ตอนที่ 7
“ข้าไม่ได้ผิดอะไร เจ้าต่างหากที่ผิด เพราะเจ้าสั่งให้สาวใช้ของเจ้ามารุมรังแกข้า ท่านฟาติมาท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ข้าเจ็บปวดไปทั่วร่างกายแล้ว และค่ำคืนนี้ข้าคงไปรับใช้องค์รัชทายาทไม่ได้แน่เลยเจ้าค่ะ” ลัยลานำเสนอตัวให้ท่านฟาติมาดูรอยช้ำที่ปรากฏ หากแต่ลัยลาลืมมองเลยไปยังนาดาที่ยืนยิ้มสะใจอยู่ลึกๆ และสมใจเป็นที่สุด เพราะงานนี้ทั้งมีนาและลัยลาคงจะถูกกักบริเวณ แล้วก็หมดสิทธิ์ได้ขึ้นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทบนตำหนักเป็นแน่แท้ แล้วเมื่อนั้นก็จะโอกาสอันดีของเธอ
“ข้าไม่คิดจะเข้าข้างใครหรอกลัยลา เพราะเจ้ากับมีนาจะถูกกักบริเวณให้อยู่ภายในห้องของพวกเจ้าเป็นเวลาสองอาทิตย์ แล้วหากใครฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ข้าจะสั่งกักบริเวณพวกเจ้าเพิ่ม” ท่านฟาติมากล่าวเสียงเรียบทว่าเฉียบขาด ลัยลาเบิกตากว้าง และพยายามคิดหาวิธีให้ได้ขึ้นไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทบนตำหนัก ต่างจากมีนาที่ได้แต่เก็บกักความไม่พอใจต่อคำสั่งของท่านฟาติมาเอาไว้ในอก เพราะถึงอย่างไรเสียองค์รัชทายาทก็จะต้องเรียกหาเธอ แม้จะไม่ใช่ค่ำคืนนี้ก็เถอะ
“ท่านฟาติมา โปรดเห็นใจข้าบ้างเถิด เพราะค่ำคืนนี้ข้าสัญญากับองค์รัชทายาทไว้ว่าข้าจะไปเต้นระบำให้องค์รัชทายาทอดพระเนตร แล้วหากไม่ไป ข้าคงถูกองค์รัชทายาทลงอาญาเป็นแน่” ลัยลาแสร้งตีหน้าเศร้าวิงวอนขอความเห็นใจ
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกลัยลา เพราะข้าหาคนที่จะไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทแทนเจ้าได้แล้ว ส่วนเจ้าก็เร่งเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าซะ ก่อนที่ข้าจะเพิ่มวันเวลากักบริเวณเจ้า เจ้าด้วยมีนา” กล่าวจบ ท่านฟาติมาก็เดินออกจากสวนดอกไม้ไป โดยหยุดสายตาอยู่ที่นาดา เพราะท่านหมายตาไว้แล้วว่าค่ำคืนนี้จะให้นาดาขึ้นไปบนตำหนักขององค์รัชทายาท สร้างความขุ่นเคืองให้ลัยลาไม่น้อย เมื่อเพื่อนที่นางสนิทที่สุดได้รับคัดเลือกให้เข้าไปปรนนิบัติองค์รัชทายาทในค่ำคืนนี้แทนตน
ยามวิกาลภายในโอเอซิสเล็กๆ เกิดเงาตะคุ่มสีดำรอบกระโจมที่พักของกลุ่มพ่อจากหมู่บ้านคาเบียนเซีย เจ้าเงาตะคุ่มสีดำพยายามเดินหลบหลีกสายตาของผู้ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้ากระโจมได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ผ้าม่านหนาหนักจะถูกเปิดเข้าไป ไม่นานก็เกิดเสียงหวีดร้องราวบาดเจ็บปางตายดังออกมาจากกระโจม
“เกิดอะไรขึ้น” การิดเร่งออกมาจากกระโจมพร้อมคำถามกับผู้ทำหน้าที่เฝ้ายาม
“มีคนบุกรุกครับ ท่านการิด” อุสมานเร่งรายงานหลังสั่งให้ลูกน้องเข้าไปตรวจตรารอบกระโจมหลังอื่น และสั่งให้อีกกลุ่มเร่งไปดูกระโจมที่เกิดเหตุร้าย ภายในกำลังเกิดการต่อสู้กัน เมื่อเจ้าของเงาตะคุ่มที่เล็ดรอดเข้ามาในบริเวณที่ตั้งกระโจมของการิดทั้งสามคนคิดหนี
“พวกมันบุกเข้ามาสามคนครับท่านการิด และมันก็เอ่อ...ทำร้ายเมียของข้าด้วยครับ” รีฮานเร่งกลับมารายงานการิดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่โชคดีที่ผู้เป็นภรรยาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก นอกเสียจากถูกคมดาบเฉี่ยวเข้าที่แขน
“อย่าให้พวกมันหนีไปได้ ส่วนเจ้าราชิด เจ้าเร่งไปที่กระโจมของมูนาเร็วเข้า ข้าว่าเป้าหมายของพวกมันไม่ใช่กระโจมของรีฮานเป็นแน่” สิ้นคำของผู้เป็นพ่อ ราชิดก็เร่งฝีเท้าไปยังกระโจมของมูนาทันที พอดีกับที่หญิงสาวก็เดินออกมาจากกระโจม
“ราชิด เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินเสียงเอะอะดังเข้าไปถึงกระโจมของข้า” มูนาเอ่ยถามทันที ก่อนที่ราชิดจะอ้าปากเอ่ยถาม
“มีคนบุกเข้ามา แต่ตอนนี้ท่านพ่อของข้าเร่งให้คนไปจับตัวพวกมันเอาไว้แล้ว แล้วเจ้าเล่ามูนา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ตกใจมากหรือเปล่า” ราชิดเอ่ยถามด้วยความห่วงใย แววตาสื่อความหมายออกมาอย่างลึกซึ้ง หากแต่มูนาก็ทำทีมองไม่เห็นและเสมองไปยังกลุ่มคนที่ล้อมวงอยู่กลางกองไฟ ที่คงจับตัวผู้บุกรุกได้แล้ว
“ข้าว่าเราเร่งไปหาพ่อเจ้ากันเถิดราชิด ว่าแต่ท่านป้าเล่า ท่านป้าปลอดภัยหรือไม่ราชิด” มูนาเอ่ยถามเสียงร้อนรน ก่อนเร่งฝีเท้าย่ำไปบนผืนทรายตรงไปยังวงล้อม ราชิดยังไม่ทันตอบคำถามของหญิงสาว ก็ต้องเร่งเดินตามไป
“ท่านลุงการิด เกิดเหตุอะไรขึ้น”
“มีคนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ตั้งกระโจมของพวกเรา แต่ลุงว่าเจ้ากลับไปพักผ่อนเสียเถิดมูนา ส่วนเรื่องทางนี้ลุงจะจัดการเอง ราชิด เจ้าไปส่งมูนากับแม่ของเจ้าเข้าไปพักผ่อนในกระโจมซะเถอะ” การิดเอ่ยสั่งพร้อมแววตาบีบบังคับ เพราะไม่อยากให้มูนาเห็นหน้าค่าตาของคนที่ถูกจับได้ แต่โชคร้ายที่พวกมันหนีรอดไปได้หนึ่งคน
“แต่ข้าอยากเห็นหน้าคนบุกรุกก่อนนี่นาท่านลุง” มูนาค้านตามนิสัยดื้อรั้นและอยากรู้อยากเห็น
“มูนากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” อะมีนะฮ์รั้งตัวมูนาให้เดินกลับไปที่กระโจมโดยมีราชิดตามไปส่ง พร้อมกับกวาดตามองรอบๆ ที่พัก จนแน่ใจว่าไม่มีผู้ใด จึงได้กล่าวลาทั้งมารดาและมูนาก่อนกลับไปสะสางคนร้าย ส่วนมูนาก็ได้แต่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนพรมหนังสัตว์ เพราะเวลานี้เธอไม่อาจข่มตาหลับลงได้อีกแล้ว นั่นเพราะสิ่งที่อยากรู้ยังคงค้างคาใจอยู่ ส่วนที่วงล้อมหน้ากองไฟการิดกำลังให้คนสนิทเปิดหน้าของคนร้าย เพื่อจะได้เค้นหาความจริงว่าพวกมันเป็นใคร
ตอนที่ 8“เจ้านี่มัน... เป็นคนของฮากิมนี่ครับ ท่านการิด” อุสมานอุทานหน้าเครียด เพราะเคยเห็นคนร้ายเคยลับลอบเข้าไปในหมู่บ้านอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ฮากิมจะบอกว่าเป็นญาติห่างๆ จะมาขออยู่ด้วย แต่เหตุใดทำไมเจ้าคนนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วยังหมายจะทำร้ายคนในกระโจมเสียอีก“เจ้าว่าอะไรนะอุสมาน” การิดหันไปถามย้ำหน้าเคร่งเครียด ใจก็หวนคิดถึงท่าทีของซากีรอฟฟ์เมื่อหลายวันก่อน เพราะซากีรอฟฟ์มักนัดคนให้เข้าไปพบที่บ้านพักเป็นประจำ แต่ละวันก็ไม่ซ้ำหน้ากันด้วยซ้ำไป“ข้ามั่นใจว่ามันคือคนของฮากิมแน่นอน ท่านการิด แล้วเจ้าหมอนี่ก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านของเราได้ไม่นาน พร้อมกับพรรคพวกของมันอีกสามสี่คน ข้าว่าคนที่หนีไปได้ต้องเป็นพวกของมันแน่นอนครับ”อุสมานปรายตาดุกร้าวไปยังคนบุกรุกที่มีสภาพสะบักสะบอมที่เกิดการต่อสู้กันขึ้น อดใจสังหรณ์ใจไม่ได้ว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย‘ท่านโมฮัม’ หากเกิดเรื่องขึ้น ท่านโมฮัมไม่อาจรับมือซากีรอฟฟ์ได้แน่ สีหน้
ตอนที่ 9“เคยชินบ้าอะไรของเจ้า ในเมื่อข้าออกจากวังหลวงมาตั้งแต่อายุห้าขวบ แล้วก็มีเจ้าเติบโตมากับข้า แล้วข้าก็บอกเจ้าไปเป็นพันครั้งแล้วกระมังว่าอย่าเรียกข้าแบบนี้อีก เพราะข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทแห่งอัสคาซานอีกต่อไป ถ้าขืนเจ้ายังเรียกข้าแบบเมื่อครู่อีก ข้าจะส่งเจ้าไปเลี้ยงอูฐเสียให้เข็ด” กล่าวจบชายหนุ่มก็ขยับตัวลุกขึ้นแล้วนั่งพิงต้นอินทผลัม สายตาดุดุจพญาเหยี่ยวจดจ้องไปยังคนสนิท“ยังจะยืนเงียบอยู่อีก มีอะไรก็ว่ามาราฮิม หรือที่เจ้าเอาแต่เงียบ เพราะเจ้าเบื่อที่จะติดตามข้าแล้ว ก็ดี ข้าจะได้ให้เจ้าไปเป็นคนเลี้ยงอูฐซะเลย” ฟารีฟถอนฉุน แต่มิได้เคืองโกรธคนสนิทอย่างที่ปากพูดออกไปนัก แต่ที่ต้องเอ่ยเตือนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนเสียมากกว่า นั่นเพราะนับตั้งแต่เขาถูกส่งตัวมาอยู่กับพ่อเฒ่าซุกกีเพื่อความปลอดภัย เพราะตามกฎของประเทศอัสคาซานที่ยึดถือกันมาช้านานว่าหากมีองค์ชายสองพระองค์ พระองค์รองจะต้องออกจากวังไป และนั่นทำให้ข่าวคราวของเขาค่อยๆ เงียบหายไป จนคนในราชสำนักคิดว่าเขาป่วยตายกลางทะเลทรายไปแล้วพร้อมพี่เลี
ตอนที่ 10“อืม... คอลิดเจ้ามาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเจ้า ราฮิม ออกไปตรวจตรารอบๆ โอเอซิสเถอะ ส่วนข้า จะไปแช่น้ำเสียหน่อยจะได้สดชื่น” สิ้นคำสั่ง คนสนิททั้งสองถึงกับทำหน้าเหวอไปตามๆ กัน เพราะคาดเดาว่าฟารีฟน่าจะสั่งการอะไรบางอย่างเพื่อไปช่วยเหลือท่านการิดหรือไม่ก็ลูกชายของท่าน“พวกเจ้าจะยืนทำหน้าประหลาดกันอีกนานหรือไม่” ฟารีฟถอนฉุนอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหยิบหอบผ้าของตนแล้วเดินไปยังลำธารที่ซุกซ่อนอยู่หลังโขดหิน เพื่อแช่น้ำเย็นๆ“คอลิด ทำไมท่านจอมโจรเหยี่ยวดำผู้มีคุณธรรมถึงไม่เข้าไปช่วยเหลือท่านการิดล่ะ ข้าชักงงแล้วสิ” พอคล้อยหลังนายเหนือหัวไปแล้ว ราฮิมก็หันมาถามเพื่อนรัก ที่กำลังจะเดินไปพักผ่อนตามคำสั่งฟารีฟ“เจ้าจะงงอะไรของเจ้านักหนาเล่า ราฮิม” สีหน้าของคอลิดออกจะรำคาญเพื่อนรักไม่น้อย เพราะเขาอยากจะพักผ่อนเอาแรงเสียมากว่า หลังจากต้องห้อม้าตะบึงกลับมารายงานความเคลื่อนไหวของขบวนการค้าของท่านการิด“ก็...เท
ตอนที่ 11“ข้ารักเจ้าได้ยินหรือไม่มูนา” ราชิดเปรยเบาๆ ไปกับสายลม ก่อนกระตุกบังเหียนม้าเร่งกลับไปหาผู้เป็นพ่อ ส่วนมูนากำลังเดินเข้าไปร่วมกลุ่มกับสาวงามที่ต่างพากันมองเธอด้วยสายตาประหนึ่งว่าเธอคือสัตว์น่ารังเกียจก็ไม่ป่าน หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วเข้าไปยืนอยู่ท้ายสุดของกลุ่มสาวงาม โดยมีชายแก่หลังค่อมเดินตรวจตรา ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจนักหรอกว่าจะตรวจตราอะไรกันนักหนา มูนากวาดสายตามองรอบๆ แหล่งที่ตั้งกระโจมอย่างมาดหมาย ก่อนจะเผยยิ้ม เมื่อในกองคาราวานของท่านรามินทร์ไม่มีทหารจากวังหลวงสักนาย หญิงสาวกอดกระชับห่อผ้าของตนไว้อย่างหวงแหน ก่อนก้มมองสิ่งที่อยู่ในห่อด้วยสีหน้าพึงพอใจ จึงไม่ทันได้เห็นสายตาของเหล่าสาวงามจากหมู่บ้านอื่นๆ“เจ้าชื่อมูนา ที่มาจากหมู่บ้าคาเบียนเซียใช่หรือไม่” มูนาเหลียวมองไปยังทิศทางของเสียง หลังจากชายแก่หลังค่อมเดินจากไปแล้ว มีหญิงชราอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับจัดแจงบอกให้สาวงามแต่ละนางเข้าพักในกระโจม ที่หนึ่งกระโจมจะมีสาวงามเข้าไปพักรวมกันถึงแปดคน มูนาถอนใจอีกครั้งด้วยความลำ
ตอนที่ 12“ฟารีฟ ท่านคงไม่ยอมให้เจ้าซากีรอฟฟ์ทำร้ายพ่อเฒ่าซุกกีได้หรอก จริงหรือไม่”“ฮึ! ถ้ามันคิดจะทำร้ายคนของบาลายูดา ข้าจะเด็ดหัวไอ้ซากีรอฟฟ์ด้วยมือของข้าเอง” ฟารีฟเอ่ยเสียงเย็นเยือก ริมฝีปากหยักได้รูปภายใต้ผ้ากัฟฟีเยกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม“ถ้างั้นไปเด็ดหัวมันตอนนี้เลยดีหรือไม่ท่านฟารีฟ ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมีใครเดือดร้อนเพราะเจ้าซากีรอฟฟ์ จากแหล่งข่าวบอกว่าซากีรอฟฟ์เที่ยวไปฉุดคร่าเมียคนอื่นมา จนฆ่ากันตายไปหลายศพแล้วนะครับ” พูดจบราฮิมก็ถอนใจอย่างหนักอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านคาเบียนเซียที่เคยสงบสุขมาช้านาน แต่จู่ๆ พอลูกสาวท่านโมฮัมเดินทางออกจากหมู่บ้าน ไม่กี่วันก็เกิดการนองเลือด แย่งชิงอำนาจกันขึ้น แล้วหากให้อำนาจทุกอย่างตกอยู่ในกำมือของซากีรอฟฟ์ ชาวบ้านตาดำๆ คงไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่“ตราบใดที่คนของท่านโมฮัมหรือท่านการิดไม่ขอความช่วยเหลือ เจ้าจะให้ข้าแส่เข้าไปช่วยหรือไงเล่า ราฮิม” แม้ใจอยากจะบุกเข้าไปบั่น
ตอนที่ 13“ใครว่าล่ะมูนา ข้ายังรักยังคิดถึงชายคนรักของข้าทุกลมหายใจ แต่เจ้าจะให้ข้าเอาแต่นั่งคร่ำครวญถึงชายคนรักหรือไรล่ะ ในเมื่อถึงข้าจะร้องไห้คร่ำครวญจนขาดใจตาย ข้าก็ไม่มีวันได้กลับไปครองรักกับชายที่ข้ารักหรอก เจ้าก็รู้ว่าการเข้าไปอยู่ในวังหลวง มันยากนักที่จะได้กลับออกมา” น้ำเสียงฮาเรนน่าสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แต่แม้ใจต้องร้าวรานสักแค่ไหนเธอก็ต้องทำใจให้ได้ เพื่อที่หมู่บ้านอันเป็นที่รักของเธอจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ“ข้อนี้ข้ารู้ดี เพราะพี่สาวของข้าก็จากบ้านไปตั้งหกปีแล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าพี่สาวข้าอีกเลย”“แต่อีกไม่นานเจ้าก็จะได้พบหน้าพี่สาวของเจ้าแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่มูนา”“ดีใจสิ แต่ข้าไม่อยากเข้าวัง ข้าอยากอยู่ดูแลท่านพ่อของข้ามากกว่า แต่...” มูนากล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอไปเสียเพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงสาเหตุที่เธอต้องพลัดพรากจากอกบิดา“แต่เจ้าจำเป็นต้องมา เพราะในหมู่บ้านของเจ้าไม่เหลือสาวบริสุทธิ์อีกแล้ว นอกจากเจ้
ตอนที่ 14“พวกท่านมาขวางทางข้าทำไมกัน” มูนาพยายามดัดเสียงให้เป็นชาย แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยใจหวาดหวั่น เพราะไม่คาดคิดว่าดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังจะมีคนออกมาขี่ม้าเล่นกันอยู่อีก“ข้าสิต้องถามเจ้า ว่าเจ้าเป็นใคร มาจากที่ไหน แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้ออกมาเดินอยู่กลางทะเลทรายคนเดียวเช่นนี้ แล้วเจ้าเป็นหญิงหรือชายกันแน่” คอลิดเอ่ยถามแทนนายเหนือหัว“มันเรื่องส่วนตัวของข้า ทำไมข้าต้องบอกพวกท่านด้วย”“เจ้านี่ช่างยอกย้อนเก่งเหลือเกิน แล้วคงไม่เคยเกรงกลัวใครมาก่อนเลยสิ ถึงได้กล้าปากดีต่อข้าที่มากันตั้งสามคน ส่วนเจ้าตัวคนเดียว แล้วเจ้าไม่รู้หรือว่าการเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในยามค่ำคืนเช่นนี้อันตรายสักแค่ไหน” คอลิดบอกเสียงดุ ริมฝีปากกระตุกยิ้มหยันให้กับความหาญกล้าของคนที่เอาแต่ก้มหน้าหนี แต่คิดหรือว่าจะรอดพ้นสายตาของเหยี่ยวดำแห่งบาลายูดาไปได้ เห็นนิ่งๆ เงียบๆ เช่นนั้น ในใจกำลังคิดอยู่เป็นแน่“จะอันตรายหรือไม่ นั่นมันเรื่องของข้า พวกท่านโปรดหลีกทางใ
ตอนที่ 15“ท่านมีสิทธิ์อันใดจะมาค้นตัวข้า แล้วหากท่านคิดจะค้นตัวข้า ข้าจะใช้กริชทำร้ายท่านแน่” มูนาตะคอกใส่ ชูกริชในมือออกมาตวัดแกว่งไปมา“เก่งใช่ย่อยนะพ่อหนุ่มน้อย ข้าชักชอบผู้ชายอย่างเจ้าแล้วล่ะสิ” ฟารีฟหัวเราะจนอกกระเพื่อม หาได้เกรงกลัวกริชคมกริบในมือเล็กแม้แต่น้อย“ท่านเป็นพวกผิดเพศหรือไร ถึงมาบอกว่าชอบผู้ชายเช่นข้า” มูนาบอกเสียงกร้าว พยายามข่มความหวาดกลัวเอาไว้ในอก แล้วเพ่งสายตาดุดันออกไป แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย“เจ้านี่ช่างคิดไปได้ แล้วถ้าข้าจะชอบเจ้าขึ้นมาจริงๆ เจ้าล่ะ จะชอบข้าบ้างหรือไม่”“ไม่! ข้าไม่ใช่พวกผิดเพศเช่นท่าน ส่วนท่าน หลีกให้ห่างข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะรีบไปให้พ้นๆ สายตาของท่าน”“ตกลง! ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เพราะตัวข้าก็ชอบผู้หญิงมากกว่าจะชอบพวกเดียวกันเสียด้วย เพราะผู้หญิงมีทั้งนมมีทั้งเอวให้ข้าลูบไล้ แต่...ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าจะรับเจ้าเป็นเมียข้า เพราะดูท่าทางเจ้าแล้ว เจ้าไม่น่าจะใช่ผู้ชาย&rdqu
อวสานหนึ่งเดือนต่อมาข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ขององค์ฟาตินก็ดังไปทั่วประเทศอัสคาซาน รวมไปถึงประเทศใกล้เคียงที่ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีที่ถูกจัดภายในพระราชวังอัสเซโรซานาพร้อมการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชนทั่วประเทศอัสคาซานก็พากันร่วมเฉลิมฉลองในหมู่บ้านของตน พร้อมกับการได้รับข้าวของบริจาคจากราชวังที่องค์ฟาเดลทรงให้ตัวแทนนำออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนของพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ประชาชนทุกคนต่างร่วมยินดีที่พระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศอัสคาซาน ในขณะภายในพระราชวังกำลังจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ที่เนินทรายสูงมีหญิงชายนั่งกอดกันอยู่บนหลังม้าใกล้กับโอเอซิสขนาดเล็ก เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านบาลายูดา หลังจากฟารีฟได้พามูนาเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ให้กำเนิดที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย ที่เวลานี้มีแต่ความสงบสุขไม่ต่างจากหมู่บ้านบาลายูดา “ท่านพี่” มูนาขานเรียกเจ้าของอ้อ
ตอนที่ 82จังหวะรักร้อนแรงขึ้นพอๆ กับเสียงครวญครางของสองสามีภรรยา แล้วฟารีฟก็จับร่างเมียรักพลิกนอนคว่ำหน้า ขยับตัวขึ้นทาบทับ เบียดความรุ่มร้อนเข้าหา ปากหยักพรมจูบไปทั่วไหล่ลาดและแผ่นหลังเนียน มือหนาคว้าเอวเล็กไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อผสานความรักต่อกัน มืออีกข้างก็ลากผ่านไปทางด้านหน้าเพื่อเคล้นคลึงอกอิ่มไปพร้อมกัน เหงื่อไหลย้อยเป็นทางเมื่อความกระชั้นโถมขึ้นหนักหน่วง ชั่วอึดใจคนที่รับความแข็งแกร่งก็ครางลั่นยาวเหยียด สมองที่มืดมนสว่างวาบเมื่อความทรมานที่มาพร้อมความซาบซ่านถึงจุดสิ้นสุด มูนาถึงกับอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนต้องฟุบหน้าแนบไปกับฟูกนุ่ม ด้านฟารีฟเมื่อเห็นว่าเมียรักเดินทางไปถึงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งทะยานพาตัวเองไปถึงจุดนั้นตามเธอไปติดๆ เพียงไม่นานก็เปล่งเสียงครางลึกอย่างสุขสม เมื่อปลดปล่อยความรักทั้งหมดทั้งมวลให้เมียรักจอมดื้อรั้นไปแล้ว ก่อนทิ้งร่างลงนอนทาบ อ้อมแขนกำยำสอดเข้าไปโอบกอดร่างนุ่มที่ยังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์รักไว้แน่น จูบซับเม็ดเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แต่เหมือนความต้องการของเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเนื้อสัมผัสเนื้อจึงเกิดกระแสความปรารถนาขึ้น
ตอนที่ 81ฟารีฟขยับตัวเพียงนิดเพื่อจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนกายเมียรักออก ปากของเขาลากลงมาที่ลำคอระหง จูบซับอย่างเอาใจคนใต้ร่าง โดยที่มืออีกข้างก็สอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าที่รั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาเรียว วาดผ่านแผ่วเบาไปบนความนุ่มละมุมของความเป็นหญิง กอบกุมลูบไล้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจับร่างเล็กพลิกให้นอนคว่ำ แล้วเข้าทาบทับทางด้านหลัง ไซ้จมูกและปากไปกับก้านคอขาวผ่อง พร้อมปลดพันธนาการของตัวเองจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ผิดกับอาภรณ์บนกายเมียรักเขาค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต ซึ่งเมื่อผิวนวลขาวของเมียรักเผยตรงจุดไหนเขาก็ก้มหน้าพรมจูบไปตรงนั้น แล้วจบลงที่สะโพกงอนงามหลังจากที่ตอนนี้หญิงสาวนอนเปลือยอวดเรือนร่างให้เห็นตลอดทั้งตัว“ยอดรักของพี่” ฟารีฟเคลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบคำหวานใส่ใบหูเล็ก แล้วกดปากร้อนลงกับแก้มนุ่ม ทาบเรือนกายส่วนหน้าแนบชิดกับเรือนร่างบอบบางด้านหลัง ทำให้มูนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน หนำซ้ำความแข็งขึงที่ถูไถไล้วนเวียนกับสะโพกของเธอ ก็ส่งผลให้ใบหน้าคมสวยร้อนผ่าวและเห่อแดงขึ้นมาทันตา
ตอนที่ 80“เจ้าจะกลับไปหาไอ้ราชิดหรือไงมูนา!” ฟารีฟตะคอกถามเสียงแข็งกระด้าง จากที่โมโหเพราะความดื้อรั้นของเมียรักอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีแรงหึงหวงเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น “หากใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” มูนาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ขุ่นเคืองเขาที่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องคือเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลอกลวงเธอมาตลอด “มูนา!” ฟารีฟคำรามลั่น แววตาคมลุกวาวไม่จากกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณ “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้า” ปากบอกขณะที่มือก็คว้าหมอนที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาปาใส่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมจัด ตามด้วยข้าวของที่พอจะฉวยหยิบขึ้นมาได้จนฟารีฟต้องถลันเข้ามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับตวาดเสียงแข็งเพื่อปราม&nb
ตอนที่ 79หลายวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เรื่องราวเศร้าสะเทือนใจชาวบ้านค่อยๆ จางหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็มิเคยลืมเลือนพ่อเฒ่าซุกกี ทุกอย่างในหมู่บ้านบาลายูดากลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งดูไม่ค่อยเป็นสุขนัก เมื่อเมียรักยังไม่ยอมพูดจาด้วย หลังฟารีฟเริ่มปฏิบัติการง้อเมียรักอยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ และในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันที่ฟารีฟยังคงเดินหน้าง้อเมียรักเช่นเดิมผิดกับมูนาที่นับวันก็ยิ่งโกรธเคืองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมากขึ้นทุกวัน หลังเขาสั่งกักขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปจากเขา ‘คนใจร้าย อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านแน่ คนหลอกลวง!’มูนาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธจัด หากแต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั่งระบายความเคียดแค้นกับผ้าห่มที่ถูกกระชากทิ้งลงพื้นไปไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าก็ถูกดึงกลับขึ้นมาแล้วจับขมวดเป็นก้อนกลมแล้วปาทิ้งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่ 78“นัจมีย์ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ พอเห็นนัจมีย์ก็รีบมาบอกคุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ หรือว่า! พวกชาวบ้านจะรู้กันแล้วว่าคนที่วางยาท่านพ่อเฒ่าคือคุณหนู แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะคุณหนู” นัจมีย์โผเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอันดาด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก น้ำตาก็ไหลพรากด้วยความหวาดกลัว“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์ แล้วก็จำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาท่านลุง แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของท่านลุง แล้วก็เป็นเจ้าอีกเช่นกันที่ใส่ยาพิษลงไปในขนมของนังมูนา” อันดาสะบัดขาของตนออกจากเกาะกุมของสาวใช้“คุณหนู! เหตุใดถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” นัจมีย์หน้าไร้เลือดมาหล่อเลี้ยงพร้อมส่ายหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาไปมา“ก็มันเป็นเจ้าจริงๆ ที่เป็นคนวางยาท่านลุงของข้า” อันดายังคงโบ้ยความผิดให้สาวใช้“แต่นัจมีย์ทำไปเพราะคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ”“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์!” อันดาโผเข้าไปตบหน้าของสาวใช้ฉาดใหญ่ แล้วบังคับให้นัจมีย์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว แต่นัจมีย์ยังไม่ได้
ตอนที่ 77“โธ่มูนา เจ้าอย่าบีบบังคับข้าอีกเลย” ไอช่าบอกเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ตามมูนา ใจก็ภาวนาขอให้ท่านฟารีฟรีบกลับมาที่หมู่บ้านเสีย มูนาจะได้เลิกบีบบังคับตนเสียที เพราะเวลานี้ใจเธอเองก็อยากจะช่วยเพื่อนรักไปครึ่งค่อนใจแล้ว แต่ก็ยังกลัวโทษทัณฑ์จากท่านฟารีฟ“ข้าไม่ได้บังคับเจ้านะไอช่า เพียงแต่ข้าขอร้องให้เจ้าช่วยเห็นใจข้าบ้าง เพราะข้าไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ เจ้าช่วยข้าสักครั้งเถอะนะไอช่า แล้วข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” มูนายังคงรบเร้าไม่หยุด“โธ่มูนา ต่อให้เจ้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ข้าเดือดร้อน แล้วเจ้าคิดหรือว่าคนของท่านฟารีฟจะไม่รู้ว่าข้าเป็นคนบอกทางให้เจ้าหนีไป” ไอช่าครวญด้วยหน้าสีหน้าอยากจะไปกินยาพิษฆ่าตัวตายเสียให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมานั่งฟังคำรบเร้าของเพื่อนรักที่ทำเอาเธอหนักใจมากที่สุดในชีวิต“มันก็จริงของเจ้า แต่ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่เดือดร้อน เพราะข้าแน่ เจ้าเชื่อข้าสิไอช่า”“มูนา เจ้านี่ช่างดื้อรั้นเสียจริง” ไอช่าบ่นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ตอนที่ 76 ที่ห้องรับรองภายในตำหนักขององค์รัชทายาท ที่เวลานี้พระองค์ทรงประทับอยู่เพียงลำพัง และรอคอยการมาของฟารีฟด้วยพระทัยกระวนกระวาย แม้ว่าเรื่องการแต่งตั้งพระชายาจะจบลงไปได้ด้วยดี แต่ก็มาเรื่องการโยกย้ายโอซามาทำให้พระองค์ทรงคิดหนักว่าอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น ในเมื่อโอซามาเป็นถึงคนสนิทของท่านอูเซน“ท่านพี่” ฟารีฟขานเรียกพร้อมเผยยิ้มมุมปากที่แทบจะมองไม่เห็น เพราะหนวดเคราที่แม้จะถูกองค์รัชทายาทหรือแม้แต่องค์ฟาตินบอกให้โกนออกเสียบ้าง แต่ฟารีฟก็ยืนยันที่จะไม่โกน“เจ้ามาแล้วหรือน้องพี่” องค์รัชทายาทฟาเดลแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย แล้วยื่นพระหัตถ์เชิญให้ผู้เป็นน้องชายนั่งจิบน้ำชาด้วยกัน ก่อนจะเริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่อูเซนสั่งโยกย้ายนายทหารคนสนิทของตน“เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างน้องพี่” องค์รัชทายาทตรัสถามด้วยพระพักตร์ครุ่นคิด“ข้าว่าท่านอย่ากังวลใจไปเลย ในเมื่อท่านก็รู้แล้วว่าโอซามาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องที่ซากีรอฟฟ์ส่งลูกส
ตอนที่ 75ที่บ้านพักของท่านอูเซน เจ้าของบ้านกำลังนั่งทำหน้าเรียบนิ่ง เสียจนคนที่มาขอร้องเริ่มจะนั่งไม่ติดเมื่อท่านอูเซนดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องที่ตนมาขอร้องในครั้งนี้ “ท่านอูเซน ท่านโปรดพูดกับข้าบ้างเถิดท่าน ตอนนี้ข้าร้อนใจเต็มทนแล้ว” โอซามา นายทหารวัยกลางคนพูดขึ้นอีกครั้ง หลังได้เข้าร่วมประชุมหารือเรื่องการแต่งพระชายา แต่กลับกลายเป็นว่านูรีน หลานสาวนอกไส้ของตนไม่ได้รับการคัดเลือกแต่อย่างใด“แล้วเจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรเจ้าได้อีก ในเมื่อตอนนี้องค์รัชทายาทได้ตัดสินพระทัยแล้วว่า จะให้หลานสาวของท่านอัฟฟานขึ้นเป็นพระชายาแทน มีนาหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ซึ่งข้าก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พระองค์ได้ตัดสินพระทัย เพราะจัสมินเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมา”ท่านอูเซนกล่าวเสียงเรียบไม่แพ้หน้าตาตนในเวลานี้ แต่กลับยิ่งทำให้โอซามาไม่พอใจมากยิ่งขึ้น ในเมื่อก่อนหน้าท่านอูเซนก็รับปากแล้วว่าจะช่วย“แต่นูรีน หลานสาวของข้าก็เ