ตอนที่ 2
“ลูกขออภัยท่านพ่อ แต่ลูกก็เป็นของลูกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ท่านพ่ออย่ามาต่อว่าลูกเลย นิสัยของลูกเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว” มูนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่สีหน้าไม่ได้สำนึกผิดแม้สักนิด
“เอาละๆ พ่อเข้าใจเจ้าดี แต่เจ้าก็อย่าลืมว่าเจ้าเกิดมาพร้อมคำทำนายของแม่เฒ่า แล้ววันนี้สิ่งที่แม่เฒ่าทำนายไว้ก็เกิดขึ้นแล้ว และมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยหมู่บ้านของเราได้” คนเป็นพ่อหันมาหว่านล้อมบุตรสาวอีกครั้งด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แม้จะใจหายที่ลูกต้องมาจากอกไป แต่มันก็เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้คนอื่นๆ ในหมู่บ้านได้อยู่ต่อกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
“แต่ลูกไม่เชื่อคำทำนายนั่นหรอกท่านพ่อ ลูกว่ามันน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเสียมากกว่า” มูนาเถียงเสียงขึ้นจมูก ดวงหน้าสวยคมบึ้งตึงขึ้นมาอีกครั้งอย่างขัดเคืองใจ ที่จนแล้วจนรอดผู้เป็นพ่อก็ยังไม่เลิกคิดจะส่งเธอเข้าวัง
“มูนา! นี่เจ้ากล้าลบหลู่คำทำนายของแม่เฒ่างั้นหรือ”
“ลูกเปล่านะท่านพ่อ เพียงแต่ลูกไม่คิดว่าตัวลูกจะเป็นสาเหตุทำให้หมู่บ้านของเราเกิดอาเพศแปลกประหลาดเช่นทุกวันนี้ต่างหากเล่า อีกอย่างลูกว่าคนเราจะกำหนดให้เด็กเกิดมาเป็นชายหรือหญิงได้อย่างไรกัน” มูนาเอ่ยแก้ตัวเสียงอ่อน ดวงหน้าสวยคมเจื่อนลงอย่างสำนึกผิด
“แต่เจ้าก็รู้ก็เห็นว่าเด็กที่เกิดหลังจากเจ้ามีแต่เด็กผู้ชาย” ท่านโมฮัมถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มใจ ที่กล่อมอย่างไรบุตรสาวก็ยังไม่เห็นดีเห็นงามด้วยเสียที
“ลูกก็บอกท่านพ่อไปแล้วว่าเราเลือกเพศเกิดของเด็กไม่ได้ แล้วเหตุใดชาวบ้านถึงได้มากล่าวโทษแต่ข้าเล่า หากแม่เฒ่ายังอยู่ ข้าอยากถามแม่เฒ่าเหลือเกินว่ากำหนดให้ข้าเกิดมาทำไม หากเกิดมาแล้วจะทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต้องเดือดร้อน” มูนาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รอนีย์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลขยับเข้ามาลูบหลังอย่างปลอบโยน ไม่ต่างจากคนเป็นพ่อที่ก็สงสารบุตรสาวไม่น้อย
“คุณหนูอย่าร้องไห้เลยนะเจ้าคะ” พี่เลี้ยงสาวเอ่ยปลอบเสียงนุ่ม รั้งตัวเด็กสาวแนบอก
“ข้าอยากตายไปเสียให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องถูกชาวบ้านประณามและคอยจ้องมองข้าด้วยสายตาเกลียดชัง ราวกับว่าข้าคือตัวน่ารังเกียจประจำหมู่บ้าน”
“มูนาลูกรักของพ่อ เจ้าอย่าได้พูดแบบนี้อีกนะลูกรัก ถึงแม้ใครๆ จะว่าเจ้าอย่างไร เจ้าก็เป็นลูกสาวที่น่ารักของพ่อเสมอ แล้วยังมีรอนีย์ การิด แล้วยังมีราชิดเพื่อนสนิทของเจ้าอีกที่รักเจ้ามากและพร้อมอยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าอย่าน้อยใจไปกับพูดของชาวบ้านอีกเลยมูนา”
“ลูกเสียใจท่านพ่อ ที่ลูกพูดไม่คิด แต่ต่อไปลูกจะไม่พูดคำนี้ให้ท่านได้ยินอีกแล้ว เพราะข้าเป็นลูกสาวของท่านโมฮัมผู้เข้มแข็งแห่งหมู่บ้านคาเบียนเซีย ฉะนั้นข้าจึงต้องเข้มแข็งเหมือนท่าน ถึงแม้ร่างกายของข้าจะเป็นหญิงก็ตาม” มูนาผละจากอกของพี่เลี้ยงสาวหันมาเอ่ยกับบิดาทั้งน้ำตา
“พ่อดีใจที่เจ้าคิดได้เช่นนี้ เอาละ เจ้าไปพักผ่อนเถอะลูกรัก”
“ท่านก็เช่นกันท่านพ่อ ท่านก็ควรพักผ่อนเช่นเดียวกับลูก”
“เจ้านี่น้า ช่างยอกย้อนคำข้านัก แล้วเจ้าจะให้ข้าหลับตาลงได้อย่างไร ในเมื่อหมู่บ้านของเราไม่มีสาวบริสุทธิ์ส่งเข้าวัง” ท่านโมฮัมมิวายจะวกวนเข้าเรื่องเดิม มูนาถึงกับถอนใจเฮือก แต่ก็รู้ดีว่าตนไม่มีทางบ่ายเบี่ยงเรื่องนี้ได้อีกแล้ว
“ท่านพ่อเข้าไปพักผ่อนให้สบายใจเถิด แล้วก็เลิกกังวลเรื่องนั้นได้แล้วเจ้าค่ะ เพราะลูกยินดีเข้าวังด้วยความเต็มใจของลูก”
“มูนาลูกรัก นี่เจ้า...เจ้ายอมทำตามความต้องการของพ่อแล้วหรือ” คนเป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื้นตัน แม้จะมีความรู้สึกใจหายแทรกขึ้นมา นั่นเพราะหากบุตรสาวยอมถูกส่งตัวเข้าวัง ก็หมายความว่ามูนาต้องไปจากหมู่บ้าน ไปจากอกของท่าน
“ใช่ค่ะท่านพ่อ ลูกทนเห็นท่านต้องหนักใจเพราะเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว ท่านพ่อเข้าไปพักผ่อนนะเจ้าคะ” ริมฝีปากนุ่มสวยแย้มยิ้มทั้งที่ยังมีหยาดน้ำใสๆ ฉ่ำอยู่ในดวงตา
“ขอบใจเจ้ามากมูนาลูกรักของพ่อ แต่อันที่จริงพ่อไม่ได้อยากให้เจ้าไปเลย พ่อเป็นห่วงเจ้า” สิ้นคำน้ำเสียงเอื้ออาทร ฝ่ามือเหี่ยวย่นของผู้เป็นพ่อก็ยกขึ้นลูกศีรษะของบุตรสาวอย่างรักใคร่
“ท่านพ่ออย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ลูกดูแลตัวเองได้ ส่วนท่าน...ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ แล้วลูกจะให้พี่รอนีย์อยู่ดูแลท่านพ่อ”
“ไม่ได้หรอกคุณหนู พี่อยากเดินทางไปส่งคุณหนูด้วยตัวเอง” รอนีย์พูดแทรกขึ้น สีหน้าเศร้าสร้อย ด้วยอดใจหายไม่ได้ เมื่อเด็กสาวที่เลี้ยงมากับมือจนเติบใหญ่จะจากไป แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีวันใดจะได้กลับมาพบกันอีก ดูอย่างคุณหนูมีนาพี่สาวของคุณหนูมูนานั่นประไร นับตั้งแต่ถูกส่งตัวเข้าไปในวังเกือบจะหกปีอยู่แล้วยังไม่เคยพบกันเลย
“อย่าเลยพี่รอนีย์ ข้าไม่อยากให้ท่านต้องลำบากในการเดินทาง พี่ก็รู้มิใช่หรือว่ากว่าเราจะเดินทางไปถึงวังต้องเดินทางร่วมเดือน แล้วไหนท่านจะต้องเดินทางกลับมาที่หมู่บ้านของเราอีก ข้าเป็นห่วงท่านพ่อ ข้าไม่อยากทิ้งให้ท่านพ่ออยู่ตามลำพัง พี่รอนีย์อยู่ดูแลท่านพ่อแทนข้าเถอะ” มูนาออดอ้อนเสียงหวาน ยื่นมือไปกุมมือพี่เลี้ยงสาว พร้อมส่งสายตาเว้าวอนขอร้อง
“ก็ได้เจ้าค่ะคุณหนู พี่รอนีย์จะทำตามที่คุณหนูขอร้อง ว่าแต่คุณหนูต้องระวังตัวดีๆ นะเจ้าคะ เพราะการเดินทางอาจพบเจอพวกโจรทะเลทราย พี่ละเป็นห่วงจริงๆ” รอนีย์เอ่ยด้วยสีหน้าวิตก ใจก็หวาดกลัวไปสารพัด แล้วหากตนได้ร่วมเดินทางไปส่งคุณหนูด้วยก็คงจะดีกว่า
“โธ่พี่รอนีย์ ท่านอย่าห่วงข้านักเลย ท่านก็รู้ว่าข้ามีวิชาป้องกันตัว ข้ารับรองว่าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายข้าได้หรอก”
“รอนีย์ เจ้าอย่าพูดเป็นลางไม่ดีเลย ข้ายิ่งเป็นห่วงลูกข้าอยู่ด้วย” โมฮัมพูดขัดขึ้นหลังนั่งฟังพี่เลี้ยงและบุตรสาวพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง รอนีย์เร่งกล่าวขออภัยท่านโมฮัม แต่ถึงอย่างนั้นใจของตนก็ยังอดเป็นห่วงการเดินทางของคุณหนูมูนาไม่เลิก เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าการเดินทางรอนแรมอยู่กลางทะเลทรายมีแต่อันตราย
“ข้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี ท่านพ่อเข้าไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ” ท่านโมฮัมพยักหน้ารับ และลุกขึ้นจากที่นั่งที่ปูพรมด้วยขนสัตว์หนานุ่ม จากนั้นก็เดินเข้าห้องพัก ส่วนมูนาและพี่เลี้ยงสาวก็เดินกลับห้องพักเช่นกัน
ตอนที่ 3“เฮ้อ! ข้าจะทำอย่างไรดี พี่รอนีย์ ข้าไม่อยากถูกส่งตัวเข้าวัง” เมื่อเดินเข้ามาอยู่ในห้องพักและทิ้งตัวนั่งบนเตียงเรียบร้อยเสียงหวานก็บ่นอุบ ทำเอาพี่เลี้ยงสาวถึงกับงงไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้าคุณหนูคนสวยของนางเพิ่งจะรับปากท่านโมฮัมไปว่ายินดีถูกส่งตัวเข้าวัง“เหตุใดคุณหนูถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” รอนีย์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เดินไปนั่งบนพื้นพรมชั้นดีใกล้กับคนที่ตนนึกห่วง และยิ่งห่วงมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามีเวลาอีกเพียงสามวันที่จะได้อยู่ดูแลกัน“ก็ข้าไม่อยากเข้าไปอยู่ในวัง แล้วที่ข้ารับปากท่านพ่อไป ก็เพราะข้าไม่อยากให้ท่านกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้ แต่พอมาคิดๆ ดู ข้าก็ไม่อยากจากท่านพ่อไปไหน แล้วในวังหลวงนั้นจะมีอะไรให้ข้าเล่นข้าทำบ้างล่ะ” มูนาบอกด้วยเสียงเศร้าสร้อย“แต่คุณหนูก็รับปากท่านโมฮัมไปแล้ว คุณหนูจะมาผิดสัญญาหรือเจ้าคะ พี่ว่าไม่ดีแน่ หากคุณหนูจะพูดกลับไปกลับมาเช่นนี้ หาไม่ หากท่านโมฮัมรู้เรื่องเข้า ท่านจะพานล้มป่วยเอา
ตอนที่ 4“มูนา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยมากหรือเปล่า” ราชิดที่ช่วยผู้เป็นพ่อตรวจตราและจัดเก็บสัมภาระรวมทั้งกับช่วยคนอื่นๆ ตั้งกระโจมเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินมานั่งลงไม่ห่างจากเพื่อนรัก พร้อมเสียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หากแต่แววตาของชายหนุ่มสื่อความหมายที่มากกว่าห่วงใยออกมา แต่คนมองมิทันได้พบเห็น เพราะมูนาเอาแต่จ้องมองดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับหายจากเนินทรายด้วยหัวใจหดหู่“มูนา! มูนา นี่เจ้าได้ยินที่ข้าถามเจ้าหรือไม่” ราชิดขานย้ำเสียงดัง“เจ้าถามข้าว่าอะไรนะราชิด” ดวงตาสวยคมที่อยู่ภายใต้ผ้าฮิญาบสีดำเหลียวมองมายังคนถาม“ข้าถามว่าเจ้าเหนื่อยบ้างหรือเปล่า เพราะเราเดินทางกันมาทั้งวัน ก็เพิ่งจะได้หยุดพักกัน” ราชิดส่ายหน้าน้อยๆ แล้วยื่นถุงน้ำดื่มให้ มูนารับมาพร้อมกล่าวขอบคุณเบาๆ แต่ไม่คิดจะยกน้ำขึ้นดื่ม ราชิดหน้าเสียไปนิด เมื่อหญิงสาวที่ตนแอบรักมานานไม่สนใจความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้“ข้าเป็นถึงลูกสาวของท่านโมฮัม ข้าจะเหนื่อยได้อย่า
ตอนที่ 5“ข้าบอกแล้วว่าข้ายินดีอยู่เป็นเพื่อนเจ้าและอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป” แม้อยากจะโอบกอดสตรีที่รักหมดหัวใจ แต่ราชิดก็ไม่อาจทำได้ เพราะสตรีที่อยู่ข้างกายคือว่าสตรีขององค์รัชทายาท ชายหนุ่มจึงทำเพียงเฝ้ามองดวงตาดำขลับที่ไม่ได้ถูกปิดกั้นด้วยผ้าฮิญาบ“มูนา เจ้าอยากไปอาบน้ำที่ลำธารหรือไม่” เสียงเอ่ยถามของอะมีนะฮ์ มารดาของราชิดดังมาจากด้านหลังของคนทั้งสอง เรียกให้สองหนุ่มสาวหยุดสนทนากันและเหลียวมองไปยังทิศทางของเสียง ทั้งมูนาและราชิดพากันลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาอะมีนะฮ์“ท่านป้า ที่โอเอซิสแห่งนี้มีลำธารด้วยหรือ ข้าไม่เคยเห็นเลย” มูนาเอ่ยถามเสียงตื่นเต้น เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน หากได้พาตัวไปแช่น้ำเย็นๆ คงจะให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นกอง“มีสิมูนา ข้าว่าเจ้ารีบไปเตรียมตัวเถิด เราจะได้ไปพร้อมๆ กัน ส่วนเจ้า ราชิด ไปหาพ่อของเจ้าเถอะ เห็นว่ามีเรื่องจะพูดคุยด้วย” อะมีนะฮ์เอ่ยสั่งบุตรชายแล้วเร่งจูงมือของมูนาเดินผ่านหน้าลูกชายไป“ข้ารักเจ้าได้
ตอนที่ 6“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้าลัยลา! แล้วมูนาน้องข้าน่ะหรือ จะเข้ามาถวายตัวกับองค์รัชทายาท” มีนาตะคอกถาม ดวงตาคมสวยเต็มไปด้วยไฟริษยาแทบจะทันที เมื่อรู้ว่าจะมีผู้หญิงเข้ามาอีกหลายคนเพื่อเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งพระชายา ที่ตนหมายปองโดยเฉพาะมูนา แม้นว่ามูนาจะไม่ใช่ผู้หญิงสวยเกินหญิงคนใด อีกทั้งนิสัยก็หาได้เรียบร้อยเหมือนเช่นหญิงอาหรับคนอื่นๆ แต่บางทีความไม่เหมือนใครของมูนาอาจเป็นที่ต้องตาต้องใจขององค์รัชทายาทก็เป็นได้“ฮึ! เจ้านี่ช่างน่าสมเพชนัก แม้แต่เรื่องน้องตัวเองจะเข้ามาถวายตัวต่อองค์รัชทายาทเจ้าก็ยังไม่รู้”“ก็วันๆ ท่านหญิงมีนาเอาแต่แต่งตัวสวยแล้วก็คอยชะเง้อคอรอองค์รัชทายาทยังไรเล่าลัยลา ท่านหญิงมีนาถึงไม่รู้ว่าน้องสาวของตัวเองกำลังจะมาแย่งตำแหน่งนางสนมคนโปรดไป” นาดาสาวงามที่เก่งด้านการเต้นระบำจนเป็นที่พออกพอใจขององค์รัชทายาทจนถูกเรียกให้ไปปรนนิบัติอยู่บ่อยครั้ง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชิงชังระคนประชดประชัน“ลัยลา! นาดา! เจ้าทั้งสองเร่งหุบปากของพวกเจ้า
ตอนที่ 7“ข้าไม่ได้ผิดอะไร เจ้าต่างหากที่ผิด เพราะเจ้าสั่งให้สาวใช้ของเจ้ามารุมรังแกข้า ท่านฟาติมาท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ข้าเจ็บปวดไปทั่วร่างกายแล้ว และค่ำคืนนี้ข้าคงไปรับใช้องค์รัชทายาทไม่ได้แน่เลยเจ้าค่ะ” ลัยลานำเสนอตัวให้ท่านฟาติมาดูรอยช้ำที่ปรากฏ หากแต่ลัยลาลืมมองเลยไปยังนาดาที่ยืนยิ้มสะใจอยู่ลึกๆ และสมใจเป็นที่สุด เพราะงานนี้ทั้งมีนาและลัยลาคงจะถูกกักบริเวณ แล้วก็หมดสิทธิ์ได้ขึ้นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทบนตำหนักเป็นแน่แท้ แล้วเมื่อนั้นก็จะโอกาสอันดีของเธอ“ข้าไม่คิดจะเข้าข้างใครหรอกลัยลา เพราะเจ้ากับมีนาจะถูกกักบริเวณให้อยู่ภายในห้องของพวกเจ้าเป็นเวลาสองอาทิตย์ แล้วหากใครฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ข้าจะสั่งกักบริเวณพวกเจ้าเพิ่ม” ท่านฟาติมากล่าวเสียงเรียบทว่าเฉียบขาด ลัยลาเบิกตากว้าง และพยายามคิดหาวิธีให้ได้ขึ้นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทบนตำหนัก ต่างจากมีนาที่ได้แต่เก็บกักความไม่พอใจต่อคำสั่งของท่านฟาติมาเอาไว้ในอก เพราะถึงอย่างไรเสียองค์รัชทายาทก็จะต้องเรียกหาเธอ แม้จะไม่ใช่ค่ำคืนนี้ก็เถอะ“ท่านฟาติมา โ
ตอนที่ 8“เจ้านี่มัน... เป็นคนของฮากิมนี่ครับ ท่านการิด” อุสมานอุทานหน้าเครียด เพราะเคยเห็นคนร้ายเคยลับลอบเข้าไปในหมู่บ้านอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ฮากิมจะบอกว่าเป็นญาติห่างๆ จะมาขออยู่ด้วย แต่เหตุใดทำไมเจ้าคนนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วยังหมายจะทำร้ายคนในกระโจมเสียอีก“เจ้าว่าอะไรนะอุสมาน” การิดหันไปถามย้ำหน้าเคร่งเครียด ใจก็หวนคิดถึงท่าทีของซากีรอฟฟ์เมื่อหลายวันก่อน เพราะซากีรอฟฟ์มักนัดคนให้เข้าไปพบที่บ้านพักเป็นประจำ แต่ละวันก็ไม่ซ้ำหน้ากันด้วยซ้ำไป“ข้ามั่นใจว่ามันคือคนของฮากิมแน่นอน ท่านการิด แล้วเจ้าหมอนี่ก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านของเราได้ไม่นาน พร้อมกับพรรคพวกของมันอีกสามสี่คน ข้าว่าคนที่หนีไปได้ต้องเป็นพวกของมันแน่นอนครับ”อุสมานปรายตาดุกร้าวไปยังคนบุกรุกที่มีสภาพสะบักสะบอมที่เกิดการต่อสู้กันขึ้น อดใจสังหรณ์ใจไม่ได้ว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย‘ท่านโมฮัม’ หากเกิดเรื่องขึ้น ท่านโมฮัมไม่อาจรับมือซากีรอฟฟ์ได้แน่ สีหน้
ตอนที่ 9“เคยชินบ้าอะไรของเจ้า ในเมื่อข้าออกจากวังหลวงมาตั้งแต่อายุห้าขวบ แล้วก็มีเจ้าเติบโตมากับข้า แล้วข้าก็บอกเจ้าไปเป็นพันครั้งแล้วกระมังว่าอย่าเรียกข้าแบบนี้อีก เพราะข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทแห่งอัสคาซานอีกต่อไป ถ้าขืนเจ้ายังเรียกข้าแบบเมื่อครู่อีก ข้าจะส่งเจ้าไปเลี้ยงอูฐเสียให้เข็ด” กล่าวจบชายหนุ่มก็ขยับตัวลุกขึ้นแล้วนั่งพิงต้นอินทผลัม สายตาดุดุจพญาเหยี่ยวจดจ้องไปยังคนสนิท“ยังจะยืนเงียบอยู่อีก มีอะไรก็ว่ามาราฮิม หรือที่เจ้าเอาแต่เงียบ เพราะเจ้าเบื่อที่จะติดตามข้าแล้ว ก็ดี ข้าจะได้ให้เจ้าไปเป็นคนเลี้ยงอูฐซะเลย” ฟารีฟถอนฉุน แต่มิได้เคืองโกรธคนสนิทอย่างที่ปากพูดออกไปนัก แต่ที่ต้องเอ่ยเตือนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนเสียมากกว่า นั่นเพราะนับตั้งแต่เขาถูกส่งตัวมาอยู่กับพ่อเฒ่าซุกกีเพื่อความปลอดภัย เพราะตามกฎของประเทศอัสคาซานที่ยึดถือกันมาช้านานว่าหากมีองค์ชายสองพระองค์ พระองค์รองจะต้องออกจากวังไป และนั่นทำให้ข่าวคราวของเขาค่อยๆ เงียบหายไป จนคนในราชสำนักคิดว่าเขาป่วยตายกลางทะเลทรายไปแล้วพร้อมพี่เลี
ตอนที่ 10“อืม... คอลิดเจ้ามาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเจ้า ราฮิม ออกไปตรวจตรารอบๆ โอเอซิสเถอะ ส่วนข้า จะไปแช่น้ำเสียหน่อยจะได้สดชื่น” สิ้นคำสั่ง คนสนิททั้งสองถึงกับทำหน้าเหวอไปตามๆ กัน เพราะคาดเดาว่าฟารีฟน่าจะสั่งการอะไรบางอย่างเพื่อไปช่วยเหลือท่านการิดหรือไม่ก็ลูกชายของท่าน“พวกเจ้าจะยืนทำหน้าประหลาดกันอีกนานหรือไม่” ฟารีฟถอนฉุนอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหยิบหอบผ้าของตนแล้วเดินไปยังลำธารที่ซุกซ่อนอยู่หลังโขดหิน เพื่อแช่น้ำเย็นๆ“คอลิด ทำไมท่านจอมโจรเหยี่ยวดำผู้มีคุณธรรมถึงไม่เข้าไปช่วยเหลือท่านการิดล่ะ ข้าชักงงแล้วสิ” พอคล้อยหลังนายเหนือหัวไปแล้ว ราฮิมก็หันมาถามเพื่อนรัก ที่กำลังจะเดินไปพักผ่อนตามคำสั่งฟารีฟ“เจ้าจะงงอะไรของเจ้านักหนาเล่า ราฮิม” สีหน้าของคอลิดออกจะรำคาญเพื่อนรักไม่น้อย เพราะเขาอยากจะพักผ่อนเอาแรงเสียมากว่า หลังจากต้องห้อม้าตะบึงกลับมารายงานความเคลื่อนไหวของขบวนการค้าของท่านการิด“ก็...เท
ตอนที่ 16“โอ๊ย! ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” มูนาร้องสั่งหลังถูกมือใหญ่ตวัดเข้าที่เอว อารามตกใจเพราะกลัวความลับจะถูกเปิดเผยหญิงสาวจึงออกแรงดิ้นสุดกำลัง“เนื้อตัวของเจ้าทำไมถึงได้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงเช่นนี้เล่า พ่อหนุ่มน้อย” ลมหายใจร้อนๆ พร้อมเสียงกระซิบดังไม่ห่างจากใบหน้าสวยคม มูนาหลับตาปี๋ หัวใจเต้นตึกตักจนนับแทบไม่ทัน สองมือน้อยก็ยกยันที่แผงอกกว้างเอาไว้สุดแขน“ปล่อยข้านะท่าน”“ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจะบอกข้าว่าทำไมเนื้อตัวของเจ้าได้ถึงนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงเช่นนี้” ฟารีฟยังแกล้งไขสือต่อไป ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก คนสนิททั้งสองที่นั่งอยู่บนม้าได้แต่พากันส่ายหน้าอมยิ้มกับการกระทำของนายเหนือหัว หรือจะเรียกให้ถูกก็คือองค์รัชทายาทลำดับที่สองแห่งประเทศอัสคาซาน ที่ชีวิตผกผันต้องระหกระเหินออกมาอยู่นอกวังเพื่อความปลอดภัย“ก็ข้าบอกท่านไปแล้วว่าข้าอยู่กับแม่ของข้าตามลำพัง ข้าเลยอาจมีส่วนคล้ายผู้หญิงมากกว่าจะเป็นชายที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำเหมือนเช่นพวกท
ตอนที่ 15“ท่านมีสิทธิ์อันใดจะมาค้นตัวข้า แล้วหากท่านคิดจะค้นตัวข้า ข้าจะใช้กริชทำร้ายท่านแน่” มูนาตะคอกใส่ ชูกริชในมือออกมาตวัดแกว่งไปมา“เก่งใช่ย่อยนะพ่อหนุ่มน้อย ข้าชักชอบผู้ชายอย่างเจ้าแล้วล่ะสิ” ฟารีฟหัวเราะจนอกกระเพื่อม หาได้เกรงกลัวกริชคมกริบในมือเล็กแม้แต่น้อย“ท่านเป็นพวกผิดเพศหรือไร ถึงมาบอกว่าชอบผู้ชายเช่นข้า” มูนาบอกเสียงกร้าว พยายามข่มความหวาดกลัวเอาไว้ในอก แล้วเพ่งสายตาดุดันออกไป แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย“เจ้านี่ช่างคิดไปได้ แล้วถ้าข้าจะชอบเจ้าขึ้นมาจริงๆ เจ้าล่ะ จะชอบข้าบ้างหรือไม่”“ไม่! ข้าไม่ใช่พวกผิดเพศเช่นท่าน ส่วนท่าน หลีกให้ห่างข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะรีบไปให้พ้นๆ สายตาของท่าน”“ตกลง! ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เพราะตัวข้าก็ชอบผู้หญิงมากกว่าจะชอบพวกเดียวกันเสียด้วย เพราะผู้หญิงมีทั้งนมมีทั้งเอวให้ข้าลูบไล้ แต่...ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าจะรับเจ้าเป็นเมียข้า เพราะดูท่าทางเจ้าแล้ว เจ้าไม่น่าจะใช่ผู้ชาย&rdqu
ตอนที่ 14“พวกท่านมาขวางทางข้าทำไมกัน” มูนาพยายามดัดเสียงให้เป็นชาย แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยใจหวาดหวั่น เพราะไม่คาดคิดว่าดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังจะมีคนออกมาขี่ม้าเล่นกันอยู่อีก“ข้าสิต้องถามเจ้า ว่าเจ้าเป็นใคร มาจากที่ไหน แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้ออกมาเดินอยู่กลางทะเลทรายคนเดียวเช่นนี้ แล้วเจ้าเป็นหญิงหรือชายกันแน่” คอลิดเอ่ยถามแทนนายเหนือหัว“มันเรื่องส่วนตัวของข้า ทำไมข้าต้องบอกพวกท่านด้วย”“เจ้านี่ช่างยอกย้อนเก่งเหลือเกิน แล้วคงไม่เคยเกรงกลัวใครมาก่อนเลยสิ ถึงได้กล้าปากดีต่อข้าที่มากันตั้งสามคน ส่วนเจ้าตัวคนเดียว แล้วเจ้าไม่รู้หรือว่าการเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในยามค่ำคืนเช่นนี้อันตรายสักแค่ไหน” คอลิดบอกเสียงดุ ริมฝีปากกระตุกยิ้มหยันให้กับความหาญกล้าของคนที่เอาแต่ก้มหน้าหนี แต่คิดหรือว่าจะรอดพ้นสายตาของเหยี่ยวดำแห่งบาลายูดาไปได้ เห็นนิ่งๆ เงียบๆ เช่นนั้น ในใจกำลังคิดอยู่เป็นแน่“จะอันตรายหรือไม่ นั่นมันเรื่องของข้า พวกท่านโปรดหลีกทางใ
ตอนที่ 13“ใครว่าล่ะมูนา ข้ายังรักยังคิดถึงชายคนรักของข้าทุกลมหายใจ แต่เจ้าจะให้ข้าเอาแต่นั่งคร่ำครวญถึงชายคนรักหรือไรล่ะ ในเมื่อถึงข้าจะร้องไห้คร่ำครวญจนขาดใจตาย ข้าก็ไม่มีวันได้กลับไปครองรักกับชายที่ข้ารักหรอก เจ้าก็รู้ว่าการเข้าไปอยู่ในวังหลวง มันยากนักที่จะได้กลับออกมา” น้ำเสียงฮาเรนน่าสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แต่แม้ใจต้องร้าวรานสักแค่ไหนเธอก็ต้องทำใจให้ได้ เพื่อที่หมู่บ้านอันเป็นที่รักของเธอจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ“ข้อนี้ข้ารู้ดี เพราะพี่สาวของข้าก็จากบ้านไปตั้งหกปีแล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าพี่สาวข้าอีกเลย”“แต่อีกไม่นานเจ้าก็จะได้พบหน้าพี่สาวของเจ้าแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่มูนา”“ดีใจสิ แต่ข้าไม่อยากเข้าวัง ข้าอยากอยู่ดูแลท่านพ่อของข้ามากกว่า แต่...” มูนากล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอไปเสียเพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงสาเหตุที่เธอต้องพลัดพรากจากอกบิดา“แต่เจ้าจำเป็นต้องมา เพราะในหมู่บ้านของเจ้าไม่เหลือสาวบริสุทธิ์อีกแล้ว นอกจากเจ้
ตอนที่ 12“ฟารีฟ ท่านคงไม่ยอมให้เจ้าซากีรอฟฟ์ทำร้ายพ่อเฒ่าซุกกีได้หรอก จริงหรือไม่”“ฮึ! ถ้ามันคิดจะทำร้ายคนของบาลายูดา ข้าจะเด็ดหัวไอ้ซากีรอฟฟ์ด้วยมือของข้าเอง” ฟารีฟเอ่ยเสียงเย็นเยือก ริมฝีปากหยักได้รูปภายใต้ผ้ากัฟฟีเยกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม“ถ้างั้นไปเด็ดหัวมันตอนนี้เลยดีหรือไม่ท่านฟารีฟ ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมีใครเดือดร้อนเพราะเจ้าซากีรอฟฟ์ จากแหล่งข่าวบอกว่าซากีรอฟฟ์เที่ยวไปฉุดคร่าเมียคนอื่นมา จนฆ่ากันตายไปหลายศพแล้วนะครับ” พูดจบราฮิมก็ถอนใจอย่างหนักอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านคาเบียนเซียที่เคยสงบสุขมาช้านาน แต่จู่ๆ พอลูกสาวท่านโมฮัมเดินทางออกจากหมู่บ้าน ไม่กี่วันก็เกิดการนองเลือด แย่งชิงอำนาจกันขึ้น แล้วหากให้อำนาจทุกอย่างตกอยู่ในกำมือของซากีรอฟฟ์ ชาวบ้านตาดำๆ คงไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่“ตราบใดที่คนของท่านโมฮัมหรือท่านการิดไม่ขอความช่วยเหลือ เจ้าจะให้ข้าแส่เข้าไปช่วยหรือไงเล่า ราฮิม” แม้ใจอยากจะบุกเข้าไปบั่น
ตอนที่ 11“ข้ารักเจ้าได้ยินหรือไม่มูนา” ราชิดเปรยเบาๆ ไปกับสายลม ก่อนกระตุกบังเหียนม้าเร่งกลับไปหาผู้เป็นพ่อ ส่วนมูนากำลังเดินเข้าไปร่วมกลุ่มกับสาวงามที่ต่างพากันมองเธอด้วยสายตาประหนึ่งว่าเธอคือสัตว์น่ารังเกียจก็ไม่ป่าน หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วเข้าไปยืนอยู่ท้ายสุดของกลุ่มสาวงาม โดยมีชายแก่หลังค่อมเดินตรวจตรา ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจนักหรอกว่าจะตรวจตราอะไรกันนักหนา มูนากวาดสายตามองรอบๆ แหล่งที่ตั้งกระโจมอย่างมาดหมาย ก่อนจะเผยยิ้ม เมื่อในกองคาราวานของท่านรามินทร์ไม่มีทหารจากวังหลวงสักนาย หญิงสาวกอดกระชับห่อผ้าของตนไว้อย่างหวงแหน ก่อนก้มมองสิ่งที่อยู่ในห่อด้วยสีหน้าพึงพอใจ จึงไม่ทันได้เห็นสายตาของเหล่าสาวงามจากหมู่บ้านอื่นๆ“เจ้าชื่อมูนา ที่มาจากหมู่บ้าคาเบียนเซียใช่หรือไม่” มูนาเหลียวมองไปยังทิศทางของเสียง หลังจากชายแก่หลังค่อมเดินจากไปแล้ว มีหญิงชราอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับจัดแจงบอกให้สาวงามแต่ละนางเข้าพักในกระโจม ที่หนึ่งกระโจมจะมีสาวงามเข้าไปพักรวมกันถึงแปดคน มูนาถอนใจอีกครั้งด้วยความลำ
ตอนที่ 10“อืม... คอลิดเจ้ามาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเจ้า ราฮิม ออกไปตรวจตรารอบๆ โอเอซิสเถอะ ส่วนข้า จะไปแช่น้ำเสียหน่อยจะได้สดชื่น” สิ้นคำสั่ง คนสนิททั้งสองถึงกับทำหน้าเหวอไปตามๆ กัน เพราะคาดเดาว่าฟารีฟน่าจะสั่งการอะไรบางอย่างเพื่อไปช่วยเหลือท่านการิดหรือไม่ก็ลูกชายของท่าน“พวกเจ้าจะยืนทำหน้าประหลาดกันอีกนานหรือไม่” ฟารีฟถอนฉุนอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหยิบหอบผ้าของตนแล้วเดินไปยังลำธารที่ซุกซ่อนอยู่หลังโขดหิน เพื่อแช่น้ำเย็นๆ“คอลิด ทำไมท่านจอมโจรเหยี่ยวดำผู้มีคุณธรรมถึงไม่เข้าไปช่วยเหลือท่านการิดล่ะ ข้าชักงงแล้วสิ” พอคล้อยหลังนายเหนือหัวไปแล้ว ราฮิมก็หันมาถามเพื่อนรัก ที่กำลังจะเดินไปพักผ่อนตามคำสั่งฟารีฟ“เจ้าจะงงอะไรของเจ้านักหนาเล่า ราฮิม” สีหน้าของคอลิดออกจะรำคาญเพื่อนรักไม่น้อย เพราะเขาอยากจะพักผ่อนเอาแรงเสียมากว่า หลังจากต้องห้อม้าตะบึงกลับมารายงานความเคลื่อนไหวของขบวนการค้าของท่านการิด“ก็...เท
ตอนที่ 9“เคยชินบ้าอะไรของเจ้า ในเมื่อข้าออกจากวังหลวงมาตั้งแต่อายุห้าขวบ แล้วก็มีเจ้าเติบโตมากับข้า แล้วข้าก็บอกเจ้าไปเป็นพันครั้งแล้วกระมังว่าอย่าเรียกข้าแบบนี้อีก เพราะข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทแห่งอัสคาซานอีกต่อไป ถ้าขืนเจ้ายังเรียกข้าแบบเมื่อครู่อีก ข้าจะส่งเจ้าไปเลี้ยงอูฐเสียให้เข็ด” กล่าวจบชายหนุ่มก็ขยับตัวลุกขึ้นแล้วนั่งพิงต้นอินทผลัม สายตาดุดุจพญาเหยี่ยวจดจ้องไปยังคนสนิท“ยังจะยืนเงียบอยู่อีก มีอะไรก็ว่ามาราฮิม หรือที่เจ้าเอาแต่เงียบ เพราะเจ้าเบื่อที่จะติดตามข้าแล้ว ก็ดี ข้าจะได้ให้เจ้าไปเป็นคนเลี้ยงอูฐซะเลย” ฟารีฟถอนฉุน แต่มิได้เคืองโกรธคนสนิทอย่างที่ปากพูดออกไปนัก แต่ที่ต้องเอ่ยเตือนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนเสียมากกว่า นั่นเพราะนับตั้งแต่เขาถูกส่งตัวมาอยู่กับพ่อเฒ่าซุกกีเพื่อความปลอดภัย เพราะตามกฎของประเทศอัสคาซานที่ยึดถือกันมาช้านานว่าหากมีองค์ชายสองพระองค์ พระองค์รองจะต้องออกจากวังไป และนั่นทำให้ข่าวคราวของเขาค่อยๆ เงียบหายไป จนคนในราชสำนักคิดว่าเขาป่วยตายกลางทะเลทรายไปแล้วพร้อมพี่เลี
ตอนที่ 8“เจ้านี่มัน... เป็นคนของฮากิมนี่ครับ ท่านการิด” อุสมานอุทานหน้าเครียด เพราะเคยเห็นคนร้ายเคยลับลอบเข้าไปในหมู่บ้านอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ฮากิมจะบอกว่าเป็นญาติห่างๆ จะมาขออยู่ด้วย แต่เหตุใดทำไมเจ้าคนนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วยังหมายจะทำร้ายคนในกระโจมเสียอีก“เจ้าว่าอะไรนะอุสมาน” การิดหันไปถามย้ำหน้าเคร่งเครียด ใจก็หวนคิดถึงท่าทีของซากีรอฟฟ์เมื่อหลายวันก่อน เพราะซากีรอฟฟ์มักนัดคนให้เข้าไปพบที่บ้านพักเป็นประจำ แต่ละวันก็ไม่ซ้ำหน้ากันด้วยซ้ำไป“ข้ามั่นใจว่ามันคือคนของฮากิมแน่นอน ท่านการิด แล้วเจ้าหมอนี่ก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านของเราได้ไม่นาน พร้อมกับพรรคพวกของมันอีกสามสี่คน ข้าว่าคนที่หนีไปได้ต้องเป็นพวกของมันแน่นอนครับ”อุสมานปรายตาดุกร้าวไปยังคนบุกรุกที่มีสภาพสะบักสะบอมที่เกิดการต่อสู้กันขึ้น อดใจสังหรณ์ใจไม่ได้ว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย‘ท่านโมฮัม’ หากเกิดเรื่องขึ้น ท่านโมฮัมไม่อาจรับมือซากีรอฟฟ์ได้แน่ สีหน้