เจ้าของเรือนร่างงดงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มองมาที่เขาเช่นเดียวกับที่เขามองเธอ จิณณ์ไม่รู้ว่าหญิงสาวมองตรงส่วนไหนของเขาบ้าง แต่เขารู้ว่าตัวเองมองตรงส่วนไหนของเธอ
แม้สายตาจะจับจ้องแต่เพียงใบหน้า แต่ในระยะไกลนั้นเขาสำรวจทุกส่วนจนครบแล้ว บอกตัวเองว่าเขาไม่ได้บ้ากาม เพราะไม่เคยสักครั้งจะเสียมารยาทมองสาวสวยคนไหนในสถานที่ทำงานแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นนอกสถานที่ทำงานหรือนอกเวลางานนั้นเขาไม่นับ เพราะของสวยงามบนพื้นโลก เขาซึ่งเป็นผู้ชายทั้งแท่งก็อยากมองและอยากครอบครองสักครั้ง แต่เธอคนนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะเธอทำให้ทุกส่วนในร่างกายของเขาตื่นตัวแค่เห็นกันในระยะไกล และถ้าใกล้ขนาดนี้เล่า เขาจะทรมานแค่ไหนกัน
ทุกสัดส่วนบนเรือนกาย คือ ตรงสเปคเขาที่สุด เธอจะรู้ไหมว่าเธอรวมเอาทุกส่วนของผู้หญิงที่เขาประทับใจเข้าไว้ด้วยกัน
เขาชอบผู้หญิงสวย เฉี่ยว ออกเปรี้ยว และไม่ทิ้งความเท่ ผู้หญิงที่เพอร์เฟคสุดในอุดมคติ ประมาณ ‘แอนเจลีนา โจลี’ บวก ‘สการ์เลตต์ โจแฮนสันส์’ คูณด้วย ‘เมแกน ฟอกซ์’ หารด้วย ‘นาตาลี พอร์ตแมน’ และจับยกกำลังสองด้วย ‘มารียง กอตียาร์’ ทุกสิ่งที่ผสมผสานลงตัว ยังไม่มีใครที่เขามองว่า ‘ใช่’
แต่เธอคนนี้ มีทุกสิ่งอย่างครบถ้วน สาวเอเชีย ร่างงามระหง อกเป็นอก เอวเป็นเอว และสะโพกก็น่าขยำขยี้คลึงเคล้น ยามเธอเคลื่อนย้ายเรือนร่าง ช่างแช่มชื่น เย้ายวน ปั่นป่วนหัวใจเขาที่สุด เขาเห็นความเซ็กซี่โอบล้อมรอบตัวเธอ
สาวสวยถอดแว่นกันแดดขึ้นไปคาดไว้บนศีรษะ เผยให้เห็นดวงดาวที่ล้อมกรอบไว้ด้วยปีกผีเสื้องอนงาม ริมฝีปากขยับน้อยๆ เชื่องช้า ก่อนเสียงหวานๆ จะส่งผ่าน
“สวัสดีค่ะ”
“เอ่อ... ครับ สวัสดีครับ”
จิณณ์ตื่นจากภวังค์เมื่อเสียงหวานๆ ของเธอเป็นฝ่ายทักเขาก่อน หญิงสาวพนมมือไหว้อ่อนช้อย ดวงตาสวยพราวระยับถูกใจ พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก เธอกำลัง ‘ขำ’ กับกิริยาอึ้งๆ ของเขา เขาพลาดไปแล้ว แต่จะไม่พลาดอีก
“สวัสดีอีกครั้งครับ คุณต้องการพบผม...”
น้ำเสียงอบอุ่น กิริยาสุภาพ และรอยยิ้มหล่อปรากฏบนใบหน้า มิตรไมตรีที่ดีเท่านั้น ที่จะสลายความคิดฟุ้งซ่านของเขาให้หมดไป เขาจะมองเธอในฐานะของลูกค้าเท่านั้น
“ใช่ค่ะ เรานัดกันไว้”
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพียงนิดเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“แล้วคุณมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
จิณณ์เลี่ยงที่จะพูดว่า ‘เราไม่ได้นัดกันไว้’ แม้เขาจะมั่นใจว่าไม่มีทางลืมนัดสาวสวยคนนี้อย่างแน่นอนที่สุด แต่เขาก็พร้อมจะรับสมอ้าง เพราะมุกนี้เขาเจอมาบ่อย เมื่อเธอตั้งใจก้าวเข้ามาเป็นลูกไก่ในกำมือ ‘เสือดาร์ก’ อย่างเขา เขาก็พร้อมจะกำ ขยำ ขยี้ เคล้นคลึง และชิมความหวานจากเรือนร่างนี้จนหมดแรง
แค่คิด... จิณณ์ก็รู้สึกฝืดคอจนเผลอกลืนน้ำลาย อยากจะพาตัวเองไปให้พ้นจากจุดนี้ เพราะเขากำลังควบคุมแรงเร่งเร้าในร่างกายของตัวเองไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้จนได้กลิ่นหอมจากเรือนกาย กลิ่นหอมอ่อนๆ หวาน เซ็กซี่ มีความฟรุตตี้เล็กๆ คล้ายจะกำจายรอบตัวยามเธอเคลื่อนไหว จนเขาอยากก้าวเข้าใกล้ อยากฝังจมูกไปตามผิวเนื้อที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมา
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่ก้มหาอะไรบางอย่างจากเป้สะพายข้าง ต้นคองามระหง ท่อนแขนเพรียว หรือแม้แต่ฝ่ามือที่หยิบเอกสารจากกระเป๋าพร้อมยื่นให้กับเขา และสิ่งนั้นก็ส่งผลให้อารมณ์หวามไหวของเขาแตกกระเจิง
“เอกสารประกอบการทำงานค่ะ... อาจิ๋ว”
.
.
เรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสายๆ ของวันจนถึงเวลานี้ทำให้จิณณ์ต้องคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือเปล่า หรือไม่คืนนี้เขาคงต้องโทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้รู้เรื่อง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้ก่อน พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันใหม่
ดวงตาคมเข้มเหลือบขึ้นมองกระจกมองหลัง แม้จะเป็นเวลาแดดร่มลมตก แต่รถยนต์ญี่ปุ่นทันสมัยสีเขียวสดคันนั้นก็ยังตามติดเขาตั้งแต่ร้านอาหารที่เขาพาทีมงานไปเลี้ยงข้าวเย็น แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของเจ้าคันเขียวคือที่เดียวกันกับเขา เพราะ...
‘อาจิ๋วขับนำไปเลยนะคะ เดี๋ยวลูกเจี๊ยบจะขับตามค่ะ’
ใช่... คืนนี้ ‘มนตกานต์’ นอนบ้านเดียวกับเขา และก็อาจเป็นคืนต่อๆ ไปด้วย เพราะเขาเองที่สร้างปัญหาจนหาทางแก้ไม่ถูก หรือจริงๆ เขาอยากจะแก้อย่างอื่นกันแน่
“คิดอะไรของนายว่ะจิ๋ว เด็กนั่น...”
ใช่... เขาไม่ควรคิดแบบนั้นกับลูกของเพื่อนรุ่นพี่
มนตกานต์เป็นลูกสาวของ ‘ไก่อู’ เพื่อนรุ่นพี่ของเขา แต่ว่าไก่อูพาครอบครัวย้ายไปอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่มนตกานต์เรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 4 เพราะ ‘นก’ ภรรยาของไก่อูต้องไปรับช่วงกิจการรีสอร์ทและกิจการร้านค้าส่งขนาดใหญ่ของครอบครัว จากนั้นเขากับไก่อูก็แทบจะเจอกันนับครั้งได้ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างยุ่งกับการทำงาน
เพิ่งจะปีที่แล้วที่ไก่อูติดต่อมาเรื่องขายบ้านที่กรุงเทพฯ อยากให้เขาช่วยหาคนซื้อให้หน่อย เพราะบ้านนี้เป็นเรือนหอของไก่อูกับนก เป็นบ้านที่เขารักมาก แต่หากเก็บไว้ไม่ขายต่อ บ้านก็จะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
อีกทั้งมนตกานต์ลูกสาวคนเดียวที่เพิ่งเรียนจบก็มีแผนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และก็คาดว่าเด็กรุ่นใหม่แบบมนตกานต์ไม่น่าจะชอบอยู่บ้านเดี่ยวที่มีอาณาบริเวณ เธอน่าจะชอบใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์ของคนกรุง นั่นคืออยู่คอนโดมิเนียมหรูๆ สักแห่ง ดังนั้นไก่อูจึงอยากให้เขาหาคนที่ชอบบ้านหลังนี้จริงๆ อยากได้คนที่รักและจะดูแลบ้านหลังนี้ต่อไปได้
บ้านเดี่ยวขนาด 4 ห้องนอน มีพื้นที่อเนกประสงค์ครบครัน มีสนามกว้าง มีสระว่ายน้ำ ในพื้นที่รวมทั้งหมด 1 ไร่เศษ ที่เขาเคยมาเยี่ยมเยือนไก่อูและครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อกลับมาเยือนเพื่อตรวจดูสภาพบ้านก่อนจะติดต่อหาคนมาซื้อ เขาก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า คนที่จะชอบและรักบ้านหลังนี้จริงคงมีเพียงเขาเท่านั้น เขานึกเสียดายแทน หากเจ้าของใหม่ ที่ไม่เคยมีความทรงจำกับบ้านหลังนี้มาก่อน จะเข้ามาครอบครอง แต่พอเขาบอกไก่อูเรื่องที่เขาจะซื้อบ้านหลังนี้ไว้เอง ไก่อูกลับเกรงใจที่มาไหว้วานจนเขาต้องรับซื้อบ้านไว้เอง แม้เขาจะอธิบายว่าเขาเสียดายบ้านและมีความทรงจำในบ้านหลังนี้ร่วมกับไก่อูและครอบครัวอยู่แล้ว ขอให้เขาได้เป็นผู้ดูแล แต่ไก่อูก็ไม่อยากให้เขาต้องใช้เงินก้อนโตมาซื้อบ้าน จนเขาบอกว่าจะใช้บ้านหลังนี้เป็น ‘เรือนหอ’ ไก่อูจึงขอกลับไปคิดดูก่อน และคำตอบก็กลายเป็นว่า ไก่อูขอแบ่งที่ดินเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นั่นคือตัวบ้านและสวนด้านข้างเล็กน้อย ส่วนที่ 2 คือที่ดินว่างเปล่าที่เคยเป็นลานกิจกรรมเวลาเขามาสังสรรค์ รวมทั้งสระว่ายน้ำด้วย เหตุผลก็เพราะมนตกานต์เปลี่ยนใจไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่
หลังจากจิณณ์ถอยรถเข้าเก็บในโรงรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบลงจากรถเพื่อไปช่วยมนตกานต์ยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ที่รีบเพราะอยากช่วย และก็เพราะอยากกลบเกลื่อนความอายของตัวเองที่ดันคิดเรื่อยเปื่อยจนขับรถเลยบ้าน แต่มนตกานต์กลับมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบน้อยมาเพียงใบเดียว “อ้าว... ลูกเจี๊ยบมีกระเป๋าแค่นี้เหรอ” ถามแก้เก้อทั้งที่เห็นอยู่แล้ว “ใช่ค่ะ พรุ่งนี้หลังเลิกงาน ลูกเจี๊ยบว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าน่ะค่ะ เสื้อผ้าที่ลูกเจี๊ยบมีอยู่มันไม่เหมาะสำหรับไปทำงานหรอกค่ะอาจิ๋ว ซื้อใหม่ดีกว่า” มนตกานต์พูดพลางเดินนำจิณณ์เข้าสู่ตัวบ้าน เพราะนี่เป็นบ้านของเธอ ทุกพื้นที่เธอจึงรู้จักและคุ้นเคยดีอยู่แล้ว แม้พ่อจะให้ทีมงานของจิณณ์เข้ามาปรับปรุงใหม่ แต่แบบที่จิณณ์ส่งให้ เธอดูแล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนของตัวบ้าน เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุที่ชำรุดเท่านั้น “ไม่เห็นต้องซื้อใหม่เลยนะ ที่ออฟฟิศอา ใส่อะไรก็ได้ มีแค่น้องนักศึกษาฝึกงานเท่านั้นแหละที่ต้องใส่ชุดนักศึกษา นอกนั้นก็ฟรีสไตล์ ลูกเจี๊ยบไม่น่าต้องเปลืองเงิน เราน่ะเพิ่งทำงาน ประหยัดไว้ก็ดีนะ เดี๋ยวจะหารายได้ไม่พอรายจ่าย” จิณณ
“อุ๊ย!” มนตกานต์หันขวับมาชนเขา ความตกใจทำให้เธอผงะออกห่างจนตัวเองเซถอยหลัง นาทีนั้นเองที่ความหลงลืมกำเนิดขึ้น เมื่อร่างกายตื่นตัวก่อนความคิด อ้อมแขนของเขาจึงเกี่ยวกระหวัดรัดเอวคอดเข้าประชิดตัว เรือนร่างสมส่วนเต็มตึงอยู่ในอ้อมกอดจนความอวบอิ่มชิดแผงอกแกร่ง ส่งผลให้จิณณ์ยิ่งแข็งไปทั้งร่าง และแข็งที่สุดก็จุดนั้น ระยะกระชั้นชิดจนได้กลิ่นลมหายใจรสเชอร์รี่ จิณณ์สูดดมความหอมอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ดวงตามองสำรวจความสวยงามตรงหน้า โดยเฉพาะดวงตาสวยหวานตื่นตะลึงมองช่างงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น จมูกโด่งปลายงอนเล็กๆ นั้นก็ดูรั้น จนเขาอยากจะขบไรฟันกัดนิดๆ ให้เธอสยิวเล่น และริมฝีปากกระจับน้อยๆ เผยอค้าง ก็ช่างเย้ายวนชวนให้เขาชอนชิม “เอ่อ... อาจิ๋วคะ ปล่อยลูกเจี๊ยบได้แล้วค่ะ ลูกเจี๊ยบโอเคแล้วค่ะ” จิณณ์ข่มใจตัวเองเพื่อคลายอ้อมกอด กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสัน อีกครั้งแล้วที่เขาพลาด เขากำลังเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่เคยสักครั้งที่จะระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่วันนี้หลายครั้งแล้วที่เป็น... หวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป “ทีหลังระวังหน่อยนะ จะเดินหน
มนตกานต์ยิ้มอย่างสมใจ เพราะคนที่ทำอะไรซ้ำๆ กันไปมาแบบนั้น จะให้คิดอะไรได้ นอกจาก... กำลัง ‘ฟุ้งซ่าน’ และใครเป็นต้นเหตุแห่งความ ‘ซ่าน’ จนฟุ้งนั้นล่ะ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เธอมี มือคว้ากระเป๋าเป้ใบเก่ง ควานหาสิ่งที่ต้องการโดยด่วน! กล่องส่องทางไกลขนาดจิ๋วถูกนำออกมา เพราะชอบท่องเที่ยวดูโน่นนี่ตลอด ดังนั้นกล้องขนาดจิ๋วนี้จึงมีติดตัวไม่ขาด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะให้มากกว่าทุกประโยชน์ที่เคยได้รับ เช่นตอนนี้ กำลังขยาย 30 เท่า ทำให้มองเห็นสิ่งที่ต้องการได้ชัด เมื่อเจ้าของเรือนร่างแข็งแกร่งว่ายไปถึงขอบสระก่อนจะดันตัวขึ้นสู่ด้านบน ภาพหลังเลนส์นั้นปรากฏชัดทุกสัดส่วน และพานให้เธอมองเห็นเสื้อผ้าที่พาดลวกๆ ไว้ที่เก้าอี้ขอบสระ นั่นคือเขายังไม่ได้ไปที่ห้องนอนใหญ่ แต่กลับเดินออกไปที่สระน้ำ ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ ก่อนจะพาความแข็งแกร่งนั้นลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อสงบอารมณ์ แค่คิด... มนตกานต์ก็ต้องทาบฝ่ามือเหนือตำแหน่งของหัวใจ เพราะก้อนเนื้อน้อยๆ เต้นรัวเร็ว เธอดีใจที่เห็นจิณณ์เป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้
มนตกานต์หยิบสมุดบันทึกเล่มเน่าออกจากกระเป๋าสะพาย ด้านในนั้นมีทุกความรู้สึกที่เธอมีต่อจิณณ์ ทั้งรูปของเขาในหลากหลายอิริยาบถ รูปถ่ายที่เธอแอบจิ๊กมาจากห้องพ่อ รูปภาพจากนิตยสารแต่งบ้าน หรือแม้แต่รูปที่เธอแคปมาจากในเฟสบุ๊คส์แล้วปริ้นต์มาเก็บไว้ แต่รูปที่เธอรักมากที่สุดก็คือ รูปภาพเด็กตัวอ้วน ใส่แว่นหนาเตอะ ที่อาจิ๋วโอบกอดอยู่ด้านหลัง นับจากนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก เธอกลับมาทวงคืนแล้ว “อาจิ๋ว... ลูกเจี๊ยบให้เวลาอาจิ๋วหาเศษหาเลยมาหลายปีแล้วนะคะ ถึงเวลาที่อาจิ๋วต้องเป็นของลูกเจี๊ยบแล้วล่ะค่ะ นับจากวันนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก ในอ้อมกอดของอาจิ๋วต้องเป็นลูกเจี๊ยบเท่านั้น หรือถ้าอาจิ๋วอยากจะกำ ลูกเจี๊ยบก็จะยอมให้อาจิ๋วกำค่ะ แม้จะขัดใจแม่ไปสักหน่อย ลูกเจี๊ยบก็ยอม แต่นั่นจะเกิดหลังจากลูกเจี๊ยบมั่นใจว่าอาจิ๋วอยากปีนขึ้นมาหาลูกเจี๊ยบนะคะ” มนตกานต์นึกถึงคำเตือนแกมตำหนิของแม่ เธอรู้ว่าแม่หวังดีกับเธอเสมอ และคงไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะรักเธอได้เท่าแม่อีกแล้ว เพราะแม่เข้าใจเธอทุกอย่าง แม่ดูแลเธอเป็นอย่างดี จนสังเกตเห็นความผิดปกติในหัวใจดวงนี้แต่แม่ก็ไม่พูดใ
เสียงกระเส่าเชิญชวนทำให้เขาหมดทุกความยับยั้ง ลำคอแห้งผากอยากน้ำสุดๆ ฝ่ามือกอบกำสาบเสื้อเชิ้ตทั้งสองด้าน ก่อนจะกระชากออกจากกัน “อาจิ๋ว!! อาจิ๋ว!!” ปัง! ปัง! ปัง! เฮือก! จิณณ์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นทันที ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกส่วนจะรับรู้กับสิ่งรอบตัว เสียงเคาะประตูรัวจากด้านนอก เสียงหวานๆ ที่ตะโกนเรียก ‘อาจิ๋วๆ’ ไม่หยุด รวมทั้งแสงแดดที่รอดผ่านเข้ามาตามแนวผ้าม่าน นั่นทำให้ดวงตาคมเข้มขยายกว้าง คำนวณเรื่องราวก่อนหน้านี้กับเรื่องปัจจุบันทันด่วนที่เขาต้องจัดการโดยเร็ว และสายตาที่มองลงต่ำก็เห็น... “ตายโหงล่ะไอ้จิ๋ว” จิณณ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ เพราะไอ้ตัวไม่จิ๋วสมชื่อกำลังประท้วงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ในความฝัน มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด เพราะตอนนี้มันพร้อมแล้วสำหรับการ ‘เช็ด’ “อาจิ๋ว!! ตื่นยังคะ ลูกเจี๊ยบเอาเสื้อผ้ามาให้ อาจิ๋ว!! อาจิ๋วคะ! อาจิ๋ว!!” เสียงหวานๆ ด้านนอกยังตะโกนเร่งเร้า ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนกลับมาจนครบ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเพียง 10% แต่เขาดันมาต่อยอดได้จนจะครบ 100% อยู่รอมร่อ แค่เธอจะไม่มาเคาะ แต่ตอนนี้ต้
เขาตอบไปแบบนั้นทั้งที่อยากจะเข้าไปที่สุด เพราะถ้าไม่คิดว่ามนตกานต์เป็นลูกสาวของเพื่อน หญิงสาวและสวยขนาดนี้ ใส่ชุดนอนเป็นเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวเดียว ความยาวน่ะเหรอ ก็แค่ปิดขาอ่อนได้อย่างหมิ่นเหม่ แถมด้วยกระดุมเม็ดบนก็ยังไม่ติด เขาคงอดคิดไม่ได้ว่านี่คือการเชื้อเชิญ แต่เพราะมนตกานต์ถือว่าเป็นหลานสาวของเขาน่ะสิ เขาเลยคิดแบบนั้นไม่ได้ เอิ่ม... แต่นั่นกี่เม็ดกันล่ะ 1 หรือ 2 เม็ดที่เป็นอิสระจากการเกาะกุม ‘อาจิ๋วคะ... อาจิ๋ว...’ ‘ฮะ... ลูกเจี๊ยบว่าอะไรนะ’ ‘ลูกเจี๊ยบว่าอาจิ๋วมองเหม่ออะไรคะ’ ‘อา... อาน่ะเหรอเหม่อ’ ‘ใช่ค่ะ เหม่อและก็มองลูกเจี๊ยบตาไม่กะพริบเลยค่ะ อาจิ๋วคิดอะไรอยู่คะ’ ‘เอ่อ... อา... อาคิดว่าลูกเจี๊ยบไม่ควรใส่ชุดหมิ่นเหม่อย่างนี้น่ะสิ’ ‘หมิ่นเหม่เหรอคะ ตรงไหนคะอาจิ๋ว’ เธอที่ก้มลงสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าบ้องแบ๊วขึ้นถาม นั่นทำให้จิณณ์ยิ่งต้องกัดฟันกรอด นี่เธอไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ ว่าตรงไหนกันที่มัน... #ยั่ว ‘ก็... ทุกตรงนั่นแหละ เป็นสาวเป็นนาง ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้
ใบหน้าหล่อร้ายส่ายไปมา เอนศีรษะพิงผนังห้อง เป่าลมออกจากปาก พยายามระงับความ ‘ตื่น’ เฉพาะส่วนให้ได้ และเมื่อคิดว่าบรรเทา จิณณ์ก็รีบพาตัวเองเข้าสู่ห้องอาบน้ำอย่างเร็ว หวังว่าน้ำเย็นๆ จะทำให้ ‘ไอ้ใหญ่’ หลับใหลไปได้อีกวัน ทว่าเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาก็รู้ว่าคิดผิด เพราะ ‘ไอ้ใหญ่’ ตื่นเต้นชูคออีกครั้ง แค่ได้เห็นเสื้อผ้าที่มนตกานต์เตรียมไว้ให้ เพราะเธอช่าง... ตอนที่เธอยื่นหอบเสื้อผ้ามาให้ เขาก็รับมาโดยไม่ได้ดูว่าเธอเตรียมอะไรมาให้บ้าง เพราะถ้าขาดเหลืออะไรก็คงขอเข้าไปหยิบ ทว่าที่เห็นนั่น มนตกานต์เตรียมมาพร้อมสรรพ แม้แต่... ‘กางเกงใน’ พร้อมกระดาษโน้ตมีลายมือกระยุกกระยิกตามสมัยนิยมเขียนไว้ และจำเพาะที่เธอสอดไว้ที่บริเวณ ‘เป้า’ ที่พับขึ้นมาจนนูนเด่น ลูกเจี๊ยบไม่แน่ใจว่าอาจิ๋วอยากใส่สีไหนแบบไหนน่ะค่ะ ก็เลยเอามาอย่างละตัว... อีกครั้งที่จิณณ์ต้องหลับตาข่มความรู้สึก เพราะ ‘ไอ้ใหญ่’ ขยันประท้วงบ่อยครั้ง นั่นเพราะมันรู้น่ะสิว่ามนตกานต์สัมผัสตรงส่วนนั้น และเธอต้องสัมผัสนานเท่าไร จึงจะพับกางเกงใน 3 สี 2 แบบนี้จนครบทั้ง 6 ตัว นั่นหมายความว่า... เธอลูบไล้บริเวณเป้าของเขา ห