“ส้ม …”
“เราเลิกกันเถอะ …”
“อะไรนะ”
คำพูดที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนรักที่คบหากันมานานถึง 7 ปี เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แววตาเขาไม่ได้สะท้อนถึงความโศกเศร้า หรือเสียใจเลยสักนิด
“ทะ ทำไมล่ะ? เชน”
“เธออย่าเสียเวลากับเราเลย” เขาเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นแววตาใสซื่อของเธอ
“มะ .. ไม่ เราไม่ได้เสียเวลาเลย นะ .. นี่ไง ปีหน้าเราก็จบ ป.โทแล้ว เราก็จะได้แต่งงานกัน”
ส้มโอมองใบหน้าคมของชายคนรักด้วยแววตาสั่นไหว มือเล็กคว้าแขนแกร่งของเขา ราวกับขอร้องว่าอย่าไป
เธอยังจำได้ดีวันที่เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะรอจนกว่าเธอจะเรียนจบแล้วจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน
แต่ทว่า … วันนี้กลับกลายเป็นเขาที่ดูเหมือนจะทำผิดสัญญา
“ส้ม .. พอเถอะ”
ราเชนชักแขนออกจากการเกาะกุมของมือเล็ก ๆ สายตาเย็นชามองใบหน้าสวยอย่างอึดอัดใจ
สายตาเศร้าหมองช้อนขึ้นมองคนตัวสูง ริมฝีปากสั่นระริก เขาเหมือนโลกทั้งใบของเธอ หากวันนี้เสียเขาไปเธอเองก็ไม่รู้จะมีชีวิตต่อได้เช่นไร ในเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา เขาคือคนเดียวที่เธอมีอยู่ ชีวิตเธอไม่เหลือใครอีกแล้ว
“เชน .. เราอยู่ไม่ได้”
“ส้ม!”
เขาถอนหายใจยาวอย่างหน่ายใจ ดวงตาคมจ้องมองร่างเล็กด้วยท่าทีหมางเมิน
“เราคบกับส้มต่อไม่ได้แล้ว ส้มเข้าใจมั้ย?”
ราเชนกระแทกเสียงอย่างเหลืออด การบอกเลิกครั้งนี้ดูเหมือนมันจะยืดเยื้อและเนิ่นนานกว่าที่เขาคิด เพราะที่ผ่านมาส้มโอมักจะเชื่อฟังเขาอย่างดี เขาพูดอะไรเธอก็จะคล้อยตามหมด เว้นแต่ครั้งนี้ ... ที่เธอดื้อรั้น
“เราไม่เข้าใจ ทำไมล่ะ ทำไม?”
หยาดน้ำใสร่วงเผาะจากตาคู่สวย น้ำเสียงสั่นเครือน้อย ๆ ส่งผ่านความรู้สึกเจ็บปวดออกไป
“เราทำคนอื่นท้อง!!”
ประโยคนั้นทำเอาเธอนิ่งงันราวกับท่อนไม้แข็งแม้ลมพัดก็มิได้สั่นไหว ประโยคนั้นยังคงก้องสะท้อนอยู่ในโสตประสาทเธอซ้ำ ๆ ราวกับเทปที่เล่นวน
“เราทำคนอื่นท้อง!!”
“เราทำคนอื่นท้อง!!”
“เราทำคนอื่นท้อง!!”
“อะไรนะ?” เธอกรีดร้องราวกับคนบ้า ที่เสียสติ เธอพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ
“ไม่จริง! ไม่จริง!! ไม่จริง!!!”
เรือนหน้าสวยบิดเบี้ยวจากการร้องไห้และความเสียใจที่จู่โจมใส่อย่างไม่ใยดี มือเรียวขยุ้มเรือนผม ราวกับจะฉีกกระชากออกจากหนังศีรษะ เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องภายในห้องสี่เหลี่ยมที่กำลังเคยเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเธอ แต่วันนี้ … มันกลับไม่มีอีกแล้ว
“ส้ม! ส้ม!!”
มือหนาของเขาคว้าเอาข้อมือเล็กที่ขยุ้มผมตัวเองจนหลุดออกเป็นหย่อม ๆ พลางเอ่ยชื่อเธอเสียงแข็งหวังเรียกสติ
“ทำไมทำกับเราแบบนี้ ทำไม?!”
หยาดน้ำใสไหลรินอาบแก้มเนียน เรียวขาที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนยวบ ทิ้งตัวลงตรงพื้นกระเบื้องด้านล่าง
“เราผิดเอง แต่ตอนนี้เธอคนนั้นกำลังตั้งท้องลูกของเรา เราต้องรับผิดชอบเธอ”
“แล้วเราล่ะ? ใครจะรับผิดชอบความรู้สึกของเรา”
คำถามนั้นกลับไม่มีเสียงตอบรับจากราเชน ใบหน้าเศร้าสร้อยไล่สายตามองชายคนรักที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้า
“ส้มไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้เถอะ อย่าอยู่กับเราเลย”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าเธออย่างจริงจัง มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ .. เขา แต่ไม่ใช่เธอ
“คนเหี้ย!!”
เสียงสั่นเครือแปรเปลี่ยนเป็นเสียงแข็ง เธอเอ่ยคำหยาบคายคำแรกในชีวิตออกมาด้วยแววตาเศร้าหมอง คำนี้มันคงเหมาะกับเขาที่สุดในเวลานี้
มือเล็กปาดน้ำตารวดเร็ว หาก 7 ปีที่ผ่านมามันไม่มีความหมายแล้วเธอก็ไม่รู้จะรั้งชายหลายใจไว้เพื่ออะไร คงเป็นอย่างที่เขาพูด ชีวิตเธอมันควรไปได้ดีกว่านี้
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ส้มโอหอบข้าวของและเสื้อผ้า ออกจากคอนโดของราเชนอย่างทุลักทุเล เธอไม่มีที่ให้ไป เพราะครอบครัวของเธออยู่ที่ต่างประเทศ เธอเป็นคนดึงดันขอย้ายมาอยู่ที่ไทยกับชายคนรักตั้งแต่เริ่มคบกัน
ชีวิตโสดในเมืองใหญ่ของเธอได้เริ่มต้นขึ้น โรงแรมจึงเป็นที่พักพิงเดียวที่เธอจะใช้พักผ่อน และเยียวยาหัวใจที่แหลกสลายจากชายที่ไม่รู้จักพอ
นับดาว : ส้ม วันนี้ที่เรานัดกันฉันไปไม่ได้แล้วอะ
เพื่อนสาวคนสนิทของเธอส่งข้อความแจ้งข่าวร้าย หลังจากนัดหมายกันไว้ ว่าจะดื่มฉลองให้กับชีวิตโสดของเธอด้วยกันบนบาร์หรูของโรงแรม
ส้มโอ : อือ ไม่เป็นไร
นับดาว : แกห้ามไปกินคนเดียวนะ สัญญากับฉันก่อน
นับดาว : ฉันเป็นห่วงแก
ส้มโอคลี่มุมปากยิ้มบาง หลังจากอ่านข้อความเพื่อนสาว นับดาวรู้ดีว่าส้มโอไม่เคยดื่มของมึนเมา หรือนั่งร้านเหล้า ผับ บาร์มาก่อน หากเธอไปคนเดียวคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
ส้มโอ : อืม ฉันอยู่ที่ห้องนี่แหละ
นับดาว : แน่นะแก
ส้มโอ : อื้อ ไว้นัดกันใหม่นะ
ร่างบางในชุดเดรสสีแดงตุ่น ทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง เธอโอบกอดเข่าตัวเองไว้แน่น ราวกับต้องการปลอบประโลมหัวใจที่แหลกสลาย ความเงียบในห้องดังก้องจนแทบทนไม่ไหว มันยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจของเธอ
ส้มโอปรากฏกายอีกครั้งในบาร์หรูชั้น 72 ของโรงแรม หลังจากที่ความเงียบในห้องมันทำให้เธอเกือบสติหลุด หยาดน้ำใส ๆ ที่ไหลลงเปื้อนแก้มสวยแทบจะทำให้เครื่องสำอาง ที่เธอแต่งแต้มร่อนหาย ร่างบางเดินตามหลังบริกรหนุ่มไปยังโต๊ะที่เธอจองไว้
สมุดเมนูสีน้ำเงินเข้ม สลักชื่อบาร์และโรงแรมด้วยตัวอักษรสีทอง ถูกเปิดออกด้วยมือเรียวเล็ก ดวงตาคู่สวยทอดไล้มองชื่อเมนูอาหารมากมาย แต่เธอกลับไม่รู้จะเลือกอะไรใส่ท้องที่ร้องกิ่ว
“มีเมนูแนะนำมั้ย?” เธอเอ่ยเสียงใสพลางถามบริกรหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“คุณผู้หญิงทานเนื้อมั้ยครับ”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและปล่อยมันออก เมนูเนื้อคือสิ่งที่ราเชนโปรดปรานมากที่สุด เธอและราเชนมักจะทานด้วยกันเป็นประจำ เพราะเมื่อเธอเห็นสีหน้าของเขาตอนทานของโปรด มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง
“ไม่ค่ะ”
ดวงตาคู่สวยเลื่อนมองไปที่เมนูอย่างรวดเร็ว พลางคิดว่าอะไรก็ได้ ขอแค่เพียงสั่งมา ตอนนี้ต่อให้เป็นอาหารมิชลินสามดาวเธอก็กินไปเพื่อให้มีลมหายใจต่อก็เท่านั้น
“ล็อบสเตอร์อบชีสแล้วกันค่ะ”
“เครื่องดื่มรับอะไรดีครับ”
ส้มโอเปิดไปยังหน้าเมนูเครื่องดื่มที่ขึ้นหราละลานตา แต่เธอกลับไม่รู้จะดื่มอะไร ตอนนี้ลำคอเธอแห้งผาก ร่างกายต้องการเครื่องดื่มมึนเมา หวังว่ามันจะช่วยให้เธอนอนหลับได้สบาย
“ไวน์มั้ย ไวน์มันทำจากองุ่น” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเกิดมา 26 ปี เธอไม่เคยได้ลิ้มรสของมึนเมาสักประเภท ดวงตาสวยเลื่อนสลับระหว่างไวน์ขาวและไวน์แดงที่ขึ้นชื่อไว้หรา ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองบริกรหนุ่มที่ยืนรอเธออย่างใจจดจ่อ นั่นมันทำให้เธอรู้สึกกดดันมากขึ้น
“เอาอันนี้แล้วกันค่ะ ฉันสั่งเท่านี้ก่อน” นิ้วชี้เรียวจิ้มไปยังชื่อไวน์แดงขวดละค่อนหมื่น ก่อนจะพับสมุดเมนูเล่มงามไว้บนโต๊ะ บริกรก้มหน้ารับ และเดินจากไปด้วยท่าทีสุภาพ
ใบหน้าสวยนั่งเท้าคาง พลางทอดมองวิวเมืองใหญ่ในเวลากลางคืน แสงสีมากมายจากตึกสูงระฟ้าทอประกายทำให้ค่ำคืนนี้มันช่างดูสวยงดงาม แต่สำหรับเธอนั้นมันก็แค่แสงไฟที่บ่งบอกช่วงเวลา ที่ผ่านไปอย่างโดดเดี่ยวอีกคืน
สายตาเลื่อนลอย พลางคิดถึงเรื่องวันวานที่เคยผ่าน จนไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้า ใบหน้าคมเข้ม เรือนผมดำขลับจัดแต่งเป็นทรงอย่างดูดี สวมเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบนออก สายตาของเขาสบประสานเข้ากับเธออย่างพอดิบพอดีด้วยความบังเอิญ ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้ราวกับเป็นการทักทาย
เวลาดูเหมือนหยุดนิ่ง ตั้งแต่หยดแรกของไวน์แดงสัมผัสริมฝีปาก รสชาติหวานละมุนและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชวนให้เคลิบเคลิ้ม แก้วแรกผ่านลำคอราวกับน้ำผึ้งที่ละลายลงสู่ความรู้สึก จนเธอไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดของมันได้ ยิ่งดื่ม ยิ่งเหมือนถูกมนตร์สะกด ให้จมดิ่งลงสู่ห้วงรสชาติอันเย้ายวนใจ
ล็อบสเตอร์อบชีสที่นำมาเสิร์ฟเย็นชืด เพราะเธอเมินใส่ หากแต่มือเรียวกลับยกแก้วไวน์กระดกพรวด แก้วแล้ว แก้วเล่า จนทำให้ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตขาวชำเลืองมองเธอเป็นระยะ
“อร่อยจัง หมดขวดแล้วกินต่ออีกดีกว่า” เธอพึมพำกับตัวเองเพราะติดใจในรสสัมผัส อาการมึนงงเริ่มคืบคลานเข้ามา หากแต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกดี แววตาหยาดเยิ้มจ้องมองชายเชิ้ตขาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม เธอคลี่ยิ้มหวาน และยกแก้วไวน์ขึ้นจิบด้วยท่าทางเย้ายวน
ชายเชิ้ตขาวที่นั่งอยู่ลำพังจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกล้ำ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นความคมคายบนใบหน้าหล่อเหลา เขาลูบไล้เรือนผมสีดำขลับที่ถูกสายลมแห่งความสูงกว่าเจ็ดสิบชั้นรบกวนจนยุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาตัดสินใจลุกจากที่นั่ง เดินมาหาเธอพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ
“สวัสดีครับ มาดื่มคนเดียวเหรอครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายหญิงสาวร่างบางในเดรสสีแดงตุ่น คนตัวสูงกว่าเผลอมองร่องอกอึ๋มของหญิงสาว เขารีบเลื่อนสายตาไปทางอื่น
“ค่ะ” ส้มโอพยักหน้ารับพลางยิ้มกริ่ม ต้นคอเธอดูโอนอ่อนกว่าเมื่อครู่
“นั่งด้วยได้มั้ย?”
“เชิญค่ะ” เธอผายมือเชื้อเชิญ ไล่สายตาขึ้นมองร่างสูง
“คุณมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า?” เขาเหลือบเห็นแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าในมือของเธอ
“คุณดื่มเร็วไปหน่อยนะ ว่ามั้ย?”
“ใครสนกันล่ะ ฉันรู้แค่ว่ามันอร่อย มันทำให้ฉันลืมอะไร ๆ ได้หลายอย่าง”
“และอาจจะลืมทางกลับบ้าน” เขาคลี่ยิ้มกว้างอย่างหยอกล้อ ก่อนจะปรายตามองใบหน้าเนียนสวยที่สีหน้าแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ฉันพักที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่ยาวเป็นเดือน และดูเหมือนจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ” สายตาเธอทอดมองไกลออกไป มันไม่มีจุดโฟกัส หรือจุดไหนที่ทำให้เธอสนใจได้เลยสักนิด
“ทำไมล่ะ?” เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบ เปลี่ยนนั่งท่าไขว่ห้างแบบสบาย ๆ สายตาจ้องมองไปที่เธอด้วยความสนใจ
“ฉันไม่มีที่ไปน่ะคุณ” ส้มโอพูดเสียงเรียบ เอื้อมหยิบขวดไวน์แดงขึ้นมาริน แต่ทว่ามือหนาของชายหนุ่มนั้นรวดเร็วกว่า เขาคว้าเอาไว้ และเป็นฝ่ายรินไวน์ให้เธอราวกับบริกรส่วนตัว
“ขอบคุณนะ”
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าคมของชายแปลกหน้าที่มานั่งร่วมโต๊ะเธอด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ 7 ปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยแลตามองใครนอกจากราเชน
“คุณรู้อะไรไหม? ฉันคือคนโง่ที่โดนสวมเขา .. หึ!!” เธอพูดพลางหัวเราะในลำคอ ราวกับสมเพศตัวเองที่เทิดทูนบูชาความรักและภักดีให้กับแฟนเก่าจนหมดหัวใจ และไม่แม้ที่จะสงสัยหรือตั้งคำถามในอดีตคนรักเลยสักนิด
เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มหวานให้เธอ และปล่อยให้เธอระบายความรู้สึกออกมา เขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเอง
“ฉันไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน ฉันหมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไร ฉันไม่แม้อยากจะมีลมหายใจอยู่ต่อ” เธอยกแก้วไวน์ขึ้นก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด เสียงฐานแก้วกระทบกับโต๊ะเบา ๆ มือหนาของชายหนุ่มเชิ้ตขาวจึงรินไวน์ให้เธออีกครั้ง
“7 ปีที่คบกัน ฉันพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาที่ดีสุด เพื่อเรา และครอบครัวเล็ก ๆ ของเรา” เธอสบตาเขา พร้อมส่งเสียงหัวเราะ เธอนึกขำที่ตัวเองบอกเล่าความน่าสมเพศให้ชายแปลกหน้าฟัง
“คุณเริ่มเมาแล้วนะ รู้ตัวไหม?” ชายเชิ้ตขาวพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม สายตาเขาทอดมองหญิงตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“รู้ รู้สิ แต่มันทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นบ้า ฮ่าฮ่า” เธอหัวเราะลั่นจนโต๊ะใกล้เคียงต่างเหลือบตามอง
“เบา ๆ หน่อย คุณอยู่ห้องไหนผมไปส่ง”
“ไม่เอา!” เธอตวาดเสียงดัง จนตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง
“ถ้าเข้าห้องแล้วฉันจะกินกับใคร ว่าแต่ .. คุณชื่ออะไร”
“โอเค คุณตั้งสติหน่อย เดี๋ยวผมจะนั่งกินเป็นเพื่อนคุณที่ห้องเอง ตอนนี้เรากลับห้องคุณกันเถอะ” ชายเชิ้ตขาวหันรีหันขวางพลางก้มหัวเล็ก ๆ ให้กับบรรดาสายตามากมายที่จับจ้องมาอย่างไม่พอใจ
ร่างสูงประคองร่างบางที่เรียวขาอ่อนแรงก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่งในชั้น 35 เขาควานหาคีย์การ์ดที่อยู่ในกระเป๋าถือของเธอ และแตะมันที่หน้าประตูู ก่อนที่เขาจะพาร่างบางเดินเข้าไปอย่างทุลักทุเล
“คุณเมาแล้วนะ”
“ยังไม่บอกชื่อฉันเลย คุณชื่ออะไร” เธอแผดเสียงใส่หลังจากที่ร่างบางโซเซเอนถลาลงบนเก้าอี้นุ่ม สายเดี่ยวเส้นเล็กที่เกาะบ่าเธอไว้ค่อย ๆ เลื่อนลง
“ผมชื่อคเชณทร์ เรียกผมว่าเชนก็ได้”
“ฮะ? อะไรนะ เชนหรอ ไอ้เหี้ยเชนเหรอ?”
เธอตะเบ็งเสียงสุดคอ ลุกขึ้นพรวด แต่อาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ทำให้ร่างบางเซล้มลง ดวงตาเธอพล่าเลือนมองชายตรงหน้าเป็นอดีตคนรักที่เขาเพิ่งทอดทิ้งเธอ
“เฮ้ย!! คุณ!! เดี๋ยว ๆ”
คเชณทร์เอ่ยเสียงอ่อน โอบร่างบางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวอยู่ในอาการมึนเมากว่าที่เขาคิด
“ไม่ต้องมาแตะตัวฉันเลย คนเลว”
มือเล็กผลักแผ่นอกกว้างสุดแรงเกิด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้าน มือหนาเกาะกุมหัวไหล่เนียนของเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง พลางเขย่าเล็ก ๆ
“ตั้งสติ ๆ”
เขาเอ่ยเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก พอจะเดาสถานการณ์ได้ว่า ชายที่ทอดทิ้งเธออาจจะชื่อเชนเช่นเดียวกับเขา โลกใบนี้มันช่างกลมกว่าที่เขาคิด
“บอกว่าอย่ามาแตะตัวฉันไง แกเป็นคนบอกเองว่าจะไม่ถึงเนื้อถึงตัวฉัน จนถึงวันแต่งงาน ฉันรอมา 7 ปี แล้วสุดท้าย มึงก็ไปมีคนอื่น!!”
มือเล็กยกขึ้นกำหมัดพลางทุบไปทั่วแผ่นอกและวงแขนล่ำ แต่ยิ่งเธอดิ้นสายเดี่ยวเส้นเล็กก็ยิ่งเลื่อนคล้อยต่ำ จนชุดเดรสเธอมันเลื่อนลง เผยให้เห็นเนินอกขาวผ่อง
แม้ความหวังดีและห่วงใยจะขึ้นมาเป็นอันดับแรก แต่เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งในวัยสามสิบที่ลุ่มหลงในเรือนร่างสตรี การที่ได้เห็นเนินเนื้อใต้ร่มผ้ามันทำให้เขาใจสั่นหวั่นไหว เขาสลัดความคิดชั่วช้านั้นทิ้งไป เลื่อนสายตามาจับจ้องใบหน้าเธอ
ริมฝีปากที่แต่งแต้มสีแดงตุ่นกำลังเผยอเล็ก ๆ พร้อมคำพูดที่เธอพ่นออกอย่างไม่เป็นศัพท์ แต่ไม่ว่าจะวางสายตาตรงไหนก็ทำให้เขาแทบคุมสติไม่อยู่
“ไอ้เชน ไอ้คนชั่ว บอกให้ปล่อย”
มือเล็กทุบแผงอกรัวด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าบึ้งตึงย่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย? ได้!!”
เธอกระชากคอเสื้อเขา จนร่างใหญ่เสียหลักเซล้มลงทับทาบบนร่างเธอ
ใบหน้าเรียวสวยใกล้ชิดใบหน้าเขาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดกัน ดวงตากลมจ้องมองชายตรงหน้าด้วยแววตาขึงขัง ก่อนจะเปลี่ยนท่าที
ริมฝีปากอิ่มสีแดงตุ่นประทับลงริมฝีปากเขาอย่างจัง ด้วยฤทธิ์มึนเมา
“อื้อ”
ริมฝีปากของเขาสนองรสจูบของเธอ เขาไม่แม้แต่จะขัดขืน ความคิดชั่วช้าที่สลัดออกเมื่อครู่มันวาบเข้ามา เขาปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามหัวใจและแรงปรารถนา
ริมฝีปากอวบอิ่มแช่ค้างอยู่ที่ริมฝีปากเขา พร้อมลมหายใจอุ่น ๆ ที่คลุ้งกลิ่นไวน์อ่อน ๆ มือหนาโอบอุ้มร่างบางพลางพยุงขึ้น เขาจับเธอพลิกให้เธอนอนเอนกายอย่างสบายบนเตียงนุ่ม “เชน ส้มไม่ได้อยากจูบเชน” ที่ผ่านมาราเชนมอบให้เธอเพียงรสจูบหวานล้ำ แต่ไม่เคยแตะต้องผิวกายหรือสัมผัสเรือนร่างที่เธอเฝ้าบำรุง เพราะอยากให้เธอเสียความบริสุทธิ์ให้เขาในวันแต่งงาน “ส้มอยากเป็นของเชน” หญิงร่างบางที่นอนราบอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย ก่อนส่งสายตาเว้าวอน คเชณทร์ไม่รีรอ เขาชันเข่าคร่อมร่างเล็กที่อยู่เบื้องล่าง สองแขนแกร่งค้ำยันร่างหนา โน้มใบหน้าลงมาใกล้ เขางับริมฝีปากล่างของเธอที่แววตามองมาด้วยอารมณ์ใคร่ที่เต็มเปี่ยม เขาบดคลึงริมฝีปากสัมผัสรสจูบอย่างแผ่วเบา เขาผละออกชั่วครู่ ก่อนจะลอบมองใบหน้านวลเนียนของเธอ “อยากเป็นของเชนเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหูของหญิงสาว เธอครางตอบแผ่วเบา “อือ” ก่อนที่เขาใช้ลิ้นเลียไซ้ใบหู กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวทำให้เขาขาดสติ ศีลธรรมอันดีได้ถูกเก็บซ่อนไว้ส่วนลึก ริมฝีปากค่อย ๆ ไล
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกใสของห้องพักชั้น 32 ละอองแสงสีทองอ่อน ๆ ทอประกายระยิบระยับ ส้มโอนอนนิ่งอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างบางถูกห่มคลุมด้วยผ้านวมสีขาวนุ่ม เธอยังคงหลับใหลด้วยความอ่อนล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อน ใบหน้าสวยดูสงบนิ่งราวกับเทพธิดาที่หลับใหล ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ศีรษะเธอหนักอึ้งด้วยอาการเมาค้าง ร่างบางพลิกตะแคงข้าง มือเรียวคลำหาโทรศัพท์ แต่ไม่รู้ว่าไปวางไว้ตรงไหน เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง “นี่มัน … อะไรเนี่ย!!” ดวงตาคู่เหลือบเห็นเดรสสีแดงตุ่น และแพนตี้สีครีมของเธอ วางกองอยู่ปลายเตียงราวกับถูกทอดทิ้ง ภาพชายหนุ่มเชิ้ตขาวคนเมื่อคืนแล่นปราดเข้ามาในห้วงคำนึง เมื่อเธอนึกได้จึงหันมองไปที่เตียงนอน .. แต่บนเตียงใหญ่ กลับไม่พบใคร ที่นอนเคียงข้าง “ฝันเหรอ? แต่ฝันอะไร บ้าบอชะมัด” มือเรียวเล็กกุมขมับที่ปวดตึบ เธอรู้สึกลำคอแห้งผากต้องการดื่มน้ำเปล่าให้ชุ่มคอเสียหน่อย จึงค่อย ๆ ยกเรียวขาขาวให้ก้าวลงจากเตียงนอน แต่ทว่า.. .. ความเจ็บแสบที่แก่นกลางกายมันปะทุขึ้น จนเธอเผลอร้องออกมา “ซีด! โอ๊ยเจ็บ!”
“งั้นอย่างน้อย ตอนนี้เราสองคนก็รู้จักกันแล้วนะ ฉันขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อส้มโอ เรียกว่าส้มเฉย ๆ ก็พอ” เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน ดวงตาเป็นประกายขณะที่ยื่นมือเรียวบางไปข้างหน้า “ครับ ผมชื่อคเชณทร์ เรียกผมว่าเชน” เขายื่นมือมาจับมือเธอ สัมผัสอุ่น ๆ ที่ทำให้หัวใจกระตุก “เอิ่ม ... เรียกว่าอะไรก็ได้ครับ ถ้าชื่อผมมันทำให้คุณ ...” เขาพูดอึกอัก ลังเลเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าชื่อของตนนั้นบังเอิญไปพ้องกับชื่อคนที่เคยทำให้เธอเจ็บปวด “เรียกอะไรดีล่ะ ฉันขอเรียกว่า .. คุณหมีแล้วกันนะ” “ทำไมล่ะ?” “ห้ามขำฉันนะ .. ฉันเคยขี่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เขาซื้อให้ แต่ดูเหมือนตอนนี้ ..” เธอหยุดพูดชั่วขณะสายตาทอดมองไปยังร่างกำยำของคนตรงหน้าด้วยแววตาเว้าวอน “ฉันจะเจอตุ๊กตาหมี ‘ตัวใหญ่’ ของฉันเข้าแล้วสิ” เธอยิ้มกริ่มพลางกัดริมฝีปากตัวเองเล็ก ๆ แววตาอาบย้อมด้วยความปรานารถ น้ำเสียงเธอมันช่างยั่วยวนคนฟังให้หื่นกระหาย “แต่ คุณยังไม่เคยขี่ ‘คุณหมี’ เลยนะ” ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องมองใบหน้าสวย และเผยยิ้มยั่ว
สามสัปดาห์ต่อมา วันที่ส้มโอต้องติดสินใจว่าจะเช่าโรงแรมนี้อยู่ต่ออีกเดือน หรือว่าจะตอบรับข้อเสนอของคเชณทร์ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เจอกันครั้งล่าสุด น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขายังก้องอยู่ในหู ชายแปลกหน้าคนนั้นที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี “ส้ม ถ้าคุณไม่มีที่ไป มาอยู่คอนโดผมก็ได้นะ” คเชณทร์เอ่ยเสียงเรียบ แววตาคมจ้องมองเธอด้วยความอ่อนโยน “ให้ฉันไปอยู่กับคุณน่ะเหรอ?” “ไม่ได้อยู่กับผมหรอก ห้องนั้นผมมันว่าง ผู้เช่าเก่าเพิ่งย้ายออก” “แล้วคุณคิดค่าเช่าเท่าไรล่ะ” เธอสบตาเขาราวกับสนใจ “ถ้าเป็นคุณผมไม่คิดเงินหรอก คุณอยู่ไปเถอะ คุณเองก็เหลือเงินเก็บไม่มากแล้วนี่ ไหนจะเรียน ป.โท ปีสุดท้ายอีก” เธอย่นคิ้วพลางหรี่ตามองชายตรงหน้าอย่างฉุกคิด เพราะเหตุใดเขาจึงเสนอห้องว่างที่คอนโดให้เธออยู่ฟรีกันแน่ “เอ .. คุณจะเป็นเสี่ยเลี้ยงฉันเหรอ?” เธอพูดพลางขำ “อืม จะว่างั้นก็ได้นะ” เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ให้ฉันไปอยู่ฟรีแลกกับอะไรเหรอ?” “ถ้าเป็นตอนนี้คงมีเรื่องเดียวแหละนะ ... เราสองคนต่างก็รู้กั
สามสัปดาห์ต่อมา วันที่ส้มโอต้องติดสินใจว่าจะเช่าโรงแรมนี้อยู่ต่ออีกเดือน หรือว่าจะตอบรับข้อเสนอของคเชณทร์ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เจอกันครั้งล่าสุด น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขายังก้องอยู่ในหู ชายแปลกหน้าคนนั้นที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี “ส้ม ถ้าคุณไม่มีที่ไป มาอยู่คอนโดผมก็ได้นะ” คเชณทร์เอ่ยเสียงเรียบ แววตาคมจ้องมองเธอด้วยความอ่อนโยน “ให้ฉันไปอยู่กับคุณน่ะเหรอ?” “ไม่ได้อยู่กับผมหรอก ห้องนั้นผมมันว่าง ผู้เช่าเก่าเพิ่งย้ายออก” “แล้วคุณคิดค่าเช่าเท่าไรล่ะ” เธอสบตาเขาราวกับสนใจ “ถ้าเป็นคุณผมไม่คิดเงินหรอก คุณอยู่ไปเถอะ คุณเองก็เหลือเงินเก็บไม่มากแล้วนี่ ไหนจะเรียน ป.โท ปีสุดท้ายอีก” เธอย่นคิ้วพลางหรี่ตามองชายตรงหน้าอย่างฉุกคิด เพราะเหตุใดเขาจึงเสนอห้องว่างที่คอนโดให้เธออยู่ฟรีกันแน่ “เอ .. คุณจะเป็นเสี่ยเลี้ยงฉันเหรอ?” เธอพูดพลางขำ “อืม จะว่างั้นก็ได้นะ” เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ให้ฉันไปอยู่ฟรีแลกกับอะไรเหรอ?” “ถ้าเป็นตอนนี้คงมีเรื่องเดียวแหละนะ ... เราสองคนต่างก็รู้กั
“งั้นอย่างน้อย ตอนนี้เราสองคนก็รู้จักกันแล้วนะ ฉันขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อส้มโอ เรียกว่าส้มเฉย ๆ ก็พอ” เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน ดวงตาเป็นประกายขณะที่ยื่นมือเรียวบางไปข้างหน้า “ครับ ผมชื่อคเชณทร์ เรียกผมว่าเชน” เขายื่นมือมาจับมือเธอ สัมผัสอุ่น ๆ ที่ทำให้หัวใจกระตุก “เอิ่ม ... เรียกว่าอะไรก็ได้ครับ ถ้าชื่อผมมันทำให้คุณ ...” เขาพูดอึกอัก ลังเลเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าชื่อของตนนั้นบังเอิญไปพ้องกับชื่อคนที่เคยทำให้เธอเจ็บปวด “เรียกอะไรดีล่ะ ฉันขอเรียกว่า .. คุณหมีแล้วกันนะ” “ทำไมล่ะ?” “ห้ามขำฉันนะ .. ฉันเคยขี่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เขาซื้อให้ แต่ดูเหมือนตอนนี้ ..” เธอหยุดพูดชั่วขณะสายตาทอดมองไปยังร่างกำยำของคนตรงหน้าด้วยแววตาเว้าวอน “ฉันจะเจอตุ๊กตาหมี ‘ตัวใหญ่’ ของฉันเข้าแล้วสิ” เธอยิ้มกริ่มพลางกัดริมฝีปากตัวเองเล็ก ๆ แววตาอาบย้อมด้วยความปรานารถ น้ำเสียงเธอมันช่างยั่วยวนคนฟังให้หื่นกระหาย “แต่ คุณยังไม่เคยขี่ ‘คุณหมี’ เลยนะ” ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องมองใบหน้าสวย และเผยยิ้มยั่ว
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกใสของห้องพักชั้น 32 ละอองแสงสีทองอ่อน ๆ ทอประกายระยิบระยับ ส้มโอนอนนิ่งอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ร่างบางถูกห่มคลุมด้วยผ้านวมสีขาวนุ่ม เธอยังคงหลับใหลด้วยความอ่อนล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อน ใบหน้าสวยดูสงบนิ่งราวกับเทพธิดาที่หลับใหล ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ศีรษะเธอหนักอึ้งด้วยอาการเมาค้าง ร่างบางพลิกตะแคงข้าง มือเรียวคลำหาโทรศัพท์ แต่ไม่รู้ว่าไปวางไว้ตรงไหน เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง “นี่มัน … อะไรเนี่ย!!” ดวงตาคู่เหลือบเห็นเดรสสีแดงตุ่น และแพนตี้สีครีมของเธอ วางกองอยู่ปลายเตียงราวกับถูกทอดทิ้ง ภาพชายหนุ่มเชิ้ตขาวคนเมื่อคืนแล่นปราดเข้ามาในห้วงคำนึง เมื่อเธอนึกได้จึงหันมองไปที่เตียงนอน .. แต่บนเตียงใหญ่ กลับไม่พบใคร ที่นอนเคียงข้าง “ฝันเหรอ? แต่ฝันอะไร บ้าบอชะมัด” มือเรียวเล็กกุมขมับที่ปวดตึบ เธอรู้สึกลำคอแห้งผากต้องการดื่มน้ำเปล่าให้ชุ่มคอเสียหน่อย จึงค่อย ๆ ยกเรียวขาขาวให้ก้าวลงจากเตียงนอน แต่ทว่า.. .. ความเจ็บแสบที่แก่นกลางกายมันปะทุขึ้น จนเธอเผลอร้องออกมา “ซีด! โอ๊ยเจ็บ!”
ริมฝีปากอวบอิ่มแช่ค้างอยู่ที่ริมฝีปากเขา พร้อมลมหายใจอุ่น ๆ ที่คลุ้งกลิ่นไวน์อ่อน ๆ มือหนาโอบอุ้มร่างบางพลางพยุงขึ้น เขาจับเธอพลิกให้เธอนอนเอนกายอย่างสบายบนเตียงนุ่ม “เชน ส้มไม่ได้อยากจูบเชน” ที่ผ่านมาราเชนมอบให้เธอเพียงรสจูบหวานล้ำ แต่ไม่เคยแตะต้องผิวกายหรือสัมผัสเรือนร่างที่เธอเฝ้าบำรุง เพราะอยากให้เธอเสียความบริสุทธิ์ให้เขาในวันแต่งงาน “ส้มอยากเป็นของเชน” หญิงร่างบางที่นอนราบอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย ก่อนส่งสายตาเว้าวอน คเชณทร์ไม่รีรอ เขาชันเข่าคร่อมร่างเล็กที่อยู่เบื้องล่าง สองแขนแกร่งค้ำยันร่างหนา โน้มใบหน้าลงมาใกล้ เขางับริมฝีปากล่างของเธอที่แววตามองมาด้วยอารมณ์ใคร่ที่เต็มเปี่ยม เขาบดคลึงริมฝีปากสัมผัสรสจูบอย่างแผ่วเบา เขาผละออกชั่วครู่ ก่อนจะลอบมองใบหน้านวลเนียนของเธอ “อยากเป็นของเชนเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหูของหญิงสาว เธอครางตอบแผ่วเบา “อือ” ก่อนที่เขาใช้ลิ้นเลียไซ้ใบหู กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวทำให้เขาขาดสติ ศีลธรรมอันดีได้ถูกเก็บซ่อนไว้ส่วนลึก ริมฝีปากค่อย ๆ ไล
“ส้ม …” “เราเลิกกันเถอะ …” “อะไรนะ” คำพูดที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนรักที่คบหากันมานานถึง 7 ปี เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แววตาเขาไม่ได้สะท้อนถึงความโศกเศร้า หรือเสียใจเลยสักนิด “ทะ ทำไมล่ะ? เชน” “เธออย่าเสียเวลากับเราเลย” เขาเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นแววตาใสซื่อของเธอ “มะ .. ไม่ เราไม่ได้เสียเวลาเลย นะ .. นี่ไง ปีหน้าเราก็จบ ป.โทแล้ว เราก็จะได้แต่งงานกัน” ส้มโอมองใบหน้าคมของชายคนรักด้วยแววตาสั่นไหว มือเล็กคว้าแขนแกร่งของเขา ราวกับขอร้องว่าอย่าไป เธอยังจำได้ดีวันที่เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะรอจนกว่าเธอจะเรียนจบแล้วจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ทว่า … วันนี้กลับกลายเป็นเขาที่ดูเหมือนจะทำผิดสัญญา “ส้ม .. พอเถอะ” ราเชนชักแขนออกจากการเกาะกุมของมือเล็ก ๆ สายตาเย็นชามองใบหน้าสวยอย่างอึดอัดใจ สายตาเศร้าหมองช้อนขึ้นมองคนตัวสูง ริมฝีปากสั่นระริก เขาเหมือนโลกทั้งใบของเธอ หากวันนี้เสียเขาไปเธอเองก็ไม่รู้จะมีชีวิตต่อได้เช่นไร ในเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา เขาคือคนเดียวที่เธอมีอยู่ ชีว