อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
บทนำพิมพ์ใจขาสั่นแทบไม่มีแรงเดิน ในตอนที่ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในห้องทำงานกว้างของท่านประธานบริษัท แล้วเธอก็แทบกลั้นหายใจ ในตอนที่สบตาคมดุของเขาเสียงประตูที่ปิดลงทำให้คนที่ยืนนิ่งสะดุ้งตกใจ เลขาของเขาที่เป็นคนพาเธอเข้ามาพบเขาออกจากห้องไปแล้ว ตอนนี้ในห้องมีเพียงเธอกับเขา มันยิ่งทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวยิ่งขึ้นไปอีกพิมพ์ใจกลืนน้ำลายลงคอ สูดลมหายใจลึก เธอก้มหน้า แล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่อารัญเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ ตาคมกวาดมองผู้หญิงที่ขอเข้าพบเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขายิ้มเยาะเย้ยก่อนจะเอ่ยปากบอกเธอว่า“แนะนำตัวหน่อยสิ”พิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาต้องให้เธอแนะนำตัว ทั้งที่เธอกับเขารู้จักกันมานาน และรู้จักกันดี เพราะเธอกับเขาเป็นมากกว่าคนรู้จักกัน...เธอกับเขาเป็นคนเคยรักกัน“ดิฉันชื่อพิมพ์ใจค่ะ อายุยี่สิบสองปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปีสี่ คณะ...”“ฉันไม่อยากรู้ข้อมูลเน่า ๆ พวกนี้ ฉันอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตัวเธอ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า สิ่งที่จะนำมาแลกเปลี่ยนกัน มันคุ้มกับที่สิ่งฉันจะให้หรือเปล่า”“พิมพ์ไม่เข้าใจค่ะ”พิมพ์ใจไม่เข้าใจจริ
พิมพ์ใจค่อย ๆ ปล่อยเสื้อนักศึกษาลงบนพื้น แล้วจึงถอดเข็มขัด รูดซิปกระโปรง แล้วปล่อยให้มันร่วงไปกองที่ข้อเท้า เธอยกขาทีละข้าง ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวบนเรือนร่างเย้ายวนเหลือเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เข้าชุดกันทั้งบนและล่าง ขาเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวสั่นน้อย ๆ“พอใจหรือยังคะ” พิมพ์ใจถามเสียงสั่นเจือสะอื้น น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วย อดสูใจกับตัวเองเหลือเกินอารัญยิ้มร้าย เขาตบตักแกร่ง และบอกหญิงสาวว่า“มานั่งตรงนี้”พิมพ์ใจยอมจำนนต่อคำสั่งของเขา เธอเดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่ไปหยุดอยู่ใกล้เขา“นั่งลง” อารัญสั่งอย่างเอาแต่ใจพิมพ์ใจก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขา เธอค่อย ๆ หย่อนบั้นท้ายลงบนตักแกร่งอารัญจับหญิงสาวนั่งหันหลังพิงอกกว้าง เขาจับขาเรียวแยกถ่าง แล้วลูบมือข้างหนึ่งผ่านหน้าท้องแบนราบ สอดหายเข้าไปในขอบกางเกงชั้นในของเธอ กระทั่งปลายนิ้วกลางสอดแทรกเข้าไปในร่องสาวแห้งผากไร้น้ำหล่อลื่น“พี่รัญ ! พิมพ์เจ็บค่ะ”ก็ว่าจะนั่งนิ่ง จะไม่โวยวาย จะยอมตามใจเขาทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริง พอเขาแตะต้องสัดส่วนที่ไม่เคยมีชายใดแตะต้อง พิมพ์ใจก็สะดุ้งตื่นกลัว เธอเผลอเรียกเขาในแบบที่เธอเคยเรียก และใช้สองมือจับข้อมือเขาไว้แ
ตอนนั้นทั้งกลุ่มเพื่อนของเธอและกลุ่มเพื่อนของเขา ต่างพากันแซวตลอดเวลา พิมพ์ใจจำได้แค่ว่า เธอแนะนำตัวกับพี่รัญว่า“ชื่อพิมพ์ใจนะคะ เรียกพิมพ์เฉย ๆ ก็ได้ เรียนอยู่มอสี่ค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ เรียนอยู่ที่ไหนคะ”พอถามเขาเสร็จแล้ว พิมพ์ใจก็สั่นไปทั้งตัว ทั้งเขิน ทั้งอาย และพี่รัญคงรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เขาจึงเขียนข้อมูลทุกอย่างของเขาใส่กระดาษแล้วยื่นให้เธอพิมพ์ใจจึงได้ข้อมูลของเขาเอามาให้เพื่อน เป็นอันว่าวันนั้น เธอชนะคำท้าของเพื่อน ๆ และก็เอาชนะใจของผู้ชายเงียบขรึมอย่างพี่รัญได้ด้วยเพราะหลังจากวันนั้น พี่รัญก็แอดไลน์มาหาเธอ ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น เริ่มคุ้นเคยที่จะทักทายพูดกันทุกวัน บอกฝันดีก่อนนอนทุกคืน และความสัมพันธ์เริ่มพัฒนามาจนถึงขั้นตกลงคบกันเป็นแฟนเป็นความรักใส ๆ ที่มีแต่ความปรารถนาดีให้กัน พี่รัญให้เกียรติน้อง ไม่เคยล่วงเกินน้อง และเขาไม่คิดจะทำมันเลย เขาอยากให้น้องรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา ยิ่งนานวัน หัวใจสองดวงก็ยิ่งผูกพัน ยิ่งรัก ยิ่งเข้าอกเข้าใจกัน...น้องยังเด็ก อารัญจึงไม่อยากทำให้เธอเสียใจ ไม่อยากทำให้เธอต้องแปดเปื้อนใด ๆ เขารอน้องได้เสมอ รอจนถึงวันที่น้องพร้อ
พอได้รู้จักคุณพ่อคุณแม่ของพี่รัญ พิมพ์ใจจึงพอจะรู้แล้วล่ะว่า พี่รัญได้รับนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษมาจากพ่อ และได้รับนิสัยความใจดี อบอุ่น อ่อนโยนมาจากแม่คุณพ่อคุณแม่ของพี่รัญเอ็นดูเธอมาก และพวกท่านก็เตือนลูกชายต่อหน้าเธอว่า อย่าทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่าทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว คนที่จะเสียหายและเสียใจที่สุดคือเธอแถมพวกท่านยังบอกเธอด้วยว่า หากพี่รัญทำให้เธอเสียใจ หรือทำอะไรไม่ดีกับเธอ ให้รีบบอกพวกท่าน พวกท่านจะจัดการพี่รัญให้เองพิมพ์ใจเชื่อใจพี่รัญ และไว้ใจเขา และพอได้มารู้จักครอบครัวของเขา เธอก็ยิ่งไว้วางใจเขามากขึ้นอีก เขาแสดงให้เธอเห็นว่า เขาจริงใจกับเธอ และให้เกียรติเธอทั้งต่อหน้าและลับหลังบุคคลอื่น“วันนี้ใครมารับเหรอพิมพ์” “พี่รัญมารับจ้ะ”“งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะ กลับบ้านดี ๆ”“จ้า...กลับบ้านดี ๆ น้า”พิมพ์ใจบ๊ายบายเพื่อน ๆ แล้วก็เดินออกจากประตูโรงเรียน ไปหาพี่รัญตรงจุดที่นัดพบกันประจำอารัญนั่งรอน้องอยู่ในรถเก๋งคันหรู พอน้องเดินมาเปิดประตูรถ แล้วขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับ เขาก็หันไปยิ้มให้เธอ“พี่รัญรอนานมั้ยคะ”“ไม่นานครับ วั
ด้วยสัญชาตญาณการปกป้อง เพราะกลัวว่าน้องจะล้ม อารัญจึงโอบกอดน้องไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง รูปที่ได้ออกมาจึงเป็นรูปที่เห็นว่า พิมพ์ใจซุกหน้ากับอกกว้าง โดยมีวงแขนของพี่รัญโอบกอดเธอไว้ เห็นใบหน้าหล่อเหลาของพี่รัญชัดเจน และเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจอกอบอุ่น และวงแขนที่โอบกอดเธอไว้ ทำให้พิมพ์ใจใจสั่น เด็กสาวจึงรีบเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของพี่รัญ แล้วอ้อมแอ้มบอกเขาว่า“พิมพ์อยากกลับบ้านแล้วค่ะ”อารัญยิ้มเอ็นดูน้องน้อย“ครับ กลับกันเถอะ นี่โทรศัพท์ของพิมพ์ครับ”พิมพ์ใจรับโทรศัพท์มาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วมืออีกข้างของเธอ ก็ถูกพี่รัญจับไว้ เขาจับมือเธอเดินกลับไปที่รถ พิมพ์ใจเดินตามเขาไปเงียบ ๆ แก้มนวลร้อนวูบวาบด้วยความขัดเขินเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ อารัญชวนน้องคุยตามปกติ เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่นกเป็นเหตุทำให้น้องต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเมื่อพูดคุยกันไปหลายเรื่อง พิมพ์ใจก็ลืมเรื่องที่ทำให้เธอตื่นเต้นใจสั่น เด็กสาวพูดคุยกับพี่รัญอย่างน่ารักสดใสเหมือนเดิมในขณะที่น้องลืมเรื่องเมื่อครู่ใหญ่ไปแล้ว ทว่าคนเป็นพี่ยังใจสั่นไม่หาย กลิ่นหอมกรุ่นของน้อง ไออุ่นจากกายเนียนนุ่ม ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ เขาพย
“พิมพ์ไม่อยากทำร้ายพี่รัญค่ะ”พิมพ์ใจบอกเสียงสั่นเจือสะอื้น น้ำตาเอ่อเต็มหน่วยตา เธอมองคุณแม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวคุณพิมพ์พรสูดลมหายใจลึก แล้วระบายออกช้า ๆ เธอนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเศร้าน่าสงสารว่า“ครอบครัวของเรากำลังจะล่มจม ถ้าพิมพ์ไม่ช่วย ธุรกิจของคุณพ่อจะไปไม่รอด และคุณพ่อก็อาจจะต้องติดคุก ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมด จะต้องเอาออกมาขายเพื่อชดใช้หนี้ แม่จะกลายเป็นคนจนเหมือนเดิม ลูกจะไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนดี ๆ แล้วสุดท้าย อารัญเขาก็จะทิ้งลูกไป เขาจะมาสนใจอะไร กับคนจน ๆ ไม่มีหน้าตาทางสังคมเทียบเท่าเขา”“พี่รัญไม่ใช่คนอย่างนั้นแน่นอนค่ะ”พิมพ์ใจเชื่อมั่นในตัวของพี่รัญ“พิมพ์...ลูกยังเด็กเกินไป ลูกไม่เคยเจอความโหดร้ายของโลกใบนี้ เพราะมีแม่คอยปกป้อง ลูกเลยมองว่าคนรอบตัวของลูกเป็นคนดี ลูกจึงไว้ใจเขา เชื่อมั่นในตัวเขา แต่จริง ๆ แล้ว รู้อะไรไหม คนที่เรารักและไว้ใจ อาจจะเป็นคนที่ร้ายที่สุดก็ได้ เหมือนอย่างที่แม่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้”พอพูดจบคุณพิมพ์พรก็สะอื้นไห้ เธอยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะตรงหน้า เอามาซับน้ำตาเบา ๆ แล้วก็เอ
“ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาไม่ดีเลย” อารัญถามน้องด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เธอขึ้นรถมา เขาก็สังเกตเห็นว่า พิมพ์ใจพูดน้อยกว่าปกติ และสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไรนัก “เปล่าค่ะ พิมพ์แค่ง่วงนิดหน่อย” พิมพ์ใจรู้สึกว่า กว่าที่เธอจะพูดออกไปได้แต่ละคำนั้นยากเย็นนัก พี่รัญจะสงสัยอะไรในตัวเธอหรือเปล่า “งั้นพอถึงที่พักแล้ว พิมพ์ก็นอนพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วเย็น ๆ เราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน” พิมพ์ใจปรายตามองคนที่กำลังขับรถอยู่แวบหนึ่ง แล้วก้มหน้า ก่อนจะตอบรับคำด้วยเสียงแผ่วเบา “ค่ะ พี่รัญ” หลังจากตอบรับเขาแล้ว พิมพ์ใจก็เอนหลังพิงเบาะรถ เธอตะแคงหน้า มองไปทางหน้าต่างรถ แล้วหลับตาลง เป็นการหยุดบทสนทนาระหว่างเขากับเธอ เพราะหากยังพูดคุยกับพี่รัญต่อไป หรือหากได้สบตาเขา เธอคงจะเผลอทำพิรุธออกไปให้เขาจับได้ เมื่อวานเธ
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย
พิมพ์ใจตื่นนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนอยู่ท่าเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตหญิงสาวนอนมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนที่เขากกกอดไว้ตื่นก่อนแล้ว เขาก็ยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคุณแม่ตัวเล็กไว้เต็มอ้อมอก“ฮื้อ ! พี่รัญขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้มีประชุมนะคะ”คนที่ต้องประชุมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบ่นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า“พี่ว่า พี่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นชาวสวนดีไหม เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเช้ากินข้าวด้วยกัน ตอนสายก็เข้าสวน พี่ดูแลสวนดูแลต้นไม้ ส่วนพิมพ์ก็นั่งใกล้ ๆ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ พอกลางวันก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมีย ตกเย็นก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนพร้อมกัน แต่เป็นประธานบริษัทเนี่ย ไม่ได้เข้านอนพร้อมเมียเลย พี่กลับถึงบ้านทีไร พิมพ์ก็หลับก่อนทุกที”พิมพ์ใจลูบแก้มท่านประธานบริษัท เธอยิ้มหวานให้กำลังใจเขา“เป็นประธานบริษัทก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมียได้นะคะ วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าว และเอาปิ่นโตมื้อกลางวันไปให้ที่บริษัทนะคะ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยกันเสร็จ จากนั้นพิมพ์ก็จะนั่งให้กำลังใจพี่รัญอยู่ในห้อ
พอเมียทำให้เขาเสียว เขาก็ระบายความเสียวด้วยการบีบขยำบั้นท้ายอวบอัดสองลอนเต็มสองมือ และเมื่ออารมณ์ร้อนแรงพุ่งสูง เขาก็สอดนิ้วกลางผ่านขอบเป้ากางเกงชั้นในตัวบาง ซอกซอนสำรวจแอ่งเนื้ออุ่นลื่นชุ่มฉ่ำพิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น ครางแว่วหวาน เธอกดหัวเข่าข้างหนึ่งลงกลางหว่างแกร่ง เท้าบางอีกข้างยืนอยู่บนพื้น เธอแอ่นก้น ยกกระดก และส่ายร่อนรับนิ้วที่ขยับเสียดสีกลางกลีบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ“พี่รัญ…พิมพ์จะเอา”เขาทำให้เธอเสียว กระตุ้นจนเธอร้อนฉ่าไปทั้งตัว ร่องสาวตอดกระตุก เรียกร้องหาความแข็งแกร่งมาเติมเต็มอารัญปลดเข็มขัด แกะกระดุม รูดซิป และปลดปล่อยตัวตนแข็งขึงออกมา“เอาเลย เอาพี่แรง ๆ นะครับ พี่รออยู่”สองสายตาสบประสาน ต่างคนต่างกระหายและโหยหากันและกันพิมพ์ใจขยับหันหลังให้เขา เธอรูดกางเกงชั้นนั้นในลงจนพ้นปลายเท้า แล้วจึงล้วงมือลงกลางหว่างขาแกร่ง จับแก่นกายอวบยาวรูดเบา ๆ แล้วจับตรงส่วนหัวมนทู่จี้จมตรงปากทางร่องสาวอารัญประคองเอวของภรรยาไว้ และจับจ้องมองภาพเร้าใจไม่วางตา หัวมนอวบใหญ่กำลังสอดใส่เข้าไปในร่องอุ่นอ้าว แค่ส่วนหัวจมจ่อมเข้าไป เขาก็เสียวจนต้องกัดฟัน พอพิมพ์ใจขย่มบั้นท้ายลงมา ร่องเนื้ออุ่นอ้าวดูดกลืน
“อย่าทำตาแบบนี้สิครับ พี่กลัว”“อย่างพี่รัญน่ะเหรอคะจะกลัวพิมพ์”“กลัวสิครับ พี่กลัวพิมพ์ไม่รัก กลัวพิมพ์หนีไปไกล ๆ อีก ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ต้องใจขาดตายแน่นอน”พิมพ์ใจมองสบตาคู่คม เธอประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ“เราสัญญากันแล้วนี่คะว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก เราจะมีความสุขกับปัจจุบัน รักและหวังดีให้กันในทุก ๆ วัน พี่รัญลืมสัญญาของเราไปแล้วเหรอคะ”เพราะบางเรื่องราวในอดีตไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำได้ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เขาและเธอจึงสัญญากันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ไม่ว่าจะไม่พอใจกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะผิดใจกันมากเท่าไร ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็พอ“พี่ขอโทษครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่พูดถึงอีกแล้ว”อารัญยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ไม่ว่าเธออยากให้เขาทำแบบไหน เขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น ยอมให้เธอคนเดียว เพราะอยากให้เธอยิ้มสดใสในทุก ๆ วัน“พิมพ์รักพี่รัญนะคะ”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาเป็นประกายสดใส“พี่รักพิมพ์มากกว่า”“พิมพ์รักพี่รัญมากกว่าต่างหาก”อารัญหัวเราะในลำคอ“ไม่เชื่อหรอก”“จริง ๆ นะคะ”“