บทนำพิมพ์ใจขาสั่นแทบไม่มีแรงเดิน ในตอนที่ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในห้องทำงานกว้างของท่านประธานบริษัท แล้วเธอก็แทบกลั้นหายใจ ในตอนที่สบตาคมดุของเขาเสียงประตูที่ปิดลงทำให้คนที่ยืนนิ่งสะดุ้งตกใจ เลขาของเขาที่เป็นคนพาเธอเข้ามาพบเขาออกจากห้องไปแล้ว ตอนนี้ในห้องมีเพียงเธอกับเขา มันยิ่งทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวยิ่งขึ้นไปอีกพิมพ์ใจกลืนน้ำลายลงคอ สูดลมหายใจลึก เธอก้มหน้า แล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่อารัญเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ ตาคมกวาดมองผู้หญิงที่ขอเข้าพบเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขายิ้มเยาะเย้ยก่อนจะเอ่ยปากบอกเธอว่า“แนะนำตัวหน่อยสิ”พิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาต้องให้เธอแนะนำตัว ทั้งที่เธอกับเขารู้จักกันมานาน และรู้จักกันดี เพราะเธอกับเขาเป็นมากกว่าคนรู้จักกัน...เธอกับเขาเป็นคนเคยรักกัน“ดิฉันชื่อพิมพ์ใจค่ะ อายุยี่สิบสองปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปีสี่ คณะ...”“ฉันไม่อยากรู้ข้อมูลเน่า ๆ พวกนี้ ฉันอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตัวเธอ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า สิ่งที่จะนำมาแลกเปลี่ยนกัน มันคุ้มกับที่สิ่งฉันจะให้หรือเปล่า”“พิมพ์ไม่เข้าใจค่ะ”พิมพ์ใจไม่เข้าใจจริ
พิมพ์ใจค่อย ๆ ปล่อยเสื้อนักศึกษาลงบนพื้น แล้วจึงถอดเข็มขัด รูดซิปกระโปรง แล้วปล่อยให้มันร่วงไปกองที่ข้อเท้า เธอยกขาทีละข้าง ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวบนเรือนร่างเย้ายวนเหลือเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เข้าชุดกันทั้งบนและล่าง ขาเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวสั่นน้อย ๆ“พอใจหรือยังคะ” พิมพ์ใจถามเสียงสั่นเจือสะอื้น น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วย อดสูใจกับตัวเองเหลือเกินอารัญยิ้มร้าย เขาตบตักแกร่ง และบอกหญิงสาวว่า“มานั่งตรงนี้”พิมพ์ใจยอมจำนนต่อคำสั่งของเขา เธอเดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่ไปหยุดอยู่ใกล้เขา“นั่งลง” อารัญสั่งอย่างเอาแต่ใจพิมพ์ใจก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขา เธอค่อย ๆ หย่อนบั้นท้ายลงบนตักแกร่งอารัญจับหญิงสาวนั่งหันหลังพิงอกกว้าง เขาจับขาเรียวแยกถ่าง แล้วลูบมือข้างหนึ่งผ่านหน้าท้องแบนราบ สอดหายเข้าไปในขอบกางเกงชั้นในของเธอ กระทั่งปลายนิ้วกลางสอดแทรกเข้าไปในร่องสาวแห้งผากไร้น้ำหล่อลื่น“พี่รัญ ! พิมพ์เจ็บค่ะ”ก็ว่าจะนั่งนิ่ง จะไม่โวยวาย จะยอมตามใจเขาทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริง พอเขาแตะต้องสัดส่วนที่ไม่เคยมีชายใดแตะต้อง พิมพ์ใจก็สะดุ้งตื่นกลัว เธอเผลอเรียกเขาในแบบที่เธอเคยเรียก และใช้สองมือจับข้อมือเขาไว้แ
ตอนนั้นทั้งกลุ่มเพื่อนของเธอและกลุ่มเพื่อนของเขา ต่างพากันแซวตลอดเวลา พิมพ์ใจจำได้แค่ว่า เธอแนะนำตัวกับพี่รัญว่า“ชื่อพิมพ์ใจนะคะ เรียกพิมพ์เฉย ๆ ก็ได้ เรียนอยู่มอสี่ค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ เรียนอยู่ที่ไหนคะ”พอถามเขาเสร็จแล้ว พิมพ์ใจก็สั่นไปทั้งตัว ทั้งเขิน ทั้งอาย และพี่รัญคงรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เขาจึงเขียนข้อมูลทุกอย่างของเขาใส่กระดาษแล้วยื่นให้เธอพิมพ์ใจจึงได้ข้อมูลของเขาเอามาให้เพื่อน เป็นอันว่าวันนั้น เธอชนะคำท้าของเพื่อน ๆ และก็เอาชนะใจของผู้ชายเงียบขรึมอย่างพี่รัญได้ด้วยเพราะหลังจากวันนั้น พี่รัญก็แอดไลน์มาหาเธอ ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น เริ่มคุ้นเคยที่จะทักทายพูดกันทุกวัน บอกฝันดีก่อนนอนทุกคืน และความสัมพันธ์เริ่มพัฒนามาจนถึงขั้นตกลงคบกันเป็นแฟนเป็นความรักใส ๆ ที่มีแต่ความปรารถนาดีให้กัน พี่รัญให้เกียรติน้อง ไม่เคยล่วงเกินน้อง และเขาไม่คิดจะทำมันเลย เขาอยากให้น้องรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา ยิ่งนานวัน หัวใจสองดวงก็ยิ่งผูกพัน ยิ่งรัก ยิ่งเข้าอกเข้าใจกัน...น้องยังเด็ก อารัญจึงไม่อยากทำให้เธอเสียใจ ไม่อยากทำให้เธอต้องแปดเปื้อนใด ๆ เขารอน้องได้เสมอ รอจนถึงวันที่น้องพร้อ
พอได้รู้จักคุณพ่อคุณแม่ของพี่รัญ พิมพ์ใจจึงพอจะรู้แล้วล่ะว่า พี่รัญได้รับนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษมาจากพ่อ และได้รับนิสัยความใจดี อบอุ่น อ่อนโยนมาจากแม่คุณพ่อคุณแม่ของพี่รัญเอ็นดูเธอมาก และพวกท่านก็เตือนลูกชายต่อหน้าเธอว่า อย่าทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว คนที่จะเสียหายและเสียใจที่สุดคือเธอแถมพวกท่านยังบอกเธอด้วยว่า หากพี่รัญทำให้เธอเสียใจ หรือทำอะไรไม่ดีกับเธอ ให้รีบบอกพวกท่าน พวกท่านจะจัดการพี่รัญให้เองพิมพ์ใจเชื่อใจพี่รัญ และไว้ใจเขา และพอได้มารู้จักครอบครัวของเขา เธอก็ยิ่งไว้วางใจเขามากขึ้นอีก เขาแสดงให้เธอเห็นว่า เขาจริงใจกับเธอ และให้เกียรติเธอทั้งต่อหน้าและลับหลังบุคคลอื่น“วันนี้ใครมารับเหรอพิมพ์” “พี่รัญมารับจ้ะ”“งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะ กลับบ้านดี ๆ”“จ้า...กลับบ้านดี ๆ น้า”พิมพ์ใจบ๊ายบายเพื่อน ๆ แล้วก็เดินออกจากประตูโรงเรียน ไปหาพี่รัญตรงจุดที่นัดพบกันประจำอารัญนั่งรอน้องอยู่ในรถเก๋งคันหรู พอน้องเดินมาเปิดประตูรถ แล้วขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับ เขาก็หันไปยิ้มให้เธอ“พี่รัญรอนานมั้ยคะ”“ไม่นานครับ วั
ด้วยสัญชาตญาณการปกป้อง เพราะกลัวว่าน้องจะล้ม อารัญจึงโอบกอดน้องไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง รูปที่ได้ออกมาจึงเป็นรูปที่เห็นว่า พิมพ์ใจซุกหน้ากับอกกว้าง โดยมีวงแขนของพี่รัญโอบกอดเธอไว้ เห็นใบหน้าหล่อเหลาของพี่รัญชัดเจน และเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจอกอบอุ่น และวงแขนที่โอบกอดเธอไว้ ทำให้พิมพ์ใจใจสั่น เด็กสาวจึงรีบเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของพี่รัญ แล้วอ้อมแอ้มบอกเขาว่า“พิมพ์อยากกลับบ้านแล้วค่ะ”อารัญยิ้มเอ็นดูน้องน้อย“ครับ กลับกันเถอะ นี่โทรศัพท์ของพิมพ์ครับ”พิมพ์ใจรับโทรศัพท์มาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วมืออีกข้างของเธอ ก็ถูกพี่รัญจับไว้ เขาจับมือเธอเดินกลับไปที่รถ พิมพ์ใจเดินตามเขาไปเงียบ ๆ แก้มนวลร้อนวูบวาบด้วยความขัดเขินเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ อารัญชวนน้องคุยตามปกติ เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่นกเป็นเหตุทำให้น้องต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเมื่อพูดคุยกันไปหลายเรื่อง พิมพ์ใจก็ลืมเรื่องที่ทำให้เธอตื่นเต้นใจสั่น เด็กสาวพูดคุยกับพี่รัญอย่างน่ารักสดใสเหมือนเดิมในขณะที่น้องลืมเรื่องเมื่อครู่ใหญ่ไปแล้ว ทว่าคนเป็นพี่ยังใจสั่นไม่หาย กลิ่นหอมกรุ่นของน้อง ไออุ่นจากกายเนียนนุ่ม ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ เขาพย
“พิมพ์ไม่อยากทำร้ายพี่รัญค่ะ”พิมพ์ใจบอกเสียงสั่นเจือสะอื้น น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตา เธอมองคุณแม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวคุณพิมพ์พรสูดลมหายใจลึก แล้วระบายออกช้า ๆ เธอนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเศร้าน่าสงสารว่า“ครอบครัวของเรากำลังจะล่มจม ถ้าพิมพ์ไม่ช่วย ธุรกิจของคุณพ่อจะไปไม่รอด และคุณพ่อก็อาจจะต้องติดคุก ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมด จะต้องเอาออกมาขายเพื่อชดใช้หนี้ แม่จะกลายเป็นคนจนเหมือนเดิม ลูกจะไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนดี ๆ แล้วสุดท้าย อารัญเขาก็จะทิ้งลูกไป เขาจะมาสนใจอะไร กับคนจน ๆ ไม่มีหน้าตาทางสังคมเทียบเท่าเขา”“พี่รัญไม่ใช่คนอย่างนั้นแน่นอนค่ะ”พิมพ์ใจเชื่อมั่นในตัวของพี่รัญ“พิมพ์...ลูกยังเด็กเกินไป ลูกไม่เคยเจอความโหดร้ายของโลกใบนี้ เพราะมีแม่คอยปกป้อง ลูกเลยมองว่าคนรอบตัวของลูกเป็นคนดี ลูกจึงไว้ใจเขา เชื่อมั่นในตัวเขา แต่จริง ๆ แล้ว รู้อะไรไหม คนที่เรารักและไว้ใจ อาจจะเป็นคนที่ร้ายที่สุดก็ได้ เหมือนอย่างที่แม่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้”พอพูดจบคุณพิมพ์พรก็สะอื้นไห้ เธอยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะตรงหน้า เอามาซับน้ำตาเบา ๆ แล้วก็เอ
“ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาไม่ดีเลย” อารัญถามน้องด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เธอขึ้นรถมา เขาก็สังเกตเห็นว่า พิมพ์ใจพูดน้อยกว่าปกติ และสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไรนัก “เปล่าค่ะ พิมพ์แค่ง่วงนิดหน่อย” พิมพ์ใจรู้สึกว่า กว่าที่เธอจะพูดออกไปได้แต่ละคำนั้นยากเย็นนัก พี่รัญจะสงสัยอะไรในตัวเธอหรือเปล่า “งั้นพอถึงที่พักแล้ว พิมพ์ก็นอนพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วเย็น ๆ เราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน” พิมพ์ใจปรายตามองคนที่กำลังขับรถอยู่แวบหนึ่ง แล้วก้มหน้า ก่อนจะตอบรับคำด้วยเสียงแผ่วเบา “ค่ะ พี่รัญ” หลังจากตอบรับเขาแล้ว พิมพ์ใจก็เอนหลังพิงเบาะรถ เธอตะแคงหน้า มองไปทางหน้าต่างรถ แล้วหลับตาลง เป็นการหยุดบทสนทนาระหว่างเขากับเธอ เพราะหากยังพูดคุยกับพี่รัญต่อไป หรือหากได้สบตาเขา เธอคงจะเผลอทำพิรุธออกไปให้เขาจับได้ เมื่อวานเธ
คุณพิมพ์พรและคุณมานะชัย ช่วยกันจัดฉากถ่ายรูปให้เหมือนกับว่า อารัญกับพิมพ์ใจกำลังมีสัมพันธ์ทางกายกัน เมื่อคิดว่าได้รูปมากพอแล้ว คุณพิมพ์พรก็สั่งให้ลูกสาวใส่เสื้อ แล้วพากลับบ้านทันทีเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับที่รุนแรง ทำให้อารัญหลับยาว เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งในเช้าของวันใหม่ เมื่อลืมตาขึ้น แล้วมองไปรอบตัว เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งอารัญมองหาน้องพิมพ์ พอไม่เห็นเธออยู่ในห้อง เขาก็ขยับตัวเพื่อจะลงจากเตียง ตอนนี้นี่เองที่อารัญรู้ตัวว่า เขาไม่ได้สวมเสื้อ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก้มมองตัวเองด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าเขาง่วงมาก จึงเอนตัวลงนอนบนโซฟา แล้วหลังจากนั้นเขาก็หลับลึกและไม่รู้สึกตัวอีกเลยอารัญปัดความคิดสงสัยต่าง ๆ ออกไปก่อน ตอนนี้เขาเป็นห่วงน้องพิมพ์มากกว่า ตอนนี้เธออยู่ไหนกัน“น้องพิมพ์ พิมพ์ครับ”อารัญหย่อนเท้าลงข้างเตียง แล้วลุกขึ้นยืน เขากำลังจะเดินออกไปเรียกหาน้องข้างนอกห้อง แต่โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เมื่อดูที่หน้าจอ ก็เห็นว่าเป็นมา
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย
พิมพ์ใจตื่นนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนอยู่ท่าเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตหญิงสาวนอนมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนที่เขากกกอดไว้ตื่นก่อนแล้ว เขาก็ยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคุณแม่ตัวเล็กไว้เต็มอ้อมอก“ฮื้อ ! พี่รัญขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้มีประชุมนะคะ”คนที่ต้องประชุมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบ่นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า“พี่ว่า พี่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นชาวสวนดีไหม เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเช้ากินข้าวด้วยกัน ตอนสายก็เข้าสวน พี่ดูแลสวนดูแลต้นไม้ ส่วนพิมพ์ก็นั่งใกล้ ๆ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ พอกลางวันก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมีย ตกเย็นก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนพร้อมกัน แต่เป็นประธานบริษัทเนี่ย ไม่ได้เข้านอนพร้อมเมียเลย พี่กลับถึงบ้านทีไร พิมพ์ก็หลับก่อนทุกที”พิมพ์ใจลูบแก้มท่านประธานบริษัท เธอยิ้มหวานให้กำลังใจเขา“เป็นประธานบริษัทก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมียได้นะคะ วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าว และเอาปิ่นโตมื้อกลางวันไปให้ที่บริษัทนะคะ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยกันเสร็จ จากนั้นพิมพ์ก็จะนั่งให้กำลังใจพี่รัญอยู่ในห้อ
พอเมียทำให้เขาเสียว เขาก็ระบายความเสียวด้วยการบีบขยำบั้นท้ายอวบอัดสองลอนเต็มสองมือ และเมื่ออารมณ์ร้อนแรงพุ่งสูง เขาก็สอดนิ้วกลางผ่านขอบเป้ากางเกงชั้นในตัวบาง ซอกซอนสำรวจแอ่งเนื้ออุ่นลื่นชุ่มฉ่ำพิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น ครางแว่วหวาน เธอกดหัวเข่าข้างหนึ่งลงกลางหว่างแกร่ง เท้าบางอีกข้างยืนอยู่บนพื้น เธอแอ่นก้น ยกกระดก และส่ายร่อนรับนิ้วที่ขยับเสียดสีกลางกลีบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ“พี่รัญ…พิมพ์จะเอา”เขาทำให้เธอเสียว กระตุ้นจนเธอร้อนฉ่าไปทั้งตัว ร่องสาวตอดกระตุก เรียกร้องหาความแข็งแกร่งมาเติมเต็มอารัญปลดเข็มขัด แกะกระดุม รูดซิป และปลดปล่อยตัวตนแข็งขึงออกมา“เอาเลย เอาพี่แรง ๆ นะครับ พี่รออยู่”สองสายตาสบประสาน ต่างคนต่างกระหายและโหยหากันและกันพิมพ์ใจขยับหันหลังให้เขา เธอรูดกางเกงชั้นนั้นในลงจนพ้นปลายเท้า แล้วจึงล้วงมือลงกลางหว่างขาแกร่ง จับแก่นกายอวบยาวรูดเบา ๆ แล้วจับตรงส่วนหัวมนทู่จี้จมตรงปากทางร่องสาวอารัญประคองเอวของภรรยาไว้ และจับจ้องมองภาพเร้าใจไม่วางตา หัวมนอวบใหญ่กำลังสอดใส่เข้าไปในร่องอุ่นอ้าว แค่ส่วนหัวจมจ่อมเข้าไป เขาก็เสียวจนต้องกัดฟัน พอพิมพ์ใจขย่มบั้นท้ายลงมา ร่องเนื้ออุ่นอ้าวดูดกลืน
“อย่าทำตาแบบนี้สิครับ พี่กลัว”“อย่างพี่รัญน่ะเหรอคะจะกลัวพิมพ์”“กลัวสิครับ พี่กลัวพิมพ์ไม่รัก กลัวพิมพ์หนีไปไกล ๆ อีก ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ต้องใจขาดตายแน่นอน”พิมพ์ใจมองสบตาคู่คม เธอประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ“เราสัญญากันแล้วนี่คะว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก เราจะมีความสุขกับปัจจุบัน รักและหวังดีให้กันในทุก ๆ วัน พี่รัญลืมสัญญาของเราไปแล้วเหรอคะ”เพราะบางเรื่องราวในอดีตไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำได้ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เขาและเธอจึงสัญญากันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ไม่ว่าจะไม่พอใจกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะผิดใจกันมากเท่าไร ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็พอ“พี่ขอโทษครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่พูดถึงอีกแล้ว”อารัญยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ไม่ว่าเธออยากให้เขาทำแบบไหน เขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น ยอมให้เธอคนเดียว เพราะอยากให้เธอยิ้มสดใสในทุก ๆ วัน“พิมพ์รักพี่รัญนะคะ”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาเป็นประกายสดใส“พี่รักพิมพ์มากกว่า”“พิมพ์รักพี่รัญมากกว่าต่างหาก”อารัญหัวเราะในลำคอ“ไม่เชื่อหรอก”“จริง ๆ นะคะ”“