Home / LGBTQ+ / จะลูปไหนก็รักเธอ / บทที่ 1 แค่ขโมยตามที่คาดไว้

Share

 จะลูปไหนก็รักเธอ
จะลูปไหนก็รักเธอ
Author: Me.Daisy

บทที่ 1 แค่ขโมยตามที่คาดไว้

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-02-28 08:23:44

              เขียนโดยเรย์  เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน

              ผมตื่นตั้งแต่ตีสี่  เวลานี้มีคนบอกผมว่าผู้ร้ายไม่ค่อยมี  ทำไมเหรอ  เพราะว่าเป็นเวลาที่ผู้ร้ายยังไม่ตื่น  ผมกระแอมนิดหนึ่งเพื่อเรียกสติตัวเอง  ก่อนเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ท่ามกลางตึกสูง  ตึกพวกนี้ถูกจับจองไว้หมดแล้ว  ในโลกตอนนี้แค่มีความพยายาม  ทุกคนจะมีที่อยู่ราคาแพง  ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพอันน่าหลงใหล

              ผมหยิบอุปกรณ์ปีนตึกออกมา  มันเป็นจุกดูดที่แข็งแรงพอจะจับยึด  แค่กดมันลงไปบนผนังตึกที่เป็นกระจก  จากนั้นดึงตัวเองขึ้นไป  จนสูงขึ้นเรื่อยๆ  แรงโน้มถ่วงไม่อาจทำอะไรผมได้นัก  ผมใช้เวลาเพียงห้านาทีก็มาถึงชั้นที่หนึ่งร้อยหนึ่ง  แล้วเจาะกระจกด้วยอุปกรณ์ที่อยู่ในเป้

 ในห้องไม่มีคน  ส่วนใหญ่ในเวลาอย่างนี้  คนไม่ค่อยอยู่ห้องกัน  เขาหลับอยู่ในบ้านซะมากกว่า

              คนอะไร  หาข้อมูลมาละเอียดสิ้นดี

              ในเพนท์เฮาส์มืดสลัว  ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอย่างช้าๆ ผมมองไปรอบๆ เห็นตู้กระจกตั้งอยู่กลางห้อง  ไม่บอกก็รู้ว่าการรักษาความปลอดภัยคงดีมากแน่ๆ  ผมหยิบรีโมทออกมา  แล้วกดปุ่มสีแดง  เสียงระเบิดดังมาจากชั้นหนึ่งของตึกหลังนี้  เสียงไซเรนดังขึ้นทำลายความเงียบ  ผมตั้งใจให้เสียงดังขนาดนั้น  เพื่อเรียกความสนใจของทุกคนให้ไปอยู่ที่ชั้นหนึ่ง  จากนั้นผมจึงเอาค้อนมาตีตู้กระจก 

              ไม่  มันไม่แตก

              ผมคิด  แล้วก็คิด  ว่าจะทำอย่างไรดี

              อ่อ  รู้แล้ว

              คนหล่อที่เป็นคนเก่ง  ก็คิดไวแบบนี้แหละ

              เมื่อระบบรักษาความปลอดภัยดังขึ้น  เจ้าของห้องทุกห้องจะกลับมาดูของมีค่าในห้องตัวเอง  ไม่เว้นแม้แต่ห้องนี้  ผมหลบเข้าไปในซอกหลืบ  ก่อนหน้านั้นก็ย้ายตู้ใส่เพชรไปแอบในตู้ที่อยู่ตรงกันข้ามกับซอกที่ผมซ่อนอยู่

              เจ้าของห้องเป็นผู้หญิง  ผมสีบลอนด์  หน้าตาเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้  เธอเดินไปเปิดตู้ทุกตู้เพื่อตามหาเพชร  แต่เปิดตู้ที่ผมแอบอยู่ไม่ออก  หญิงสาวล้มเลิกความตั้งใจ  แล้วเปิดตู้อื่น  จากนั้นก็ยิ้มออกมา

              ผมเล่นกลบางประการ  ทำให้ตู้เหมือนไม่มีเพชรอยู่ในนั้น  หญิงสาวหน้าซีด  แล้วกดรหัสที่ตู้กระจก  จากนั้นกระจกก็เปิดออก แต่ไม่เจออะไร เมื่อเห็นดังนั้นเธอย้ายตัวเองไปที่ห้องนอน  เพื่อดูทรัพย์สินอื่นๆ

              เสร็จผม!

              ผมเอื้อมมือไปหยิบเพชรออกจากตู้กระจกที่เปิดค้างไว้นั้น  ไว้ว่างๆ ผมจะบอกว่าผมทำได้ยังไง  การพลางตาไม่ใช่ความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวที่พวกเราทำได้  แต่คุณต้องลงไปศึกษาจากใต้ดินบ้าง 

ก็เท่านั้น

              ผมเดินไปที่รูที่ผมทำขึ้น  จากนั้นปีนออกไป  เพชรเม็ดงามนั้นอยู่ในกระเป๋าเป้  ราคาไม่น้อยกว่าหนึ่งบิทคอยน์  ผมจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างราชา  และผมสร้างชีวิตใหม่นี้ได้ด้วยตัวเอง  จากการทำการบ้านอย่างหนักของผม

              แม่สาวผมบลอนด์ได้ยินเสียงกุกกักที่ผมทำขึ้น  เธอสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษ  หยิบปืนแล้วเล็งมาที่หัว  ผมปล่อยมือจากกระจกแล้วทำให้ตัวเองทิ้งดิ่งลงไปยังพื้นโลก  เธอวิ่งมายังช่องว่างนั้น  แล้วยิงผมอีกที 

              ผมกระโดดจากตึกนั้นไปยังอีกตึกหนึ่ง  ระหว่างตึกคงกว้างสักสิบเมตรได้มั้ง  ใครแคร์  ผมไม่ได้มาเล่นๆ

              ผมมาเพื่อย่องเบา!

              กระสุนนัดหนึ่งตรงมายังไหล่ขวา ผมรู้สึกเจ็บแปลบ เลือดไหลจากตึกนับร้อยชั้นลงสู่เบื้องล่าง  มองไม่เห็นเลยว่าตกลงที่พื้นได้อย่างไร  แขนขวาผมใช้การไม่ได้  การปีนตึกจึงเป็นไปไม่ได้ 

             แม่งเอ้ย  ถ้าตายตอนนี้ทรัพย์สินจะหายไปหมด  ความปวดหนึบทำให้ผมกังวล  ผมพยายามคิดและชั่งใจ  แต่นี่เป็นโลกแสนทันสมัย  ผมจะมาตายแบบธรรมดาๆ แบบนี้ไม่ได้  ผมต้องใช้ไม้ตาย

              ผมหยิบมันออกมา  แล้วกระดกยาต่อชีวิต  ราคาแพงไม่ว่าหรอก  แต่กว่าจะหาได้นี่สิ

              เลือดหยุดไหล  แขนขวาผมกลับมาใช้ได้อีกครั้ง  ผมกระตุกปืนออกจากเอว  แล้วยิงไปที่แม่สาวตุ๊กตาบาร์บี้  เธอหลบพ้น  แต่ตัวดูดกระจกลื่นหลุดออกจากมือ  ผมตกลงเบื้องล่าง  หลายสิบชั้นเลยนะ

              ไม่รอดแล้วไอ้เรย์!

              น้ำกระจายจากน้ำหนักตัวที่ผมทิ้งลงไปในสระว่ายน้ำ  เลือดกระจายเต็มสระ  ผมว่ายขึ้นอย่างง่ายดายเพราะยาเมื่อครู่ บอร์ดี้การ์ดนับสิบของหญิงสาวล้อมรอบสระว่ายน้ำไว้  เล็งปืนมาที่ผม  ผมปีนขึ้นมาริมสระ  ยกสองมือขึ้น  จากนั้นหาโอกาสที่บอดี้การ์ดกำลังจะคว้าเป้ไปจากผม  ผมเตะเข้าที่ซอกคอบอดี้การ์ดคนหนึ่ง  อีกสองคนเล็งปืนมาที่ผม

              "ถ้ายิงผม  ผมจะกดระเบิดในเป้นี้  แล้วเพชรก็จะหายไปตลอดกาล  หรือไม่อย่างนั้น  เรามาสู้กันตัวต่อตัว"

              ผมเอ่ยใส่กล่องแปลภาษา  ทุกคนดูเข้าใจดี

              ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ฝึกการต่อสู้มานักต่อนัก  กล้ามเนื้อจดจำท่าทางได้อย่างง่ายดาย  บอดี้การ์ดชกเข้าที่ช่องท้อง  ผมหลบได้  แล้วสวนกลับ  จากนั้นก็กระโดดสูงกว่าสองเมตรแล้วถีบเข้าที่ยอดอก  พวกฝรั่งตัวใหญ่อย่างนี้เสมอสินะ  แต่ผมออกจะว่องไวกว่า  เราสู้กันจนเหนื่อยหอบ  ผมสู้ไม่ไหว  ไม่อาจเผชิญหน้าสามต่อหนึ่งได้  เหลือทางไหนอีกไหมนะ  ผมคิดเพียงชั่วครู่ 

              ผมกดเลือกพลังธาตุน้ำจากความสามารถที่ถูกซ่อนไว้  ยกมือขึ้นไปทางบอดี้การ์ด  น้ำจากสระน้ำมาอยู่ในมือผมแล้วพวยพุ่งไปทางพวกนั้น  เป็นลำเกลียวคลื่นขนาดยักษ์ 

ชายฉกรรจ์พวกนั้นถูกอัดด้วยน้ำขนาดเท่ารถบรรทุกสิบล้อ  ตกลงจากอาคารสูง

              ผมคิดว่าน่าจะตายนะ

              แม่สาวบาร์บี้  หน้าถอดสี  แต่ยกมือขึ้นเช่นกัน  บรรดาของที่หนักและเป็นธาตุดิน  เช่น  โต๊ะ  เก้าอี้  และกระทั่งเสา  พุ่งมาทางผม 

              "ใช่  ฉันใช้ธาตุดิน"

              เธอยิ้มแล้วพูดกับผมเป็นภาษาอังกฤษ 

              ผมกระโดดหลบ  แล้วลงจากตึกสูง  ยิงเชือกไปที่เหล็กแข็งแรง  แล้วโหนตัวลงมาจนถึงพื้นดิน  น้ำจากสระน้ำเมื่อครู่ไหลซึมอยู่ทั่วพื้นปูน  ผมเบี่ยงตัวเล็กน้อย  ให้โต๊ะ  เก้าอี้  และเสาปักลงไปในพื้นปูน  ตอนนี้เราเห็นพื้นปูนแตกเป็นเสี่ยงๆ จนเห็นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำ  ผมอมยิ้มเล็กน้อย

              เสร็จไอ้เรย์!

              ธาตุน้ำที่ผมใช้เป็นไม้ตาย  สามารถนับรวมเอาธาตุอื่นๆ ที่ผสมกับธาตุน้ำได้  เช่น ดินที่เปียกน้ำแบบนี้  ผมควบคุมได้ทั้งน้ำและดินเลยล่ะ

              ผมยื่นมือออกไปข้างหน้า  ดินเปียก  หรือโคลนนั่นแหละพุ่งไปยังเจ้าของเพชร  เธอยื่นมือออกมาข้างหน้า  แล้วบังคับดิน  เรายันกันแบบนั้นอยู่นาน  ผมต้องคิดหาทางออกทางอื่น  แต่ผมเตรียมทางหนีทีไล่มาก่อนแล้ว 

              เอาล่ะ  จากนั้นก็วิ่งไปทางชุมชนแหล่งเสื่อมโทรม  กลิ่นขยะลอยมากระทบจมูก  ตึกสวยงามเปลี่ยนเป็นบ้านที่คนไม่น่าจะอยู่ได้  พวกบอดี้การ์ดยังไม่ละมือจากผม  เธอเรียกบอดี้การ์ดออกมาอีก  อยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นผู้มีอิทธิพลขนาดไหน  ถึงได้มีคนเรียกมาได้ไม่จำกัดขนาดนั้น 

พวกนั้นตามรอยเลือดมา  ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ทั้งตื่นเต้นและหวาดเสียว  ผมกระโดดขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านหลังหนึ่ง  บ้านที่เอียงกระเท่เร่  บอดี้การ์ดเงยหน้าขึ้นมา  แต่ไม่ทันเสียแล้ว  ผมโยนอาหารใส่พวกเขาพร้อมกับฉีดสเปรย์ลงไปด้วย  จากนั้นก็กระโดดลงมาแล้ววิ่งหนีไป

              ก่อนที่บอร์ดี้การ์ดพวกนั้นจะรู้ตัว  กองทัพหนูวิ่งกรูเข้าใส่พวกเขา  มันทั้งกัด  ทั้งกิน  จนพวกนั้นไม่สามารถจะตามผมต่อไปได้

              เพราะอาหารเรียกหนูมาได้ก็จริง  แต่สเปรย์เป็นกลิ่นที่เรียกกองทัพหนูมาได้เลย  ของเหล่านี้ผมได้มาในราคาแพงเชียวละ

              ผมหลบเข้าบ้านในแหล่งเสื่อมโทรม  ไม่มีใครคิดว่าบ้านหลังนี้จะมีของมีค่าอย่างเพชรโคตรเพชรที่ผมเพิ่งได้มา

              ผมล็อคเอาท์  มันเป็นแค่ VR (Virtual reality) คือ การจำลองภาพให้เสมือนจริง แบบ 360 องศา  พร้อมกับเสื้อสูทที่ใส่แล้วสามารถกำหนดท่าทางในโลกเสมือนได้  ในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใคร  ผมอมยิ้ม  ถ้าเอาเพชรนี้ไปขายในตลาดใต้ดิน  ผมจะซื้ออะไรดี  หรือจะแลกเอาเงินมาใช้ในโลกจริงๆ นี่ดี

              ไอ้เรย์เอ้ย  แกกำลังจะรวยแล้ว!

Related chapters

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 2 ฉันเองครูแนะแนว

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 4 วันก่อน อพาร์ทเม้นท์ฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นัก ภายในตกแต่งธรรมดา แต่ที่แปลกออกไปคือมีแม่บ้านเอไอคอยเป็นผู้ช่วยฉัน เอไอต่างจากหุ่นยนต์ปกตินิดหน่อย ตรงที่เธอคิดและเรียนรู้ได้ อันที่จริงจะให้จำกัดความเอไอก็ไม่ง่ายนัก เพราะมันแทบจะทำได้อย่างไม่มีขอบเขต ยกเว้นต้องทำตามบรรทัดฐานที่รัฐกำหนด แม่บ้านเอไอของฉัน เธอมีหน้าตาคล้ายคนทุกอย่าง รวมทั้งยังสวมผ้ากันเปื้อนขณะทำอาหารเช้าให้ฉันด้วย กลิ่นข้าวต้มกุ้งหอมไปทั่วห้อง ทำให้ฉันน้ำลายสอ ฝีมือของเธอไม่เลวเลย จนฉันแทบจะกินข้าวนอกบ้านไม่ได้ แต่อย่าบอกเธอล่ะ คนคงไม่ค่อยรู้ว่าแม่บ้านเอไอก็มีความภาคภูมิใจในตัวเอง "สวัสดีค่ะ เจ้านาย" เธอทักฉัน "สวัสดี เอไอ" "ดิฉันมีชื่อ ชื่อที่เจ้านายตั้งให้" นับวันเธอจะยิ่งมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ขึ้นทุกที นี่คงจะน้อยใจสินะ "สวัสดีอ้อยอิ่ง ถ้าอย่างนั้นก็เรียกชื่อฉันด้วย" "ค่ะ คุณเพนนี" "สรุปข่าวให้ฟังหน่อย" "วันที่ 10 ม

    Last Updated : 2025-02-28
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 3 ผมถูกเขาป้อยอ

    เขียนโดยฮาริส เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ความสามารถพิเศษของผมคือการสแกนคนด้วยสายตา เพียงแค่ผมมองเข้าไปในตาของคนไหนก็ตาม ผมจะรู้จักว่าเขาเป็นคนเช่นไร ผมรู้ว่าไอ้เรวัชหรือเรย์ มันไม่ใช่แค่วัยรุ่นตัวกวน ที่มาขโมยอย่างเล่นๆ มันทำการบ้านมาดี ทั้งตอนหาข้อมูลจากผม ใช้คำป้อยอ แล้วก็เข้ามาขโมยเพชรตอนที่ผมนอนหลับไปแล้ว อาจเป็นเพราะผมไม่ได้มองตามัน ผมจึงบอกข้อมูลไปอย่างง่ายดาย ผมเป็นหลานปู่ของกษัตริย์คนเก่า แต่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมานานแล้ว คนนับถือผม เพราะความสามารถและวิสัยทัศน์ของผม จนยกย่องให้ผมเป็นผู้นำประเทศเราในตอนนี้ เสียดายเวลาที่สอนมัน รู้งี้เอาเวลาไปจำสูตรอบเค้กให้ลูกสาวดีกว่า “ตามหาให้ทั่วว่ามันเป็นใคร” ผมสั่งแฮกเกอร์ของเรา “แต่ว่า” แฮกเกอร์คนหนึ่งอ้าปาก “ฉันรู้จักมัน แต่ไม่รู้ว่ามันมาจากประเทศอะไร และทำไมต้องขโมยเพชรที่สำคัญของเราด้วย เพชรที่มันขโมยไป เป็นเพชรของปู่ฉัน” “ครับท่านฮาริส” เสียงรัวแป้นพิมพ์ดังขึ้นหลังจากนั้น

    Last Updated : 2025-02-28
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 4 เกลี่ยกล่อมให้กลับไปเรียน

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 3 วันก่อน "สวัสดีค่ะ ดิฉันพริมา ภัทรโสภณ เป็นอาจารย์แนะแนวที่โรงเรียนน้องเรวัชค่ะ" ฉันแนะนำตัวแก่ผู้ปกครองของเด็ก เธอดูวุ่นอยู่ในครัวก่อนที่จะออกมาคุยกับฉัน คิ้วขมวดน้อยๆ ด้วยความสงสัย "แล้วมีธุระอะไรคะ" "น้องไม่ได้ไปโรงเรียนมาหนึ่งเดือนแล้ว ดิฉันอยากทราบว่าน้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ" ฉันพูดตามสคริปต์อย่างเบื่อหน่าย ไม่เคยชอบเลยจริงๆ ที่จะต้องไปหานักเรียน เกลี่ยกล่อมให้เด็กกลับเข้ามาในระบบ เพราะเด็กพวกนี้ตัดสินใจแล้วว่า โรงเรียนไม่เหมาะกับเขา และฉันก็เชื่อว่าการศึกษาสำหรับคนแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ใครใคร่เรียนเองก็เรียน ใครใคร่เรียนกับคนเป็นๆ ก็เรียน และวิธีเรียนไม่จำกัดแค่ในห้องเรียนด้วยนี่นา "เข้ามาก่อนสิคะ อาจารย์...เอ่อ..อาจารย์ชื่อเล่นว่าอะไรคะ" "เพนนีค่ะ" ฉันทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก แม่ของเด็กขึ้นไปตามนายเรวัชลงมา เขาดูง่วงงุน ผมชี้โด่ชี้เด่ หน้าม้ายาวจนแทบปิดตา นี่คงอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้กระทั่งจะออกไปตัดผมเลยสินะ

    Last Updated : 2025-02-28
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 5 แล้วผมจะพาไปสู่อนาคตที่งดงาม

    เขียนโดยฮาริส เมื่อ 10 ปีก่อน ผมเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองเรา ภายในร้านมีไฟสลัว เต็มไปด้วยโต๊ะอาหาร แต่มีผู้คนเพียงเล็กน้อย กระทั่งเมื่อเลยเวลาบ่ายสองไป ชาวเมืองเราก็ทยอยเดินเข้าไปในร้าน พวกเขาล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญกับอนาคตของเมืองเรา ผมเดินเลยเข้าไปในห้องลับของร้าน บัดนี้มีคนเกือบเต็มแล้ว จากนั้นผมก็นั่งลงบนเก้าอี้ว่าง มองไปรอบๆ ตัว พวกเราแต่งตัวด้วยชุดโด๊ปหรือชุดอาหรับแบบปอนๆ นั่งมองหน้ากัน ไม่ว่าจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน เราก็แทบไม่มีเงินพอๆ กัน น่าสงสารมั้ยครับ พวกเรานั่งกระซิบกระซาบกัน รอให้อีกฝ่ายเปิดประเด็นพูดอะไรก่อน “ยินดีต้อบรับทุกท่าน” พิธีกรเอ่ยก่อน ผมติดต่อเขาเอาไว้ก่อนแล้ว เขายืนขึ้นโบกไม้โบกมือให้พวกเราเงียบและหันมาสนใจเขา “ผมขอเป็นตัวแทนเพื่อนำเราเข้าสู่กระบวนการการเลือกผู้นำ” คนที่เหลือปรบมือให้เขา เขาดูหล่อไม่เบาเลย ผมเองขนาดเป็นชายแท้ ยังละสายตาไม่ได้ ในใจมันร่ำร้องว่า สนใจมาแชร์ดีเอ็นเอกับตระกูลเราไหม ผมมีญาติผู้หญิงทางฝั่งพ่อและแม่อีกหลา

    Last Updated : 2025-02-28
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 6 เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 18 ปีก่อน นานมาแล้ว ฉันถูกทิ้งไว้ที่นี่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าให้เดาแง่บวก ชีวิตข้างนอกนั้นคงแย่กว่าในนี้ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ฉันมีข้าวกินครบสามมื้อ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะมีคนใจบุญมาเยี่ยมพวกเรา เอาอาหาร ขนม ไอศครีม และร้องเพลงให้พวกเราฟัง ตอนแรกฉันก็ตื่นเต้นและปลื้มปริ่มใจทุกครั้งที่มีคนมาเยี่ยม แต่นานๆ ไป ก็เกิดคำถามในใจ แล้วพ่อแม่ของฉันไปไหน ทำไมต้องทิ้งเราไว้ให้คนอื่นมาสงสารด้วย ฉันเคยเห็นนะ เคยเห็นตอนที่พวกลูกๆ กอดพ่อแม่ของเขา ร้องจะเอาโน่นนี่ แต่พวกเราล่ะ มีใครให้อ้อนแบบนั้นบ้าง ฉันยอมแลกช็อกโกแลตที่จะได้กินตลอดชีวิต กับครอบครัวที่จะอยู่กับฉันตลอดไปเลยล่ะ ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อนิวตัน นิวตันเป็นเด็กผู้ชายอายุเก้าขวบเท่าฉัน ตัดผมทรงนักเรียน ถ้าจะพูดให้ถูกเพราะครูแก้วตัดผมได้แต่ทรงนี้ เขาตัวอวบอ้วน ผิวขาวนวลเหมือนมีเชื้อสายจีน จมูกเล็กๆนั่นทำให้หน้าตาน่ารัก ตากลมโตนั้นพร้อมที่จะถามคำถามทุกครั้งที่สงสัย สมกั

    Last Updated : 2025-02-28

Latest chapter

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 6 เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 18 ปีก่อน นานมาแล้ว ฉันถูกทิ้งไว้ที่นี่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าให้เดาแง่บวก ชีวิตข้างนอกนั้นคงแย่กว่าในนี้ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ฉันมีข้าวกินครบสามมื้อ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะมีคนใจบุญมาเยี่ยมพวกเรา เอาอาหาร ขนม ไอศครีม และร้องเพลงให้พวกเราฟัง ตอนแรกฉันก็ตื่นเต้นและปลื้มปริ่มใจทุกครั้งที่มีคนมาเยี่ยม แต่นานๆ ไป ก็เกิดคำถามในใจ แล้วพ่อแม่ของฉันไปไหน ทำไมต้องทิ้งเราไว้ให้คนอื่นมาสงสารด้วย ฉันเคยเห็นนะ เคยเห็นตอนที่พวกลูกๆ กอดพ่อแม่ของเขา ร้องจะเอาโน่นนี่ แต่พวกเราล่ะ มีใครให้อ้อนแบบนั้นบ้าง ฉันยอมแลกช็อกโกแลตที่จะได้กินตลอดชีวิต กับครอบครัวที่จะอยู่กับฉันตลอดไปเลยล่ะ ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อนิวตัน นิวตันเป็นเด็กผู้ชายอายุเก้าขวบเท่าฉัน ตัดผมทรงนักเรียน ถ้าจะพูดให้ถูกเพราะครูแก้วตัดผมได้แต่ทรงนี้ เขาตัวอวบอ้วน ผิวขาวนวลเหมือนมีเชื้อสายจีน จมูกเล็กๆนั่นทำให้หน้าตาน่ารัก ตากลมโตนั้นพร้อมที่จะถามคำถามทุกครั้งที่สงสัย สมกั

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 5 แล้วผมจะพาไปสู่อนาคตที่งดงาม

    เขียนโดยฮาริส เมื่อ 10 ปีก่อน ผมเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองเรา ภายในร้านมีไฟสลัว เต็มไปด้วยโต๊ะอาหาร แต่มีผู้คนเพียงเล็กน้อย กระทั่งเมื่อเลยเวลาบ่ายสองไป ชาวเมืองเราก็ทยอยเดินเข้าไปในร้าน พวกเขาล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญกับอนาคตของเมืองเรา ผมเดินเลยเข้าไปในห้องลับของร้าน บัดนี้มีคนเกือบเต็มแล้ว จากนั้นผมก็นั่งลงบนเก้าอี้ว่าง มองไปรอบๆ ตัว พวกเราแต่งตัวด้วยชุดโด๊ปหรือชุดอาหรับแบบปอนๆ นั่งมองหน้ากัน ไม่ว่าจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน เราก็แทบไม่มีเงินพอๆ กัน น่าสงสารมั้ยครับ พวกเรานั่งกระซิบกระซาบกัน รอให้อีกฝ่ายเปิดประเด็นพูดอะไรก่อน “ยินดีต้อบรับทุกท่าน” พิธีกรเอ่ยก่อน ผมติดต่อเขาเอาไว้ก่อนแล้ว เขายืนขึ้นโบกไม้โบกมือให้พวกเราเงียบและหันมาสนใจเขา “ผมขอเป็นตัวแทนเพื่อนำเราเข้าสู่กระบวนการการเลือกผู้นำ” คนที่เหลือปรบมือให้เขา เขาดูหล่อไม่เบาเลย ผมเองขนาดเป็นชายแท้ ยังละสายตาไม่ได้ ในใจมันร่ำร้องว่า สนใจมาแชร์ดีเอ็นเอกับตระกูลเราไหม ผมมีญาติผู้หญิงทางฝั่งพ่อและแม่อีกหลา

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 4 เกลี่ยกล่อมให้กลับไปเรียน

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 3 วันก่อน "สวัสดีค่ะ ดิฉันพริมา ภัทรโสภณ เป็นอาจารย์แนะแนวที่โรงเรียนน้องเรวัชค่ะ" ฉันแนะนำตัวแก่ผู้ปกครองของเด็ก เธอดูวุ่นอยู่ในครัวก่อนที่จะออกมาคุยกับฉัน คิ้วขมวดน้อยๆ ด้วยความสงสัย "แล้วมีธุระอะไรคะ" "น้องไม่ได้ไปโรงเรียนมาหนึ่งเดือนแล้ว ดิฉันอยากทราบว่าน้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ" ฉันพูดตามสคริปต์อย่างเบื่อหน่าย ไม่เคยชอบเลยจริงๆ ที่จะต้องไปหานักเรียน เกลี่ยกล่อมให้เด็กกลับเข้ามาในระบบ เพราะเด็กพวกนี้ตัดสินใจแล้วว่า โรงเรียนไม่เหมาะกับเขา และฉันก็เชื่อว่าการศึกษาสำหรับคนแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ใครใคร่เรียนเองก็เรียน ใครใคร่เรียนกับคนเป็นๆ ก็เรียน และวิธีเรียนไม่จำกัดแค่ในห้องเรียนด้วยนี่นา "เข้ามาก่อนสิคะ อาจารย์...เอ่อ..อาจารย์ชื่อเล่นว่าอะไรคะ" "เพนนีค่ะ" ฉันทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก แม่ของเด็กขึ้นไปตามนายเรวัชลงมา เขาดูง่วงงุน ผมชี้โด่ชี้เด่ หน้าม้ายาวจนแทบปิดตา นี่คงอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้กระทั่งจะออกไปตัดผมเลยสินะ

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 3 ผมถูกเขาป้อยอ

    เขียนโดยฮาริส เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ความสามารถพิเศษของผมคือการสแกนคนด้วยสายตา เพียงแค่ผมมองเข้าไปในตาของคนไหนก็ตาม ผมจะรู้จักว่าเขาเป็นคนเช่นไร ผมรู้ว่าไอ้เรวัชหรือเรย์ มันไม่ใช่แค่วัยรุ่นตัวกวน ที่มาขโมยอย่างเล่นๆ มันทำการบ้านมาดี ทั้งตอนหาข้อมูลจากผม ใช้คำป้อยอ แล้วก็เข้ามาขโมยเพชรตอนที่ผมนอนหลับไปแล้ว อาจเป็นเพราะผมไม่ได้มองตามัน ผมจึงบอกข้อมูลไปอย่างง่ายดาย ผมเป็นหลานปู่ของกษัตริย์คนเก่า แต่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมานานแล้ว คนนับถือผม เพราะความสามารถและวิสัยทัศน์ของผม จนยกย่องให้ผมเป็นผู้นำประเทศเราในตอนนี้ เสียดายเวลาที่สอนมัน รู้งี้เอาเวลาไปจำสูตรอบเค้กให้ลูกสาวดีกว่า “ตามหาให้ทั่วว่ามันเป็นใคร” ผมสั่งแฮกเกอร์ของเรา “แต่ว่า” แฮกเกอร์คนหนึ่งอ้าปาก “ฉันรู้จักมัน แต่ไม่รู้ว่ามันมาจากประเทศอะไร และทำไมต้องขโมยเพชรที่สำคัญของเราด้วย เพชรที่มันขโมยไป เป็นเพชรของปู่ฉัน” “ครับท่านฮาริส” เสียงรัวแป้นพิมพ์ดังขึ้นหลังจากนั้น

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 2 ฉันเองครูแนะแนว

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 4 วันก่อน อพาร์ทเม้นท์ฉันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นัก ภายในตกแต่งธรรมดา แต่ที่แปลกออกไปคือมีแม่บ้านเอไอคอยเป็นผู้ช่วยฉัน เอไอต่างจากหุ่นยนต์ปกตินิดหน่อย ตรงที่เธอคิดและเรียนรู้ได้ อันที่จริงจะให้จำกัดความเอไอก็ไม่ง่ายนัก เพราะมันแทบจะทำได้อย่างไม่มีขอบเขต ยกเว้นต้องทำตามบรรทัดฐานที่รัฐกำหนด แม่บ้านเอไอของฉัน เธอมีหน้าตาคล้ายคนทุกอย่าง รวมทั้งยังสวมผ้ากันเปื้อนขณะทำอาหารเช้าให้ฉันด้วย กลิ่นข้าวต้มกุ้งหอมไปทั่วห้อง ทำให้ฉันน้ำลายสอ ฝีมือของเธอไม่เลวเลย จนฉันแทบจะกินข้าวนอกบ้านไม่ได้ แต่อย่าบอกเธอล่ะ คนคงไม่ค่อยรู้ว่าแม่บ้านเอไอก็มีความภาคภูมิใจในตัวเอง "สวัสดีค่ะ เจ้านาย" เธอทักฉัน "สวัสดี เอไอ" "ดิฉันมีชื่อ ชื่อที่เจ้านายตั้งให้" นับวันเธอจะยิ่งมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ขึ้นทุกที นี่คงจะน้อยใจสินะ "สวัสดีอ้อยอิ่ง ถ้าอย่างนั้นก็เรียกชื่อฉันด้วย" "ค่ะ คุณเพนนี" "สรุปข่าวให้ฟังหน่อย" "วันที่ 10 ม

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 1 แค่ขโมยตามที่คาดไว้

    เขียนโดยเรย์ เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ผมตื่นตั้งแต่ตีสี่ เวลานี้มีคนบอกผมว่าผู้ร้ายไม่ค่อยมี ทำไมเหรอ เพราะว่าเป็นเวลาที่ผู้ร้ายยังไม่ตื่น ผมกระแอมนิดหนึ่งเพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ท่ามกลางตึกสูง ตึกพวกนี้ถูกจับจองไว้หมดแล้ว ในโลกตอนนี้แค่มีความพยายาม ทุกคนจะมีที่อยู่ราคาแพง ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพอันน่าหลงใหล ผมหยิบอุปกรณ์ปีนตึกออกมา มันเป็นจุกดูดที่แข็งแรงพอจะจับยึด แค่กดมันลงไปบนผนังตึกที่เป็นกระจก จากนั้นดึงตัวเองขึ้นไป จนสูงขึ้นเรื่อยๆ แรงโน้มถ่วงไม่อาจทำอะไรผมได้นัก ผมใช้เวลาเพียงห้านาทีก็มาถึงชั้นที่หนึ่งร้อยหนึ่ง แล้วเจาะกระจกด้วยอุปกรณ์ที่อยู่ในเป้ ในห้องไม่มีคน ส่วนใหญ่ในเวลาอย่างนี้ คนไม่ค่อยอยู่ห้องกัน เขาหลับอยู่ในบ้านซะมากกว่า คนอะไร หาข้อมูลมาละเอียดสิ้นดี ในเพนท์เฮาส์มืดสลัว ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอย่างช้าๆ ผมมองไปรอบๆ เห็นตู้กระจกตั้งอยู่กลางห้อง ไม่บอกก็รู้ว่าการรักษาความปลอดภัยคงดีมากแน่ๆ ผมหยิบรีโมทออกมา แล้วกดปุ่มสีแดง เสียงระเบิดดังมาจากชั้นหนึ่งของตึกหลังนี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status