ตอนที่ 12
“ฟารีฟ ท่านคงไม่ยอมให้เจ้าซากีรอฟฟ์ทำร้ายพ่อเฒ่าซุกกีได้หรอก จริงหรือไม่”
“ฮึ! ถ้ามันคิดจะทำร้ายคนของบาลายูดา ข้าจะเด็ดหัวไอ้ซากีรอฟฟ์ด้วยมือของข้าเอง” ฟารีฟเอ่ยเสียงเย็นเยือก ริมฝีปากหยักได้รูปภายใต้ผ้ากัฟฟีเยกระตุกยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ถ้างั้นไปเด็ดหัวมันตอนนี้เลยดีหรือไม่ท่านฟารีฟ ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมีใครเดือดร้อนเพราะเจ้าซากีรอฟฟ์ จากแหล่งข่าวบอกว่าซากีรอฟฟ์เที่ยวไปฉุดคร่าเมียคนอื่นมา จนฆ่ากันตายไปหลายศพแล้วนะครับ” พูดจบราฮิมก็ถอนใจอย่างหนักอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านคาเบียนเซียที่เคยสงบสุขมาช้านาน แต่จู่ๆ พอลูกสาวท่านโมฮัมเดินทางออกจากหมู่บ้าน ไม่กี่วันก็เกิดการนองเลือด แย่งชิงอำนาจกันขึ้น แล้วหากให้อำนาจทุกอย่างตกอยู่ในกำมือของซากีรอฟฟ์ ชาวบ้านตาดำๆ คงไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่
“ตราบใดที่คนของท่านโมฮัมหรือท่านการิดไม่ขอความช่วยเหลือ เจ้าจะให้ข้าแส่เข้าไปช่วยหรือไงเล่า ราฮิม” แม้ใจอยากจะบุกเข้าไปบั่นคอซากีรอฟฟ์เพื่อล้างแค้นแทนสหายรุ่นพ่อ แต่ฟารีฟก็ไม่อาจบุ่มบ่ามทำอะไรได้มากนัก นอกเสียจากคอยรอฟังข่าวความเคลื่อนไหวของซากีรอฟฟ์ เพราะเขามั่นใจว่าคนอย่างซากีรอฟฟ์มันจะต้องใช้ชาวบ้านเป็นเกราะกำบังตัวมันไว้อย่างแน่นอน
“แต่ถ้าช้าชาวบ้านจะเดือดร้อนนะครับ นี่ก็ได้ข่าวว่ามีการฆ่ากันตายเกือบทุกวัน หากใครไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของซากีรอฟฟ์ โดยเฉพาะเจ้าอับบาส หมอนี่ทำกร่างไปทั่วหมู่บ้าน ซ้ำยังขูดรีดเงินทองและอาหารจากชาวบ้านอีกด้วยครับ”
“มันเป็นเรื่องภายในหมู่บ้านคาเบียนเซีย เราเข้าไปยุ่งมากไม่ได้ เจ้าก็รู้ว่าหมู่บ้านคาเบียนเซียไม่ได้อยู่ในเขตการดูแลของข้า ข้าจะออกหน้ามากได้ยังไรเล่า ข้าว่าเจ้ารอการติดต่อจากท่านโมฮัมหรือท่านการิดเถอะ แล้วค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะจัดการกับไอ้ซากีรอฟฟ์อย่างไรดี ว่าแต่เรื่องค้าขายของเรากับท่านการิดเรียบร้อยหรือยัง” ฟารีฟเปลี่ยนเรื่อง แม้ใจจะยังนึกห่วงสหายรุ่นพ่อไม่น้อย
“เรียบร้อยแล้วครับ ฟารีฟ แต่ตอนนี้ท่านการิดกับลูกน้องเดินทางกลับหมู่บ้านคาเบียนเซียไม่ได้ เพราะมีคนของซากีรอฟฟ์ตามล่าอยู่ คนคนนี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ เลยครับ อยากเป็นใหญ่เป็นโตจนต้องตามฆ่าตามล้างไม่ให้เหลือ” ราฮิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกห่วงชาวบ้านตาดำๆ ในหมู่บ้านคาเบียนเซียไม่น้อยไปกว่าฟารีฟ
“ตัวมันเองก็ใช่จะอยู่เป็นใหญ่ได้นานนักหรอก เจ้าคอยดูต่อไปเถอะราฮิม เอาละ เจ้าไปจัดเตรียมข้าวของซะให้พร้อม เราจะออกเดินทางกันทันทีเมื่อคอลิดเดินทางมาถึง” ฟารีฟเดินไปหาม้าคู่ใจแล้วยืนครุ่นคิดเรื่องบางเรื่องอยู่ในใจเป็นนานสองนาน โดยมีราฮิมคอยชำเลืองมองอยู่เป็นระยะ ด้วยความข้องใจไม่น้อยว่าเหตุใดฟารีฟถึงไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือหนูน้อยมูนา หรือแม้แต่ช่วยเหลือท่านโมฮัมพ่อของนาง
“มูนาเจ้าเป็นอะไรไป ข้าเห็นเจ้าไม่พูดไม่จากับใครมาสามวันแล้ว หรือเจ้าโกรธที่นูรีนว่าเจ้ากันล่ะ ข้าว่าเจ้าอย่าไปโกรธผู้หญิงเช่นนางเลย คนมีปากสักแต่พูดสักแต่ว่าคนอื่นไปทั่ว แต่มิเคยก้มมองดูตัวเอง” ฮาเรนน่าเพื่อนเพียงคนเดียวของมูนาเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงถามจะขยับเข้ามานั่งใกล้คนนั่งทำหน้าเศร้ามาตลอดการเดินทาง ที่แม้จะมีผู้ร่วมเดินทางนับสิบคน แต่เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าอย่างไรเล่ามูนา เจ้าเป็นอะไรไป” คนเป็นห่วงถามย้ำ มูนาเหลียวมองเพื่อนเพียงคนเดียวแล้วมอบยิ้มเป็นมิตรให้แล้วสั่นหน้าปฏิเสธว่าไม่เป็นไร
“เจ้าอย่าปดข้าเลยมูนา ข้าสังเกตเจ้ามาหลายวันแล้ว เจ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็เล่าให้ข้าฟังสิ เผื่อข้าจะได้แบ่งเบาความทุกข์ในใจของเจ้าได้บ้าง” สีหน้าและแววตาของฮาเรนน่าแสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนร่วมเดินทางคนนี้สุดหัวใจ ถึงแม้ว่าตัวเธอจะถูกนูรีนและเซย่าคอยถากถางอยู่ทุกครั้งที่เธอทำตัวสนิทสนมกับมูนา แต่เธอไม่คิดใส่ใจและไม่เคยคิดว่ามูนาจะเป็นผู้หญิงอย่างที่นูรีนกล่าวหานาง
“ความทุกข์ของข้าไม่มีผู้ใดแบ่งเบาได้หรอกฮาเรนน่า นอกเสียจากตัวข้าจะหัดปล่อยวางและยอมรับกับชะตาชีวิตของข้าให้ได้” แววตาคนพูดดูหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด
“หากเจ้ารู้ว่าเจ้าต้องทุกข์ใจเพราะสิ่งใด แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ปล่อยวางเล่ามูนา ดูอย่างข้าสิ ข้ามีชายคนรักอยู่แล้ว แต่ต้องจากกันทั้งที่ข้ายังรักเขาหมดหัวใจ แต่ข้าก็จำต้องตัดใจจากชายคนรักของข้าให้ได้” ฮาเรนน่าน้ำตารื้น ก่อนจะยกมือกรีดป้ายออกไป เพราะนับตั้งแต่รู้ตัวว่าจะถูกส่งเข้าวังหลวง เธอก็ต้องหักห้ามใจและคิดเสียว่าเธอและชายคนรักไม่ใช่เนื้อคู่กัน
“เจ้าตัดใจจากชายคนรักได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือฮาเรนน่า” มูนาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ย้อนคิดถึงตัวเองว่าหากเธอมีคนรักแต่จำต้องจากกันไปไกล และไม่มีวันได้พบกันอีกเธอจะทำใจได้หรือไม่ แต่ไม่หรอก...เธอไม่มีวันตัดใจจากชายคนรักได้ง่ายๆ เหมือนเช่นฮาเรนน่าแน่นอน เพราะหัวใจของเธอหากจะมอบให้ชายใด เธอจะมอบให้ชายคนนั้นเพียงคนเดียวและตลอดไป
ตอนที่ 13“ใครว่าล่ะมูนา ข้ายังรักยังคิดถึงชายคนรักของข้าทุกลมหายใจ แต่เจ้าจะให้ข้าเอาแต่นั่งคร่ำครวญถึงชายคนรักหรือไรล่ะ ในเมื่อถึงข้าจะร้องไห้คร่ำครวญจนขาดใจตาย ข้าก็ไม่มีวันได้กลับไปครองรักกับชายที่ข้ารักหรอก เจ้าก็รู้ว่าการเข้าไปอยู่ในวังหลวง มันยากนักที่จะได้กลับออกมา” น้ำเสียงฮาเรนน่าสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แต่แม้ใจต้องร้าวรานสักแค่ไหนเธอก็ต้องทำใจให้ได้ เพื่อที่หมู่บ้านอันเป็นที่รักของเธอจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ“ข้อนี้ข้ารู้ดี เพราะพี่สาวของข้าก็จากบ้านไปตั้งหกปีแล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าพี่สาวข้าอีกเลย”“แต่อีกไม่นานเจ้าก็จะได้พบหน้าพี่สาวของเจ้าแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่มูนา”“ดีใจสิ แต่ข้าไม่อยากเข้าวัง ข้าอยากอยู่ดูแลท่านพ่อของข้ามากกว่า แต่...” มูนากล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอไปเสียเพราะไม่อยากจะเอ่ยถึงสาเหตุที่เธอต้องพลัดพรากจากอกบิดา“แต่เจ้าจำเป็นต้องมา เพราะในหมู่บ้านของเจ้าไม่เหลือสาวบริสุทธิ์อีกแล้ว นอกจากเจ้
ตอนที่ 14“พวกท่านมาขวางทางข้าทำไมกัน” มูนาพยายามดัดเสียงให้เป็นชาย แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยใจหวาดหวั่น เพราะไม่คาดคิดว่าดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังจะมีคนออกมาขี่ม้าเล่นกันอยู่อีก“ข้าสิต้องถามเจ้า ว่าเจ้าเป็นใคร มาจากที่ไหน แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้ออกมาเดินอยู่กลางทะเลทรายคนเดียวเช่นนี้ แล้วเจ้าเป็นหญิงหรือชายกันแน่” คอลิดเอ่ยถามแทนนายเหนือหัว“มันเรื่องส่วนตัวของข้า ทำไมข้าต้องบอกพวกท่านด้วย”“เจ้านี่ช่างยอกย้อนเก่งเหลือเกิน แล้วคงไม่เคยเกรงกลัวใครมาก่อนเลยสิ ถึงได้กล้าปากดีต่อข้าที่มากันตั้งสามคน ส่วนเจ้าตัวคนเดียว แล้วเจ้าไม่รู้หรือว่าการเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในยามค่ำคืนเช่นนี้อันตรายสักแค่ไหน” คอลิดบอกเสียงดุ ริมฝีปากกระตุกยิ้มหยันให้กับความหาญกล้าของคนที่เอาแต่ก้มหน้าหนี แต่คิดหรือว่าจะรอดพ้นสายตาของเหยี่ยวดำแห่งบาลายูดาไปได้ เห็นนิ่งๆ เงียบๆ เช่นนั้น ในใจกำลังคิดอยู่เป็นแน่“จะอันตรายหรือไม่ นั่นมันเรื่องของข้า พวกท่านโปรดหลีกทางใ
ตอนที่ 15“ท่านมีสิทธิ์อันใดจะมาค้นตัวข้า แล้วหากท่านคิดจะค้นตัวข้า ข้าจะใช้กริชทำร้ายท่านแน่” มูนาตะคอกใส่ ชูกริชในมือออกมาตวัดแกว่งไปมา“เก่งใช่ย่อยนะพ่อหนุ่มน้อย ข้าชักชอบผู้ชายอย่างเจ้าแล้วล่ะสิ” ฟารีฟหัวเราะจนอกกระเพื่อม หาได้เกรงกลัวกริชคมกริบในมือเล็กแม้แต่น้อย“ท่านเป็นพวกผิดเพศหรือไร ถึงมาบอกว่าชอบผู้ชายเช่นข้า” มูนาบอกเสียงกร้าว พยายามข่มความหวาดกลัวเอาไว้ในอก แล้วเพ่งสายตาดุดันออกไป แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย“เจ้านี่ช่างคิดไปได้ แล้วถ้าข้าจะชอบเจ้าขึ้นมาจริงๆ เจ้าล่ะ จะชอบข้าบ้างหรือไม่”“ไม่! ข้าไม่ใช่พวกผิดเพศเช่นท่าน ส่วนท่าน หลีกให้ห่างข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะรีบไปให้พ้นๆ สายตาของท่าน”“ตกลง! ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เพราะตัวข้าก็ชอบผู้หญิงมากกว่าจะชอบพวกเดียวกันเสียด้วย เพราะผู้หญิงมีทั้งนมมีทั้งเอวให้ข้าลูบไล้ แต่...ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าจะรับเจ้าเป็นเมียข้า เพราะดูท่าทางเจ้าแล้ว เจ้าไม่น่าจะใช่ผู้ชาย&rdqu
ตอนที่ 16“โอ๊ย! ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” มูนาร้องสั่งหลังถูกมือใหญ่ตวัดเข้าที่เอว อารามตกใจเพราะกลัวความลับจะถูกเปิดเผยหญิงสาวจึงออกแรงดิ้นสุดกำลัง“เนื้อตัวของเจ้าทำไมถึงได้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงเช่นนี้เล่า พ่อหนุ่มน้อย” ลมหายใจร้อนๆ พร้อมเสียงกระซิบดังไม่ห่างจากใบหน้าสวยคม มูนาหลับตาปี๋ หัวใจเต้นตึกตักจนนับแทบไม่ทัน สองมือน้อยก็ยกยันที่แผงอกกว้างเอาไว้สุดแขน“ปล่อยข้านะท่าน”“ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าจะบอกข้าว่าทำไมเนื้อตัวของเจ้าได้ถึงนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงเช่นนี้” ฟารีฟยังแกล้งไขสือต่อไป ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก คนสนิททั้งสองที่นั่งอยู่บนม้าได้แต่พากันส่ายหน้าอมยิ้มกับการกระทำของนายเหนือหัว หรือจะเรียกให้ถูกก็คือองค์รัชทายาทลำดับที่สองแห่งประเทศอัสคาซาน ที่ชีวิตผกผันต้องระหกระเหินออกมาอยู่นอกวังเพื่อความปลอดภัย“ก็ข้าบอกท่านไปแล้วว่าข้าอยู่กับแม่ของข้าตามลำพัง ข้าเลยอาจมีส่วนคล้ายผู้หญิงมากกว่าจะเป็นชายที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำเหมือนเช่นพวกท
ตอนที่ 17ราฮิมพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำสั่งทางสายตาของนายเหนือหัวเป็นอย่างดี จากนั้นก็ควบม้าวิ่งเยาะๆ ห่างออกไป มูนาเหลียวมองตามด้วยความสงสัย ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนที่เอาแต่กกกอดเธอไว้ด้วยสายตาขุ่นเคืองจนดวงตาจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว แต่เจ้าของอ้อมกอดกลับทำเฉย“ดวงตาของเจ้า สวยเหมือนผู้หญิงเสียจริง” ฟารีฟเอ่ยชมไปตามน้ำ มูนาลอบพ่นลมหายใจออกมา เมื่ออีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าเธอคือผู้หญิง และงานนี้คงต้องขอบคุณเสื้อผ้าของท่านพ่อที่เธอแอบไปหยิบมาเพื่อใช้อำพรางตัวในการหนีจากกองคาราวานของท่านรามินทร์“ท่านอย่ามาวิจารณ์ข้า แล้วก็ปล่อยข้าเสียที ชายกับชายจะมากอดกันแบบนี้ได้อย่างไร ท่านไม่อายฟ้าอายดินบ้างหรือ” มูนาเร่งหาข้ออ้าง เพราะดิ้นรนไปก็เสียแรงเปล่า เมื่ออ้อมแขนแข็งแรงไม่ยอมปล่อย“ทำไมข้าต้องอาย” ฟารีฟตอบหน้าตาย แกล้งยื่นหน้าเข้าใกล้หญิงสาว แล้วพ่นลมหายใจรดปลายจมูกโด่งรั้นที่นูนเด่นผ่านผ้าฮิญาบ“ท่านนี่! เป็นพวกผิดเพศแน่ๆ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” พูดจบมูนาก็ยกสองม
ตอนที่ 18“อย่ามาแกล้งทำเป็นห่วงข้า ข้าไม่ยินดีกับความห่วงใยปนเยาะเย้ยของท่านหรอก ส่วนท่าน รีบๆ ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะได้ไปตามทางของข้าบ้าง” มือเล็กปัดเม็ดทรายที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าออกไปด้วย ขณะที่ออกคำสั่งกับชายหนุ่มหน้าตาเยี่ยงมหาโจร“ไปตามทางของเจ้างั้นหรือ” ฟารีฟเลิกคิ้ว“ก็ใช่น่ะสิ ท่านนี่พูดจาไม่รู้หรืออย่างไร ข้าบอกให้ท่านรีบๆ ไปเสีย” มูนาบอกเสียงฉุนๆ ขยับเท้าที่เจ็บจะก้าวเดินหนีต่อไป แต่ก็ต้องหน้าเหยเกเพราะข้อเท้ามันปวดแปลบขึ้นมา จนเจ้าตัวเซล้มลงไปกองกับพื้นทรายอีกครั้ง“เอาตัวเองยังไม่รอด นี่เจ้ายังคิดออกคำสั่งกับข้าอีกอย่างนั้นหรือ... มูนา” เจ้าของเสียงโดดลงจากหลังม้าเดินเข้าไปพยุงหญิงสาวในคราบหนุ่มน้อยให้ลุกขึ้น หากแต่มูนาขยับตัวหนี แล้วเหลียวมองไปยังอีกคนที่ควบม้าวิ่งห่างออกไป ด้วยดวงตาฉงน“คนของท่านไปนู่นแล้ว ท่านจะมัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เล่า” แม้ใจอยากจะขอความช่วยเหลืออยู่หรอก แต่ก็ห่วงคว
ตอนที่ 19“ท่านจะหัวเราะข้าอีกนานหรือไม่ ข้าปวดเท้าไปหมดแล้ว” มูนาร้องถามเสียงขุ่น หงุดหงิดตัวเองเสียจริงที่ทำอะไรก็ไม่ถนัด เพราะอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า“ข้าเป็นเจ้านายเจ้านะมูนา แล้วเหตุใดข้าต้องดูแลเจ้าด้วย” แม้ใจจะห่วงแสนห่วงหญิงสาวในคราบหนุ่มน้อยมากแค่ไหนก็ตามที แต่อาการอยากจะกลั่นแกล้งหญิงสาวที่เอาแต่ดื้อรั้น ซ้ำยังเถียงคำไม่ตกฟาก ทำให้ฟารีฟจำต้องพูดแบบนั้นออกไป เลยได้เห็นใบหน้าเรียวงามสะบัดใส่“เจ้านี่น้า ท่าทางเหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกที เอ้า! ข้ายอมลดตัวลงไปดูแลเจ้าก็ได้” ฟารีฟย่อตัวลงแล้วใช้มือถอดรองเท้าออกจากเท้าเล็ก มูนาชักปลายเท้าหนีแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว มิหนำซ้ำพอเงยหน้าขึ้นมาก็สบเข้ากับดวงตาคมกริบที่ดุดันจนหนาวเยือกในอก ทำไมนะ...ทำไมเธอถึงได้หวาดกลัวดวงตาคมคู่นี้นักหนากันเล่า“พอดีข้ามียาจากพ่อเฒ่าติดตัวมาด้วย ข้าจะนวดให้เจ้า สักพักคงจะรู้สึกดีขึ้น จากนั้นเราจะได้ไปที่พักของข้าเสียที” ฟารีฟบอกเสียงทุ้มลึกจนคนฟังรู้สึกแปลกใจไปกับน้ำเสียง
ตอนที่ 20“ท่านลุงวางใจเถอะ ข้าเชื่อว่ามูนาจะต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหรอก ข้าว่านางคงจะทำใจยอมรับกับชะตาชีวิตของตัวเองได้แล้ว ว่าแต่เรื่องของคนโฉดอย่างซากีรอฟฟ์ ท่านลุงกับท่านพ่อจะทำอย่างไรต่อไปดีเล่า ข้าว่าหากเราปล่อยให้คนโฉดชั่วอย่างมันครอบครองหมู่บ้านของเรานานเท่าไหร่ ชาวบ้านก็จะยิ่งเดือดร้อนเพราะมัน” ปลายเสียงของราชิดเคียดแค้นผู้ที่ถูกกล่าวถึงจนแทบกระอัก และเพราะมันคนเดียวแท้ๆ ที่ทำให้หมู่บ้านคาเบียนเซียที่เคยสงบร่มเย็นมาตลอดหลายสิบปีเกิดการนองเลือด เพียงเพราะซากีรอฟฟ์มันมักใหญ่ใฝ่สูง อยากจะเป็นหัวหมู่บ้าน“ตอนนี้กำลังคนของเราไม่อาจไปต่อกรกับคนโฉดอย่างมันได้หรอก...ราชิด แต่ลุงไม่มีทางยอมให้มันลำพองใจไปได้นานนักหรอก ขอเพียงลุงร่างกายหายดี เราจะกลับไปหมู่บ้านคาเบียนเซียอีกครั้ง”“ท่านจะหาคนจากที่ไหนไปจัดกับมันล่ะ ท่านโมฮัม” การิดเป็นฝ่ายเอ่ยถามด้วยสีหน้าหนักใจไม่น้อย เพียงลำพังลูกน้องที่ติดตามมาตอนไปทำการค้าก็เหลือไม่ถึงสิบคน เพราะถูกพวกของซากีรอฟฟ์เล่นงานจนล้ม
อวสานหนึ่งเดือนต่อมาข่าวการประกาศสละราชบัลลังก์ขององค์ฟาตินก็ดังไปทั่วประเทศอัสคาซาน รวมไปถึงประเทศใกล้เคียงที่ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีที่ถูกจัดภายในพระราชวังอัสเซโรซานาพร้อมการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชนทั่วประเทศอัสคาซานก็พากันร่วมเฉลิมฉลองในหมู่บ้านของตน พร้อมกับการได้รับข้าวของบริจาคจากราชวังที่องค์ฟาเดลทรงให้ตัวแทนนำออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนของพระองค์ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ประชาชนทุกคนต่างร่วมยินดีที่พระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศอัสคาซาน ในขณะภายในพระราชวังกำลังจัดพิธีเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อยู่นั้น ที่เนินทรายสูงมีหญิงชายนั่งกอดกันอยู่บนหลังม้าใกล้กับโอเอซิสขนาดเล็ก เพื่อเดินทางกลับหมู่บ้านบาลายูดา หลังจากฟารีฟได้พามูนาเดินทางกลับไปเยี่ยมผู้ให้กำเนิดที่หมู่บ้านคาเบียนเซีย ที่เวลานี้มีแต่ความสงบสุขไม่ต่างจากหมู่บ้านบาลายูดา “ท่านพี่” มูนาขานเรียกเจ้าของอ้อ
ตอนที่ 82จังหวะรักร้อนแรงขึ้นพอๆ กับเสียงครวญครางของสองสามีภรรยา แล้วฟารีฟก็จับร่างเมียรักพลิกนอนคว่ำหน้า ขยับตัวขึ้นทาบทับ เบียดความรุ่มร้อนเข้าหา ปากหยักพรมจูบไปทั่วไหล่ลาดและแผ่นหลังเนียน มือหนาคว้าเอวเล็กไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อผสานความรักต่อกัน มืออีกข้างก็ลากผ่านไปทางด้านหน้าเพื่อเคล้นคลึงอกอิ่มไปพร้อมกัน เหงื่อไหลย้อยเป็นทางเมื่อความกระชั้นโถมขึ้นหนักหน่วง ชั่วอึดใจคนที่รับความแข็งแกร่งก็ครางลั่นยาวเหยียด สมองที่มืดมนสว่างวาบเมื่อความทรมานที่มาพร้อมความซาบซ่านถึงจุดสิ้นสุด มูนาถึงกับอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว จนต้องฟุบหน้าแนบไปกับฟูกนุ่ม ด้านฟารีฟเมื่อเห็นว่าเมียรักเดินทางไปถึงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จึงเร่งทะยานพาตัวเองไปถึงจุดนั้นตามเธอไปติดๆ เพียงไม่นานก็เปล่งเสียงครางลึกอย่างสุขสม เมื่อปลดปล่อยความรักทั้งหมดทั้งมวลให้เมียรักจอมดื้อรั้นไปแล้ว ก่อนทิ้งร่างลงนอนทาบ อ้อมแขนกำยำสอดเข้าไปโอบกอดร่างนุ่มที่ยังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์รักไว้แน่น จูบซับเม็ดเหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แต่เหมือนความต้องการของเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเนื้อสัมผัสเนื้อจึงเกิดกระแสความปรารถนาขึ้น
ตอนที่ 81ฟารีฟขยับตัวเพียงนิดเพื่อจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนกายเมียรักออก ปากของเขาลากลงมาที่ลำคอระหง จูบซับอย่างเอาใจคนใต้ร่าง โดยที่มืออีกข้างก็สอดหายเข้าไปใต้ชายผ้าที่รั้งขึ้นมาจนถึงโคนขาเรียว วาดผ่านแผ่วเบาไปบนความนุ่มละมุมของความเป็นหญิง กอบกุมลูบไล้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจับร่างเล็กพลิกให้นอนคว่ำ แล้วเข้าทาบทับทางด้านหลัง ไซ้จมูกและปากไปกับก้านคอขาวผ่อง พร้อมปลดพันธนาการของตัวเองจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ผิดกับอาภรณ์บนกายเมียรักเขาค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้น พยายามใจเย็นที่สุดในชีวิต ซึ่งเมื่อผิวนวลขาวของเมียรักเผยตรงจุดไหนเขาก็ก้มหน้าพรมจูบไปตรงนั้น แล้วจบลงที่สะโพกงอนงามหลังจากที่ตอนนี้หญิงสาวนอนเปลือยอวดเรือนร่างให้เห็นตลอดทั้งตัว“ยอดรักของพี่” ฟารีฟเคลื่อนตัวขึ้นไปกระซิบคำหวานใส่ใบหูเล็ก แล้วกดปากร้อนลงกับแก้มนุ่ม ทาบเรือนกายส่วนหน้าแนบชิดกับเรือนร่างบอบบางด้านหลัง ทำให้มูนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นสามีจะไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน หนำซ้ำความแข็งขึงที่ถูไถไล้วนเวียนกับสะโพกของเธอ ก็ส่งผลให้ใบหน้าคมสวยร้อนผ่าวและเห่อแดงขึ้นมาทันตา
ตอนที่ 80“เจ้าจะกลับไปหาไอ้ราชิดหรือไงมูนา!” ฟารีฟตะคอกถามเสียงแข็งกระด้าง จากที่โมโหเพราะความดื้อรั้นของเมียรักอยู่นั้น ตอนนี้กลับมีแรงหึงหวงเข้ามาเพิ่ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น “หากใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน” มูนาเชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ขุ่นเคืองเขาที่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ต้นเหตุของเรื่องคือเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลอกลวงเธอมาตลอด “มูนา!” ฟารีฟคำรามลั่น แววตาคมลุกวาวไม่จากกองไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณ “ออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้า” ปากบอกขณะที่มือก็คว้าหมอนที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาปาใส่ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เหี้ยมจัด ตามด้วยข้าวของที่พอจะฉวยหยิบขึ้นมาได้จนฟารีฟต้องถลันเข้ามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น พร้อมกับตวาดเสียงแข็งเพื่อปราม&nb
ตอนที่ 79หลายวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เรื่องราวเศร้าสะเทือนใจชาวบ้านค่อยๆ จางหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็มิเคยลืมเลือนพ่อเฒ่าซุกกี ทุกอย่างในหมู่บ้านบาลายูดากลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งดูไม่ค่อยเป็นสุขนัก เมื่อเมียรักยังไม่ยอมพูดจาด้วย หลังฟารีฟเริ่มปฏิบัติการง้อเมียรักอยู่หลายวันแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ และในค่ำคืนนี้ก็เช่นกันที่ฟารีฟยังคงเดินหน้าง้อเมียรักเช่นเดิมผิดกับมูนาที่นับวันก็ยิ่งโกรธเคืองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมากขึ้นทุกวัน หลังเขาสั่งกักขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับสัตว์เลี้ยงเมื่อเธอยืนยันว่าจะไปจากเขา ‘คนใจร้าย อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยท่านแน่ คนหลอกลวง!’มูนาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธจัด หากแต่ตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั่งระบายความเคียดแค้นกับผ้าห่มที่ถูกกระชากทิ้งลงพื้นไปไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าก็ถูกดึงกลับขึ้นมาแล้วจับขมวดเป็นก้อนกลมแล้วปาทิ้งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่ 78“นัจมีย์ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ พอเห็นนัจมีย์ก็รีบมาบอกคุณหนูนี่แหละเจ้าค่ะ หรือว่า! พวกชาวบ้านจะรู้กันแล้วว่าคนที่วางยาท่านพ่อเฒ่าคือคุณหนู แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะเจ้าคะคุณหนู” นัจมีย์โผเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอันดาด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก น้ำตาก็ไหลพรากด้วยความหวาดกลัว“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์ แล้วก็จำไว้ว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาท่านลุง แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหารของท่านลุง แล้วก็เป็นเจ้าอีกเช่นกันที่ใส่ยาพิษลงไปในขนมของนังมูนา” อันดาสะบัดขาของตนออกจากเกาะกุมของสาวใช้“คุณหนู! เหตุใดถึงได้พูดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” นัจมีย์หน้าไร้เลือดมาหล่อเลี้ยงพร้อมส่ายหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาไปมา“ก็มันเป็นเจ้าจริงๆ ที่เป็นคนวางยาท่านลุงของข้า” อันดายังคงโบ้ยความผิดให้สาวใช้“แต่นัจมีย์ทำไปเพราะคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ”“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นัจมีย์!” อันดาโผเข้าไปตบหน้าของสาวใช้ฉาดใหญ่ แล้วบังคับให้นัจมีย์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว แต่นัจมีย์ยังไม่ได้
ตอนที่ 77“โธ่มูนา เจ้าอย่าบีบบังคับข้าอีกเลย” ไอช่าบอกเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ตามมูนา ใจก็ภาวนาขอให้ท่านฟารีฟรีบกลับมาที่หมู่บ้านเสีย มูนาจะได้เลิกบีบบังคับตนเสียที เพราะเวลานี้ใจเธอเองก็อยากจะช่วยเพื่อนรักไปครึ่งค่อนใจแล้ว แต่ก็ยังกลัวโทษทัณฑ์จากท่านฟารีฟ“ข้าไม่ได้บังคับเจ้านะไอช่า เพียงแต่ข้าขอร้องให้เจ้าช่วยเห็นใจข้าบ้าง เพราะข้าไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ เจ้าช่วยข้าสักครั้งเถอะนะไอช่า แล้วข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” มูนายังคงรบเร้าไม่หยุด“โธ่มูนา ต่อให้เจ้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ข้าเดือดร้อน แล้วเจ้าคิดหรือว่าคนของท่านฟารีฟจะไม่รู้ว่าข้าเป็นคนบอกทางให้เจ้าหนีไป” ไอช่าครวญด้วยหน้าสีหน้าอยากจะไปกินยาพิษฆ่าตัวตายเสียให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมานั่งฟังคำรบเร้าของเพื่อนรักที่ทำเอาเธอหนักใจมากที่สุดในชีวิต“มันก็จริงของเจ้า แต่ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่เดือดร้อน เพราะข้าแน่ เจ้าเชื่อข้าสิไอช่า”“มูนา เจ้านี่ช่างดื้อรั้นเสียจริง” ไอช่าบ่นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ตอนที่ 76 ที่ห้องรับรองภายในตำหนักขององค์รัชทายาท ที่เวลานี้พระองค์ทรงประทับอยู่เพียงลำพัง และรอคอยการมาของฟารีฟด้วยพระทัยกระวนกระวาย แม้ว่าเรื่องการแต่งตั้งพระชายาจะจบลงไปได้ด้วยดี แต่ก็มาเรื่องการโยกย้ายโอซามาทำให้พระองค์ทรงคิดหนักว่าอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น ในเมื่อโอซามาเป็นถึงคนสนิทของท่านอูเซน“ท่านพี่” ฟารีฟขานเรียกพร้อมเผยยิ้มมุมปากที่แทบจะมองไม่เห็น เพราะหนวดเคราที่แม้จะถูกองค์รัชทายาทหรือแม้แต่องค์ฟาตินบอกให้โกนออกเสียบ้าง แต่ฟารีฟก็ยืนยันที่จะไม่โกน“เจ้ามาแล้วหรือน้องพี่” องค์รัชทายาทฟาเดลแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย แล้วยื่นพระหัตถ์เชิญให้ผู้เป็นน้องชายนั่งจิบน้ำชาด้วยกัน ก่อนจะเริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่อูเซนสั่งโยกย้ายนายทหารคนสนิทของตน“เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างน้องพี่” องค์รัชทายาทตรัสถามด้วยพระพักตร์ครุ่นคิด“ข้าว่าท่านอย่ากังวลใจไปเลย ในเมื่อท่านก็รู้แล้วว่าโอซามาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องที่ซากีรอฟฟ์ส่งลูกส
ตอนที่ 75ที่บ้านพักของท่านอูเซน เจ้าของบ้านกำลังนั่งทำหน้าเรียบนิ่ง เสียจนคนที่มาขอร้องเริ่มจะนั่งไม่ติดเมื่อท่านอูเซนดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องที่ตนมาขอร้องในครั้งนี้ “ท่านอูเซน ท่านโปรดพูดกับข้าบ้างเถิดท่าน ตอนนี้ข้าร้อนใจเต็มทนแล้ว” โอซามา นายทหารวัยกลางคนพูดขึ้นอีกครั้ง หลังได้เข้าร่วมประชุมหารือเรื่องการแต่งพระชายา แต่กลับกลายเป็นว่านูรีน หลานสาวนอกไส้ของตนไม่ได้รับการคัดเลือกแต่อย่างใด“แล้วเจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรเจ้าได้อีก ในเมื่อตอนนี้องค์รัชทายาทได้ตัดสินพระทัยแล้วว่า จะให้หลานสาวของท่านอัฟฟานขึ้นเป็นพระชายาแทน มีนาหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ซึ่งข้าก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พระองค์ได้ตัดสินพระทัย เพราะจัสมินเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมา”ท่านอูเซนกล่าวเสียงเรียบไม่แพ้หน้าตาตนในเวลานี้ แต่กลับยิ่งทำให้โอซามาไม่พอใจมากยิ่งขึ้น ในเมื่อก่อนหน้าท่านอูเซนก็รับปากแล้วว่าจะช่วย“แต่นูรีน หลานสาวของข้าก็เ