เยี่ยนเฉินก้มลงมองดวงหน้าเล็กมอมแมม สบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันด้วยแววตาแสนซื่อ
“ข้าช่วยเจ้า ไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาเป็นภาระข้า”
เขากัดฟันเข่นเขี้ยวเสียงเข้ม มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัวจนถอดใจไม่อยากเกาะติดตนได้
“แต่ข้าได้ยินว่าท่านต้องการผู้ติดตาม ท่านบอกให้คนไปหาผู้ที่เต็มใจไปกับท่าน”
ร่างเล็กสั่นนิดๆ หากก็ยังเชิดหน้าขึ้นพูดกับเขาอย่างฉะฉาน ทว่ากลับทำให้เยี่ยนเฉินฉุนจัด มือหนาจับคางเล็กบีบเบาๆ ขณะก้มหน้าลงไปกระซิบเครียด
“ข้าต้องการหญิงงาม ไม่ใช่เด็กที่เป็นภาระ ใช้งานไม่ได้เช่นเจ้า”
“ข้าทำอาหารได้ดีมาก พี่ลู่ฟางชมเสมอว่าข้าทำอร่อย ข้าทำให้ท่านกินได้”
มุมปากได้รูปอย่างชายชาตรีกระตุกยิ้มหยันพร้อมส่งเสียงในลำคอ
“ใครอยากได้เจ้าไปทำอาหารกัน”
“แล้วท่านอยากได้ผู้ติดตามหญิงไปทำสิ่งใด ข้าทำได้ทั้งนั้น”
เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเฉินต้องหลับตาลงราวหลบดวงตาคู่วาววามใสซื่อ ทว่าความจริงแล้วพยายามระงับอารมณ์ขัดอกขัดใจกับความดื้อด้านของเด็กสาวตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็ยืดตัวขึ้น ปล่อยมือจากคางเล็กแล้วมองเมินไปทางอื่นอย่างไม่คิดจะอธิบาย
“นะพี่ชาย ได้โปรดให้ข้าติดตามท่าน ข้าเต็มใจทำทุกอย่างให้ท่าน”
‘สิ่งเดียวที่ข้าต้องการเจ้าก็ไม่อาจทำได้แล้วแม่หนูน้อย’
เยี่ยนเฉินคิดในใจพลางส่ายหน้า ยิ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงมือตนที่ถูกกุมเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ ก็เหล่มองด้วยสายตาไม่พอใจ ทว่าเจ้าของร่างเล็กกลับยังส่งสายตาร้องขอโดยไม่ยอมปล่อยและไม่ยอมแพ้ แม้จะเห็นชัดว่าเกรงกลัวเขาก็ตาม
“เจ้ากลัวข้าไม่ใช่หรือ”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างยอมรับ
“ฉะนั้นจะตามข้าไปทำไม”
“ท่านน่ากลัว แต่ใจดี”
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“และข้าต้องทดแทนคุณท่าน”
คนที่ถูกบอกว่าใจดีถึงกับตีสีหน้าไม่ถูกทั้งที่เคืองใจอยู่แต่กลับนึกอยากยิ้มอย่างเห็นขัน ในชีวิตนี้ไม่เคยมีผู้ใดบอกว่าตนใจดีมาก่อน
“เจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ การช่วยเจ้าไม่ใช่เพราะข้าใจดี แต่เพราะ...”
เมื่อรู้ตัวว่าเกือบจะเอ่ยเรื่องส่วนตัวที่เห็นว่านางถูกขายเหมือนกับตนออกไปเยี่ยนเฉินก็เปลี่ยนคำพูดใหม่
“เพราะมนุษยธรรม”
พูดไปแล้วก็อดหยันตัวเองในใจไม่ได้ เขาเป็นคนมีมนุษยธรรมตั้งแต่เมื่อไรกัน
“จะเพราะสิ่งใด ท่านก็ช่วยข้าไว้ ข้าจะไม่ไปไหน นอกจากขอติดตามท่านชั่วชีวิต”
ติดตามเขาอย่างนั้นหรือ หากได้รู้ว่าใกล้ตัวเขาไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัยไปชั่วชีวิตนางจะอยากอยู่หรือไม่
“ติดตามข้า เจ้าอาจหาชีวิตไม่ก่อนวัยอันควร”
ทุกคำเต็มไปด้วยการปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ทว่าเสี่ยวเม่ยก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิดของตน
“ข้าเคยผ่านมันมาแล้ว ข้าไม่กลัว หากจากโลกนี้ไปเร็ว ข้าก็จะได้ไปอยู่พี่ลู่ฟาง ท่านพ่อท่านแม่”
เจ้าตัวบอกด้วยสีหน้าเต็มอกเต็มใจไม่มีหวาดหวั่นทำให้เยี่ยนเฉินขบกรามแน่น ขู่ให้กลัวอย่างไรก็ดูจะไร้ความหมาย ยังต้องเดินทางอีกหลายวันกว่าจะไปถึงสำนักชิงเฉิง ใช้เวลาอยู่ใกล้เขาหลายวัน เด็กสาวอาจรู้ซึ้งจนไม่อยากติดตามเขาก็เป็นได้
“ถึงเจ้าจะอยากติดตามข้า แต่ข้าก็ต้องพิสูจน์เสียก่อนว่าเจ้าเหมาะสมที่จะไปกับข้าหรือไม่”
“พี่ชายต้องการให้ข้าทำสิ่งใด บอกมาได้เลย”
“ข้าพูดออกไป ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางทำได้แน่”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยัน
“ข้าทำได้”
“ช่างเถิด”
เยี่ยนเฉินเสียงเข้ม เขาไม่สนใจเด็ก เขาสนใจหญิงงามที่มีสัดส่วนโค้งเว้าเร้าอารมณ์
“เวลานี้ไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด และพวกข้าก็ต้องออกเดินทางแล้ว เจ้าติดตามขบวนของพวกข้าไปก่อนก็แล้วกัน เส้นทางบนเขาลำบาก นานไปเจ้าอาจเปลี่ยนใจ”
“ข้าไม่เปลี่ยนใจแน่”
“ข้าจะคอยดู”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยคำอย่างไม่เชื่อนักเสี่ยวเม่ยก็เม้มปาก พร้อมจ้องใบหน้าคมเข้มด้วยสายตามุ่งมั่น
หลังเช้าวันนั้นขบวนของจ้าวชุนเทียนก็ออกเดินทาง เมื่อองค์ชายรองสั่งความกับหัวหน้าองครักษ์เหลียงในเรื่องของเด็กสาวตามที่ตนคิดเอาไว้ แต่เจ้าตัวขอติดตามเขาจึงปล่อยไปก่อน กว่าจะถึงสำนักชิงเฉิงความลำบากในการเดินทางก็คงทำให้เหนื่อยท้อและเปลี่ยนใจไปเอง
แม้จะราวรับฟังรับสั่งขององค์ชายรอง ทว่าหัวหน้าองครักษ์เหลียงกลับมีความเคลือบแคลงสงสัยในใจกับการเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่กินผักผลไม้มาทั้งชีวิตก็ให้ทำอาหารที่มีเนื้อเป็นส่วนผสมทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงอุปนิสัยแตกต่างไปราวคนละคน ในใจเกินครึ่งขององครักษ์เหลียงมั่นใจว่าองค์ชายของตนในเวลานี้คือผู้อื่น
ทว่าแล้วองค์ชายรองของตนอยู่ที่ใด
เขาค่อนข้างเคร่งเคียดแต่ก็พยายามเก็บสีหน้าตนไว้เมื่อต้องฟังรับสั่งจากองค์ชาย
“คืนนี้เราจะตั้งค่ายใกล้น้ำตกพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เหลียงมารายงานยังรถม้าขององค์ชายเมื่อส่งทหารไปสำรวจล่วงหน้าแล้วพบพื้นเหมาะสมไม่ไกลจากจุดพักชั่วคราวนัก
“เดินทางอีกไม่เกินครึ่งชั่วยามก็ถึงพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนเฉินพยักหน้ารับรู้แล้วอีกฝ่ายก็ผละไป ผู้ปลอมเป็นองค์ชายเหลือบมองผู้ที่นั่งพื้นด้านล่างในรถม้าใกล้กับทางออกแล้วเอ่ย
“ข้าว่าเจ้าควรอาบน้ำนะ”
เสี่ยวเม่ยนั่งตัวเกร็งและเงียบมาตลอดทางมองผู้พูดด้วยแววตาสงสัย
“เจ้ามอมแมมมาก ทำเตียงข้าสกปรกไปหมด”
สีหน้าเรียบเฉยแม้ไม่ได้แสดงออกว่ารังเกียจ หากคำพูดก็บอกความหมายชัดเจนทำเอาเด็กสาวแอบดมเนื้อตัวตนเอง
“แต่ข้ามีเพียงชุดนี้”
“แล้วเจ้าก็จะอยู่ในชุดนี้ไปตลอด ไม่อาบน้ำหรือไง”
นางหน้าซีด ในขบวนเดินทางมีแต่ผู้ชาย ไม่อาจขอหยิบยืมผู้ใดได้ แต่ที่น่ากังวลคือ นางไม่เคยอาบน้ำข้างนอก แม้จะเป็นกระท่อมเล็กๆ อยู่กันเพียงสองคนกับพี่สาว แต่พี่สาวก็บอกให้ระมัดระวังเสมอ สองพี่น้องจะช่วยกันตักน้ำจากแหล่งน้ำใกล้หมู่บ้านมาไว้ใช้และอาบน้ำทุกวัน
เห็นสีหน้าที่ดูลำบากใจของเด็กสาวแล้วเยี่ยนเฉินก็ถอนหายใจ
“แค่อาบน้ำมันยากนักหรือ”
“ก็...ข้าเป็นหญิง”
เสียงอุบอิบพร้อมดวงหน้าเล็กก้มลงทำให้ผู้มองขยับคิ้วสูง
“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไป คนของข้าจะจัดพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ข้าโดยเฉพาะ ด้านหลังกระโจม เจ้าใช้ที่นั่นได้เลย”
เขาบอกอย่างใจกว้าง ใช้เวลาเดินทางกับขบวนขององค์ชายแคว้นจ้าวมานาน เยี่ยนเฉินจึงรู้แล้วว่าหากใกล้แหล่งน้ำ ทหารจะเตรียมน้ำให้ตนได้ชำระร่างกายด้วย
“จริงหรือ”
“อืม”
ดวงตาคู่เรียวงามสดใสวาววามแต่แล้วกลับมีความลังเล
“เอ่อ แต่ว่า...”
“เรื่องเสื้อผ้า ข้าจะสั่งคนจัดเตรียมให้”
เขาบอกไปง่ายๆ ไม่รู้หรอกว่าคนของตนจะจัดการอย่างไร แต่ในเมื่อองค์ชายสั่งพวกนั้นก็ต้องทำให้ได้
เสี่ยวเม่ยยิ้มกว้างในทันใด ดวงหน้ามอมแมมดูสดใสขึ้นตามดวงตาที่เป็นประกายทำให้เยี่ยนเฉินพอใจ อย่างน้อยครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวยิ้ม
=====
เสี่ยวเม่ยน้อยต้องปรับตัว ถ้าจะติดตามพี่ชาย สู้ๆ น้า^^
อาหารค่อยๆ ลำเลียงมาวางบนโต๊ะตรงหน้าขณะที่เยี่ยนเฉินมองอย่างเอื่อยเฉื่อยหากก็รู้สึกว่ามีอาหารจานหนึ่งเป็นอาหารพื้นๆ ต่างจากจานอื่นที่ปรุงแต่งอย่างน่ากินสวยงามเช่นชาววัง แม้ไม่เรื่องมากเพราะตนก็ชินกับการกินอาหารพื้นบ้านแต่ก็นึกแปลกใจ“จานนี้เป็นฝีมือเสี่ยวเม่ยพ่ะย่ะค่ะ นางขออนุญาตกระหม่อมจัดเตรียมอาหารให้ฝ่าบาท ให้ลองชิมเพื่อพิสูจน์ว่านางสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ดีหากติดตามฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ได้รับการเฉลยจากหัวหน้าองครักษ์ที่ดูแลควบคุมตรวจสอบอาหารให้ปลอดภัยทุกมื้อด้วยตนเองแล้วเยี่ยนเฉินก็เอ่ยย้ำ“เสี่ยวเม่ย”“พ่ะย่ะค่ะ”เพราะไม่เคยคิดให้อีกฝ่ายติดตาม เขาจึงไม่เคยสนใจชื่อแซ่เด็กสาว เพิ่งรู้จากหัวหน้าองครักษ์ว่านางชื่อนี้ กระนั้นเยี่ยนเฉินก็เพียงพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยก่อนบอก“บอกให้นางเข้ามา”สั่งแล้วก็โบกมือให้หัวหน้าองครักษ์ที่รับคำสั่งออกไป ไม่นานเจ้าของร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน“ที่อยู่ๆ ก็หายเงียบไปเพราะอย่างนี้สินะ”เสี่ยวเม่ยพยักหน้าแล้วเหลือบมองคนตัวโตหวั่นใจว่าตนจะโดนดุหรือไม่“นั่งลงสิ กินด้วยกันนี่แหละ”“แต่ท่านอาที่อยู่ข้างนอกบอกให้รอ บอกว่าไม่ควรร่วมโต๊ะกับพี่
“เจ้าเป็นใคร”ดวงตาคู่คมเข้มเหลือบมองผู้พูด อีกฝ่ายเป็นเหมือนเงาทะมึนอยู่ตรงหน้าด้วยเยี่ยนเฉินไม่ได้จุดตะเกียง ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่าตนยังไม่นอน ทว่าเพียงเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นผู้ใด“เหตุใดจึงปลอมแปลงเป็นองค์ชายของข้า”“หึ รู้แล้วสินะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่มีความหวั่นเกรง ทั้งยังราวกับหยันด้วยซ้ำ“ข้าสงสัยมานานแล้ว นับวันก็ยิ่งมั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่องค์ชาย”หัวหน้าองครักษ์เหลียงเข่นเสียงหากก็ไม่ดังนัก ตนผ่านทหารยามด้านหน้าได้ไม่ยากเมื่อบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบทูลองค์ชาย หากก็ไม่อยากเสียงดังจนด้านนอกได้ยิน“สมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์”แม้จะเอ่ยชม ทว่าแววตาคมเข้มเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ละสายตาจากปลายดาบอีกฝ่ายแม้เพียงชั่วแวบ“องค์ชายของข้าอยู่ที่ใด”คำถามนี้ทำให้เยี่ยนเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย“เจ้าคิดดูสิ คาดเดาเก่งไม่ใช่หรือ”เหลียงชื่อซิ่นขบกรามแน่น จากน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจกับแววตากระหยิ่มของอีกฝ่ายเขาก็พอเดาออกไม่อาจมีคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ เมื่อมีตัวปลอม ตัวจริงย่อมไม่มี“เจ้าสังหารองค์ชาย”“นับว่าฉลาดทีเดียว”“บังอาจนัก ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้ารอดมือไปแน่”“ก็ลองดู”ปล
“มันคือมารร้ายที่สังหารองค์ชายชุนเทียน ฆ่ามันเสีย”ชื่อซิ่นยกมือชี้ผู้ที่กำลังย่างสามขุมมาหาตนอย่างเชื่องช้า“พวกเจ้าก็เห็นว่าเวลานี้องค์ชายไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย นั่นเพราะมันผู้นี้ไม่ใช่พระองค์ จะชักช้าอยู่ไย เราต้องแก้แค้นให้องค์ชายเดี๋ยวนี้”พร้อมกับพูดก็พยายามลุกขึ้น ทว่าไม่อาจทำได้ สุดท้ายเหล่าทหารที่ต่างก็ลอบมองกันจึงตัดสินใจช่วยหัวหน้าตน เพราะลำบากมาด้วยกันในฐานะองครักษ์และอีกฝ่ายเป็นผู้ที่จริงจังต่อหน้าที่ ทั้งยังดูแลองค์ชายรองมาเนิ่นนาน รักและเทิดทูนยิ่งกว่าผู้ใด ที่สำคัญความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือขององค์ชายรองในช่วงสามเดือนมานี้ก็ชัดแจ้งต่อบรรดาองครักษ์ทุกนายเยี่ยนเฉินมองเหล่าทหารที่ต่างก็ยกดาบขึ้นและค่อยๆ ขยับล้อมเข้ามาพลางยิ้มมุมปาก“ในเมื่อเจ้าและคนของเจ้าเลือกเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมก่อนจะตะโกนเสียงดัง“เข้ามาเลย เจ้าพวกทหารหน้าโง่ทั้งหลาย”ทหารหลายนายพุ่งเข้าหาร่างสูงโปร่งตามคำท้า ด้วยต่างก็มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นายของตน ขณะที่มีคนช่วยพยุงเหลียงชื่อซิ่นจนลุกขึ้นมาได้ แต่เขาไม่ได้อยู่นิ่ง ยังหาดาบเข้าฟาดฟันร่วมกับบรรดาลูกน
“ข้านึกว่าเจ้าฉลาดเสียอีก”เยี่ยนเฉินถอนหายใจแล้วยืดตัวขึ้น เดินเข้าลึกไปในกระโจมขยับมือไพล่หลังพร้อมเอ่ย“เจ้าไปเสีย ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่”การฆ่าผู้ที่เป็นศัตรูของตนไม่ยากเช่นการลงมือกับเด็กไม่มีทางสู้ แม้เขาจะใจเหี้ยมโหดเพียงใดก็ไม่เคยฆ่าเด็กและสตรีไร้ทางสู้ ยกเว้นสตรีผู้นั้นจะร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย ทว่าในชีวิตของเยี่ยนเฉินบรรดาสตรีเมื่อได้เห็นโฉมหน้าเขาก็ไม่มีผู้ใดคิดยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างต้องการอยู่เคียงข้างกายเขา ครอบครองเขา บางครั้งก็ตบตีทะเลาะกันอย่างน่ารำคาญ เขาจึงเริ่มอาศัยปลอมแปลงเป็นผู้อื่นเพื่อเข้าฝึกยุทธ์หรือใช้ชีวิต เพราะต้องการเลี่ยงสตรีหลงใหลอย่างเกินเหตุ หากต้องการความสำราญเขาก็สามารถหาได้ด้วยใบหน้าปลอม“ข้าไม่ไป”หลังจากเงียบไปนานเสียงเล็กเครือก็ดังขึ้น“เหตุใดจึงพูดเข้าใจยากนัก ข้าให้โอกาสเจ้ารอดชีวิตไม่รู้หรือไง”เยี่ยนเฉินหันกลับมาตวาดเสียงเข้มทำเอาร่างเล็กสะดุ้งตกใจ ทว่าเจ้าตัวกลับก้มหน้างุดลงไม่ยอมขยับหนีไปไหน“เอาเถิด คืนนี้ดึกเกินกว่าเจ้าจะเดินทางลงเขา เราเพิ่งมาไม่ไกลนัก พรุ่งนี้เจ้าเดินกลับตามรอยของรถม้าก็แล้วกัน จะได้ไม่หลง ตอนนี
เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับปรือ กลิ่นเนื้อบางอย่างย่างลอยเข้าจมูกทำให้ต้องรีบลืมตา“บนสวรรค์มีปลาย่างหรือ”“นรกต่างหาก”เสียงเข้มดุ ทว่าราบเรียบดังไม่ห่างตัวนักทำให้นางหันไปมอง แม้จะจำเสียงได้ทว่าเห็นใบหน้าคมเข้มก็ยิ่งมั่นใจ ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มกว้าง“พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว”ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นไปใกล้เจ้าของร่างสูงโปร่ง ทว่าใบหน้าดุดันกับน้ำเสียงเข้มของเขาทำเอาเท้าเล็กชะงัก“เจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้ข้าอยากฆ่าให้ตายคามือนัก”หันมองนางด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากคำพูดแล้วก็หันกลับไปมองสิ่งที่เขากำลังย่างอยู่รอยยิ้มกว้างของเสี่ยวเม่ยค่อยๆ ลดลงเมื่อคิดว่าตนคงถูกพี่ชายโกรธจนเกลียดไปแล้ว ทว่ากลิ่นของเนื้อปลาย่างก็หอมเชิญชวนจนท้องร้องประท้วง นางยืนมองปลาสองตัวที่ชายหนุ่มย่างโดยไม่ละสายตาหากก็ไม่กล้าเอ่ยขอ นานครู่หนึ่งเขาก็ยื่นปลาที่เสียบไม้หนึ่งตัวมาทางนาง“เอาไปสิ หิวแล้วไม่ใช่หรือ”เสี่ยวเม่ยกลืนน้ำลาย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วรับปลามาอย่างไม่ปฏิเสธ เวลานี้มืดแล้วไม่แปลกที่นางจะหิวจัด ด้วยไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าร่างเล็กนั่งลงใกล้ๆ กองไฟไม่ห่างจากร่างสูงโปร่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกินปลาขอ
“หนาว”เสียงเล็กแผ่วเบาหากเยี่ยนเฉินก็ได้ยิน หันไปก็เห็นว่าเด็กสาวหลับไปแล้ว แต่นอนกอดตัวเองละเมอออกมา ในป่าเย็นเกินกว่าผู้ที่ไม่แข็งแรงจะนอนโดยไร้ผ้าห่มได้ แม้มีกองไฟอยู่แต่ก็ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ดีนักถึงจะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเสี่ยวเม่ยคือภาระที่ตนไม่ต้องการ ทว่าเยี่ยนเฉินก็ไม่อาจปล่อยอีกฝ่ายไปตามยถากรรมได้ ราวได้ยื่นมือข้างหนึ่งไปในกับดักของใยแมงมุมหนาที่พัวพันยุ่งเหยิงยากจะแกะออกโดยง่ายร่างสูงโปร่งลุกขึ้นพร้อมปลดเสื้อคลุมตัวนอกของตนเอาไปคลุมให้ร่างเล็กแล้วกลับมานั่งใกล้กองไฟเช่นเดิม มองเข้าไปในกองไฟที่ตนสุมใหม่ให้ลุกโชนยิ่งขึ้นเผื่อแผ่ไอร้อนไปถึงเสี่ยวเม่ยที่นอนห่างออกไป ต้องการให้นางพักผ่อนให้มากเพราะนับจากนี้การเดินทางไปสำนักชิงเฉิงนั้นไม่ง่ายอีกแล้วเยี่ยนเฉินไม่ได้อยากเป็นเซียน แต่ต้องการพลังปราณเซียนเพื่อก้าวขึ้นไปยังจุดที่ผู้ใดก็ไม่อาจเหยียบย่ำได้‘บิดาของเจ้าคือจอมมารผู้ยิ่งใหญ่’นี่คือสิ่งที่มารดาเขียนเอาไว้ บิดาของเขาต้องการครอบครองหกพิภพ เป็นใหญ่เหนือดินแดนทั้งปวง ต้องการให้ดินแดนปีศาจหลุดพ้นจากการอยู่ภายใต้การปกครองของสวรรค์ ในเมื่อบิดาเขาก็มีพลังยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากจัก
“ลาก่อนพี่ชาย”นางไม่ได้กรีดร้องหรือตะโกนเพราะไร้แรงแม้แต่จะส่งเสียง หากก็พึมพำออกไปขณะที่รู้สึกว่าตนตกลงไปด้านล้างเพียงชั่วอึดใจก็หยุดชะงัก กายนางถูกโอบอุ้มเหาะเหินพาไต่ขึ้นไปตามหน้าผายังชะง่อนหินซึ่งสามารถวางเท้าเหยียบได้ด้วยความรวดเร็ว เสี่ยวเม่ยอึ้งตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนตัวแข็ง ใช้เวลาพักหนึ่งร่างสูงโปร่งก็พานางกระโจนขึ้นมายืนบนจุดสูงสุดของหน้าผาร่างเล็กถูกปล่อยลงแล้วแต่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ ทว่าดวงตาคู่เรียวงามมองมายังเขาด้วยสายตาประหลาดใจ“อยู่กับข้า ต้องไม่พูดมาก ไม่ถามมาก จำได้หรือไม่”ดวงหน้าเล็กพยักขึ้นลงช้าๆ เยี่ยนเฉินก็ถอนหายใจ สุดท้ายแล้วตนก็ช่วยนางอีกจนได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตะโกนหากเขาก็ได้ยินเพราะบริเวณนี้ค่อนข้างก้อง ยังดีที่ไหวตัวทันเสี่ยวเม่ยจึงไม่ตกถึงพื้นเสียก่อนแม้ชายหนุ่มสามารถใช้วรยุทธ์ไต่ขึ้นมาได้แต่แรก ทว่าต้องการวัดใจกับเด็กสาวด้วยว่าเจ้าตัวจะถอดใจหรือไม่ และก็ได้เห็นชัดกับตาว่านางใจสู้แม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวยก็ตาม มาคิดดูแล้วจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่กลัวตายของอีกฝ่ายก็น่าสนใจไม่น้อย อีกอย่างนางอายุยังน้อย ไม่ยากที่เขาจะค่อยๆ สอนให้นางฝึกฝนวิชาอย่างไรนางก็โดดเ
“เจ้าเป็นใคร มาที่นี่ด้วยเหตุอันใด”ชายตรงหน้ามีใบหน้าดุเข้ม ตั้งทวนในมือลงพื้นอย่างแรง ยืนจังก้าด้วยท่าทางมั่นคงขวางทางเข้าสำนัก“ข้าชื่อจ้าวชุนเทียน ไต้ซือหลี่อันเจ้าอาวาสวัดต๋าฉือแคว้นจ้าว ส่งข้ามาบำเพ็ญเพียรที่นี่”อีกฝ่ายกวาดมองเขาอย่างไม่เชื่อถือนัก ทั้งยังเหลือบมองเด็กสาวที่อยู่บนหลังเขาอย่างสงสัย เยี่ยนเฉินจึงล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมตนหยิบสารของเจ้าอาวาสยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย“ท่านเจ้าอาวาสมีสารมาถึงท่านหลี่เหวินแห่งสำนักชิงเฉิงด้วย”เพราะตนอ่านเนื้อหาภายในแล้วจึงรู้ชื่อผู้ส่งแล้วผู้รับ สารไม่ได้ปิดผนึกเก็บเป็นความลับสำคัญแต่อย่างใด เป็นเพียงการฝากฝังศิษย์เท่านั้น และจ้าวชุนเทียนเก็บไว้กับสมบัติส่วนตัวของตนด้วยมั่นใจว่านั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทว่ามันจะปลอดภัยเมื่อผู้เป็นเจ้าของยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น“เช่นนั้นหรือ”“หากท่านต้องการความมั่นใจ เพียงแค่นำสารนี้ส่งให้ถึงมือท่านหลี่เหวินเท่านั้น”อีกฝ่ายคิดตามแล้วก็พยักหน้า“ได้ ข้าจะไปส่งสารนี้ให้ ส่วนเจ้ารออยู่นี่”พร้อมพูดก็กระแทกทวนลงพื้นและปักนิ่งไม่ขยับ“อย่าใจร้อน เพราะเจ้าไม่อาจหลุดรอดจากทวนของข้าไปได้แน่”เยี่ยนเฉินไม่แสดงสีหน้
“ได้โปรดเถิด ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”ดวงหน้างดงามสะบัดอย่างทุรนทุราย เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก จนเมื่อร่างสูงใหญ่กระตุกสั่นรุนแรงพร้อมโถมกายมาเต็มตัว อวี้หลันก็ผวาอีกครั้งทั้งกรีดร้องแหบพร่าอย่างสุดกลั้น ขณะหูแว่วเสียงเข้มคำรามดังไม่ต่างจากตนก่อนร่างหนาหนักจะทิ้งลงมาซุกซบนาง แขนเรียวโอบกอดเรือนกายใหญ่โตไว้อย่างเต็มอกเต็มใจพลางยิ้มบางทั้งที่น้ำตาซึมเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทรักในฐานะอวี้หลัน หากก็สุขล้นหัวใจเหมือนได้กลับมาโอบกอดคนที่ตนรักดังเช่นเมื่อครั้งเป็นเสี่ยวเม่ย“ข้ารักท่าน พี่เยี่ยนเฉิน”นางเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเบา“ข้าก็รักเจ้ามากอวี้หลัน”เยี่ยนเฉินเอ่ยตอบแล้วจูบหน้าผากชื้นเหงื่อ หัวใจชุ่มฉ่ำกับคำรักของผู้เป็นดั่งดวงใจเพียงนางเดียวของตนอวี้หวันยิ้มปลาบปลื้มกับคำรักจากอีกฝ่ายมือบางลูบไหล่กับแผ่นหลังกว้างแล้วก็รู้สึกได้ถึงรอยแผลหลายรอยที่ดูคล้ายแซ่ ทำให้ยิ่งขอบตาร้อนผ่าวชายหนุ่มต้องเจ็บปวดทรมานเพียงไหนหนอเมื่อรับทัณฑ์สายฟ้า และผู้ที่ไม่เคยยอมอยู่ภายใต้ผู้ใดกลับต้องเป็นทหารยามในวังสวรรค์ หัวใจแกร่งหยิ่งทระนงของบุรุษที่นางชื่นชมต้องทุกข์ทนเพียงใด“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าขอบคุณท่านนักที่ไม่ละทิ้ง
“อื้ม หอมชื่นใจ”ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดจากด้านหลังพร้อมกับหอมลงมาบนแก้มตนทำให้อวี้หลันที่กำลังจะเข้านอนสะดุ้ง ส่วนม่านม่านซึ่งจัดเตรียมที่นอนอยู่ก็ตาโตรีบเลี่ยงหลบหนีทันใด เพราะกลัวว่าจะถูกทำให้หายไปอีก“อ้าว ม่านม่าน ไปไหนล่ะ”“คงกลัวจะหายไปน่ะสิ”เยี่ยนเฉินบอกพร้อมยิ้มมุมปากแล้วก็ต้องร้องเบาๆ“โอ๊ย นิ้วเล็กแค่นี้พิษร้ายแรงจริงเชียว”พร้อมพูดชายหนุ่มก็จับมือบางมาจุมพิตส่งสายตาคมกริบวาววามให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่ม“ยังยิ้มอีก ปีศาจนิสัยไม่ดี”อวี้หลันเสียงขุ่น ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายนึกสนุกเมื่อทำให้ม่านม่านกลัวเยี่ยนเฉินเพียงหัวเราะในลำคอแล้วจูบแก้มนุ่มซ้ำอีกครั้งก่อนไต่ลงซอกคอหอม ขณะที่หญิงสาวย่นคอหลบเลี่ยง“อื้อ อย่า...”“โธ่...อวี้หลันคนดี ท่านพ่อเจ้าให้ข้าปลูกดอกไม้แทบจะทั้งภูเขากว่าจะเสร็จก็หลายเดือน มีอย่างที่ไหนให้องครักษ์ไปปลูกต้นไม้ดอกไม้ เจ้าจะทรมานข้าอีกคนหรืออย่างไร”เยี่ยนเฉินบ่นอุบ นับแต่มาถึงเผ่าบุปผา บิดาของนางก็เอาแต่มองเขาตาขวางแต่ไม่อาจไล่ได้เพราะเป็นราชโองการ แล้วเขาก็ถูกสั่งให้ปลูกต้นดอกอวี้หลันด้วยมือตนเอง จากด้านหลังกระท่อมริมเขาที่ตนอาศัยไปตามเส้นทางขึ้นเขา เหมือนเ
“เขาปกป้องข้า ไม่ผิดอันใด”หญิงสาวเอ่ยสวนพร้อมทั้งรีบขยับไปคุกเข่าต่อหน้าท่านปู่ของตนพลางส่งสายตาขอร้องให้เห็นใจ“ทูลฝ่าบาท ทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ที่ฮองเฮารับสั่งแต่งตั้งที่มีความชอบเมื่อวานนี้เพคะ เขาทำหน้าที่ระมัดระวังช่วยเหลืออวี้หลัน นับว่าเหมาะสมแล้วเพคะ”องค์จักรพรรดิรับรู้ในข้อนี้จากหัวหน้าองครักษ์แล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้รู้เห็นว่าเยี่ยนเฉินผู้นี้คือปีศาจผู้มีดาวชะตามาร ทั้งกายยังมีปราณเทพเซียนกลบไอปีศาจ หากมีความชอบจะได้รับการแต่งตั้งก็คงไม่ผิดนัก พระองค์เองก็ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมที่ตรงเผงและอยู่ในรูปในรอยไม่เคยผิดวินัยของอีกฝ่ายเสมอ ทั้งฝีมือยังเก่งกาจหาตัวจับยาก หากจะแต่งตั้งเป็นองครักษ์ก็ย่อมได้“เทพธิดา ท่านเอ่ยราวรู้จักทหารยามผู้นี้เป็นอย่างดี น่าแปลกนัก”ชิงหลุนมองด้วยสายตาสงสัยอวี้หลันเม้มปาก รู้ว่ากำลังถูกหยั่งเชิง หากยอมรับว่ารู้จักคุ้นเคยทหารยามเป็นอย่างดี ก็จะทำให้ตำแหน่งเทพธิดาบุปผาเสียหาย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อฮองเฮาแต่งตั้งทหารผู้นี้เป็นทหารองครักษ์ แล้วรับสั่งให้ดูแลคุ้มกันข้ากลับเผ่าบุปผา”นางพยายามส่งสายตาขอกั
“เยี่ยนเฉินหรือ?”ราชินีสวรรค์มองทหารยามอย่างพินิจ ท่าทางองอาจดูไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด สายตามั่นคงไม่วอกแวก ทั้งยังปราดเข้ามาสยบสัตว์เวทที่แม้แต่เทพเซียนผู้เป็นเจ้าของยังไม่อาจปราบได้ในชั่วพริบตา ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย“ความชอบของเจ้าครั้งนี้ ข้าคงต้องมีรางวัลเสียแล้ว”“เป็นหน้าที่กระหม่อมอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอวี้หลันจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ละสายตา พยายามจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ทว่าเขากลับมองต่ำเพียงอย่างเดียว ทำให้นึกขัดใจนัก“ถึงอย่างไรข้าก็อยากตอบแทนน้ำใจเจ้า”“กระหม่อมไม่...”“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหน้าที่ ฮองเฮาก็แต่งตั้งเขาเป็นองครักษ์ให้เป็นรางวัลแทนสิ่งของ”อวี้หลันถือโอกาสเสนอ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่มองตนหญิงสาวเคืองจนแอบถอนหายใจ“อืม นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะบอกกับหัวหน้าองครักษ์ให้แต่งตั้งเจ้าเป็นองครักษ์สวรรค์ก็แล้วกัน”“เป็นพระมหากรุณาพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเฉินจำต้องรับไว้ แต่ก็ยังก้มหน้าราวเจียมตนเช่นเดิมผู้เป็นเทพธิดาบุปผาเม้มริมฝีปาก กรุ่นโกรธคนที่หมางเมินต่อตนราวไม่สนใจไยดีเมื่อมีโอกาสอยู่ในที่พักของตนยังตำหนักราชิ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดหนี”ไท่จื่อซึ่งเป็นผู้คุมตัวตนมาเอ่ยขึ้น ทำให้เยี่ยนเฉินเหลือบมองอย่างหงุดหงิด หากก็ไม่เอ่ยสิ่งใด“แต่เจ้าอาจหลงลืมไปว่าเทพธิดาบุปผาก็มักจะขึ้นมาบนสวรรค์อยู่เนืองๆ ในโอกาสต่างๆ”คำบอกนี้ทำให้เยี่ยนเฉินหยุดเดิน ขณะที่ผู้เป็นไท่จื่อเพียงก้าวเดินต่อไปไม่หันกลับ“อะแฮ่ม”ผู้ที่กระแอมคือหวังหย่งผู้ติดตามไท่จื่อแล้วผายมือให้ปีศาจหนุ่มเดินต่อเยี่ยนเฉินจำต้องก้าวต่อเพื่อไปยังแท่นรับสายฟ้า หากก็ครุ่นคิดไปด้วย แม้แปลกใจที่ไท่จื่อสวรรค์เอ่ยกับตนเช่นนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าถ้าหนีเขาอาจไม่ได้พบเจอกับอวี้หลันอีก สวรรค์คงต้องหาทางคุ้มกันเทพธิดาเผ่าบุปผาเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้ ทว่าหากอยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสได้เห็นคนที่ตนรักเมื่อมาถึงยังแท่นรับสายฟ้า ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง“หญิงสาวที่เจ้ารักอยู่ไกลเกินเอื้อม หากเจ้าจริงใจต่อนาง ย่อมรู้ว่าควรทำอย่างไร ความรักอาจไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงได้เห็นผู้ที่ตนรักใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขก็เพียงพอ ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเจ้า”จิ่นลี่นั้นไม่ได้ต้องการให้หลานสาวตนลงเอยกับปีศาจตนนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหัวใจไม่อาจบังคับได้ ทั้งยัง
ร่างสูงใหญ่ก้าวตามผู้เป็นอาเข้าประตูสวรรค์มาด้วยใบหน้านิ่งขรึม แม้ไม่เต็มใจและมีแผนในหัว หากก็พยายามตีสีหน้าเฉยเข้าไว้เพื่อที่ราชาปีศาจจะได้อ่านความในใจตนไม่ออก พลางสายตาก็กวาดมองสวรรค์ชั้นฟ้าที่งดงามด้วยสายตาดูแคลน ไม่มีความชื่นชมหรือตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด กระทั่งมาถึงยังท้องพระโรงที่มีร่างขององค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์และไท่จื่อยืนอยู่ด้านหนึ่ง“องค์จักรพรรดิ”ราชาปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมก้มหัวคำนับเล็กน้อยขณะที่เยี่ยนเฉินยืนเฉย ผู้เป็นอาจึงเอ่ย“เยี่ยนเฉิน”ผู้ถูกเรียกถอนหายใจ ก่อนจะจำใจเอ่ยเสียงดังทั้งที่ยืนนิ่ง“เยี่ยนเฉินคำนับองค์จักรพรรดิ”“เจ้ายอมมาถึงที่นี่ คงเตรียมใจไว้แล้วสินะ”จักรพรรดิจินหวงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากสายตาที่มองชายหนุ่มรูปร่างองอาจทว่าหน้าตางามล้ำโดดเด่นนั้นบอกชัดว่าไม่ชอบใจ เพราะอีกฝ่ายทำให้หลานสาวสุดรักต้องเสียศักดิ์ศรี“จะทำอย่างไรก็เชิญ”เยี่ยนเฉินเชิดหน้ามองตรงไม่หลบเลี่ยง“ความผิดเจ้าใหญ่หลวงนัก ทั้งยึดสำนักชิงเชิง ปลุกระดมบังคับศิษย์ในสำนักให้แข็งข้อก่อกบฏต่อขุนเขากลางเวหา แล้วยัง...”“ลอบเข้าไปอุ้มเทพธิดาบุปผา...”“บังอาจ!”ร่างสูงขององค์จักพรรดิลุกขึ้นห
“ความรักหัวใจของเรากำหนด เราไม่อาจเลือกเองได้ว่าจะรักหรือไม่รัก”นางเอ่ยพลางจับหน้าอกของตัวเอง“หัวใจของลูกเจ็บปวดที่เขาจะจากไป ลูกห้ามใจตัวเองไม่ได้ และหากไม่ทำสิ่งใดเลย ลูกคงอยู่ไม่ได้ ท่านพ่อเห็นใจลูกเถิด”หนิงเฟิ่งสงสารลูก ทั้งปวดใจตามจนทนไม่ได้ นางจับมือของสวามีพร้อมเอ่ยขอ“ท่านพี่ หลันเอ๋อร์เพียงขอชีวิต ไม่ได้ขอให้ละเว้นโทษ ช่วยลูกของเราเถิด”เจิ้งหานสบตากับชายาตน อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาขอร้อง เพราะหากเขาไม่รับปากบุตรสาวก็คงดื้อรั้นอยู่เช่นนี้“จะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่เอาเถิด พ่อรับปากว่าจะขอให้ท่านปู่เว้นโทษตายก็ได้ แต่โทษเป็นก็คงสาหัสไม่ต่างกับตายทั้งเป็นเช่นกัน”เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปด้วยความไม่พอใจ ไม่อยากตามใจอวี้หลันจนเกินควร แต่ไม่อาจใจแข็งกับบุตรสาวได้อวี้หลันได้แต่มองตามบิดาตนแล้วก็สะอึกสะอื้นเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าผลสุดท้ายแล้วชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร จะฟื้นหรือไม่“หลันเอ๋อร์”หนิงเฟิ่งพยุงบุตรสาวตนอีกครั้ง อีกฝ่ายก็โผเข้ามากอดแทนที่จะยอมลุกขึ้น“ท่านแม่ ลูกผิดหรือเจ้าคะ ลูกผิดที่ผูกพันใจกับปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ”“โถ...ลูกแม่”ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงโอบกอดบุ
จิตใจอวี้หลันไม่เป็นสุขแม้กลับมายังเผ่าบุปผาหลายวันแล้ว การไม่มีม่านม่านอยู่ด้วยทำให้นางไม่อาจบอกเล่าความในใจกับผู้ใดได้ บิดาของนางไม่เอ่ยถึงข่าวคราวใดจากทางสวรรค์หรือเผ่าปีศาจ ส่วนมารดานั้นแม้จะคอยมาอยู่ด้วยอย่างเป็นห่วงกระทั่งนางเข้านอนจึงกลับไป ทว่าอวี้หลันรู้สึกราวกำลังถูกจับตามองมากกว่านางนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมาจนสุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่ง มองมือสองข้างของตนที่กดกระบี่ใส่ปีศาจตนนั้นแล้วก็น้ำตาเอ่อคลอ“เจ้าคือพี่เยี่ยนเฉินจริงหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร”แม้คิดว่ายากจะเป็นไปได้ แต่กลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย เพราะอีกฝ่ายรู้จักชื่อ ‘เสี่ยวเม่ย’ ของนาง ราชาปีศาจเองก็เรียกเขาว่า‘เยี่ยนเฉิน’ หากเป็นเรื่องจริงเท่ากับนางลงมือสังหารคนรักในชาติมนุษย์ด้วยมือตนเอง อวี้หลันอดปวดร้าวใจกับความกลัวนี้ไม่ได้นางอยากรู้คำตอบ อยากรู้ความจริง แต่ไม่รู้จะได้มาอย่างไร“ถ้ำนั้นอยู่ที่ใดข้าก็ไม่รู้”ถึงอยากไปที่นั่นด้วยตนเองอีกครั้ง อยากรู้ว่าชายหนุ่มดีขึ้นหรือยังพร้อมสอบถามเรื่องที่สงสัย แต่บิดามารดาคงไม่ยอมให้นางคลาดสายตา อวี้หลันรู้สึกได้ถึงสายตาเคร่งเครียดจากบิดาทว่าท่านกลับไม่ถามสิ่งใดแน่นอนว่าสตรีที่อยู่กับบ
“เขายังมีชีวิตอยู่”“จริงหรือ”อวี้หลันหันถามอย่างมีความหวังขึ้นมา และก็ได้รับการพยักหน้าตอบกลับจากราชาปีศาจ ทว่าสะดุดใจชื่อที่อีกฝ่ายเรียกชายหนุ่ม“แต่กระบี่นี้สามารถทำลายวิญญาณอมตะได้ไม่ใช่หรือ”นางเอ่ยด้วยความแปลกใจ แต่ชายหนุ่มยังไม่สูญสลายไปหลังจากถูกนางแทง นั่นเท่ากับว่าเขาอาจยังพอมีทางรอด“กระบี่นี้ ดูเหมือนจะเป็นกระบี่อินทรีไร้พ่ายที่ท่านเทพอาจารย์ของเจ้าสำนักชิงเฉิงสร้างขึ้น ข้าจำได้ตอนไปพบเทพอาจารย์พร้อมท่านเหลียงเฟิ่ง”แม่ทัพสือเฟิ่งก้าวเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยการจะเข้าประตูสวรรค์นั้นไม่ใช่ผู้ใดก็เข้าได้ ตนจึงต้องพาเจ้าสำนักเหลียงเฟิ่งไปพบเทพอาจารย์แห่งสำนักชิงเฉิง“ใช่เจ้าค่ะท่านตา”อวี้หลันรีบสำทับแม่ทัพแห่งเผ่าวิหค ซึ่งเป็นน้องชายราชาวิหคท่านตาของนาง“แต่เท่าที่รู้ กระบี่นี้จะไม่สังหารผู้ที่เป็นเจ้าของกระบี่”คำบอกของผู้ที่นับได้ว่าเป็นตาของตนอีกคนทำให้อวี้หลันหันมองผู้เจ็บอย่างเต็มตา ใบหน้าคมคายที่ล้ำเลิศหาผู้ใดเทียมยากนี้ต่างจากเยี่ยนเฉินโดยสิ้นเชิง ทว่าแม้แต่ราชาปีศาจก็ยังเรียกชายหนุ่มด้วยชื่อนี้ มันหมายความว่าอย่างไร นางได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ“หากยังไม่ตาย ก็ต้องควบคุ