หญิงงามถูกส่งตัวเข้าไปในกระโจมก่อนทหารองครักษ์จะออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คนก่อนก็ยังไม่ออกมาเลยไม่ใช่หรือ”
ทหารกระซิบถามหัวหน้าองค์รักษ์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่ายหน้า
“จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อรับสั่งให้หาคนใหม่มา เรามีหน้าที่ทำตามรับสั่ง”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงชื่อซิ่นเองก็อ่อนใจ ไม่เคยพบเห็นการกระทำผิดแปลกเช่นนี้จากองค์ชายรองจ้าวชุนเทียนแห่งแคว้นจ้าวมาก่อน ด้วยนับแต่อายุแปดชันษาก็เข้าวัดสวดมนต์ ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมและบำเพ็ญตบะ เจ้าอาวาสเห็นว่าองค์ชายมีความตั้งใจจริงเพื่อบรรลุเซียนจึงแนะนำให้เข้าสำนักเซียนขั้นสูงชิงเฉิงที่เขาชิงซานซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรปราณเซียนเพื่อบรรลุขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ โดยญาติผู้พี่ของเจ้าอาวาสซึ่งไม่ได้ฝักใฝ่ทางสายกลางในโลกมนุษย์บำเพ็ญเพียรอยู่ และช่วยทูลสนับสนุนองค์ชายรองกับท่านเจ้าแคว้น หากกว่าท่านเจ้าแคว้นจะยินยอมก็ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม
“ประหลาดนัก องค์ชายรองไม่เคยสนใจอิสตรี ทว่านับแต่ครึ่งทางที่ผ่านมา กลับรับสั่งให้หาหญิงงามเข้าไปปรนนิบัติทุกค่ำคืน ผิดวิสัยองค์ชายนัก”
ในกระโจมที่ประทับมีสัดส่วนชัดเจน พวกตนเข้าไปได้เพียงด้านหน้าที่เป็นส่วนรับรองเท่านั้น ไม่ได้รู้เห็นสิ่งใดมากไปกว่านั้น ในทุกเช้าวันหญิงงามจะนอนอยู่ในส่วนรับรองด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงไร้สติ และหัวหน้าองค์รักษ์จะให้ทหารนำตัวไปส่งพร้อมทองอีกหนึ่งเท่าเสมอ
ส่วนองค์ชายไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้วนอกจากเวลาเดินทางที่นั่งบนรถม้า ด้วยปกติมักนั่งบำเพ็ญตบะอย่างสม่ำเสมอ ทว่าเมื่อรับสั่งให้ส่งหญิงสาวเข้าไปในที่ประทับก็ยังคงเก็บตัวเช่นเดิม มีเพียงหัวหน้าองครักษ์เหลียงผู้เดียวที่สามารถเข้าไปคอยรับคำสั่งภายในกระโจมได้
“ที่ผ่านมาเราพอจะจัดหานางโลมจากหมู่บ้านใกล้ๆ หรือเมืองที่เดินทางผ่านได้ แต่นี่ใกล้เข้าเขตหุบเขาชิงซานแล้ว การเดินทางไปที่นั่นมีเพียงป่าลึกกว่าจะถึงสำนักชิงเฉิงบนยอดเขา เราไม่มีทางหาหญิงงามมาให้องค์ชายได้แน่ ข้าคงต้องทูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง แม้อาจทำให้ไม่พอพระทัยก็ตาม”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงเอ่ยพลางถอนหายใจ
ภายในกระโจม นางโลมผู้มาใหม่ก้าวเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนเตียงนอนเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต นางยินดีมาเมื่อได้รับข้อเสนอเป็นทองชนิดที่ไม่เคยได้รับมาก่อน แม้จะกังวลนิดๆ ว่าจะมาเจอกับผู้ชายเช่นไร ทว่าเมื่อเห็นร่างสูงโปรงเปลือยเปล่า นั่งมองมาด้วยท่าทางสง่าทว่ามีร่างหญิงสาวอีกหนึ่งคนนั่งหันหลังอยู่ระหว่างขาแกร่งขยับหัวขึ้นลงนางก็เข้าใจทันใด ใบหน้าร้อนวูบพร้อมอารมณ์ที่แล่นปราดทั่วกายด้วยเคยชินกับรูปรสกลิ่นเสียงที่ตนเห็นและสัมผัสได้เป็นอย่างดี
“มาสิ”
เสียงราบเรียบเอ่ยอย่างไม่น่าเชื่อว่ากำลังถูกปรนเปรอ ทว่าใบหน้าคมสันนั้นดูดีเกินกว่าจะปฏิเสธได้ นึกดีใจที่ตนได้รับเลือกให้มารับงานนี้อยู่ไม่น้อย
“เจ้าค่ะ”
เจ้าตัวรับคำพร้อมก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้มหวาน แรกทีเดียวก็ขุ่นใจนิดๆ ที่ไม่ได้มีเพียงตน หากมีหญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่อย่างไรก็รับทองมาแล้วย่อมต้องทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่
เพียงใบหน้าคมสันพยักพเยิดส่งสัญญาณ มือบางก็ถอดชุดของตนอย่างรู้งาน แล้วก็คุกเข่าลงเคียงข้างหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่ยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้จะเหลือบมองนางเล็กน้อย ซึ่งนางก็มองอีกฝ่ายแวบหนึ่งเช่นกัน รู้ดีว่าต่างก็ต้องเขม่นกันในใจ ทว่าไม่มีผู้ใดเอ่ยนอกจากหมายมั่นจะทำให้ผู้จ่ายค่าตัวพอใจตน
ปลายนิ้วแกร่งเคลื่อนมาแตะบนปลายยอดทรวงของนาง ผู้มาใหม่ก็ครางเสียงพร่าอย่างจงใจ ยิ่งถูกกดและวนไปมาจนยอดอกแข็งขืนสู้นางก็ยิ่งเสียงดังขึ้น
“ขยำสิ”
ชายหนุ่มผู้สง่างามสั่งอีก นางก็ยินดีทำอย่างเต็มใจ พร้อมกับที่เขาเปลี่ยนมากดปลายนิ้วไล้ริมฝีปากของนาง พยายามแทรกระหว่างกลีบปากนางจึงเผยอรับแล้วคลอเคลียปลายนิ้วแกร่งด้วยลิ้นของตน พร้อมกับรู้สึกว่าอารมณ์ของตนค่อยๆ ทะยานสูงขึ้นเพราะสายตาเหลือบมองความกร้าวแกร่งในมือและปากของหญิงสาวอีกคนเป็นระยะ ทั้งเจ้าตัวยังดูราวพึงใจยิ่งนัก
ครู่หนึ่งมือหนาข้างที่เหลือก็แตะศีรษะของผู้ที่มอบความหฤหรรษ์ให้ตนเป็นเชิงหยุด
“ข้าอยากเห็นพวกเจ้าแตะต้องกันและกัน”
สองสาวต่างก็ชะงักหันมองกันเองอย่างไม่คาดคิด ผู้มาใหม่ยังลังเลเพราะไม่เคยทำเช่นนี้ ทว่าหญิงสาวอีกคนกลับละจากกายแกร่งโถมมาหานางทั้งตัวจนล้มไปกองกับพื้น ปากอีกฝ่ายบดเบียดจูบปากนางอย่างเร่าร้อน เรือนร่างของนางถูกลูบไล้เน้นหนัก ขาเรียวของอีกฝ่ายแทรกมาตรงกลางขยับขึ้นลงอย่างจงใจ อกอวบอยู่ในมือนุ่ม แม้ตอนแรกตะขิดตะขวงใจทว่าสัมผัสนุ่มนิ่มของกันและกันกลับดึงดูดราคะจนไม่อาจห้ามใจ นางจูบตอบทั้งยังกอดรัดเคล้นมือบนสะโพกกลมกลึงเหนือร่างตนอย่างไม่นึกรังเกียจ
“ดี ทำได้ดี”
ผู้พูดมองภาพตรงหน้าอย่างพึงใจ นานจนหญิงสองนางต่างก็มอบความสุขให้แก่กันถึงที่สุดแล้วเขาก็กวักมือเรียก จากนั้นทั้งสองก็คลานขึ้นเตียงมอบรสพิศวาสให้กับเขาพร้อมกัน
“หาในป่าไม่ได้ ก็ต้องหาสักคนติดตามข้าไปด้วย”
องค์ชายตรัสเสียงเรียบเมื่อหัวหน้าองครักษ์ขอทูลบางอย่างหลังมื้อเสวยตอนเช้าในวันใหม่และส่งหญิงงามทั้งสองกลับไปแล้ว
“แต่เป็นเช่นนี้อาจไม่เหมาะนัก เข้าเขตหุบเขาชิงซานเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาทมาเพื่อบำเพ็ญเพียรควรละเว้นเรื่องเสื่อมเสีย และไม่อาจพาหญิงใดไปอยู่เคียงข้างในสำนักชิงเฉิงได้ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทอาจต้องการเก็บเกี่ยวสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้ให้เต็มที่ กระหม่อมจึงไม่ได้ทัดทานแต่แรก หากเวลานี้กระหม่อมขอบังอาจทูล...”
ถ้วยชาในมือองค์ชายลอยมากระทบหน้าผากหัวหน้าองครักษ์แล้วตกลงบนพื้นเขาจึงหยุด รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบน่าจะได้เลือดหากก็ได้เพียงก้มหน้านิ่ง แม้จะประหลาดใจกับอารมณ์ร้อนผิดปกติขององค์ชาย ทว่าเรื่องแปลกมากกว่าอารมณ์ร้อนก็เห็นมาแล้วจึงจำต้องระงับจิตใจตน
“ที่ผ่านมาข้าคงใจดีเกินไป องครักษ์เช่นเจ้าจึงกล้าออกคำสั่งกับข้า”
น้ำเสียงเย็นชาและราบเรียบขององค์ชายรองนั้นต่างจากที่อยู่ในวังซึ่งมักเย็นและนิ่งให้ความรู้สึกสบายใจ ทว่าระยะหลังมานี้เขารู้สึกถึงความน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“กระหม่อมมิบังอาจ”
“ข้าบำเพ็ญเพียร ไม่ใช่ออกบวช มีสัมพันธ์กับผู้หญิงมิใช่เรื่องต้องห้าม หาหญิงสาวที่เต็มใจเข้าป่ากับเรา หากเข้าสำนักแล้วข้าจะยกให้เจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าองครักษ์เหลียงรับคำทั้งที่ไม่อยากได้รางวัลที่องค์ชายตรัสแม้แต่น้อย ก่อนจะถอยออกจากกระโจมที่ประทับไป
“หึ...ตัณหาราคะ ไม่มีในสำนักเซียนจริงน่ะหรือ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด แต่นั่นแหละ จะมีหรือไม่ ไม่สำคัญ หากข้าต้องการย่อมต้องได้”
ผู้ที่เวลานี้คือองค์ชายชุนเทียนเอ่ยอย่างกระหยิ่มใจ
=====
ฝากติดตามด้วยนะคะ^^
ในตอนท้ายของเรื่อง 'สวรรค์เย็นชา ข้าคือชายาปีศาจ' ไรต์เฉลยไปแล้วเนอะ ว่าตัวละหลักของเรื่องนี้เป็นใคร แต่อาจยังไม่เผยตัวแต่แรก ซึ่งมีเพราะอะไร ต้องติดตามกันเรื่อยๆ ค่า^^
เดินทางมาถึงเชิงเขาชิงซานขบวนขององค์ชายจ้าวชุนเทียนก็พักตั้งค่าย รั้งรอเดินทางในเช้าวันใหม่ หัวหน้าองครักษ์เหลียงก็จำต้องทำตามรับสั่งคือพยายามหาหญิงงามที่พร้อมเดินทางเข้าป่าเพื่อทำหน้าที่ปรนเปรอองค์ชายในช่วงสองวันที่เดินทางมาแทบไม่มีเมืองใหญ่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวป่าอยู่อาศัยกันไม่กี่หลัง จำต้องส่งทหารเข้าไปในหมู่บ้านเสาะหาสาวงามที่ยินดีขายตัวรับเงิน หากก็ไม่อาจหาสาวงามให้องค์ชายได้ ทั้งบางครั้งยังถูกขับไล่อย่างน่าอับอาย และหัวหน้าองครักษ์เหลียงก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ของนายตน จึงต้องให้ทหารบากหน้าเข้าหมู่บ้านใกล้เชิงเขาเพื่อหาซื้อหญิงสาวเช่นเคยการหาซื้อสาวงามในหมู่บ้านเล็กทั้งยากและน่าอับอาย บรรดาทหารต่างก็ถูกก่นด่าบ้าง ไล่ตะเพิดบ้าง จนต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวนจำต้องส่ายหน้าเพราะต้องกลับค่ายพักมือเปล่าเช่นเคย ยังดีที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในชุดทหาร เหมือนเป็นขบวนพ่อค้าหรือคนเดินทางทั่วไปเสียมากกว่า กระนั้นก็นับว่าทำลายเกียรติของทหารแคว้นจ้าวไม่น้อย“พวกท่านต้องการซื้อผู้หญิงใช่หรือไม่”เสียงหนึ่งดังขึ้น ทหารสี่นายที่กำลังเดินออกจากหมู่บ้านหันกลับไปก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินตรง
เขาได้ยินเสียงคนร้องไห้...ขณะกำลังเดินพลังภายในหลอมรวมปราณเซียนฝึกวิชาใหม่ที่ตนลองริเริ่มในการใช้สองพลังผสานให้มีประสิทธิสูงสุดอยู่นั้น ประสาทสัมผัสของเขาก็เปิดรับรอบทิศ และได้ยินในระยะห่างไกลราวหูทิพย์ เป็นครั้งแรกที่รับรู้ได้เช่นนี้ ทำให้จ้าวชุนเทียนตัวปลอมลืมตาขึ้น ลุกจากเตียงที่นั่งขัดสมาธิก้าวเพียงสองก้าวร่างสูงโปร่งก็กลายเป็นกลุ่มควันหายวับไปอึดใจต่อมาร่างของชุนเทียนก็ปรากฏกลางป่าใกล้กับผู้ที่นั่งร้องไห้ข้างร่างซึ่งนอนนิ่งร่างหนึ่ง“พี่ลู่ฟาง ท่านตื่นสิ ตื่นได้แล้ว ข้ากลัว”เด็กสาวพยายามเขย่าร่างแน่นิ่งเบาๆ เอ่ยพลางสะอึกสะอื้นไปด้วยเพียงมองก็รู้ว่าคนที่นอนเฉยนั้นจากไปแล้ว ชุนเทียนตัวปลอมถอนหายใจยาวแล้วหันหลังกลับ ในชีวิตตนนั้นไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้ใดด้วยต้องยืนหยัดให้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าเสียงเล็กทำให้ต้องหยุดชะงัก“เราต้องรีบหนีพวกคนที่ซื้อเรามานะพี่ลู่ฟาง”ซื้ออย่างนั้นหรือ? อย่าบอกนะว่า...ผู้ปลอมเป็นชุนเทียนหันขวับกลับทั้งยังก้าวเข้าไปหาร่างเล็ก เสียงเหยียบหญ้าและกิ่งไม้ใบไม้บนพื้นทำให้เด็กสาวรู้ตัว เงยหน้ามองเขาด้วยท่าทางหวาดผวา“พี่ลู่ฟางตื่นเร็ว”“พี่เจ้า
‘อยากได้งานหรือ’หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมองผู้ถาม แล้วรีบจับขาอีกฝ่ายพลางบอกอย่างกะตือรือร้น ไม่สนใจร่างกายตนที่เพิ่งถูกร้านขายบะหมี่ไล่ออกมาและผลักล้มลงริมถนนหน้าร้านหลังเข้าไปขอทำงานแต่เสื้อผ้าสกปรกจนลูกค้ารังเกียจ ทำให้เจ้าของร้านไม่ยอมรับทั้งยังขับไสออกมาด้วยความรุนแรงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่‘ขอรับ ข้าอยากได้งานทำ’ผู้ชายที่เขาคุยด้วยยิ้มมุมปาก‘ข้าจะช่วยเจ้าหาเอง’ร่างผอมเกร็นสูงโย่งรีบลุกขึ้นด้วยความยินดี แล้วอีกฝ่ายก็บอกให้เดินตามไป กระทั่งถึงสถานที่หนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่โต แต่ตนถูกพาเข้าไปด้านหลังและยืนรอด้านนอก ครู่หนึ่งก็มีหญิงงามที่ดูมีอายุออกมากับชายผู้นั้น ทั้งสองพูดคุยกระซิบกระซาบกันก่อนหญิงนางนั้นจะก้าวมาดูเขาใกล้ๆ ด้วยสายตาพินิจแล้วใช้ผ้าปิดจมูกพลางเอ่ยถาม‘อายุเท่าไร’‘สิบสามขอรับ’‘ชื่อแซ่อะไร เป็นลูกบ้านไหน’‘ข้าชื่อ เยี่ยนเฉิน อยู่บนภูเขาในป่า ท่านแม่ข้าป่วยต้องใช้เงินซื้อยา ข้าต้องหางานทำ’เขาทำงานหาเงินเลี้ยงดูมารดามาตั้งแต่อายุสิบขวบ ไม่ว่างานใดก็ยอมทำทั้งหมด แต่เพราะต้องดูแลมารดาด้วยทำให้ไม่อาจเป็นบ่าวหรือคนงานของที่ใดได้ถาวร เมื่อกลับไปร้านเดิมก็จะถูกไล่ออกบางครั้ง
“ฝ่าบาท”หัวหน้าองครักษ์เหลียงทัดทาน ขณะที่เหล่าทหารต่างก็ทรุดลงคุกเข่าหน้าซีดเผือด“ทหารเหล่านี้ทำตามคำสั่งข้าและรับสั่งฝ่าบาท เหตุใดจึงรับสั่งลงทัณฑ์พ่ะย่ะค่ะ”“ข้าสั่งให้หาผู้ที่เต็มใจไม่ใช่บังคับ พวกเจ้าทำเรื่องน่าละอายนัก ทั้งยังทำให้คนตายไปด้วยคนนึง สมควรชดใช้ด้วยชีวิต”“ขอพระเมตตา กระหม่อมไม่ได้บังคับ...เอ่อ...”หนึ่งในนั้นรีบทูลทว่าก็เอ่ยผิดถูกเพราะเกรงว่าตนจะคอขาด“คือว่ามีคนบังคับเอาพวกนางมาขายพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ มีคนเอาหญิงงามกับน้องของนางมาขาย ต้องการเงินไปแทนหนี้ที่ใช้คืนไม่หมด พวกนางไม่ยินยอมขายตนเองก็จริง แต่พวกกระหม่อมเห็นว่าหากไม่ซื้อ พวกนางอาจเป็นอันตรายได้ จึงตัดสินใจซื้อพ่ะย่ะค่ะ”อีกคนรีบช่วยเสริมสหายของตน“พวกกระหม่อมตั้งใจจะพาพวกนางมาพบหัวหน้าองครักษ์เหลียงเพื่อหารือตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”คนที่สามรีบเอ่ยและตามด้วยคนที่สี่เช่นกัน“พวกกระหม่อมให้พวกนางเดินมาดีๆ โดยไม่ได้มัดหรือบังคับจับไว้เลยพ่ะย่ะค่ะ แต่อยู่ๆ พวกนางก็วิ่งหนีไป ตามไปถึงหน้าผาพี่สาวของนางก็อุ้มนางกระโดดลงไปแล้ว พวกกระหม่อมไม่อาจช่วยได้ทันพ่ะย่ะค่ะ”ฟังคำจากทหารแล้วเยี่ยนเฉินผู้ป
หลังจากอิ่มแล้วเสี่ยวเม่ยก็นั่งนิ่งอยู่นานจนเผลอหลับไป ร่างน้อยนอนบนพื้นใกล้โต๊ะเตี้ยที่วางอาหารร่างสูงโปร่งกลับเข้ามาด้านในเห็นคนตัวเล็กนอนฟุบที่พื้นคิ้วเข้มก็ขมวดก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“หลับหรือ”เมื่อแน่ใจแล้วก็ถอนหายใจ“กินอิ่มนอนหลับทั้งที่คราบน้ำตาเปื้อนแก้ม หน้าตาเนื้อตัวมอมแมม นี่แหละนะเด็ก”เอ่ยเบาๆ แล้วก็ออกไปเรียกให้ทหารมาเก็บโต๊ะ แต่กลับคิดว่าการเคลื่อนไหวของทหารใกล้ๆ อาจทำให้เด็กสาวตื่นจึงน่าจะพาไปนอนที่อื่น ไม่ใช่ห่วงแต่เขาไม่อยากเห็นเจ้าตัวนั่งเกร็งน้ำตาคลอเพราะกลัวเขาอีกคิดแล้วเยี่ยนเฉินก็จำต้องอุ้มร่างเล็กขึ้นมองหาที่ที่จะให้อีกฝ่ายนอนได้ หากก็ไม่มี จึงจำใจพาเดินไปยังส่วนที่มีเตียงนอนด้านในแล้ววางแม่หนูเจ้าน้ำตาลง ก่อนจะถอยไปยืนกอดอกมองด้วยความขัดใจ“เตียงข้าที่เคยต้อนรับสาวงามอยู่เป็นนิตย์ คืนนี้กลับกลายเป็นเด็กน้อยไม่ประสาครอบครอง”ผู้เอ่ยไม่คิดอยู่ใกล้ร่างเล็ก จำต้องยกเตียงนี้ให้นางไป“เฮ้อ...น่าเสียดาย ผู้จากไปคือพี่สาวเจ้า ผู้ยังมีชีวิตอยู่เป็นเจ้าที่ไม่อาจใช้งานได้ หากพี่สาวเจ้ายังอยู่ข้าย่อมเกลี้ยกล่อมนางให้ติดตามไปด้วยได้”เยียนเฉินเอ่ยแล้วก็หันหลังเดินออกไ
เยี่ยนเฉินก้มลงมองดวงหน้าเล็กมอมแมม สบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันด้วยแววตาแสนซื่อ“ข้าช่วยเจ้า ไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาเป็นภาระข้า”เขากัดฟันเข่นเขี้ยวเสียงเข้ม มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัวจนถอดใจไม่อยากเกาะติดตนได้“แต่ข้าได้ยินว่าท่านต้องการผู้ติดตาม ท่านบอกให้คนไปหาผู้ที่เต็มใจไปกับท่าน”ร่างเล็กสั่นนิดๆ หากก็ยังเชิดหน้าขึ้นพูดกับเขาอย่างฉะฉาน ทว่ากลับทำให้เยี่ยนเฉินฉุนจัด มือหนาจับคางเล็กบีบเบาๆ ขณะก้มหน้าลงไปกระซิบเครียด“ข้าต้องการหญิงงาม ไม่ใช่เด็กที่เป็นภาระ ใช้งานไม่ได้เช่นเจ้า”“ข้าทำอาหารได้ดีมาก พี่ลู่ฟางชมเสมอว่าข้าทำอร่อย ข้าทำให้ท่านกินได้”มุมปากได้รูปอย่างชายชาตรีกระตุกยิ้มหยันพร้อมส่งเสียงในลำคอ“ใครอยากได้เจ้าไปทำอาหารกัน”“แล้วท่านอยากได้ผู้ติดตามหญิงไปทำสิ่งใด ข้าทำได้ทั้งนั้น”เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเฉินต้องหลับตาลงราวหลบดวงตาคู่วาววามใสซื่อ ทว่าความจริงแล้วพยายามระงับอารมณ์ขัดอกขัดใจกับความดื้อด้านของเด็กสาวตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็ยืดตัวขึ้น ปล่อยมือจากคางเล็กแล้วมองเมินไปทางอื่นอย่างไม่คิดจะอธิบาย“นะพี่ชาย ได้โปรดให้
อาหารค่อยๆ ลำเลียงมาวางบนโต๊ะตรงหน้าขณะที่เยี่ยนเฉินมองอย่างเอื่อยเฉื่อยหากก็รู้สึกว่ามีอาหารจานหนึ่งเป็นอาหารพื้นๆ ต่างจากจานอื่นที่ปรุงแต่งอย่างน่ากินสวยงามเช่นชาววัง แม้ไม่เรื่องมากเพราะตนก็ชินกับการกินอาหารพื้นบ้านแต่ก็นึกแปลกใจ“จานนี้เป็นฝีมือเสี่ยวเม่ยพ่ะย่ะค่ะ นางขออนุญาตกระหม่อมจัดเตรียมอาหารให้ฝ่าบาท ให้ลองชิมเพื่อพิสูจน์ว่านางสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ดีหากติดตามฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ได้รับการเฉลยจากหัวหน้าองครักษ์ที่ดูแลควบคุมตรวจสอบอาหารให้ปลอดภัยทุกมื้อด้วยตนเองแล้วเยี่ยนเฉินก็เอ่ยย้ำ“เสี่ยวเม่ย”“พ่ะย่ะค่ะ”เพราะไม่เคยคิดให้อีกฝ่ายติดตาม เขาจึงไม่เคยสนใจชื่อแซ่เด็กสาว เพิ่งรู้จากหัวหน้าองครักษ์ว่านางชื่อนี้ กระนั้นเยี่ยนเฉินก็เพียงพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยก่อนบอก“บอกให้นางเข้ามา”สั่งแล้วก็โบกมือให้หัวหน้าองครักษ์ที่รับคำสั่งออกไป ไม่นานเจ้าของร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน“ที่อยู่ๆ ก็หายเงียบไปเพราะอย่างนี้สินะ”เสี่ยวเม่ยพยักหน้าแล้วเหลือบมองคนตัวโตหวั่นใจว่าตนจะโดนดุหรือไม่“นั่งลงสิ กินด้วยกันนี่แหละ”“แต่ท่านอาที่อยู่ข้างนอกบอกให้รอ บอกว่าไม่ควรร่วมโต๊ะกับพี่
“เจ้าเป็นใคร”ดวงตาคู่คมเข้มเหลือบมองผู้พูด อีกฝ่ายเป็นเหมือนเงาทะมึนอยู่ตรงหน้าด้วยเยี่ยนเฉินไม่ได้จุดตะเกียง ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่าตนยังไม่นอน ทว่าเพียงเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นผู้ใด“เหตุใดจึงปลอมแปลงเป็นองค์ชายของข้า”“หึ รู้แล้วสินะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่มีความหวั่นเกรง ทั้งยังราวกับหยันด้วยซ้ำ“ข้าสงสัยมานานแล้ว นับวันก็ยิ่งมั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่องค์ชาย”หัวหน้าองครักษ์เหลียงเข่นเสียงหากก็ไม่ดังนัก ตนผ่านทหารยามด้านหน้าได้ไม่ยากเมื่อบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบทูลองค์ชาย หากก็ไม่อยากเสียงดังจนด้านนอกได้ยิน“สมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์”แม้จะเอ่ยชม ทว่าแววตาคมเข้มเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ละสายตาจากปลายดาบอีกฝ่ายแม้เพียงชั่วแวบ“องค์ชายของข้าอยู่ที่ใด”คำถามนี้ทำให้เยี่ยนเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย“เจ้าคิดดูสิ คาดเดาเก่งไม่ใช่หรือ”เหลียงชื่อซิ่นขบกรามแน่น จากน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจกับแววตากระหยิ่มของอีกฝ่ายเขาก็พอเดาออกไม่อาจมีคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ เมื่อมีตัวปลอม ตัวจริงย่อมไม่มี“เจ้าสังหารองค์ชาย”“นับว่าฉลาดทีเดียว”“บังอาจนัก ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้ารอดมือไปแน่”“ก็ลองดู”ปล
“ลาก่อนพี่ชาย”นางไม่ได้กรีดร้องหรือตะโกนเพราะไร้แรงแม้แต่จะส่งเสียง หากก็พึมพำออกไปขณะที่รู้สึกว่าตนตกลงไปด้านล้างเพียงชั่วอึดใจก็หยุดชะงัก กายนางถูกโอบอุ้มเหาะเหินพาไต่ขึ้นไปตามหน้าผายังชะง่อนหินซึ่งสามารถวางเท้าเหยียบได้ด้วยความรวดเร็ว เสี่ยวเม่ยอึ้งตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนตัวแข็ง ใช้เวลาพักหนึ่งร่างสูงโปร่งก็พานางกระโจนขึ้นมายืนบนจุดสูงสุดของหน้าผาร่างเล็กถูกปล่อยลงแล้วแต่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ ทว่าดวงตาคู่เรียวงามมองมายังเขาด้วยสายตาประหลาดใจ“อยู่กับข้า ต้องไม่พูดมาก ไม่ถามมาก จำได้หรือไม่”ดวงหน้าเล็กพยักขึ้นลงช้าๆ เยี่ยนเฉินก็ถอนหายใจ สุดท้ายแล้วตนก็ช่วยนางอีกจนได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตะโกนหากเขาก็ได้ยินเพราะบริเวณนี้ค่อนข้างก้อง ยังดีที่ไหวตัวทันเสี่ยวเม่ยจึงไม่ตกถึงพื้นเสียก่อนแม้ชายหนุ่มสามารถใช้วรยุทธ์ไต่ขึ้นมาได้แต่แรก ทว่าต้องการวัดใจกับเด็กสาวด้วยว่าเจ้าตัวจะถอดใจหรือไม่ และก็ได้เห็นชัดกับตาว่านางใจสู้แม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวยก็ตาม มาคิดดูแล้วจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่กลัวตายของอีกฝ่ายก็น่าสนใจไม่น้อย อีกอย่างนางอายุยังน้อย ไม่ยากที่เขาจะค่อยๆ สอนให้นางฝึกฝนวิชาอย่างไรนางก็โดด
“หนาว”เสียงเล็กแผ่วเบาหากเยี่ยนเฉินก็ได้ยิน หันไปก็เห็นว่าเด็กสาวหลับไปแล้ว แต่นอนกอดตัวเองละเมอออกมา ในป่าเย็นเกินกว่าผู้ที่ไม่แข็งแรงจะนอนโดยไร้ผ้าห่มได้ แม้มีกองไฟอยู่แต่ก็ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ดีนักถึงจะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเสี่ยวเม่ยคือภาระที่ตนไม่ต้องการ ทว่าเยี่ยนเฉินก็ไม่อาจปล่อยอีกฝ่ายไปตามยถากรรมได้ ราวได้ยื่นมือข้างหนึ่งไปในกับดักของใยแมงมุมหนาที่พัวพันยุ่งเหยิงยากจะแกะออกโดยง่ายร่างสูงโปร่งลุกขึ้นพร้อมปลดเสื้อคลุมตัวนอกของตนเอาไปคลุมให้ร่างเล็กแล้วกลับมานั่งใกล้กองไฟเช่นเดิม มองเข้าไปในกองไฟที่ตนสุมใหม่ให้ลุกโชนยิ่งขึ้นเผื่อแผ่ไอร้อนไปถึงเสี่ยวเม่ยที่นอนห่างออกไป ต้องการให้นางพักผ่อนให้มากเพราะนับจากนี้การเดินทางไปสำนักชิงเฉิงนั้นไม่ง่ายอีกแล้วเยี่ยนเฉินไม่ได้อยากเป็นเซียน แต่ต้องการพลังปราณเซียนเพื่อก้าวขึ้นไปยังจุดที่ผู้ใดก็ไม่อาจเหยียบย่ำได้‘บิดาของเจ้าคือจอมมารผู้ยิ่งใหญ่’นี่คือสิ่งที่มารดาเขียนเอาไว้ บิดาของเขาต้องการครอบครองหกพิภพ เป็นใหญ่เหนือดินแดนทั้งปวง ต้องการให้ดินแดนปีศาจหลุดพ้นจากการอยู่ภายใต้การปกครองของสวรรค์ ในเมื่อบิดาเขาก็มีพลังยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากจั
เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับปรือ กลิ่นเนื้อบางอย่างย่างลอยเข้าจมูกทำให้ต้องรีบลืมตา“บนสวรรค์มีปลาย่างหรือ”“นรกต่างหาก”เสียงเข้มดุ ทว่าราบเรียบดังไม่ห่างตัวนักทำให้นางหันไปมอง แม้จะจำเสียงได้ทว่าเห็นใบหน้าคมเข้มก็ยิ่งมั่นใจ ริมฝีปากเล็กระบายยิ้มกว้าง“พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว”ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นไปใกล้เจ้าของร่างสูงโปร่ง ทว่าใบหน้าดุดันกับน้ำเสียงเข้มของเขาทำเอาเท้าเล็กชะงัก“เจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้ข้าอยากฆ่าให้ตายคามือนัก”หันมองนางด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากคำพูดแล้วก็หันกลับไปมองสิ่งที่เขากำลังย่างอยู่รอยยิ้มกว้างของเสี่ยวเม่ยค่อยๆ ลดลงเมื่อคิดว่าตนคงถูกพี่ชายโกรธจนเกลียดไปแล้ว ทว่ากลิ่นของเนื้อปลาย่างก็หอมเชิญชวนจนท้องร้องประท้วง นางยืนมองปลาสองตัวที่ชายหนุ่มย่างโดยไม่ละสายตาหากก็ไม่กล้าเอ่ยขอ นานครู่หนึ่งเขาก็ยื่นปลาที่เสียบไม้หนึ่งตัวมาทางนาง“เอาไปสิ หิวแล้วไม่ใช่หรือ”เสี่ยวเม่ยกลืนน้ำลาย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วรับปลามาอย่างไม่ปฏิเสธ เวลานี้มืดแล้วไม่แปลกที่นางจะหิวจัด ด้วยไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าร่างเล็กนั่งลงใกล้ๆ กองไฟไม่ห่างจากร่างสูงโปร่งนัก เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกินปลาข
“ข้านึกว่าเจ้าฉลาดเสียอีก”เยี่ยนเฉินถอนหายใจแล้วยืดตัวขึ้น เดินเข้าลึกไปในกระโจมขยับมือไพล่หลังพร้อมเอ่ย“เจ้าไปเสีย ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่”การฆ่าผู้ที่เป็นศัตรูของตนไม่ยากเช่นการลงมือกับเด็กไม่มีทางสู้ แม้เขาจะใจเหี้ยมโหดเพียงใดก็ไม่เคยฆ่าเด็กและสตรีไร้ทางสู้ ยกเว้นสตรีผู้นั้นจะร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย ทว่าในชีวิตของเยี่ยนเฉินบรรดาสตรีเมื่อได้เห็นโฉมหน้าเขาก็ไม่มีผู้ใดคิดยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างต้องการอยู่เคียงข้างกายเขา ครอบครองเขา บางครั้งก็ตบตีทะเลาะกันอย่างน่ารำคาญ เขาจึงเริ่มอาศัยปลอมแปลงเป็นผู้อื่นเพื่อเข้าฝึกยุทธ์หรือใช้ชีวิต เพราะต้องการเลี่ยงสตรีหลงใหลอย่างเกินเหตุ หากต้องการความสำราญเขาก็สามารถหาได้ด้วยใบหน้าปลอม“ข้าไม่ไป”หลังจากเงียบไปนานเสียงเล็กเครือก็ดังขึ้น“เหตุใดจึงพูดเข้าใจยากนัก ข้าให้โอกาสเจ้ารอดชีวิตไม่รู้หรือไง”เยี่ยนเฉินหันกลับมาตวาดเสียงเข้มทำเอาร่างเล็กสะดุ้งตกใจ ทว่าเจ้าตัวกลับก้มหน้างุดลงไม่ยอมขยับหนีไปไหน“เอาเถิด คืนนี้ดึกเกินกว่าเจ้าจะเดินทางลงเขา เราเพิ่งมาไม่ไกลนัก พรุ่งนี้เจ้าเดินกลับตามรอยของรถม้าก็แล้วกัน จะได้ไม่หลง ตอนน
“มันคือมารร้ายที่สังหารองค์ชายชุนเทียน ฆ่ามันเสีย”ชื่อซิ่นยกมือชี้ผู้ที่กำลังย่างสามขุมมาหาตนอย่างเชื่องช้า“พวกเจ้าก็เห็นว่าเวลานี้องค์ชายไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย นั่นเพราะมันผู้นี้ไม่ใช่พระองค์ จะชักช้าอยู่ไย เราต้องแก้แค้นให้องค์ชายเดี๋ยวนี้”พร้อมกับพูดก็พยายามลุกขึ้น ทว่าไม่อาจทำได้ สุดท้ายเหล่าทหารที่ต่างก็ลอบมองกันจึงตัดสินใจช่วยหัวหน้าตน เพราะลำบากมาด้วยกันในฐานะองครักษ์และอีกฝ่ายเป็นผู้ที่จริงจังต่อหน้าที่ ทั้งยังดูแลองค์ชายรองมาเนิ่นนาน รักและเทิดทูนยิ่งกว่าผู้ใด ที่สำคัญความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือขององค์ชายรองในช่วงสามเดือนมานี้ก็ชัดแจ้งต่อบรรดาองครักษ์ทุกนายเยี่ยนเฉินมองเหล่าทหารที่ต่างก็ยกดาบขึ้นและค่อยๆ ขยับล้อมเข้ามาพลางยิ้มมุมปาก“ในเมื่อเจ้าและคนของเจ้าเลือกเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมก่อนจะตะโกนเสียงดัง“เข้ามาเลย เจ้าพวกทหารหน้าโง่ทั้งหลาย”ทหารหลายนายพุ่งเข้าหาร่างสูงโปร่งตามคำท้า ด้วยต่างก็มั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นายของตน ขณะที่มีคนช่วยพยุงเหลียงชื่อซิ่นจนลุกขึ้นมาได้ แต่เขาไม่ได้อยู่นิ่ง ยังหาดาบเข้าฟาดฟันร่วมกับบรรดาลูกน
“เจ้าเป็นใคร”ดวงตาคู่คมเข้มเหลือบมองผู้พูด อีกฝ่ายเป็นเหมือนเงาทะมึนอยู่ตรงหน้าด้วยเยี่ยนเฉินไม่ได้จุดตะเกียง ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่าตนยังไม่นอน ทว่าเพียงเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นผู้ใด“เหตุใดจึงปลอมแปลงเป็นองค์ชายของข้า”“หึ รู้แล้วสินะ”เยี่ยนเฉินเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่มีความหวั่นเกรง ทั้งยังราวกับหยันด้วยซ้ำ“ข้าสงสัยมานานแล้ว นับวันก็ยิ่งมั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่องค์ชาย”หัวหน้าองครักษ์เหลียงเข่นเสียงหากก็ไม่ดังนัก ตนผ่านทหารยามด้านหน้าได้ไม่ยากเมื่อบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบทูลองค์ชาย หากก็ไม่อยากเสียงดังจนด้านนอกได้ยิน“สมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์”แม้จะเอ่ยชม ทว่าแววตาคมเข้มเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ละสายตาจากปลายดาบอีกฝ่ายแม้เพียงชั่วแวบ“องค์ชายของข้าอยู่ที่ใด”คำถามนี้ทำให้เยี่ยนเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย“เจ้าคิดดูสิ คาดเดาเก่งไม่ใช่หรือ”เหลียงชื่อซิ่นขบกรามแน่น จากน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจกับแววตากระหยิ่มของอีกฝ่ายเขาก็พอเดาออกไม่อาจมีคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ เมื่อมีตัวปลอม ตัวจริงย่อมไม่มี“เจ้าสังหารองค์ชาย”“นับว่าฉลาดทีเดียว”“บังอาจนัก ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้ารอดมือไปแน่”“ก็ลองดู”ปล
อาหารค่อยๆ ลำเลียงมาวางบนโต๊ะตรงหน้าขณะที่เยี่ยนเฉินมองอย่างเอื่อยเฉื่อยหากก็รู้สึกว่ามีอาหารจานหนึ่งเป็นอาหารพื้นๆ ต่างจากจานอื่นที่ปรุงแต่งอย่างน่ากินสวยงามเช่นชาววัง แม้ไม่เรื่องมากเพราะตนก็ชินกับการกินอาหารพื้นบ้านแต่ก็นึกแปลกใจ“จานนี้เป็นฝีมือเสี่ยวเม่ยพ่ะย่ะค่ะ นางขออนุญาตกระหม่อมจัดเตรียมอาหารให้ฝ่าบาท ให้ลองชิมเพื่อพิสูจน์ว่านางสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ดีหากติดตามฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ได้รับการเฉลยจากหัวหน้าองครักษ์ที่ดูแลควบคุมตรวจสอบอาหารให้ปลอดภัยทุกมื้อด้วยตนเองแล้วเยี่ยนเฉินก็เอ่ยย้ำ“เสี่ยวเม่ย”“พ่ะย่ะค่ะ”เพราะไม่เคยคิดให้อีกฝ่ายติดตาม เขาจึงไม่เคยสนใจชื่อแซ่เด็กสาว เพิ่งรู้จากหัวหน้าองครักษ์ว่านางชื่อนี้ กระนั้นเยี่ยนเฉินก็เพียงพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยก่อนบอก“บอกให้นางเข้ามา”สั่งแล้วก็โบกมือให้หัวหน้าองครักษ์ที่รับคำสั่งออกไป ไม่นานเจ้าของร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน“ที่อยู่ๆ ก็หายเงียบไปเพราะอย่างนี้สินะ”เสี่ยวเม่ยพยักหน้าแล้วเหลือบมองคนตัวโตหวั่นใจว่าตนจะโดนดุหรือไม่“นั่งลงสิ กินด้วยกันนี่แหละ”“แต่ท่านอาที่อยู่ข้างนอกบอกให้รอ บอกว่าไม่ควรร่วมโต๊ะกับพี่
เยี่ยนเฉินก้มลงมองดวงหน้าเล็กมอมแมม สบตากับดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันด้วยแววตาแสนซื่อ“ข้าช่วยเจ้า ไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาเป็นภาระข้า”เขากัดฟันเข่นเขี้ยวเสียงเข้ม มั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัวจนถอดใจไม่อยากเกาะติดตนได้“แต่ข้าได้ยินว่าท่านต้องการผู้ติดตาม ท่านบอกให้คนไปหาผู้ที่เต็มใจไปกับท่าน”ร่างเล็กสั่นนิดๆ หากก็ยังเชิดหน้าขึ้นพูดกับเขาอย่างฉะฉาน ทว่ากลับทำให้เยี่ยนเฉินฉุนจัด มือหนาจับคางเล็กบีบเบาๆ ขณะก้มหน้าลงไปกระซิบเครียด“ข้าต้องการหญิงงาม ไม่ใช่เด็กที่เป็นภาระ ใช้งานไม่ได้เช่นเจ้า”“ข้าทำอาหารได้ดีมาก พี่ลู่ฟางชมเสมอว่าข้าทำอร่อย ข้าทำให้ท่านกินได้”มุมปากได้รูปอย่างชายชาตรีกระตุกยิ้มหยันพร้อมส่งเสียงในลำคอ“ใครอยากได้เจ้าไปทำอาหารกัน”“แล้วท่านอยากได้ผู้ติดตามหญิงไปทำสิ่งใด ข้าทำได้ทั้งนั้น”เป็นครั้งแรกที่เยี่ยนเฉินต้องหลับตาลงราวหลบดวงตาคู่วาววามใสซื่อ ทว่าความจริงแล้วพยายามระงับอารมณ์ขัดอกขัดใจกับความดื้อด้านของเด็กสาวตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็ยืดตัวขึ้น ปล่อยมือจากคางเล็กแล้วมองเมินไปทางอื่นอย่างไม่คิดจะอธิบาย“นะพี่ชาย ได้โปรดให้
หลังจากอิ่มแล้วเสี่ยวเม่ยก็นั่งนิ่งอยู่นานจนเผลอหลับไป ร่างน้อยนอนบนพื้นใกล้โต๊ะเตี้ยที่วางอาหารร่างสูงโปร่งกลับเข้ามาด้านในเห็นคนตัวเล็กนอนฟุบที่พื้นคิ้วเข้มก็ขมวดก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“หลับหรือ”เมื่อแน่ใจแล้วก็ถอนหายใจ“กินอิ่มนอนหลับทั้งที่คราบน้ำตาเปื้อนแก้ม หน้าตาเนื้อตัวมอมแมม นี่แหละนะเด็ก”เอ่ยเบาๆ แล้วก็ออกไปเรียกให้ทหารมาเก็บโต๊ะ แต่กลับคิดว่าการเคลื่อนไหวของทหารใกล้ๆ อาจทำให้เด็กสาวตื่นจึงน่าจะพาไปนอนที่อื่น ไม่ใช่ห่วงแต่เขาไม่อยากเห็นเจ้าตัวนั่งเกร็งน้ำตาคลอเพราะกลัวเขาอีกคิดแล้วเยี่ยนเฉินก็จำต้องอุ้มร่างเล็กขึ้นมองหาที่ที่จะให้อีกฝ่ายนอนได้ หากก็ไม่มี จึงจำใจพาเดินไปยังส่วนที่มีเตียงนอนด้านในแล้ววางแม่หนูเจ้าน้ำตาลง ก่อนจะถอยไปยืนกอดอกมองด้วยความขัดใจ“เตียงข้าที่เคยต้อนรับสาวงามอยู่เป็นนิตย์ คืนนี้กลับกลายเป็นเด็กน้อยไม่ประสาครอบครอง”ผู้เอ่ยไม่คิดอยู่ใกล้ร่างเล็ก จำต้องยกเตียงนี้ให้นางไป“เฮ้อ...น่าเสียดาย ผู้จากไปคือพี่สาวเจ้า ผู้ยังมีชีวิตอยู่เป็นเจ้าที่ไม่อาจใช้งานได้ หากพี่สาวเจ้ายังอยู่ข้าย่อมเกลี้ยกล่อมนางให้ติดตามไปด้วยได้”เยียนเฉินเอ่ยแล้วก็หันหลังเดินออกไ