายเช่นนี้ จะปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้อย่างไร”
หัวใจที่แหลกเหลวของหัวหน้าองครักษ์ถูกปล่อยทิ้ง ก่อนมือหนาสองข้างจะยกขึ้นแล้วพลังเวทสีแดงก็ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือ เขาวาดมือเป็นวงกลมก่อนจะดันสองมือออกด้านข้าง แล้วพลังสีแดงราวเพลิงนรกโลกันต์ก็แผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง เผาผลาญทุกร่างจนสลายเป็นผุยผง
ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งมองสิ่งที่ตนทำแล้วก็กระตุกยิ้มมุมปาก วิชาเพลิงสลายวิญญาณของเขาที่ฝึกฝนเองบรรลุขั้นสองแล้ว หากไปถึงขั้นสูงสุดเขาจะทำลายวิญญาณอมตะได้
“ฮึก...”
เสียงเบาๆ ด้านหลังทำให้ผู้ที่กำลังลำพองใจหันกลับไปมอง ดวงตาคู่คมเข้มฉาบแววดุวาบ ร่างเล็กนั่งแอบอยู่หลังม่านหน้ากระโจมทั้งยังปิดปากตัวเองพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มทำให้เขารู้ว่าเด็กสาวเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ หากไม่รู้ว่าเห็นตั้งแต่เมื่อไร
“ข้าบอกเจ้าว่าห้ามลงจากเตียงไม่ใช่หรือ”
เยี่ยนเฉินก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมถามเสียงเรียบ ขณะที่ร่างเล็กค่อยๆ กระถดถอยหลังพร้อมสะอึกสะอื้น
“ฝืนคำสั่งข้ามีความผิดรู้หรือไม่”
ร่างสูงโปร่งมาหยุดค้ำเหนืออีกฝ่ายขณะที่เจ้าตัวปิดปากด้วยสองมือ ตัวสั่นสะท้าน เห็นชัดว่ากลัวเขาอย่างมาก
“เจ้าเห็นสิ่งใดบ้าง”
ดวงหน้าเล็กส่ายไปมาแต่มีหรือเยี่ยนเฉินจะเชื่อ
“เด็กที่พูดโกหก เป็นเด็กไม่ดี ปีศาจจะจับตัวไปไว้ในแดนปีศาจนะ”
เจ้าตัวยิ่งหลุดสะอื้นหนักเมื่อเขาเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ฮึก...ข้า...อึก...ไม่รู้...ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
เยี่ยนเฉินจ้องดวงตาคู่เรียวงามที่เต็มไปด้วยน้ำตาไหลพรากไม่หยุดแล้วก็ยิ้มเหี้ยมก่อนจะย่อตัวลงนั่ง ร่างเล็กถอยหนีทว่าเขาวางมือบนบ่าเล็กทำเอาเด็กสาวสะดุ้งเฮือก พอเขาโน้มตัวไปใกล้เจ้าตัวก็เอนหนีแต่ได้ไม่ไกลนัก
“ผู้ที่รู้ความลับผู้อื่นแล้วไม่อาจเก็บไว้เป็นความลับได้ชั่วชีวิต ยากจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้นาน”
ใบหน้าคมเข้มอยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนราวจะเผาไหม้หน้าตน เสี่ยวเม่ยกัดริมฝีปาก พี่ชายผู้น่ากลัวรู้ว่าตนรู้เห็นความลับของเขา แต่นางเลือกจะยืนกรานปฏิเสธและให้สัญญา
“ข้าไม่มีวันพูด เพราะข้าไม่รู้ความลับใดทั้งนั้น”
คิ้วเข้มของเยี่ยนเฉินขยับสูง นับว่าเด็กสาวตรงหน้าฉลาดไม่น้อยเลย
“สัญญาหรือไม่”
“อื้อ สัญญา”
มือหนาเลื่อนจากบ่าเล็กขึ้นไปวางบนศีรษะที่เกือบเท่ามือของเขาพร้อมย้ำ
“ดี จงรู้ไว้ว่าเจ้าทำสัญญากับปีศาจแล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าอยู่ที่ใด หากเจ้าพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ปีศาจจะเอาตัวเจ้าไปอยู่แดนปีศาจ”
ดวงตาคู่เรียวงามสั่นไหวหากก็ยังมองเขาไม่หลบเลี่ยง ในแววหวาดกลัวที่ฉายออกมาเห็นความจริงใจในนั้นเต็มเปี่ยมพร้อมกับเจ้าตัวเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“ข้าจะอยู่ในที่ที่มีท่าน พี่ชาย”
=========
พี่เฉินโหดมากกก ขอให้ละเว้นเสี่ยวเม่ยจริงๆ เถอะนะ ^-^"
อย่างที่แจ้งไว้ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ ‘สวรรค์ไร้ใจฯ’ และ ‘สวรรค์เย็นชาฯ’ ทั้งสองเรื่องนะคะ แม้เปิดเรื่องจะยังไม่เห็นชัดเจนก็ตาม แต่ทุกอย่างจะค่อยๆ เปิดเผยจ้า
แอบใบ้ว่า นางเอกของเรื่องนี้ ปรากฏตัวในทั้งสองเรื่องที่แล้วนะจ๊ะ เป็นคนที่ไรต์คิดว่าผู้อ่านน่าจะอยากรู้เรื่องของนาง หรืออยากให้มีเรื่องเป็นของตัวเอง เดาถูกกันไหมเอ่ยว่าเป็นใคร^^
ฝากติดตามกันต่อเรื่อยๆ นะจ๊ะ
“ข้านึกว่าเจ้าฉลาดเสียอีก”เยี่ยนเฉินถอนหายใจแล้วยืดตัวขึ้น เดินเข้าลึกไปในกระโจมขยับมือไพล่หลังพร้อมเอ่ย“เจ้าไปเสีย ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่”การฆ่าผู้ที่เป็นศัตรูของตนไม่ยากเช่นการลงมือกับเด็กไม่มีทางสู้ แม้เขาจะใจเหี้ยมโหดเพียงใดก็ไม่เคยฆ่าเด็กและสตรีไร้ทางสู้ ยกเว้นสตรีผู้นั้นจะร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย ทว่าในชีวิตของเยี่ยนเฉินบรรดาสตรีเมื่อได้เห็นโฉมหน้าเขาก็ไม่มีผู้ใดคิดยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างต้องการอยู่เคียงข้างกายเขา ครอบครองเขา บางครั้งก็ตบตีทะเลาะกันอย่างน่ารำคาญ เขาจึงเริ่มอาศัยปลอมแปลงเป็นผู้อื่นเพื่อเข้าฝึกยุทธ์หรือใช้ชีวิต เพราะต้องการเลี่ยงสตรีหลงใหลอย่างเกินเหตุ หากต้องการความสำราญเขาก็สามารถหาได้ด้วยใบหน้าปลอม“ข้าไม่ไป”หลังจากเงียบไปนานเสียงเล็กเครือก็ดังขึ้น“เหตุใดจึงพูดเข้าใจยากนัก ข้าให้โอกาสเจ้ารอดชีวิตไม่รู้หรือไง”เยี่ยนเฉินหันกลับมาตวาดเสียงเข้มทำเอาร่างเล็กสะดุ้งตกใจ ทว่าเจ้าตัวกลับก้มหน้างุดลงไม่ยอมขยับหนีไปไหน“เอาเถิด คืนนี้ดึกเกินกว่าเจ้าจะเดินทางลงเขา เราเพิ่งมาไม่ไกลนัก พรุ่งนี้เจ้าเดินกลับตามรอยของรถม้าก็แล้วกัน จะได้ไม่หลง ตอนนี
เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับปรือ กลิ่นเนื้อบางอย่างย่างลอยเข้าจมูกทำให้ต้องรีบลืมตา“บนสวรรค์มีปลาย่างหรือ”“นรกต่างหาก”เสียงเข้มดุ ทว่าราบเรียบดังไม่ห่างตัวนักทำให้นางหันไปมอง แม้จะจำเสียงได้ทว่าเห็นใบหน้าคมเข้มก็ยิ่งมั่นใจ ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มกว้าง“พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว”ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นไปใกล้เจ้าของร่างสูงโปร่ง ทว่าใบหน้าดุดันกับน้ำเสียงเข้มของเขาทำเอาเท้าเล็กชะงัก“เจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้ข้าอยากฆ่าให้ตายคามือนัก”หันมองนางด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากคำพูดแล้วก็หันกลับไปมองสิ่งที่เขากำลังย่างอยู่รอยยิ้มกว้างของเสี่ยวเม่ยค่อยๆ ลดลงเมื่อคิดว่าตนคงถูกพี่ชายโกรธจนเกลียดไปแล้ว ทว่ากลิ่นของเนื้อปลาย่างก็หอมเชิญชวนจนท้องร้องประท้วง นางยืนมองปลาสองตัวที่ชายหนุ่มย่างโดยไม่ละสายตาหากก็ไม่กล้าเอ่ยขอ นานครู่หนึ่งเขาก็ยื่นปลาที่เสียบไม้หนึ่งตัวมาทางนาง“เอาไปสิ หิวแล้วไม่ใช่หรือ”เสี่ยวเม่ยกลืนน้ำลาย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วรับปลามาอย่างไม่ปฏิเสธ เวลานี้มืดแล้วไม่แปลกที่นางจะหิวจัด ด้วยไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าร่างเล็กนั่งลงใกล้ๆ กองไฟไม่ห่างจากร่างสูงโปร่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกินปลาขอ
“หนาว”เสียงเล็กแผ่วเบาหากเยี่ยนเฉินก็ได้ยิน หันไปก็เห็นว่าเด็กสาวหลับไปแล้ว แต่นอนกอดตัวเองละเมอออกมา ในป่าเย็นเกินกว่าผู้ที่ไม่แข็งแรงจะนอนโดยไร้ผ้าห่มได้ แม้มีกองไฟอยู่แต่ก็ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ดีนักถึงจะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเสี่ยวเม่ยคือภาระที่ตนไม่ต้องการ ทว่าเยี่ยนเฉินก็ไม่อาจปล่อยอีกฝ่ายไปตามยถากรรมได้ ราวได้ยื่นมือข้างหนึ่งไปในกับดักของใยแมงมุมหนาที่พัวพันยุ่งเหยิงยากจะแกะออกโดยง่ายร่างสูงโปร่งลุกขึ้นพร้อมปลดเสื้อคลุมตัวนอกของตนเอาไปคลุมให้ร่างเล็กแล้วกลับมานั่งใกล้กองไฟเช่นเดิม มองเข้าไปในกองไฟที่ตนสุมใหม่ให้ลุกโชนยิ่งขึ้นเผื่อแผ่ไอร้อนไปถึงเสี่ยวเม่ยที่นอนห่างออกไป ต้องการให้นางพักผ่อนให้มากเพราะนับจากนี้การเดินทางไปสำนักชิงเฉิงนั้นไม่ง่ายอีกแล้วเยี่ยนเฉินไม่ได้อยากเป็นเซียน แต่ต้องการพลังปราณเซียนเพื่อก้าวขึ้นไปยังจุดที่ผู้ใดก็ไม่อาจเหยียบย่ำได้‘บิดาของเจ้าคือจอมมารผู้ยิ่งใหญ่’นี่คือสิ่งที่มารดาเขียนเอาไว้ บิดาของเขาต้องการครอบครองหกพิภพ เป็นใหญ่เหนือดินแดนทั้งปวง ต้องการให้ดินแดนปีศาจหลุดพ้นจากการอยู่ภายใต้การปกครองของสวรรค์ ในเมื่อบิดาเขาก็มีพลังยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากจัก
“ลาก่อนพี่ชาย”นางไม่ได้กรีดร้องหรือตะโกนเพราะไร้แรงแม้แต่จะส่งเสียง หากก็พึมพำออกไปขณะที่รู้สึกว่าตนตกลงไปด้านล้างเพียงชั่วอึดใจก็หยุดชะงัก กายนางถูกโอบอุ้มเหาะเหินพาไต่ขึ้นไปตามหน้าผายังชะง่อนหินซึ่งสามารถวางเท้าเหยียบได้ด้วยความรวดเร็ว เสี่ยวเม่ยอึ้งตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนตัวแข็ง ใช้เวลาพักหนึ่งร่างสูงโปร่งก็พานางกระโจนขึ้นมายืนบนจุดสูงสุดของหน้าผาร่างเล็กถูกปล่อยลงแล้วแต่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ ทว่าดวงตาคู่เรียวงามมองมายังเขาด้วยสายตาประหลาดใจ“อยู่กับข้า ต้องไม่พูดมาก ไม่ถามมาก จำได้หรือไม่”ดวงหน้าเล็กพยักขึ้นลงช้าๆ เยี่ยนเฉินก็ถอนหายใจ สุดท้ายแล้วตนก็ช่วยนางอีกจนได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตะโกนหากเขาก็ได้ยินเพราะบริเวณนี้ค่อนข้างก้อง ยังดีที่ไหวตัวทันเสี่ยวเม่ยจึงไม่ตกถึงพื้นเสียก่อนแม้ชายหนุ่มสามารถใช้วรยุทธ์ไต่ขึ้นมาได้แต่แรก ทว่าต้องการวัดใจกับเด็กสาวด้วยว่าเจ้าตัวจะถอดใจหรือไม่ และก็ได้เห็นชัดกับตาว่านางใจสู้แม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวยก็ตาม มาคิดดูแล้วจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่กลัวตายของอีกฝ่ายก็น่าสนใจไม่น้อย อีกอย่างนางอายุยังน้อย ไม่ยากที่เขาจะค่อยๆ สอนให้นางฝึกฝนวิชาอย่างไรนางก็โดดเ
“เจ้าเป็นใคร มาที่นี่ด้วยเหตุอันใด”ชายตรงหน้ามีใบหน้าดุเข้ม ตั้งทวนในมือลงพื้นอย่างแรง ยืนจังก้าด้วยท่าทางมั่นคงขวางทางเข้าสำนัก“ข้าชื่อจ้าวชุนเทียน ไต้ซือหลี่อันเจ้าอาวาสวัดต๋าฉือแคว้นจ้าว ส่งข้ามาบำเพ็ญเพียรที่นี่”อีกฝ่ายกวาดมองเขาอย่างไม่เชื่อถือนัก ทั้งยังเหลือบมองเด็กสาวที่อยู่บนหลังเขาอย่างสงสัย เยี่ยนเฉินจึงล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมตนหยิบสารของเจ้าอาวาสยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย“ท่านเจ้าอาวาสมีสารมาถึงท่านหลี่เหวินแห่งสำนักชิงเฉิงด้วย”เพราะตนอ่านเนื้อหาภายในแล้วจึงรู้ชื่อผู้ส่งแล้วผู้รับ สารไม่ได้ปิดผนึกเก็บเป็นความลับสำคัญแต่อย่างใด เป็นเพียงการฝากฝังศิษย์เท่านั้น และจ้าวชุนเทียนเก็บไว้กับสมบัติส่วนตัวของตนด้วยมั่นใจว่านั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทว่ามันจะปลอดภัยเมื่อผู้เป็นเจ้าของยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น“เช่นนั้นหรือ”“หากท่านต้องการความมั่นใจ เพียงแค่นำสารนี้ส่งให้ถึงมือท่านหลี่เหวินเท่านั้น”อีกฝ่ายคิดตามแล้วก็พยักหน้า“ได้ ข้าจะไปส่งสารนี้ให้ ส่วนเจ้ารออยู่นี่”พร้อมพูดก็กระแทกทวนลงพื้นและปักนิ่งไม่ขยับ“อย่าใจร้อน เพราะเจ้าไม่อาจหลุดรอดจากทวนของข้าไปได้แน่”เยี่ยนเฉินไม่แสดงสีหน้
จากนั้นเยี่ยนเฉินก็แบกเสี่ยวเม่ยไปกับผู้นำทาง ซึ่งเป็นเส้นทางภายในถ้ำ ขณะที่อีกฝ่ายอธิบายไปด้วย“อาจารย์ของเราบำเพ็ญในถ้ำแห่งนี้ ภายในมีศิษย์พี่น้องอยู่ห้าคนรวมข้าด้วย ข้าชื่อสือเจาฉิน”ขณะที่อีกฝ่ายพูดเยี่ยนเฉินรู้สึกเหมือนเสี่ยวเม่ยเริ่มขยับเขาจึงเหลือบไปมองด้านหลังแล้วเอ่ย“เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้สึกอย่างไรบ้าง”เจาฉินเองก็มองตามเขาขณะที่ศีรษะเล็กค่อยๆ ขยับพร้อมเสียงพึมพำ“น้ำ”“นางคงเพลียมากจึงกระหายน้ำ นี่ใกล้ถึงที่พักของข้าหรือยัง”“เดินอีกหน่อย”อีกฝ่ายตอบพลางเร่งฝีเท้า เยี่ยนเฉินเองก็ก้าวขายาวขึ้นเช่นกัน กระทั่งไปถึงยังโถงหนึ่งที่เล็กกว่าอาจารย์ลงมาก หากก็กว้างขวางไม่ดูอึดอัดนัก เขารีบพาร่างเล็กของเสี่ยวเม่ยไปวางลงบนแท่นหินทันใด“ที่นี่ยังไม่ได้ทำความสะอาดเพราะเจ้ามากะทันหัน เอ...หรือข้าต้องเรียกว่าท่าน ในเมื่อท่านเป็นองค์ชาย”เจาฉินถามหน้าตาย ไม่ได้ดูเอาอกเอาใจ หากก็ไม่ได้มีทีท่าถือดีว่าอยู่มาก่อน“ข้าไม่สนใจยศศักดิ์ใดอีกแล้ว เวลานี้ข้าก็นับได้ว่าเป็นศิษย์น้องของท่าน”ผู้ฟังพยักหน้าราวพอใจกับคำตอบของเขาก่อนบอกต่อ“ที่พักนี้เคยเป็นที่พักของศิษย์พี่ใหญ่ของเรา แต่เวลานี้เขาสำเร็จเซี
“เหตุใดข้าจึงอยู่ที่นี่ไม่ได้”“อาจารย์รับเพียงศิษย์ผู้ชาย และเจ้าเป็นหญิง ชายหญิงไม่ควรอยู่ร่วมห้อง”เยี่ยนเฉินนั่งกอดอกเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้านิ่ง เหลือบมองเจ้าของดวงหน้าเล็กที่ดวงตาคู่เรียวงามหม่นมองโดยไม่คิดเห็นใจ“ข้าพักในกระโจมท่าน นอนในรถม้ากับท่านมาตั้งหลายคืน”“นั่นมันเหตุสุดวิสัย ต่อไปเจ้าก็ต้องโตขึ้น หากคิดอยู่ที่นี่เจ้าต้องไปอยู่กับอาจารย์อาหญิง ที่นั่นมีศิษย์พี่ผู้หญิงมากมายเป็นเพื่อนเจ้า”“ข้าไม่ต้องการเพื่อน ข้าไม่เคยมีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่มีใครอยากคบหาเด็กไม่มีพ่อแม่เช่นข้า”ผู้พูดน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างเจียมตน“ข้าเป็นผู้ติดตามท่าน หากไปอยู่ที่อื่น ข้าจะทำอาหาร ทำความสะอาดที่พักให้ท่านได้อย่างไร”“แรกทีเดียวข้าก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด เป็นเจ้าขอติดตามข้าเอง และเมื่อพาเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า อาจารย์ฝากฝังเจ้ากับอาจารย์อาหญิง ท่านก็ยินดีรับเจ้าไว้เป็นศิษย์ แม้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร”เสี่ยวเม่ยฟังที่อีกฝ่ายพูดแล้วนางก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เพราะได้เห็นกับตาว่าพี่ชายหน้าดุนั้นมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ เขาแตกต่างจากนาง“ผู้บำเพ็
“บะหมี่เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่”เจ้าของดวงตาคู่เรียวงามจ้องอย่างรอคอยเยี่ยนเฉินมองอีกฝ่ายขณะเคี้ยวอย่างช้าๆ ราวละเลียดรสชาติกว่าจะยอมบอก“รสชาติดี”“อย่างนั้นหรือ ดีใจจังที่ถูกใจท่าน”อีกฝ่ายกุมมืออย่างพออกพอใจ ดวงตาเป็นประกายอย่างดีใจกับคำชมของเขา ทว่าเยี่ยนเฉินกลับถอนหายใจ“สามเดือนแล้ว เจ้าฝึกฝนคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้าง”ผู้ที่ทำบะหมี่มาให้เขาชิมถึงถ้ำหน้าเจื่อนแล้วหลุบตาลงต่ำราวรู้ว่าจะถูกเขาดุ“สิ่งที่เจ้าควรใส่ใจคือการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร”เสี่ยวเม่ยทำอาหารมาให้เขาทุกวัน นั่นทำให้เขาต้องย้ำแล้วย้ำอีกให้นางใส่ใจการบำเพ็ญตน หากอีกฝ่ายก็มักแก้ตัวว่าตนเองไม่เก่ง หัวทึบ เรียนรู้ช้า“ศิษย์พี่ซ่งบอกว่าข้าหัวไม่ดี ฝึกฝนบำเพ็ญตนร้อยปีหรือห้าร้อยปีก็คงไม่บรรลุเซียนขั้นต้น ข้าก็คิดว่าเช่นนั้น”“เช่นนั้นเจ้ายิ่งต้องฝึกฝน ไม่ใช่เอาเวลามาทำอาหาร”“ก็ตอนฝึกบำเพ็ญเพียรในหัวข้าตันไปหมด นั่งนิ่งๆ ก็ง่วงหลับไปทุกที ต่างจากเวลาทำอาหาร ข้าสนุกและมีความสุขมาก”“เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อฝึกทำอาหาร หากอยากติดตามข้า เจ้าต้องสำเร็จปราณเซียน”เยี่ยนเฉินเสียงเข้มอย่างกดดัน อยากให้เสี่ยวเม่ยขยันฝึกฝนมากกว่านี
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห
“ความรักหัวใจของเรากำหนด เราไม่อาจเลือกเองได้ว่าจะรักหรือไม่รัก”นางเอ่ยพลางจับหน้าอกของตัวเอง“หัวใจของลูกเจ็บปวดที่เขาจะจากไป ลูกห้ามใจตัวเองไม่ได้ และหากไม่ทำสิ่งใดเลย ลูกคงอยู่ไม่ได้ ท่านพ่อเห็นใจลูกเถิด”หนิงเฟิ่งสงสารลูก ทั้งปวดใจตามจนทนไม่ได้ นางจับมือของสวามีพร้อมเอ่ยขอ“ท่านพี่ หลันเอ๋อร์เพียงขอชีวิต ไม่ได้ขอให้ละเว้นโทษ ช่วยลูกของเราเถิด”เจิ้งหานสบตากับชายาตน อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาขอร้อง เพราะหากเขาไม่รับปากบุตรสาวก็คงดื้อรั้นอยู่เช่นนี้“จะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่เอาเถิด พ่อรับปากว่าจะขอให้ท่านปู่เว้นโทษตายก็ได้ แต่โทษเป็นก็คงสาหัสไม่ต่างกับตายทั้งเป็นเช่นกัน”เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ไม่อยากตามใจอวี้หลันจนเกินควร แต่ไม่อาจใจแข็งกับบุตรสาวได้อวี้หลันได้แต่มองตามบิดาตนแล้วก็สะอึกสะอื้นเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าผลสุดท้ายแล้วชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร จะฟื้นหรือไม่“หลันเอ๋อร์”หนิงเฟิ่งพยุงบุตรสาวตนอีกครั้ง อีกฝ่ายก็โผเข้ามากอดแทนที่จะยอมลุกขึ้น“ท่านแม่ ลูกผิดหรือเจ้าคะ ลูกผิดที่ผูกพันใจกับปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ”“โถ...ลูกแม่”ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงโอบกอดบุ
จิตใจอวี้หลันไม่เป็นสุขแม้กลับมายังเผ่าบุปผาหลายวันแล้ว การไม่มีม่านม่านอยู่ด้วยทำให้นางไม่อาจบอกเล่าความในใจกับผู้ใดได้ บิดาของนางไม่เอ่ยถึงข่าวคราวใดจากทางสวรรค์หรือเผ่าปีศาจ ส่วนมารดานั้นแม้จะคอยมาอยู่ด้วยอย่างเป็นห่วงกระทั่งนางเข้านอนจึงกลับไป ทว่าอวี้หลันรู้สึกราวกำลังถูกจับตามองมากกว่านางนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาจนสุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่ง มองมือสองข้างของตนที่กดกระบี่ใส่ปีศาจตนนั้นแล้วก็น้ำตาเอ่อคลอ“เจ้าคือพี่เยี่ยนเฉินจริงหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร”แม้คิดว่ายากจะเป็นไปได้ แต่กลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย เพราะอีกฝ่ายรู้จักชื่อ ‘เสี่ยวเม่ย’ ของนาง ราชาปีศาจเองก็เรียกเขาว่า‘เยี่ยนเฉิน’ หากเป็นเรื่องจริงเท่ากับนางลงมือสังหารคนรักในชาติมนุษย์ด้วยมือตนเอง อวี้หลันอดปวดร้าวใจกับความกลัวนี้ไม่ได้นางอยากรู้คำตอบ อยากรู้ความจริง แต่ไม่รู้จะได้มาอย่างไร“ถ้ำนั้นอยู่ที่ใดข้าก็ไม่รู้”ถึงอยากไปที่นั่นด้วยตนเองอีกครั้ง อยากรู้ว่าชายหนุ่มดีขึ้นหรือยังพร้อมสอบถามเรื่องที่สงสัย แต่บิดามารดาคงไม่ยอมให้นางคลาดสายตา อวี้หลันรู้สึกได้ถึงสายตาเคร่งเครียดจากบิดาทว่าท่านกลับไม่ถามสิ่งใดแน่นอนว่าสตรีที่อยู่กับบ
“เขายังมีชีวิตอยู่”“จริงหรือ”อวี้หลันหันถามอย่างมีความหวังขึ้นมา และก็ได้รับการพยักหน้าตอบกลับจากราชาปีศาจ ทว่าสะดุดใจชื่อที่อีกฝ่ายเรียกชายหนุ่ม“แต่กระบี่นี้สามารถทำลายวิญญาณอมตะได้ไม่ใช่หรือ”นางเอ่ยด้วยความแปลกใจ แต่ชายหนุ่มยังไม่สูญสลายไปหลังจากถูกนางแทง นั่นเท่ากับว่าเขาอาจยังพอมีทางรอด“กระบี่นี้ ดูเหมือนจะเป็นกระบี่อินทรีไร้พ่ายที่ท่านเทพอาจารย์ของเจ้าสำนักชิงเฉิงสร้างขึ้น ข้าจำได้ตอนไปพบเทพอาจารย์พร้อมท่านเหลียงเฟิ่ง”แม่ทัพสือเฟิ่งก้าวเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยการจะเข้าประตูสวรรค์นั้นไม่ใช่ผู้ใดก็เข้าได้ ตนจึงต้องพาเจ้าสำนักเหลียงเฟิ่งไปพบเทพอาจารย์แห่งสำนักชิงเฉิง“ใช่เจ้าค่ะท่านตา”อวี้หลันรีบสำทับแม่ทัพแห่งเผ่าวิหค ซึ่งเป็นน้องชายราชาวิหคท่านตาของนาง“แต่เท่าที่รู้ กระบี่นี้จะไม่สังหารผู้ที่เป็นเจ้าของกระบี่”คำบอกของผู้ที่นับได้ว่าเป็นตาของตนอีกคนทำให้อวี้หลันหันมองผู้เจ็บอย่างเต็มตา ใบหน้าคมคายที่ล้ำเลิศหาผู้ใดเทียมยากนี้ต่างจากเยี่ยนเฉินโดยสิ้นเชิง ทว่าแม้แต่ราชาปีศาจก็ยังเรียกชายหนุ่มด้วยชื่อนี้ มันหมายความว่าอย่างไร นางได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ“หากยังไม่ตาย ก็ต้องควบคุ