เขียนโดยฮาริส เมื่อ 15 ปีก่อน
ตอนนั้นผมเดินทางกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ ผมได้ทุนจากมหาวิทยาลัยจากประเทศมหาอำนาจ แม้ว่าตระกูลจะมีสมบัติมากอยู่ ผมได้ยินจากที่บ้านและฟังข่าวมาบ้าง ว่าตอนนี้ประเทศเรากำลังมีสงคราม เพราะเราอยากปลดแอกจากการถูกคุกคาม
ผมเรียกลูกน้องของพ่อไปด้วยกัน เขาเป็นชายวัยสี่สิบ ชื่อฮาล่า ไว้หนวดตกตำ ส่วนผมวัยยี่สิบตอนปลาย ใบหน้าจริงจัง สายตาเหมือนประเมินใครต่อใครอยู่ตลอดเวลา
จะว่าหล่อแบบมีคลาสก็ไม่ผิด
“ฮาล่า ผมอยากไปดูเมืองเราในตอนนี้ พาผมไปหน่อย”
“ครับ ท่านฮาริส”
เขาตอบรับอย่างนอบน้อม
เราเดินทางด้วยรถจิ๊บ ระหว่างทางอากาศร้อนประทะหน้าเราสองคนไปตลอดทาง ไม่นับฝุ่นจากทะเลทรายที่ทำให้ระคายตาอีก แต่ผมได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นของเมือง
กลิ่นของกินน่ะสิครับ
ฮาล่าจอดรถใกล้ตลาด ที่เต็มไปด้วยฝูงชน อย่างน้อยในตอนนี้ ชาวบ้านก็ยังพอหาอาหาร ทำมาหากินได้บ้าง
ผมเห็นลูกอินทผลัมวางเรียงราย รู้สึกอยากกินขึ้นมา จึงเดินเข้าไปหาแม่ค้าวัยกลางคน
“แม่ค้า ขายอย่างไร”
เธอบอกราคา แต่เท่าที่ผมรู้ แม่ผมซื้อมาในราคาที่ถูกกว่านี้ราวครึ่งหนึ่ง นี่คงจะเห็นผมหล่อรวยอย่างที่บอก
“ขอโทษ แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
“อ้าว ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ถามแล้วไม่เอา” เธอเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ “แต่งตัวก็ดี หน้าตาก็ดูมีเงิน ทำไมถามแล้วไม่เอา แบบนี้ก็เสียเวลาแย่ ใครจะรับผิดชอบ ทุกคนมาดูเร็ว”
ฮาล่าเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงเอามือมาขวางผมเอาไว้ ไม่ให้เธอทำร้ายผมได้
“ก็แม่ค้าขายแพงกว่าปกติ เห็นคุณชายท่านนี้เป็นคนมีเงิน ก็เลยคิดจะโกงละซิ” ฮาล่าเริ่มเสียงดัง ในตอนนี้ ใครเสียงดังกว่า คนนั้นย่อมชนะ “คิดดูซิทุกคน แพงกว่าปกติเท่าตัว”
“อ้าว แบบนี้ก็โกงกันนั่นสิ”
“เห็นสงครามแบบนี้ คิดจะค้ากำไรสินะ”
“แจ้งตำรวจดีไหม”
เสียงชาวบ้านเริ่มเห็นด้วยกับผมมากขึ้น ผมไม่อยากให้วุ่นวาย และไม่ต้องการให้เธอเดือดร้อน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องมีเรื่องกัน” ผมพูดเสียงดัง แล้วนำทางฮาล่าไปอีกทาง
ฮาล่ารู้ว่าผมอยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงของเมือง จึงพาผมเข้าไปในตลาดลึกขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนซื้อของเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นบ้านคน จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูกนัก เพราะเป็นเพิงที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ เช่น เศษไม้ พลาสติก และเชือก ที่ประกอบกันขึ้นให้พอบังแดดบังฝนได้เท่านั้น
เด็กชายหลายคนแอบมองผมจากเพิงพวกนั้น
แหม ถ้าเป็นหญิงสาว ผมคงคิดว่าเป็นเพราะเสน่ห์ผม
“พี่ชาย พอมีของกินไหม พวกเราหิวเหลือเกิน” เด็กชายผิวคล้ำตัวผอม เดินตัวงอเข้ามาหาผมพร้อมแบมือออกมา
ผมแทบจะร้องไห้ เพราะในขณะที่ผมเรียนหนังสืออยู่ที่ต่างประเทศ กินอาหารอร่อย เดินทางท่องเที่ยวยามว่างจากเรียน แต่เด็กพวกนี้จะไม่ได้รับโอกาสแบบนั้น
ผมสัญญากับตัวเอง ว่าพวกเขาต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้
ผมเองก็ไม่มีเงินมากมายอะไรนัก สมบัติของตระกูลไม่ใช่อะไรที่จะมาขายกินง่ายๆ แต่เราต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แม้ผมจะดูมีคลาสขนาดไหน แต่ผมก็ช่วยได้เท่านี้จริงๆ
ผมยื่นเศษเงินให้เด็กๆ
“เอาไปซื้อของกิน ฉันมีเท่านี้”
“ขอบคุณพี่ชายๆ”
ในใจผมคิดว่าการให้เงินจะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไม่ได้ แต่การสอนหนังสือและให้อาชีพ จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาได้ตลอดกาล ถ้าผมเป็นใหญ่เป็นโตเหมือนบรรพบุรุษ ผมจะหาครูมาสอนพวกเขา เหมือนกับที่ผมมีโอกาสได้เรียน
ทันใดนั้น เสียงฝูงโดรนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฝูงบินพวกนั้นยิงปืนมาที่พวกเรา!
ฮาล่าพาผมกระโดดหลบเข้าไปในอาคารที่อยู่ไม่ไกลนัก ผมรอดอย่างหวุดหวิด แต่เด็กที่เพิ่งได้รับเงินจากผม ถูกยิงเข้าที่ช่องท้อง เขานอนร้องไห้อยู่บนพื้น ผมสะบัดมือฮาล่าแล้วเข้าไปประคองเด็กยากไร้คนนั้น
“ผมหิวแล้วก็เจ็บมาก พี่ชาย”
“พี่ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” น้ำตาผมไหลอาบแก้ม ผมจะไม่มีวันลืมวันนี้ “พี่จะทำให้สงครามหายไป พี่จะปลดแอกประเทศเราให้ได้!”
เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ฉันได้รับข้อความวิดีโอจากกรมตำรวจ แต่รู้สึกไม่สบายตา ไม่อยากดูทางมือถือ จึงส่งข้อความไปที่อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์เอไอหยุดนิ่ง แล้วฉายข้อความออกทางตา ทำให้เห็นวิดีโอที่หัวหน้าพูดคุยมาทางนั้น "สวัสดีคุณพริมา ภัทรโสภณ มีรายงานว่าผู้ร้ายไซเบอร์นามแฝงว่าบลูคิลเลอร์ได้แฮกเอาเงินในผู้ใช้ VR ในประเทศของเราไปทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และขาดการควบคุมในบางประเทศทั่วโลก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่เขาทิ้งไว้ คือ 'ฉันมาเอาเพื่อแก้แค้น' เมื่อเราสืบไป ก็พบว่าเป็นผู้ใช้เดียวกับคนที่นายเรวัช วัชรกุล เคยขโมยเพชรไป และการที่คุณเข้าไปพัวพันโดยไม่รายงานให้เบื้องบนทราบ ทำให้เหตุการณ์บานปลาย ผมในฐานะผู้บังคับบัญชาคุณ ขอสั่งให้คุณ เข้าไปแก้ไขเหตุการณ์นี้ พร้อมผู้ช่วยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางไอที คือคุณเพียงออ โปรดติดต่อเธอหลังจากคุณดูวิดีโอนี้จบ ขอบคุณครับ" "เจ้านายคะ จะให้ดิฉันติดต่อคุณเพียงออเลยไหมคะ" เธอถามอย่างรู้งาน ฉันพยักหน้า ก่อนนั่งลงบน
เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 2 "คุณเพนนีคะ ตื่นได้แล้วค่ะ" อ้อยอิ่งส่งเสียงเรียกฉัน ฉันอยากนอนต่ออีกนิดหนึ่ง จึงไม่ได้ตื่นตามคำบอกของหุ่นยนต์เอไอ "ถ้าไม่ตื่น อ้อยอิ่งจะจูบนะคะ" ตาเบิกโพล่งขึ้นมาทันที เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความรักของมนุษย์กับเอไอ อย่างน้อยๆ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอม ฉันจัดการตัวเอง แล้วนึกย้อนไปเมื่อวาน เป็นฝันที่สมจริงทีเดียว ฝันว่าได้รับข้อความวีดิโอจากผู้บังคับบัญชา ได้เจอเพื่อนร่วมทีมที่ชื่อเพียงออ และคนสวยอีกคนที่ชื่อแกรมม่า ฉันอมยิ้มเมื่อนึกถึงเธอ "มีข้อความจากกรมตำรวจค่ะ" อ้อยอิ่งเอ่ย ฉันว่าฉันเห็นหล่อนหงุดหงิด นี่ขนาดอ่านใจได้เลยเหรอเนี่ย ว่ากำลังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น แต่ฉันไม่ได้ใส่ฟังก์ชั่นให้หุ่นยนต์รักฉันเสียหน่อย แค่มีความจงรักภักดีเท่านั้นเอง ฉันขยี้ตาแล้วให้อ้อยอิ่งเปิดข้อความ ฉันตกใจ เมื่อได้ยินข้อความเหมือนเมื่อวาน มีการแนะนำให้ไปรู้จักกับเพียงออ แล้วตามมาด้วยการปรากฎตัวของแกรมม่า! เห้ย หรือฉันจะฝันเห็นอนาคต! ก่อนที่เราจะล็อคอินเข้าไป
เขียนโดยเพนนี เมื่อ 16 ปีก่อน ฉันมาอยู่กับลุงกานได้ปีหนึ่งแล้ว วันนี้ลุงกานจะพาฉันไปธนาคาร ครั้งแรกเลยนะเนี่ย แต่งตัวให้เหมือนลูกเจ้าสัวอีกดีกว่า ฉันหวีผมพองฟูให้เรียบแปล่ จากนั้นก็กลับมาฟูอีกนิดหน่อย ส่วนกิ๊ฟติดผมจะช่วยทำให้ฉันดูสดใสกว่านี้ ภายในธนาคารแทบไม่มีคน การทำธุรกรรมกับคนเป็นเรื่องล้าสมัย แต่การเปิดบัญชีก็จำเป็นต้องเจอหน้าค่าตากันบ้าง เงินในธนาคารเป็นเงินในอากาศเสียมากกว่า แต่ในห้องนิรภัยก็ยังมีธนบัตรอีกจำนวนไม่น้อย ลุงกานมีมาดตำรวจ ไม่เว้นแม้แต่ตอนใส่ชุดไปรเวท พนักงานธนาคารจำลุงได้ จึงยกมือพนมมือกันถ้วนหน้า ฉันไม่อยากอวดเลย ก็ลุงเป็นผบ.ตร.นี่นา ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกเจ้าสัว แต่ตอนนี้นายตำรวจเบอร์หนึ่งก็รับฉันมาเลี้ยงด้วยล่ะ เราเดินมารอตรงเก้าอี้ จู่ๆ วันที่เงียบสงบก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อโจรใส่หน้ากากทศกัณฐ์กรู่กันเข้ามา จำนวนกว่าสิบคน พวกเขายิงปืนขึ้นฟ้า แล้วล้อมพวกเราไว้ แหม รักซอฟท์พาวเวอร์เมืองไทยเสียจริง! พนักงานหญิงของธนาคารตกใจกลัว กรี๊ดเสียงดัง พวกนั้นไ
เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 3 ฉันกระพริบตาถี่ๆ เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันเดิมๆ ฉันนั่งฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาผ่านจากอ้อยอิ่งอีกครั้ง แล้วก็ทำความรู้จักเพียงออและแกรมม่าอีกเช่นเคย "เพนนีขอพูดอะไรหน่อย" ฉันเกริ่นนำและพยายามจะเข้าเรื่องให้เร็วที่สุด "เพนนีเป็นคนในคำทำนาย ที่จะสามารถช่วยคนนับล้านได้ ดังนั้นขอให้ทั้งสองคนทำตามที่เพนนีบอกโดยไม่มีคำถาม โอเค รับทราบ?" แกรมม่าทำหน้านิ่ว ส่วนเพียงออก็เงียบเฉย เอาล่ะ ฉันทำให้ตัวเองเพิ่งกลายเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแถมไม่น่าคบ และทั้งสองคนก็เพิ่งเจอฉันครั้งแรก แต่ฉันใช้เวลากับทั้งสองคนมาสักพักแล้ว "ก่อนที่เพนนีจะตายจากการวนลูปครั้งที่แล้ว เพนนีเห็นรอยสักที่ต้นแขนของฆาตกร เพนนีให้อ้อยอิ่ง หมายถึงหุ่นยนต์เอไอน่ะ ช่วยทำการเสิร์จหาแล้ว แต่หาไม่เจอ เพนนีเชื่อว่า นี่จะเป็นเบาะแสของ บลูคิลเลอร์ หรือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้" "ถ้าเพนนีเก่งขนาดไม่ต้องการความช่วยเหลือของเราสองคน แล้วแกรมม่ากับเพียงออจะจำเป็นอะไร เชิญหาไปคนเดียวเถอะ" มันต้
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง ลูปที่ 3 หลังจากที่ผมได้รับการเลือกเป็นผู้นำนาดา ผมจบการศึกษาปริญญาเอกด้านคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ผมมาเป็นครูสอนการใช้คอมพิวเตอร์ สอนให้ชาวนาดาเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งกาจ เพราะคนสอนเองก็เก่งอาจนะสิ เราลงทุนสร้างระบบไอทีที่ทันสมัย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหารายได้เข้าประเทศไม่ได้ ผมคิดถึงการขโมยเงินมาจากต่างประเทศหลายครั้ง เพราะความแค้นใจที่มีต่อนายเรวัช ที่ขโมยเพชรไปจากผม ผมไม่มีทางเลือก และต้องตอบโต้ประเทศไทย ด้วยการแฮกเงินจากผู้ใช้ VR ในไทยไปจนหมด หมดกัน ความหวังที่จะเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ ผมรู้ว่าไอ้เรวัชมันอยู่ที่ไหน แต่ผมอยากได้เพชรคืน ผมจึงหักหลังมันด้วยการเสนอเงินให้แอนน์ แฟนของมัน และตามคาด เธอยอมรับเงินนี้ “ทำไมคุณถึงยอมรับงินของผม” “ฉันเบื่อนิสัยของเรย์ค่ะ เขาชอบทำอะไรเสี่ยงๆ บางทีฉันแค่ต้องการมีชีวิตที่สงบสุข ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยหรือสบายขนาดนั้นก็ได้” “เรย์คงเสียใจน่าดู” ผมใ
เขียนโดยแกรมม่า เมื่อ 1 เดือนก่อน ฉันหรือ ร.ต.ต.กมลาภา แดนโกศลถูกส่งมาช่วยราชการลับ โค้ด P001 เพื่อช่วย ร.ต.ต.พริมา ภัทรโสภณ ทำภารกิจช่วยเหลือมนุษย์นับล้าน แม้ว่าจะเกิดแรงต่อต้านจากภายนอกมากเพียงไร แต่ฉันและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็จะต้องสนับสนุนร.ต.ต.พริมา หรือคุณเพนนี ให้ได้มากที่สุด อันที่จริง ฉันถูกส่งมาตามดูคุณเพนนีตามคำสั่งของลุงกาน เพื่อทำให้เราสนิทกันไวขึ้น และไว้วางใจกันทำงานสำคัญๆ ด้วยกัน แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักฉันมาก่อนก็ตาม แท็บเล็ตข้างหน้าฉันมีประวัติของเพนนี ตั้งแต่วันเกิดไปจนถึงเหตุผลที่ต้องมาทำงานเป็นครูแนะแนวที่โรงเรียนแห่งนี้ ไฟล์ใหญ่จนกินพื้นที่ในแท็บเล็ตไปเกือบครึ่ง มีทั้งตัวหนังสือ วิดีโอ และภาพถ่ายเต็มไปหมด กระทั่งความชอบหมา หรือถนัดซ้ายก็บรรจุอยู่ในนี้ไม่มีเว้น อ่อ ลืมเล่าไปอีกนิดหนึ่ง ในยุคนี้แท็บเล็ตบางและเบาจนไม่น่าเชื่อ เราสามารถพับเจ้าอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์นี้ได้ไม่ต่างอะไรกับกระดาษเอสี่ แถมยังไวเพราะชิปรุ่นใหม่ที่ทำการประมวลผลได้เร็วราวกับยกคอมพิวเตอร์ควอนตัมมาไว้ในมื
เขียนโดยแกรมม่า เมื่อ 4 ปีก่อน ไดอารี่ที่รัก ฉันเขียนบันทึกประจำวันขึ้น เพราะอยากช่วยจดจำวันที่สำคัญที่สุดอีกวันหนึ่งในชีวิตฉัน วันนั้นเป็นวันที่ฉันสูญเสียคนที่รักมากที่สุด แต่ก็เป็นวันที่ฉันได้รู้จักบุคคลที่อยู่ในคำทำนายอีกเช่นกัน ฉันกับขวัญเนตร เราเป็นคนรักกัน ฉันมีรักลึกซึ้งกับผู้หญิงคนนี้ได้กว่าสามปีแล้ว และฉันเองก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน "แกรมม่า" น้ำเสียงที่เธอเรียกฉัน ทอดเสียงอย่างอ่อนโยนทุกครั้ง มันทำให้ฉันรู้สึกพิเศษ และเป็นที่รัก "เราไปร้านสะดวกซื้อกันไหม" "เพิ่งไปเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอ" ฉันถามเพราะอยากดูซีรีส์ต่อให้จบ แต่เธอเข้ามาคล้องแขนแล้วทำตากลมโตใส่ อดไม่ได้ที่จะหมั่นเขี้ยว และยอมตามใจทุกครั้ง "วันนี้ก็ซื้อของกินวันนี้ ส่วนเมื่อวานก็กินหมดแล้ว" "ดูหน้าท้องสิ ขวัญเริ่มท้องย้วยแล้วนะ" "หึ" แม้จะงอนแต่ก็ทำเสียงน่ารัก "ไม่ไป?" "ไปสิ ขอสวมเสื้อแจ็คเก็ตแป๊บหนึ่ง" ฉันก้าวยาวๆ ไปหาเสื้อคลุม
เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 4 เกิดการวนลูปอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันใจเย็นและค่อยๆ คุยกับเพียงออและแกรมม่า เลือดอาจารย์ทำให้ฉันเคยชินที่จะพูดอะไรซ้ำๆ ฉันละสายตาไปจากคนตาสีเทาไม่ได้เลย เธอยังมีแววตาเศร้าสร้อยอยู่ในที ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันอยากเห็นเธอยิ้มมากกว่า "ถ้าไม่ว่าอะไร เราอยากไปเจอลุงกานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปกันไหม" ฉันเสนอตอนที่มีแกรมม่านั่งข้างๆ และเพียงออฟังอย่างสงบนิ่ง "ที่จริงลุงกานก็อนุมัติงบให้ไม่จำกัดอยู่แล้วนี่" แกรมม่าเอียงคอด้วยความสงสัย "เราจะใช้มาตรการขั้นสูงสุดกับนาดา" ฉันประกาศแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก "จอมวางแผน" แกรมม่าประชดเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู ฉันจึงใจชื้นขึ้น แหม ก็คนมันรัก "เล่าหน่อยได้ไหม" เธอออดอ้อน อีกนิดเดียวก็เกือบจะหลุดปากไปแล้ว ขอร้องอย่าทำหน้าแบบนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวหัวใจวาย "เดี๋ยวค่อยฟังทีเดียวดีกว่า เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกรมม่าจะเข้าข้างใคร" เรานั่งรถไร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่
เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"
เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค
เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 24 ชั่วโมง ลูปที่ 6 การเจอกับพ่อแม่คราวนั้น ทำให้ฉันตระหนักว่าฉันมีค่า เพราะมีคนรักฉันและเพราะฉันตั้งใจจะทำความดี ดังนั้นตอนนี้ใจฉันมันเอนเอียงไปทางทำความดีซะมากกว่า ที่ผ่านมาเอาแต่จะใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ฉันนั่งนิ่งแล้วก็นึกว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าคุณเหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มาก สิ่งที่อยากทำจะเป็นการฆ่าคน? หรือการช่วยคน? ฉันกลัวเหลือเกินว่าก่อนตาย ใจฉันจะอยู่กับความดีหรือความชั่วที่ทำ และถ้าโลกหลังความตายมี ฉันจะไม่ตกนรกหรอกหรือ ถ้าวางแผนฆ่าชาวนาดาไว้มากขนาดนั้น แกรมม่าเดินมาจากด้านหลัง โอบเอวฉันไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบเย็น เราแทบจะคบกันโดยไม่ต้องตกลงอะไรกันก่อน ไวไฟไหมล่ะ "เรามาทิ้งทวงกันไหม ไหนๆ เพนนีก็ใกล้ตายแล้ว" เธอพูดแทนใจฉันทั้งหมด "เรามาช่วยชาวนาดากันเถอะ" เราคุยกันเล็กน้อยเพื่อวางแผน ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปนาดากัน ซึ่งก่อนไป ฉันก็แนะนำตัวว่าเป็นตำรวจจากประเทศไทย และอยากมาเสนอขายไอเดีย เพื่อทดแทนที่ทำให้ บลูค
เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง ลูปที่ 6 ฉันพายัยคนตาสวยไปหาหมอดูที่ทำนายเรื่องของฉันเอาไว้ ประตูบ้านเปิดแง้มๆ เอาไว้ ฉันจึงเห็นว่ามีผู้สูงวัยสองคนกำลังคุยกับหมอดูอยู่ "เราอยากรู้เรื่องเพนนี" "เพนนีไหน" "เพนนีที่คุยเคยทำนายเอาไว้ว่าจะช่วยคนนับล้าน" ฉันหูพึ่ง เมื่อได้ยินดังนั้น จึงส่งสัญญาณให้แกรมม่าเงียบเสียงลง "แล้วพวกคุณจะอยากรู้ไปทำไม" หมอดูเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า เพราะอายุมากแล้ว "เราเป็นพ่อแม่เธอ" ฉันได้ยินดังนั้น แทบจะเตะประตูเข้าไปที่จริง ก็แค่ดันประตูเฉยๆ "แล้วทำไมถึงทิ้งให้หนูอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า" "เพนนี!!" ผู้หญิงคนนั้นหันมามองฉันที่เข้ามา ตาโต หน้าซีดเผือก "ทำไมคะ ช่วยบอกหนูหน่อย" น้ำตาของฉันไหลออกมา มันเป็นเพราะความน้อยใจ ความเสียใจ และความสะเทือนใจที่ผลักดันน้ำตาออกมา "นั่งก่อนเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว" ผู้ชายค
เขียนโดยเพนนี ปัจจุบัน ลูปที่ 6 ฉันเจอแกรมม่าและเพียงออเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ แต่ก็ยังดีใจที่ได้เจอเธออยู่ หมายถึงแกรมม่าน่ะ แล้ววันนี้ฉันคิดจะถอยก้าวหนึ่ง ก่อนจะไปต่อ หมายความว่า ฉันจะไม่หาทางไปจัดการบลูคิลเลอร์ในทันที แต่อยากสืบเรื่องวนลูปก่อน ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ฉันใช้อ้อยอิ่งโทรด้วยวิดีโอหาลุงกาน ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน "ลุงกานคะ หนูอยากคุยกับนักวิทยาศาสตร์ เรื่องกาลเวลา" "แต่ว่า" "นะคะ หนูขอคำตอบเท่าที่เรามีก็ได้ ไม่ต้องตอบให้กระจ่างชัดทุกเรื่องก็ได้" ฉันทำเสียงอ้อนเล็กๆ และรู้ว่าลุงกานจะใจดีกับฉันเสมอ เพราะอะไรนะ เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้า หรือฉันเป็นคนโปรด หรือเพราะฉันมีความสำคัญกับโลกใบนี้ แต่ไม่ว่าเพราะอะไร ฉันก็จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี "แกรมม่าจะไปด้วย" "แต่สุดท้ายเมื่อมีการวนลูป แกรมม่าก็จะลืมอยู่ดี" ฉันโบกมือเพื่อปฏิเสธ "แต่แกรมม่าจะช่วยฟัง แล้วก็จะช่วยถามด้วย เพื่อให้เพนนีได้ข้อมูลที่ดีที่สุดนะ"