“ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาไม่ดีเลย”
อารัญถามน้องด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เธอขึ้นรถมา เขาก็สังเกตเห็นว่า พิมพ์ใจพูดน้อยกว่าปกติ และสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไรนัก
“เปล่าค่ะ พิมพ์แค่ง่วงนิดหน่อย”
พิมพ์ใจรู้สึกว่า กว่าที่เธอจะพูดออกไปได้แต่ละคำนั้นยากเย็นนัก พี่รัญจะสงสัยอะไรในตัวเธอหรือเปล่า
“งั้นพอถึงที่พักแล้ว พิมพ์ก็นอนพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วเย็น ๆ เราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน”
พิมพ์ใจปรายตามองคนที่กำลังขับรถอยู่แวบหนึ่ง แล้วก้มหน้า ก่อนจะตอบรับคำด้วยเสียงแผ่วเบา
“ค่ะ พี่รัญ”
หลังจากตอบรับเขาแล้ว พิมพ์ใจก็เอนหลังพิงเบาะรถ เธอตะแคงหน้า มองไปทางหน้าต่างรถ แล้วหลับตาลง เป็นการหยุดบทสนทนาระหว่างเขากับเธอ เพราะหากยังพูดคุยกับพี่รัญต่อไป หรือหากได้สบตาเขา เธอคงจะเผลอทำพิรุธออกไปให้เขาจับได้
เมื่อวานเธอบอกพี่รัญว่า เธออยากไปเที่ยว อยากไปเล่นน้ำทะเล อยากกินอาหารทะเล แล้วก็อยากนอนฟังเสียงคลื่นสักคืน
ตอนแรกพี่รัญไม่ยอมรับปาก เขาบอกว่า หากไปเที่ยวและนอนค้างคืนกัน 2 คน แล้วมีคนรู้เห็น เธอจะถูกมองว่าเป็นเด็กไม่ดี แต่เธอก็ทั้งอ้อนและทั้งขอร้องเขา แถมยังโกหกเขาด้วยว่าเธอทะเลาะกับแม่ และเธอก็จองที่พัก พร้อมทั้งโอนเงินจ่ายค่าที่พักไปแล้วด้วย หากเขาไม่พาเธอไป เธอก็จะไปคนเดียว
ด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้เธอไปเพียงลำพัง และเขาก็ตามใจเธอมาตลอด พี่รัญจึงมารับเธอ และพาเธอไปเที่ยวอย่างที่เธอต้องการ
พิมพ์ใจบอกพี่รัญว่า เธอบอกแม่ไว้แล้วว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน ซึ่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะเธอกับแม่ผิดใจกันอยู่ และแม่ก็ไม่สนใจเธออยู่แล้ว
เมื่อขับรถมาจนถึงที่พัก ซึ่งเป็นที่พักหรูริมชายหาด พิมพ์ใจเป็นคนไปเอากุญแจที่รีเซฟชัน อารัญเป็นคนหิ้วกระเป๋าใบเล็กของตัวเองกับของน้อง แล้วพากันเดินไปยังที่พักซึ่งเป็นวิลลาหลังริมสุดของรีสอร์ต
เพราะเขามั่นใจในตัวเอง และบริสุทธิ์ใจต่อน้องจริง ๆ เขาอยากทำให้น้องสบายใจ อยากให้น้องยิ้มเยอะ ๆ อารัญจึงไม่คิดอะไรเลยกับการพาน้องมาพักผ่อนครั้งนี้ เขาไม่คิดจะทำอะไรที่ไม่ดี ไม่คิดจะล่วงเกินน้อง
พอเข้ามาอยู่ในวิลลาด้วยกัน อารัญก็นำกระเป๋าเสื้อผ้าของน้องพิมพ์ไปวางไว้ในห้องนอน แล้วเดินออกมาที่ห้องโถง เขาบอกกับน้องว่า
“พิมพ์นอนในห้องเลยนะครับ พี่จะนอนที่โซฟาตรงนี้”
อารัญนั่งลงบนโซฟา เขาเหยียดแขนเหยียดขาออกเพื่อผ่อนคลาย เพราะรู้สึกเมื่อยนิดหน่อยที่ขับรถมาไกล
พิมพ์ใจยืนเลิ่กลั่กอยู่หน้าประตูห้องนอน ใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ทั้งประหม่า หวาดหวั่น และตื่นกลัว ขณะที่เธอกำลังลังเลว่า จะเดินเข้าไปในห้อง หรือว่าจะทำอะไรดี โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเตือน มันเป็นสัญญาณแจ้งเตือนข้อความเข้าของโปรแกรมแชท
พิมพ์ใจจึงเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วปิดประตูล็อก เด็กสาวล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วอ่านข้อความที่มารดาส่งมาว่า
น้ำผสมยานอนหลับอยู่ในตู้เย็น มีอยู่ขวดเดียว หยิบไปให้อารัญกินเดี๋ยวนี้
พิมพ์ใจกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เด็กสาวปิดหน้าจอโทรศัพท์ แล้วสอดมันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ในตอนที่เธอยื่นมือออกไปเปิดประตูห้อง มือของเธอสั่นจนน่าตกใจ
พอออกไปยืนอยู่หน้าห้องเธอจึงเห็นว่า พี่รัญนั่งอยู่บนโซฟา เขากางแขนสองข้างวางบนพนักโซฟา เอนศีรษะพิงพนัก และหลับตา
พิมพ์ใจเดินไปเปิดตู้เย็น เธอหยิบเอาขวดน้ำที่มีอยู่เพียงขวดเดียวมาถือไว้ แล้วปิดตู้เย็น เธอหันไปมองอารัญ เขายังคงหลับตาอยู่เหมือนเดิม พิมพ์ใจจึงเดินไปหยุดยืนข้างโซฟา
“พี่รัญคะ”
อารัญลืมตา เมื่อเห็นน้องมายืนอยู่ใกล้ ๆ เขาจึงขยับตัวเล็กน้อย พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เด็กสาวยื่นขวดน้ำให้เขา
“พี่รัญขับรถมาเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำสักหน่อยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
อารัญรับขวดน้ำจากน้องมาเปิดดื่ม โดยไม่ได้คิดอะไร เขาดื่มไปจนเกือบหมดขวด แล้วจึงปิดฝาขวด วางไว้บนโต๊ะเล็กที่อยู่ข้างโซฟา
“พิมพ์ว่าจะนอนพักสักครู่ เดี๋ยวเราค่อยไปหาอะไรกินกันนะคะ”
“ครับ”
พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน ทว่าดวงตาของเธอเศร้าและรู้สึกผิด เด็กสาวเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เธอปิดประตูล็อกและเดินไปนั่งรออยู่บนเตียงด้วยความกระวนกระวายใจ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น พิมพ์ใจล้วงโทรศัพท์ออกมากดรับ
“ยาน่าจะออกฤทธิ์แล้ว เปิดประตูให้แม่กับพ่อด้วย เราต้องรีบจัดการทุกอย่าง”
“ค่ะ คุณแม่”
พิมพ์ใจเปิดประตูห้องนอน เธอมองไปยังโซฟา จึงเห็นว่าพี่รัญเปลี่ยนจากนั่ง เป็นนอนเหยียดยาวบนโซฟา เธอเดินเข้าไปใกล้เขา แล้วจับหัวไหล่เขาเขย่าเบา ๆ
“พี่รัญ พี่รัญคะ”
เมื่อเธอปลุกเขาแล้ว แต่เขาไม่ตื่น พิมพ์ใจก็เอามือไปอังตรงจมูกของเขา เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ เด็กสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบเดินไปเปิดประตูให้แม่กับพ่อเลี้ยงเข้ามาในห้อง
“พิมพ์ถอดเสื้อแล้วไปนอนห่มผ้ารอบนเตียง”
คุณพิมพ์พรสั่งลูกสาว แล้วหันไปช่วยสามีพาร่างของอารัญตามเข้าไปในห้องนอน
คุณพิมพ์พรและคุณมานะชัย ช่วยกันจัดฉากถ่ายรูปให้เหมือนกับว่า อารัญกับพิมพ์ใจกำลังมีสัมพันธ์ทางกายกัน เมื่อคิดว่าได้รูปมากพอแล้ว คุณพิมพ์พรก็สั่งให้ลูกสาวใส่เสื้อ แล้วพากลับบ้านทันทีเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับที่รุนแรง ทำให้อารัญหลับยาว เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งในเช้าของวันใหม่ เมื่อลืมตาขึ้น แล้วมองไปรอบตัว เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งอารัญมองหาน้องพิมพ์ พอไม่เห็นเธออยู่ในห้อง เขาก็ขยับตัวเพื่อจะลงจากเตียง ตอนนี้นี่เองที่อารัญรู้ตัวว่า เขาไม่ได้สวมเสื้อ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก้มมองตัวเองด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าเขาง่วงมาก จึงเอนตัวลงนอนบนโซฟา แล้วหลังจากนั้นเขาก็หลับลึกและไม่รู้สึกตัวอีกเลยอารัญปัดความคิดสงสัยต่าง ๆ ออกไปก่อน ตอนนี้เขาเป็นห่วงน้องพิมพ์มากกว่า ตอนนี้เธออยู่ไหนกัน“น้องพิมพ์ พิมพ์ครับ”อารัญหย่อนเท้าลงข้างเตียง แล้วลุกขึ้นยืน เขากำลังจะเดินออกไปเรียกหาน้องข้างนอกห้อง แต่โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เมื่อดูที่หน้าจอ ก็เห็นว่าเป็นมา
อารัญเดินนำหน้าเธอไปจนถึงหน้าตึก คนของเขานำรถมาจอดรออยู่ที่หน้าตึกแล้ว เมื่อเจ้านายไปถึง เขาก็เปิดประตูรถฝั่งคนขับให้ อารัญขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับพิมพ์ใจไม่แน่ใจว่า เขาต้องการให้เธอขึ้นรถไปด้วยหรือไม่ เพราะตั้งแต่ที่เดินออกจากห้องทำงานของเขา กระทั่งเดินมาถึงหน้าตึก เขาไม่พูด ไม่บอกอะไรเธอสักคำเมื่อหญิงสาวไม่ยอมขึ้นรถสักที คนที่นั่งประจำที่คนขับจึงกดกระจกรถอีกฝั่งลง แล้วเอนตัวลงเล็กน้อย ตะคอกถามด้วยเสียงดุไม่พอใจว่า“จะยืนอยู่อีกนานไหม”“เอ่อ…”“ขึ้นรถ !”“ค่ะ”พิมพ์ใจลนลานเปิดประตูรถ แล้วขึ้นไปนั่ง เธอดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ประสานสองมือไว้บนตัก แล้วก็นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง ไม่กล้ากระดุกกระดิก ไม่กล้าหันไปมองเขาอารัญปรายตามองคนตัวเล็กแวบหนึ่ง เขาถอนหายใจแรงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะขับรถพาเธอไปยังคอนโดหรูของเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัท เขาจะให้เธออยู่ที่นั่น อยู่ในฐานะนางบำเรอที่ต้องคอยอ้าขาสนองตัณหาให้เขา จนกว่าเขาจะพอใจ แลกกับการที่เขาจะต้องซื้อที่ดินตาบอดของพ่อเลี้ยงเธอ เพื่อที่ครอบครัวของเธอ จะได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้หนี้ ก่อนที่จะถูกธนาคารยึดบ้านขายทอดตลาดเมื่อขับรถเข้ามาจอดในคอนโดหรู อา
ร่างบางถูกอุ้มขึ้นแนบอก อารัญพาเธอเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วโยนเธอลงบนเตียงอย่างไร้ความอ่อนโยนพิมพ์ใจหวีดร้องด้วยความตกใจ ร่างสาวกระเด้งกระดอนครู่เดียวก็หยุดนิ่ง“เดี๋ยวเธอจะได้รู้ว่า ตอนเล่นละคร กับตอนโดนของจริงมันแตกต่างกันยังไง”อารัญแกะกระดุมที่เหลือด้วยมือข้างเดียวจนหมด เขาสะบัดเสื้อออกจากตัว ทิ้งมันลงบนพื้นเขาถอดเข็มขัด รูดออกจากเอว แล้วโยนลงบนเตียงพิมพ์ใจหลับตาลงก่อนที่เขาจะถอดกางเกงออกจากเรือนกายกำยำ เธอจึงไม่เห็นแววตาเย้ยหยัน และปากที่เหยียดยิ้มร้ายกาจแม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์จริง พิมพ์ใจก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้สั่นไหวได้เลย ยิ่งพอร่างกายใหญ่โตที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทาบทับลงมาบนเรือนกายของเธอ พิมพ์ใจก็ตื่นตระหนกจนน้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตา“อ๊ะ !”พิมพ์ใจอุทานตกใจ เมื่อสาบเสื้อนักศึกษาถูกกระชากจนกระดุมขาดทุกเม็ด เขาจับเธอพลิกซ้ายขวา ลอกคราบเธอจนเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในปกปิดเนินสวาทเท่านั้น“พี่รัญ !”พิมพ์ใจลืมตาเบิกกว้าง และเผลอเรียกเขาในแบบที่เธอเคยเรียกเมื่อในอดีต เพราะเธอตกใจที่เขาทำทุกอย่างอย่างรุนแรง“คุณรัญ ! เรียกใหม่ !”พิมพ์ใจกัดกลีบปากล่างที่สั่นระริกไว้
หวามหวาน เร้าใจ หลอกล่อให้เธอดื่มด่ำกับจุมพิตจนหลงลืมถ้อยคำร้ายกาจที่เขาตราหน้าอารัญถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง เขาผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองดวงหน้าเนียนแดงก่ำ แล้วยิ้มร้าย เขาแตะปลายนิ้วบนกลีบปากอิ่ม ค่อย ๆ เลื่อนมือต่ำลง ผ่านลำคอระหง ลูบผ่านทรวงอกอวบอิ่ม ลูบไล้ลงผ่านหน้าท้องแบนเรียบ กระทั่งสอดมือผ่านขอบกางเกงชั้นในตัวบาง กอบกุมเนินสวาทอวบอูมพิมพ์ใจสะดุ้ง และเผลอใช้สองมือดันอกกว้าง แต่พอมองสบตาคมดุของเขา หญิงสาวก็ปล่อยมือลงข้างลำตัว นอนนิ่ง หอบหายใจแรงอารัญกดนิ้วกลางและนิวชี้ลงกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม เมื่อสัมผัสได้ถึงความชุ่มฉ่ำอุ่นลื่น เขาก็ระบายยิ้มเหยียดหยันพิมพ์ใจกัดกลีบปากล่างไว้แน่น อับอายเมื่อถูกเขาจับได้ว่า เธอมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาเพียงแค่โดนเขาจูบ“คุณหนูผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ จริง ๆ ก็ร่านไม่เบา เธออยากโดนเอาใช่มั้ย…”พิมพ์ใจหลับตา ตะแคงหน้าหนี เธอไม่กล้าสบตาคม มันน่าอายเกินไป เธอรู้สึกไปกับเขา ทั้งที่ถูกเขาต่อว่าอย่างรุนแรงอารัญใช้มือข้างเดียวบีบแก้มนุ่ม บังคับให้เธอหันกลับมา“ลืมตาขึ้น แล้วมองหน้าฉัน”เสียงเข้มดุสั่งอย่างเอาแต่ใจ คนที่ตกเป็นรองทำตามที่เขาสั่ง พิมพ์ใจลืมตาขึ้น เ
วันนั้น หลังจากที่พ่อเลี้ยงกับแม่ไปรับเธอออกมาจากรีสอร์ต พวกท่านพาเธอกลับบ้าน และสั่งให้เธอตัดขาดจากพี่รัญ ห้ามติดต่อเขาอีกเด็ดขาด พวกท่านให้คนคอยรับส่งเธอที่โรงเรียน บอกให้เธอทำตัวให้เป็นปกติ ซึ่งเธอก็เชื่อฟังทำตามที่พวกท่านบอกจนกระทั่งวันหนึ่ง พิมพ์ใจได้ทราบข่าวว่า พ่อของพี่รัญถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต ในวันที่ท่านเดินทางกลับไปประจำพื้นที่เดิม นั่นยิ่งทำให้พิมพ์ใจรู้สึกผิดเต็มหัวใจแผนการของพ่อเลี้ยงและแม่สำเร็จ พวกท่านเอารูปตอนที่เธอกับพี่รัญนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ไปต่อรองกับพ่อของพี่รัญว่า หากไม่อยากให้ลูกชายถูกตราหน้าว่าข่มขืนผู้หญิง เสียชื่อเสียง เสียอนาคต ท่านต้องขอย้ายกลับไปประจำที่เดิม ไม่อย่างนั้นพ่อเลี้ยงกับแม่ของเธอจะแจ้งความเอาผิดพี่รัญแม้จะรู้ว่ามีกระบวนการตรวจสอบ ที่ทำให้ลูกชายพ้นผิดได้ แต่พันตำรวจเอกอธิปก็เลือกที่จะยอมทำตามที่พ่อเลี้ยงกับแม่ของเธอต้องการ เพราะท่านไม่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวมีประวัติด่างพร้อยแม้เพียงนิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเริ่มจากเธอเอง เธอเป็นคนวางยานอนหลับพี่รัญ เธอทำให้พ่อของเขาต้องตาย เธอเป็นห่วงความรู้สึกของพี่รัญ เธออยากขอโทษเขาหลังจากนั้นไม่นา
พอป้าอุ่นออกจากห้องไปแล้ว คุณราณีจึงหันมาคุยกับลูกชาย“รัญซื้อที่ของคุณมานะชัยเหรอลูก”“ครับ แม่”“อย่าทำอะไรน้องนะ น้องยังเด็ก”“เธอโตแล้วครับแม่ เธอบรรลุนิติภาวะแล้ว”“แม่หมายถึงว่า ตอนที่น้องทำเรื่องนั้น น้องยังเด็ก”“แต่ตอนนี้เธอโตแล้วครับแม่”“รัญ…”“พรุ่งนี้ผมมีประชุมเช้า ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ คุณแม่อย่านอนดึกนะครับ”อารัญกอดมารดา หอมแก้มท่านอย่างที่เคยทำประจำ ก่อนจะผละออกมา แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้อง สวนทางกับป้าอุ่นที่ถือแก้วน้ำเดินเข้ามาพอดี เขารับแก้วน้ำจากป้าอุ่นมาดื่มรวดเดียวหมด แล้วคืนแก้วให้นาง ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปคุณราณีมองตามลูกชาย หนักใจอยู่ไม่น้อยที่เขาเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่ปล่อยวางอดีตที่ผ่านไปแล้วส่วนตัวของคุณราณีนั้น คิดว่าสามีทำดีที่สุดแล้ว ทั้งในฐานะบิดาและในหน้าที่ ด้วยตำแหน่งและหน้าที่ของสามีนั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่แล้ว ท่านจึงเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เป็นไปถามว่าเคียดแค้นและโกรธเคืองคนที่มีส่วนผลักให้สามีไปตกอยู่ในสถานการณ์นั้นไหม ก็ต้องตอบว่าเคืองขุ
ตอนแรกพิมพ์ใจคิดว่า จะเอากางเกงมาสวมด้วย แต่กางเกงของเขาก็ตัวใหญ่เหลือเกิน และลำพังเสื้อเพียงตัวเดียว ก็คลุมจนเกือบจะถึงหัวเข่าแล้ว เธอจึงเลือกใส่เสื้อเพียงแค่ตัวเดียวพิมพ์ใจซักชุดนักศึกษาและชุดชั้นในแล้ว ระหว่างที่รอมันแห้ง เธอจึงต้องหาอะไรมาสวมใส่ก่อน เธอคิดว่า เจ้าของห้องคงไม่กลับมาเวลานี้ เวลากลางวันแบบนี้เขาคงไปทำงาน และอาจจะกลับมาอีกทีช่วงเย็นพิมพ์ใจอยากคุยกับเขาเรื่องเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของเธอ เธอต้องกลับไปเอาที่บ้าน แต่เพราะเขาสั่งให้เธออยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนเด็ดขาด หญิงสาวจึงคิดว่า เธอจะรอจนกว่าเขาจะกลับมา เธอถึงจะคุยเรื่องนี้กับเขาเพราะยังไม่คุ้นชินกับสถานที่เท่าไร และเป็นสถานที่ที่เธอต้องอยู่ถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ พิมพ์ใจจึงเดินสำรวจไปทั่วห้องห้องชุดแห่งนี้เป็นห้องมุม มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรู บอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้ดีทว่าความหรูหราของห้องชุด ไม่ได้ทำให้พิมพ์ใจรู้สึกดีเลย การต้องอยู่ที่นี่ในตำแหน่งนางบำเรอ ก็ไม่ต่างจากนกน้อยในกรงทอง ไร้อิสระ อยู่ด้วยใจหม่นเศร้าพิมพ์ใจถอนหายใจบาง
ปากอุ่นร้อนและลิ้นพลิ้วไหว ปาดเลียอย่างจาบจ้วงกลางซอกขา เขาจูบและดูดดึงกลีบเนื้อนุ่มอย่างดุดัน เสียงลามกหยาบโลนดังต่อเนื่อง ปะปนกับเสียงหอบหายใจกระเส่าของคนที่ซุกหน้าอยู่กลางซอกขาขาวพิมพ์ใจหลับตา แหงนเงยหน้า และกัดกลีบปากล่างไว้แน่น เสียวสะท้าน วูบวาบทั้งซอกขา และเสียวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อาจควบคุมตัวเองได้“อ๊า !” เสียงหวานครางหวีดหวิว พร้อมกับกระเด้งบั้นท้ายอวบอัด แอ่นเนินเนื้อเข้าใส่ปากและลิ้นที่กำลังปั่นป่วนเธออยู่“อื๊อ ! พี่รัญ…” พิมพ์ใจครางเรียกเขาด้วยความเผลอไผล เธอเลื่อนสองมือลงขยุ้มเส้นผมลื่นมือ กดหัวเขาไว้แน่น ส่ายร่อนบั้นท้ายเข้าหาอย่างแรดร่าน“พี่รัญ…อ๊า !” พิมพ์ใจกดหัวเขาสุดแรง พร้อมกับแอ่นเนินสวาทค้าง ให้เขาลงลิ้นจ้วงแทงระรัว เธอเสียวจนไม่อาจรัดรั้งความรู้สึกไว้ได้ ในที่สุดเธอก็แตกกระจายคาปากอุ่นร้อนอารัญประกบปากแนบแน่นกับนวลเนื้ออ่อนนุ่ม เขาดูดกลืนน้ำหวานที่หลั่งออกมาจนหมด และลากลิ้นปาดเลียจนทั่ว เขาดูดติ่งเสียวเต็มปาก ตวัดลิ้นระรัว จนคนที่เพิ่งตะกายไปถึงจุดสุขสมดิ้นพล่าน และพยายามดึงผมให้เขาเงยหน้าขึ้นมา“อื๊อ ! พะ…พอได้แล้วค่ะ อ๊าย !”พิมพ์ใจแตกซ่าน หลั่งน้ำหวานออก
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย
พิมพ์ใจตื่นนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนอยู่ท่าเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตหญิงสาวนอนมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนที่เขากกกอดไว้ตื่นก่อนแล้ว เขาก็ยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคุณแม่ตัวเล็กไว้เต็มอ้อมอก“ฮื้อ ! พี่รัญขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้มีประชุมนะคะ”คนที่ต้องประชุมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบ่นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า“พี่ว่า พี่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นชาวสวนดีไหม เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเช้ากินข้าวด้วยกัน ตอนสายก็เข้าสวน พี่ดูแลสวนดูแลต้นไม้ ส่วนพิมพ์ก็นั่งใกล้ ๆ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ พอกลางวันก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมีย ตกเย็นก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนพร้อมกัน แต่เป็นประธานบริษัทเนี่ย ไม่ได้เข้านอนพร้อมเมียเลย พี่กลับถึงบ้านทีไร พิมพ์ก็หลับก่อนทุกที”พิมพ์ใจลูบแก้มท่านประธานบริษัท เธอยิ้มหวานให้กำลังใจเขา“เป็นประธานบริษัทก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมียได้นะคะ วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าว และเอาปิ่นโตมื้อกลางวันไปให้ที่บริษัทนะคะ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยกันเสร็จ จากนั้นพิมพ์ก็จะนั่งให้กำลังใจพี่รัญอยู่ในห้อ
พอเมียทำให้เขาเสียว เขาก็ระบายความเสียวด้วยการบีบขยำบั้นท้ายอวบอัดสองลอนเต็มสองมือ และเมื่ออารมณ์ร้อนแรงพุ่งสูง เขาก็สอดนิ้วกลางผ่านขอบเป้ากางเกงชั้นในตัวบาง ซอกซอนสำรวจแอ่งเนื้ออุ่นลื่นชุ่มฉ่ำพิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น ครางแว่วหวาน เธอกดหัวเข่าข้างหนึ่งลงกลางหว่างแกร่ง เท้าบางอีกข้างยืนอยู่บนพื้น เธอแอ่นก้น ยกกระดก และส่ายร่อนรับนิ้วที่ขยับเสียดสีกลางกลีบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ“พี่รัญ…พิมพ์จะเอา”เขาทำให้เธอเสียว กระตุ้นจนเธอร้อนฉ่าไปทั้งตัว ร่องสาวตอดกระตุก เรียกร้องหาความแข็งแกร่งมาเติมเต็มอารัญปลดเข็มขัด แกะกระดุม รูดซิป และปลดปล่อยตัวตนแข็งขึงออกมา“เอาเลย เอาพี่แรง ๆ นะครับ พี่รออยู่”สองสายตาสบประสาน ต่างคนต่างกระหายและโหยหากันและกันพิมพ์ใจขยับหันหลังให้เขา เธอรูดกางเกงชั้นนั้นในลงจนพ้นปลายเท้า แล้วจึงล้วงมือลงกลางหว่างขาแกร่ง จับแก่นกายอวบยาวรูดเบา ๆ แล้วจับตรงส่วนหัวมนทู่จี้จมตรงปากทางร่องสาวอารัญประคองเอวของภรรยาไว้ และจับจ้องมองภาพเร้าใจไม่วางตา หัวมนอวบใหญ่กำลังสอดใส่เข้าไปในร่องอุ่นอ้าว แค่ส่วนหัวจมจ่อมเข้าไป เขาก็เสียวจนต้องกัดฟัน พอพิมพ์ใจขย่มบั้นท้ายลงมา ร่องเนื้ออุ่นอ้าวดูดกลืน
“อย่าทำตาแบบนี้สิครับ พี่กลัว”“อย่างพี่รัญน่ะเหรอคะจะกลัวพิมพ์”“กลัวสิครับ พี่กลัวพิมพ์ไม่รัก กลัวพิมพ์หนีไปไกล ๆ อีก ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ต้องใจขาดตายแน่นอน”พิมพ์ใจมองสบตาคู่คม เธอประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ“เราสัญญากันแล้วนี่คะว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก เราจะมีความสุขกับปัจจุบัน รักและหวังดีให้กันในทุก ๆ วัน พี่รัญลืมสัญญาของเราไปแล้วเหรอคะ”เพราะบางเรื่องราวในอดีตไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำได้ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เขาและเธอจึงสัญญากันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ไม่ว่าจะไม่พอใจกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะผิดใจกันมากเท่าไร ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็พอ“พี่ขอโทษครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่พูดถึงอีกแล้ว”อารัญยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ไม่ว่าเธออยากให้เขาทำแบบไหน เขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น ยอมให้เธอคนเดียว เพราะอยากให้เธอยิ้มสดใสในทุก ๆ วัน“พิมพ์รักพี่รัญนะคะ”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาเป็นประกายสดใส“พี่รักพิมพ์มากกว่า”“พิมพ์รักพี่รัญมากกว่าต่างหาก”อารัญหัวเราะในลำคอ“ไม่เชื่อหรอก”“จริง ๆ นะคะ”“