หน้าหลัก / LGBTQ+ / จะลูปไหนก็รักเธอ / บทที่ 4 เกลี่ยกล่อมให้กลับไปเรียน

แชร์

บทที่ 4 เกลี่ยกล่อมให้กลับไปเรียน

ผู้เขียน: Me.Daisy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-28 17:27:33

              เขียนโดยเพนนี  เมื่อ 3 วันก่อน

              "สวัสดีค่ะ  ดิฉันพริมา  ภัทรโสภณ  เป็นอาจารย์แนะแนวที่โรงเรียนน้องเรวัชค่ะ"

              ฉันแนะนำตัวแก่ผู้ปกครองของเด็ก  เธอดูวุ่นอยู่ในครัวก่อนที่จะออกมาคุยกับฉัน  คิ้วขมวดน้อยๆ ด้วยความสงสัย

              "แล้วมีธุระอะไรคะ"

              "น้องไม่ได้ไปโรงเรียนมาหนึ่งเดือนแล้ว  ดิฉันอยากทราบว่าน้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"  ฉันพูดตามสคริปต์อย่างเบื่อหน่าย  ไม่เคยชอบเลยจริงๆ ที่จะต้องไปหานักเรียน  เกลี่ยกล่อมให้เด็กกลับเข้ามาในระบบ  เพราะเด็กพวกนี้ตัดสินใจแล้วว่า  โรงเรียนไม่เหมาะกับเขา  และฉันก็เชื่อว่าการศึกษาสำหรับคนแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป  ใครใคร่เรียนเองก็เรียน  ใครใคร่เรียนกับคนเป็นๆ ก็เรียน  และวิธีเรียนไม่จำกัดแค่ในห้องเรียนด้วยนี่นา

              "เข้ามาก่อนสิคะ  อาจารย์...เอ่อ..อาจารย์ชื่อเล่นว่าอะไรคะ"

              "เพนนีค่ะ" 

              ฉันทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องรับแขก  แม่ของเด็กขึ้นไปตามนายเรวัชลงมา  เขาดูง่วงงุน  ผมชี้โด่ชี้เด่  หน้าม้ายาวจนแทบปิดตา  นี่คงอยู่แต่ในบ้าน  ไม่ได้กระทั่งจะออกไปตัดผมเลยสินะ

              เขากล้าสบตาฉัน  เข้าใจล่ะ  นานๆ คนอยู่ติดบ้านก็ชอบเข้าสังคมเหมือนกัน  แต่บรรยากาศรอบตัวเขาบอกฉันว่า  เด็กคนนี้มีดีกว่าที่เห็น  ถ้าลองทำงานเกี่ยวกับเด็กมาแบบนับไม่ถ้วน  จะแยกแยะได้เอง  ว่าใครมีของหรือไม่มีของ  และฉันก็แยกแยะได้

              เขาทักฉัน  และแม่ของเขาก็ขอตัวไปทำภารกิจต่อ  ปล่อยให้เราคุยกันตามลำพัง  ฉันต้องเกลี่ยกล่อมให้เขาเห็นประโยชน์จากการไปโรงเรียนให้ได้  นั่นคือหน้าที่ที่ฉันต้องทำในวันนี้

              "นายเรวัช  อยู่ม.หกแล้ว  อาจารย์พูดถูกไหมคะ"

              "ครับ  ผมเป็นหนุ่มแล้ว  ชอบคนอายุมากกว่าด้วย"

              ถึงเขาจะโปรยเสน่ห์  แต่ขอโทษเถอะ  มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้

              นึกถึงอ้อยอิ่งขึ้นมาทำไมไม่รู้

              "เธอซ้ำชั้นมาสามปีแล้วถูกไหมคะ"

              เขาลอบถอนหายใจ  ก็ยังดีที่มีความเกรงใจกันอยู่บ้าง  ไม่แสดงออกเต็มร้อยว่าเบื่อการเรียนในระบบ 

              "ครับ"

              "โรงเรียนมันน่าเบื่อว่าไหม"  ฉันกระซิบกับเขา  ให้รู้ไปเลยว่าฉันก็เบื่อเหมือนกัน  "สมัยก่อนครูก็เกเรไปเรื่อย  เคยถูกจับไปขายด้วยล่ะ"

              "หรือครับ?  ผมก็ว่า  อย่างอาจารย์เดบิวต์ไปเป็นเกิร์ลกรุ๊ปได้สบายๆ" 

              ฉันยิ้มเขินอายแบบนี้ทุกครั้งที่มีคนชม  ก็พอรู้ว่าปากนิดจมูกหน่อยแบบนี้  มันน่ารักอะนะ

              "ก่อนหน้านั้น  เล่าให้ครูฟังก่อน  ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมไปโรงเรียน"

              "ผม...ผมคิดว่าการประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ได้มีแค่ทางเดียว  เหมือนกับที่เด็กเรียนไม่ใช่เด็กที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรุ่นครับ"

              ว่าแล้วเชียว  เขามีของ  มีทัศนคติและมีวิธีคิดเป็นของตัวเอง  ถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้อง  และพยายามให้มากพอ  เขาจะเป็นดาวของรุ่นได้เลย

              ฉันเชียร์เต็มที่  ไอ้ลูกศิษย์เจ้าชู้เอ้ย!

              "แล้วทางที่เธออยากไป  เป็นทางไหนเหรอเรวัช"

              "เรียกผมว่าเรย์ก็ได้ครับ  อาจารย์เพนนี"  เขาแนะนำชื่อเล่นออกมา  เมื่อคิดว่าเจอคนที่เข้าใจ  "อาจารย์รู้จัก VR ไหมครับ"

              "รู้จักสิ  โลกเรามาถึงทางแยกอยู่พอดี"

              ฉันเอ่ยสั้นๆ เพื่อให้รู้ว่าได้ยินข่าวมาบ้างอยู่เหมือนกัน  ข่าวที่ว่าการใช้แว่นและเสื้อสูทเพื่อใช้ชีวิตในโลกเสมือนกำลังจะกลายเป็นของล้าสมัย  เพราะต้องออกจากระบบมากินนอนหรือถ่าย  ไม่สามารถจะอยู่ในโลกเสมือนตลอดทั้งวันได้  มีคนคิดจะผ่าตัดฝังอุปกรณ์เข้าไปในสมอง  ให้เราใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งร่างกายในชีวิตจริงอีก 

              "ผมคิดว่าจะผ่าตัดเพื่อฝังอุปกรณ์เข้าไปในตัว  ปล่อยร่างกายให้คนช่วยรักษาชีวิตไว้ด้วยการป้อนอาหารทางสายยาง  แล้วใช้ชีวิตในโลกเสมือนแทน"

              "ทำไมล่ะ  โลกนี้ไม่ดีพอสำหรับเธอเหรอ"

              "ผมหาทางร่ำรวยในโลกเสมือนได้  แล้วผมก็รู้จักโลกเสมือนทุกซอกทุกมุม  อีกอย่างมันแฟนตาซี กว่าเยอะ  อาจารย์เคยไหมที่จะกระโดดสูงกว่าสองเมตร  โหนตัวข้ามตึก  หรือกระทั่งกินยาต่อชีวิตในโลกของเราได้"

              ฉันเถียงไม่ออก  แต่ฉันก็รักโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า

              "แต่กฎหมายเราไม่อนุญาตให้เด็กต่ำกว่ายี่สิบปี  ตัดสินใจผ่าตัดเองได้  ต้องให้ผู้ปกครองรับรอง  แล้วพ่อแม่เธอว่าอย่างไร"

              "อีกอาทิตย์เดียวผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง  ผมกับแฟนจะอยู่ในโลกเสมือนจนกว่าร่างกายเราจะหมดลมหายใจ  มันไม่ต่างอะไรเลยกับโลกแห่งความเป็นจริง  แถมดีกว่าทุกอย่าง"

              "เมื่อเธอตายในเกม  ทรัพย์สินทุกอย่างจะหายไป  แล้วเธอต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่"

              "ก็จริง  แต่ผมมียาต่อชีวิตนี่ครับ"

              "อาจารย์เข้าใจ  ไหนเธอลองบอกสิ  เธอลิ้มรสชาติอาหารได้อร่อยเท่านี้ในโลก VR หรือเปล่า" 

              "ไม่ครับ  แต่ภาพในนั้นสวยกว่ามาก  ได้กลิ่น  ได้สัมผัสสมจริงด้วยเทคโนโลยีล้ำโลกที่เรามี  และในนี้เรามีอวตาร  ต่อให้หน้าตาธรรมดาแค่ไหน  ก็เสกสรรค์ให้สวยหล่อได้  เบื่อเมื่อไหร่ก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้  จนคนที่ตามล่าเรา  อาจหาเราไม่เจออีกเลย"

              ฉันแปลกใจกับประโยคที่ล่าเรื่อง'ตามล่า'  แต่ไม่ได้ถามออกไป

              ฉันเก็บประวัติการเรียนของเขาใส่กระเป๋าผ้า  การสัมภาษณ์จบแค่นี้  เพราะฉันไม่มีความสามารถ  จึงไม่อาจเกลี่ยกล่อมอะไรได้อย่างที่ควรจะเป็น 

              “อาจารย์ยอมแพ้  คุยกับเธอแล้วก็คิดว่าไปเดบิวต์ยังง่ายกว่า  แต่ถ้าเธออยากจะคุยเรื่องทางเลือกอื่นๆ  เธอสามารถโทรหาอาจารย์ได้  สัมผัสในโลกจริงอาจดีกว่านี้  ถ้าเธอเปิดใจ  อาจารย์ทิ้งเบอร์โทรไว้ให้นะ"

              ฉันขอให้เกิดปาฎิหารย์ภายในเจ็ดวันนี้ด้วยเถิด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 5 แล้วผมจะพาไปสู่อนาคตที่งดงาม

    เขียนโดยฮาริส เมื่อ 10 ปีก่อน ผมเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองเรา ภายในร้านมีไฟสลัว เต็มไปด้วยโต๊ะอาหาร แต่มีผู้คนเพียงเล็กน้อย กระทั่งเมื่อเลยเวลาบ่ายสองไป ชาวเมืองเราก็ทยอยเดินเข้าไปในร้าน พวกเขาล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญกับอนาคตของเมืองเรา ผมเดินเลยเข้าไปในห้องลับของร้าน บัดนี้มีคนเกือบเต็มแล้ว จากนั้นผมก็นั่งลงบนเก้าอี้ว่าง มองไปรอบๆ ตัว พวกเราแต่งตัวด้วยชุดโด๊ปหรือชุดอาหรับแบบปอนๆ นั่งมองหน้ากัน ไม่ว่าจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน เราก็แทบไม่มีเงินพอๆ กัน น่าสงสารมั้ยครับ พวกเรานั่งกระซิบกระซาบกัน รอให้อีกฝ่ายเปิดประเด็นพูดอะไรก่อน “ยินดีต้อบรับทุกท่าน” พิธีกรเอ่ยก่อน ผมติดต่อเขาเอาไว้ก่อนแล้ว เขายืนขึ้นโบกไม้โบกมือให้พวกเราเงียบและหันมาสนใจเขา “ผมขอเป็นตัวแทนเพื่อนำเราเข้าสู่กระบวนการการเลือกผู้นำ” คนที่เหลือปรบมือให้เขา เขาดูหล่อไม่เบาเลย ผมเองขนาดเป็นชายแท้ ยังละสายตาไม่ได้ ในใจมันร่ำร้องว่า สนใจมาแชร์ดีเอ็นเอกับตระกูลเราไหม ผมมีญาติผู้หญิงทางฝั่งพ่อและแม่อีกหลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-28
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 6 เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 18 ปีก่อน นานมาแล้ว ฉันถูกทิ้งไว้ที่นี่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้าให้เดาแง่บวก ชีวิตข้างนอกนั้นคงแย่กว่าในนี้ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ฉันมีข้าวกินครบสามมื้อ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะมีคนใจบุญมาเยี่ยมพวกเรา เอาอาหาร ขนม ไอศครีม และร้องเพลงให้พวกเราฟัง ตอนแรกฉันก็ตื่นเต้นและปลื้มปริ่มใจทุกครั้งที่มีคนมาเยี่ยม แต่นานๆ ไป ก็เกิดคำถามในใจ แล้วพ่อแม่ของฉันไปไหน ทำไมต้องทิ้งเราไว้ให้คนอื่นมาสงสารด้วย ฉันเคยเห็นนะ เคยเห็นตอนที่พวกลูกๆ กอดพ่อแม่ของเขา ร้องจะเอาโน่นนี่ แต่พวกเราล่ะ มีใครให้อ้อนแบบนั้นบ้าง ฉันยอมแลกช็อกโกแลตที่จะได้กินตลอดชีวิต กับครอบครัวที่จะอยู่กับฉันตลอดไปเลยล่ะ ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อนิวตัน นิวตันเป็นเด็กผู้ชายอายุเก้าขวบเท่าฉัน ตัดผมทรงนักเรียน ถ้าจะพูดให้ถูกเพราะครูแก้วตัดผมได้แต่ทรงนี้ เขาตัวอวบอ้วน ผิวขาวนวลเหมือนมีเชื้อสายจีน จมูกเล็กๆนั่นทำให้หน้าตาน่ารัก ตากลมโตนั้นพร้อมที่จะถามคำถามทุกครั้งที่สงสัย สมกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-28
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 7 ช่วยด้วยแฟนผมเป็นตัวประกัน

    เขียนโดยเรย์ เมื่อ 2 วันก่อน ผมไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ทำมันมีจุดอ่อน เพียงแค่ติดกล้องวงจรปิดไว้ในเพนท์เฮ้าส์ แล้วตามกล้องวงจรปิดในเมืองไปแต่ละตัว ก็จะเจอได้ง่ายว่าผมล็อคเอาท์ที่บ้านหลังไหน แถมเมื่อรู้ว่าบ้านหลังไหน ก็จะรู้ด้วยว่าผมเป็นใคร แต่ที่ผมแปลกใจคือ สาวตุ๊กตาบาร์บี้รู้ทั้งรู้ว่าผมเป็นใคร กลับเอาแฟนผมมาเป็นตัวประกันเอ หรือเขาจะอยากให้ผมเจ็บด้วยกว่าทำร้ายแฟน ให้เจ็บยิ่งกว่ามาหาผมถึงบ้าน แล้วบังคับเอาเพชรไปจากผม อยากด่าเขาว่าชั่ว แต่ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ผมเลยสงบปากสงบคำ "เรย์ ช่วยแอนน์ด้วย เขาขู่ว่าจะฆ่าแอนน์ หรือทำอะไรที่จะทำให้เรย์ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น เรย์ไปทำอะไรมา ทำไมเขาถึงแค้นเรย์ขนาดนั้น" แอนน์พูดผ่านอวาตารรูปนินจาชาย ปิดหน้าปิดตาเห็นแต่ดวงตาสีฟ้าสดใส เจ้าของเพชรบังคับถ่ายคลิปวิดีโอแล้วส่งมาให้ผม ผมเป็นห่วงแฟนนิดหน่อย ถ้าแค่ทำให้ตายก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก แค่สร้างทรัพย์สินขึ้นมาใหม่ด้วยน้ำพักน้ำแรง หรือจะสายมืดแบบที่ผมทำ และถ้าทำอย่างที่ขู่ ผมคิดไม่ออกเลย ว่าเขาจะทำอะไรแอนน์

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 8 ความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่หลังจากกลับมา

    เขียนโดยฮาริส เมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นผมเดินทางกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ ผมได้ทุนจากมหาวิทยาลัยจากประเทศมหาอำนาจ แม้ว่าตระกูลจะมีสมบัติมากอยู่ ผมได้ยินจากที่บ้านและฟังข่าวมาบ้าง ว่าตอนนี้ประเทศเรากำลังมีสงคราม เพราะเราอยากปลดแอกจากการถูกคุกคาม ผมเรียกลูกน้องของพ่อไปด้วยกัน เขาเป็นชายวัยสี่สิบ ชื่อฮาล่า ไว้หนวดตกตำ ส่วนผมวัยยี่สิบตอนปลาย ใบหน้าจริงจัง สายตาเหมือนประเมินใครต่อใครอยู่ตลอดเวลา จะว่าหล่อแบบมีคลาสก็ไม่ผิด “ฮาล่า ผมอยากไปดูเมืองเราในตอนนี้ พาผมไปหน่อย” “ครับ ท่านฮาริส” เขาตอบรับอย่างนอบน้อม เราเดินทางด้วยรถจิ๊บ ระหว่างทางอากาศร้อนประทะหน้าเราสองคนไปตลอดทาง ไม่นับฝุ่นจากทะเลทรายที่ทำให้ระคายตาอีก แต่ผมได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นของเมือง กลิ่นของกินน่ะสิครับฮาล่าจอดรถใกล้ตลาด ที่เต็มไปด้วยฝูงชน อย่างน้อยในตอนนี้ ชาวบ้านก็ยังพอหาอาหาร ทำมาหากินได้บ้าง ผมเห็นลูกอินทผลัมวางเรียงราย รู้สึกอยากกินขึ้นมา จึงเดินเข้าไปหาแม่ค้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 9 ครั้งแรกที่เราเจอกัน

    เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ฉันได้รับข้อความวิดีโอจากกรมตำรวจ แต่รู้สึกไม่สบายตา ไม่อยากดูทางมือถือ จึงส่งข้อความไปที่อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์เอไอหยุดนิ่ง แล้วฉายข้อความออกทางตา ทำให้เห็นวิดีโอที่หัวหน้าพูดคุยมาทางนั้น "สวัสดีคุณพริมา ภัทรโสภณ มีรายงานว่าผู้ร้ายไซเบอร์นามแฝงว่าบลูคิลเลอร์ได้แฮกเอาเงินในผู้ใช้ VR ในประเทศของเราไปทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และขาดการควบคุมในบางประเทศทั่วโลก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่เขาทิ้งไว้ คือ 'ฉันมาเอาเพื่อแก้แค้น' เมื่อเราสืบไป ก็พบว่าเป็นผู้ใช้เดียวกับคนที่นายเรวัช วัชรกุล เคยขโมยเพชรไป และการที่คุณเข้าไปพัวพันโดยไม่รายงานให้เบื้องบนทราบ ทำให้เหตุการณ์บานปลาย ผมในฐานะผู้บังคับบัญชาคุณ ขอสั่งให้คุณ เข้าไปแก้ไขเหตุการณ์นี้ พร้อมผู้ช่วยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางไอที คือคุณเพียงออ โปรดติดต่อเธอหลังจากคุณดูวิดีโอนี้จบ ขอบคุณครับ" "เจ้านายคะ จะให้ดิฉันติดต่อคุณเพียงออเลยไหมคะ" เธอถามอย่างรู้งาน ฉันพยักหน้า ก่อนนั่งลงบน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 10 นั่งรอในร้านกาแฟ

    เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 2 "คุณเพนนีคะ ตื่นได้แล้วค่ะ" อ้อยอิ่งส่งเสียงเรียกฉัน ฉันอยากนอนต่ออีกนิดหนึ่ง จึงไม่ได้ตื่นตามคำบอกของหุ่นยนต์เอไอ "ถ้าไม่ตื่น อ้อยอิ่งจะจูบนะคะ" ตาเบิกโพล่งขึ้นมาทันที เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความรักของมนุษย์กับเอไอ อย่างน้อยๆ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอม ฉันจัดการตัวเอง แล้วนึกย้อนไปเมื่อวาน เป็นฝันที่สมจริงทีเดียว ฝันว่าได้รับข้อความวีดิโอจากผู้บังคับบัญชา ได้เจอเพื่อนร่วมทีมที่ชื่อเพียงออ และคนสวยอีกคนที่ชื่อแกรมม่า ฉันอมยิ้มเมื่อนึกถึงเธอ "มีข้อความจากกรมตำรวจค่ะ" อ้อยอิ่งเอ่ย ฉันว่าฉันเห็นหล่อนหงุดหงิด นี่ขนาดอ่านใจได้เลยเหรอเนี่ย ว่ากำลังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น แต่ฉันไม่ได้ใส่ฟังก์ชั่นให้หุ่นยนต์รักฉันเสียหน่อย แค่มีความจงรักภักดีเท่านั้นเอง ฉันขยี้ตาแล้วให้อ้อยอิ่งเปิดข้อความ ฉันตกใจ เมื่อได้ยินข้อความเหมือนเมื่อวาน มีการแนะนำให้ไปรู้จักกับเพียงออ แล้วตามมาด้วยการปรากฎตัวของแกรมม่า! เห้ย หรือฉันจะฝันเห็นอนาคต! ก่อนที่เราจะล็อคอินเข้าไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 11 การใช้พลังครั้งแรก

    เขียนโดยเพนนี เมื่อ 16 ปีก่อน ฉันมาอยู่กับลุงกานได้ปีหนึ่งแล้ว วันนี้ลุงกานจะพาฉันไปธนาคาร ครั้งแรกเลยนะเนี่ย แต่งตัวให้เหมือนลูกเจ้าสัวอีกดีกว่า ฉันหวีผมพองฟูให้เรียบแปล่ จากนั้นก็กลับมาฟูอีกนิดหน่อย ส่วนกิ๊ฟติดผมจะช่วยทำให้ฉันดูสดใสกว่านี้ ภายในธนาคารแทบไม่มีคน การทำธุรกรรมกับคนเป็นเรื่องล้าสมัย แต่การเปิดบัญชีก็จำเป็นต้องเจอหน้าค่าตากันบ้าง เงินในธนาคารเป็นเงินในอากาศเสียมากกว่า แต่ในห้องนิรภัยก็ยังมีธนบัตรอีกจำนวนไม่น้อย ลุงกานมีมาดตำรวจ ไม่เว้นแม้แต่ตอนใส่ชุดไปรเวท พนักงานธนาคารจำลุงได้ จึงยกมือพนมมือกันถ้วนหน้า ฉันไม่อยากอวดเลย ก็ลุงเป็นผบ.ตร.นี่นา ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกเจ้าสัว แต่ตอนนี้นายตำรวจเบอร์หนึ่งก็รับฉันมาเลี้ยงด้วยล่ะ เราเดินมารอตรงเก้าอี้ จู่ๆ วันที่เงียบสงบก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อโจรใส่หน้ากากทศกัณฐ์กรู่กันเข้ามา จำนวนกว่าสิบคน พวกเขายิงปืนขึ้นฟ้า แล้วล้อมพวกเราไว้ แหม รักซอฟท์พาวเวอร์เมืองไทยเสียจริง! พนักงานหญิงของธนาคารตกใจกลัว กรี๊ดเสียงดัง พวกนั้นไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02
  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 12 เจอกันครั้งที่สาม

    เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 3 ฉันกระพริบตาถี่ๆ เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันเดิมๆ ฉันนั่งฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาผ่านจากอ้อยอิ่งอีกครั้ง แล้วก็ทำความรู้จักเพียงออและแกรมม่าอีกเช่นเคย "เพนนีขอพูดอะไรหน่อย" ฉันเกริ่นนำและพยายามจะเข้าเรื่องให้เร็วที่สุด "เพนนีเป็นคนในคำทำนาย ที่จะสามารถช่วยคนนับล้านได้ ดังนั้นขอให้ทั้งสองคนทำตามที่เพนนีบอกโดยไม่มีคำถาม โอเค รับทราบ?" แกรมม่าทำหน้านิ่ว ส่วนเพียงออก็เงียบเฉย เอาล่ะ ฉันทำให้ตัวเองเพิ่งกลายเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแถมไม่น่าคบ และทั้งสองคนก็เพิ่งเจอฉันครั้งแรก แต่ฉันใช้เวลากับทั้งสองคนมาสักพักแล้ว "ก่อนที่เพนนีจะตายจากการวนลูปครั้งที่แล้ว เพนนีเห็นรอยสักที่ต้นแขนของฆาตกร เพนนีให้อ้อยอิ่ง หมายถึงหุ่นยนต์เอไอน่ะ ช่วยทำการเสิร์จหาแล้ว แต่หาไม่เจอ เพนนีเชื่อว่า นี่จะเป็นเบาะแสของ บลูคิลเลอร์ หรือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้" "ถ้าเพนนีเก่งขนาดไม่ต้องการความช่วยเหลือของเราสองคน แล้วแกรมม่ากับเพียงออจะจำเป็นอะไร เชิญหาไปคนเดียวเถอะ" มันต้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-02

บทล่าสุด

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 29 เมื่อแสวงหารักที่ดีได้แล้ว(ตอนจบ)

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 28 แล้วครอบครัวที่หายไปก็กลับมา

    เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 27 วันรวมญาติของเพนนี

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 26 แล้วไวรัสก็ระบาด

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 25 ของใครก็ของคนนั้น

    เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 24 ผมมาเพื่อปลดแอกนาดา

    เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 23 การทิ้งทวนให้นาดา

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ลูปที่ 6 การเจอกับพ่อแม่คราวนั้น ทำให้ฉันตระหนักว่าฉันมีค่า เพราะมีคนรักฉันและเพราะฉันตั้งใจจะทำความดี ดังนั้นตอนนี้ใจฉันมันเอนเอียงไปทางทำความดีซะมากกว่า ที่ผ่านมาเอาแต่จะใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ฉันนั่งนิ่งแล้วก็นึกว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าคุณเหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มาก สิ่งที่อยากทำจะเป็นการฆ่าคน? หรือการช่วยคน? ฉันกลัวเหลือเกินว่าก่อนตาย ใจฉันจะอยู่กับความดีหรือความชั่วที่ทำ และถ้าโลกหลังความตายมี ฉันจะไม่ตกนรกหรอกหรือ ถ้าวางแผนฆ่าชาวนาดาไว้มากขนาดนั้น แกรมม่าเดินมาจากด้านหลัง โอบเอวฉันไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบเย็น เราแทบจะคบกันโดยไม่ต้องตกลงอะไรกันก่อน ไวไฟไหมล่ะ "เรามาทิ้งทวงกันไหม ไหนๆ เพนนีก็ใกล้ตายแล้ว" เธอพูดแทนใจฉันทั้งหมด "เรามาช่วยชาวนาดากันเถอะ" เราคุยกันเล็กน้อยเพื่อวางแผน ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปนาดากัน ซึ่งก่อนไป ฉันก็แนะนำตัวว่าเป็นตำรวจจากประเทศไทย และอยากมาเสนอขายไอเดีย เพื่อทดแทนที่ทำให้ บลูค

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 22 เพราะหมอดูเป็นเหตุ

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง ลูปที่ 6 ฉันพายัยคนตาสวยไปหาหมอดูที่ทำนายเรื่องของฉันเอาไว้ ประตูบ้านเปิดแง้มๆ เอาไว้ ฉันจึงเห็นว่ามีผู้สูงวัยสองคนกำลังคุยกับหมอดูอยู่ "เราอยากรู้เรื่องเพนนี" "เพนนีไหน" "เพนนีที่คุยเคยทำนายเอาไว้ว่าจะช่วยคนนับล้าน" ฉันหูพึ่ง เมื่อได้ยินดังนั้น จึงส่งสัญญาณให้แกรมม่าเงียบเสียงลง "แล้วพวกคุณจะอยากรู้ไปทำไม" หมอดูเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า เพราะอายุมากแล้ว "เราเป็นพ่อแม่เธอ" ฉันได้ยินดังนั้น แทบจะเตะประตูเข้าไปที่จริง ก็แค่ดันประตูเฉยๆ "แล้วทำไมถึงทิ้งให้หนูอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า" "เพนนี!!" ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันที่เข้ามา ตาโต หน้าซีดเผือก "ทำไมคะ ช่วยบอกหนูหน่อย" น้ำตาของฉันไหลออกมา มันเป็นเพราะความน้อยใจ ความเสียใจ และความสะเทือนใจที่ผลักดันน้ำตาออกมา "นั่งก่อนเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว" ผู้ชายค

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 21 ตามหาเวลาที่เหลืออยู่

    เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 6 ฉันเจอแกรมม่าและเพียงออเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ แต่ก็ยังดีใจที่ได้เจอเธออยู่ หมายถึงแกรมม่าน่ะ แล้ววันนี้ฉันคิดจะถอยก้าวหนึ่ง ก่อนจะไปต่อ หมายความว่า ฉันจะไม่หาทางไปจัดการบลูคิลเลอร์ในทันที แต่อยากสืบเรื่องวนลูปก่อน ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ฉันใช้อ้อยอิ่งโทรด้วยวิดีโอหาลุงกาน ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน "ลุงกานคะ หนูอยากคุยกับนักวิทยาศาสตร์ เรื่องกาลเวลา" "แต่ว่า" "นะคะ หนูขอคำตอบเท่าที่เรามีก็ได้ ไม่ต้องตอบให้กระจ่างชัดทุกเรื่องก็ได้" ฉันทำเสียงอ้อนเล็กๆ และรู้ว่าลุงกานจะใจดีกับฉันเสมอ เพราะอะไรนะ เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้า หรือฉันเป็นคนโปรด หรือเพราะฉันมีความสำคัญกับโลกใบนี้ แต่ไม่ว่าเพราะอะไร ฉันก็จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี "แกรมม่าจะไปด้วย" "แต่สุดท้ายเมื่อมีการวนลูป แกรมม่าก็จะลืมอยู่ดี" ฉันโบกมือเพื่อปฏิเสธ "แต่แกรมม่าจะช่วยฟัง แล้วก็จะช่วยถามด้วย เพื่อให้เพนนีได้ข้อมูลที่ดีที่สุดนะ"

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status