“ไม่มีนี่ พี่ไม่ได้นัดใครไว้นะ”
“หนู... หนูก็ไม่รู้ค่ะ เธอบอกว่า... ถ้าคุณจิ๋วเห็นเธอ คุณจิ๋วก็จะรู้เองค่ะ”
“อย่างนั้นเลยเหรอ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างนึกสนุก อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงเล่นใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำตัวมีอิทธิพลเหนือเขา และจากประสบการณ์โชกโชน เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่จะพูดแบบนี้ออกมาได้ ถ้าไม่สวยหยาดฟ้ามาดิน ก็คงจะเนื้อนมไข่จนเขาปวดหนึบไปทั้งร่าง แต่เธอคนนี้... เป็นแบบไหนล่ะ
“คนไหน...”
จิณณ์เดินไปจนสุดผนังกระจกซึ่งจะมองเห็นพื้นที่ออฟฟิศด้านล่างได้ทั่ว ได้เห็นเธอก่อนเขาจะได้วางแผน ‘ไล่ล่า’ ได้ทัน แต่ตลอดทั่วทั้งออฟฟิศชั้นล่างที่รวมเอาจุดรับรองลูกเอาไว้ด้วยนั้น เขาไม่เห็นใครที่แปลกตา
“ไหนล่ะน้องนาย ไม่เห็นมีใครนี่”
“เอ... เมื่อกี้เธอยังนั่งอยู่ที่ห้องโน้นเลยนะคะ”
“โอเค... ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลงไปเอง”
“ค่ะ...”
น้องนายหัวหด เพราะเจ้านายคนเดิมกลับมาแล้ว คำว่า ‘พี่’ หายวับ กลับกลายเป็น ‘ฉัน’ มาแทน แต่ก่อนที่จะถอยออกไป สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวจากด้านล่าง
“นั่นไงคะคุณจิ๋ว คนนั้นน่ะค่ะ”
สาวตัวเล็กหันบอกและก็ได้เห็นดวงตาคมเข้มของเจ้านายมองตรงไปที่เธอคนนั้นพอดี จึงได้แต่ยิ้มแหยและค่อยๆ เคลื่อนกายห่างออกมา เพราะเธอคงเป็นคนนอกสายตาของเจ้านายไปแล้ว
.
.
สาวร่างงามระหงในจั้มสูทลายเสือดาว ท่อนบนเป็นเสื้อแขนกุดและท่อนล่างเป็นกางเกงทรงฮาเร็ม สวมรองเท้าผ้าใบสีดำเข้ากับคอลเลคชั่นของกระเป๋าเป้ เธอก้าวเข้ามาในออฟฟิศทันทีที่ประตูอัตโนมัติเคลื่อนเปิด
ทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าของส่วนสูงราว 170 เซนติเมตร ตรึงสายตาจนจิณณ์ไม่อาจจะละหนีไปทางไหนได้ โดยเฉพาะสัดส่วนจากการคาดคะเน 36-24-36 นั่นคือสวรรค์ประทานมาให้เธอ หรือวิทยาศาสตร์อัพขนาดให้ แต่จากความเชี่ยวชาญ เขาคาดว่าอัตราการกระเพิ่มขึ้นลงขณะก้าวเดินนั้น มั่นใจว่าผลไม้หวานลิ้นผลใหญ่เป็นของแท้แม้ให้มาแน่นอน
นอกเหนือจากรูปร่างทรมานใจชายแล้วนั้น ใบหน้าภายใต้แว่นกันแดดกรอบโตเหลียวซ้ายแลขวามองหาคนที่ต้องการ ก่อนจะแหงนขึ้นมองมาที่เขา
จิณณ์แทบลืมหายใจเมื่อเห็นเครื่องหน้าของเธอ ปาก คอ คิ้ว คาง และปลายจมูกโด่ง แม้จะอยู่ในระยะไกล แต่เขากลับเห็นความสวยงามที่ผสานกันลงตัว เหลือเพียงหน้าต่างแห่งหัวใจที่ถูกปิดทับด้วยม่านสีชาเท่านั้นที่เขายังไม่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นจิณณ์กลับบอกตัวเองว่าเขาเห็นความถือดีเจืออยู่
ผู้หญิงที่สวยเสร็จเด็ดสะระตี่ขนาดนี้ ท้าทายความเข้มแข็งของเขาอย่างแรง
จิณณ์ไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของสาวสวยแต่ปลายหางตาก็ยังเห็นทีมงานหนุ่มๆ ก้าวมายืนอออยู่ด้านข้าง และหงุดหงิดมากขึ้นเมื่ออาร์ตทำเสียงราวละเมอ
“โห... นางฟ้าหรือเปล่าเนี่ย หุ่นยังกับ อืม... เด็ดสุด”
ต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนคนใจสั่นของณัฐ “พี่จิ๋วครับ น้องเขา... เอ่อ... มาหาพี่จิ๋วเหรอครับ ”
แต่เขาไม่มีเวลาจะตอบคำถามใครหรอก สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือ เธอเป็นใคร ชื่ออะไร มาหาเขาด้วยเรื่องเหตุอะไร แล้วทำไมเธอถึงบอกว่าเขาจะรู้ว่าเธอเป็นใคร...
“ไม่นะ... ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ต้องไม่ใช่...”
จิณณ์ไม่กล้าพูดคำตอบที่เขาคิดออกมา สองเท้าพาก้าวเร็วออกจากห้องประชุม ไม่ฟังเสียงร้องถามของทีมงาน เพราะสิ่งที่เขาสงสัย เขาต้องได้รับคำอธิบายเดี๋ยวนี้
“พี่จิ๋วครับ พี่จิ๋ว... อ้าว... สรุปแล้วน้องเขาเป็นใครวะ”
ณัฐหันไปถามอาร์ต มองขิม ภานุ ใหญ่ ทุกคนต่างส่ายหน้า แต่แล้วอาร์ตกลับทำท่าเหมือนนึกอะไรออก
“เฮ้ย! หรือว่าน้องพนักงานใหม่วะ”
“ว่าจะถามอยู่เชียว พนักงานใหม่อะไรวะ ไม่เห็นพี่จิ๋วบอกเลย เจ้นารู้มั้ยคะ” ขิมพูดเสียงห้วนกับอาร์ตก่อนจะหันไปถามวีนาเสียงหวานมีคะขา
วีนาเดินมาชิดกระจก เพื่อมองหญิงสาวที่ทำให้จิณณ์ผลุนผลันลงไป เรื่องพนักงานใหม่นั้นเธอรู้แล้ว เพราะจิณณ์บอกไว้ตั้งแต่เพื่อนรุ่นพี่โทรศัพท์มาฝากฝังลูกสาวเข้าทำงาน แต่ผู้หญิงที่สวย เปรี้ยว เฉี่ยว ปนเท่เล็กๆ นั้น ไม่น่าจะใช่แน่ ลักษณะแบบนี้น่าจะเป็นลูกไก่ตัวน้อยๆ ของจิณณ์อีกตามเคย ซึ่งเธอก็มีสิทธิ์ที่จะเห็นหน้าเจ้าหล่อนพวกนั้นทุกคน จะได้หาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน เพราะหมดความอดทนที่ต้องกลายเป็น ‘ไม้กันหมา’ ให้จิณณ์ทุกครั้งที่ต้องการสลัดลูกไก่เหล่านั้นให้พ้นตัว
“น้องเขาจะมาทำงานที่นี่เหรอครับเจ้นา”
ณัฐอีกคนที่เอ่ยถาม แต่สายตาก็แทบจะไม่ละไปจากใบหน้าและเรือนร่างงดงามนั้นสักนิด และยิ่งเห็นเจ้านายก้าวอาดๆ เข้าใกล้เธอ เขายิ่งละสายตาไปไม่ได้สักเสี้ยววินาที เพราะเขาเองก็อยากรู้ว่า ‘เธอ’ เป็นหนึ่งในลูกไก่ของเจ้านายหรือเปล่า
“เจ้ไม่รู้หรอก พวกเธอทุกคนต้องไปถามเจ้านายของเธอเอาเอง แต่ถ้าเป็นพนักงานใหม่จริง เดี๋ยวจิ๋วก็คงจะพามาแนะนำให้พวกเธอรู้จักเองนั่นแหละ แต่ถ้าไม่พามา หวังว่าคงรู้กันนะว่าผู้หญิงสวยขนาดนั้น มาหาเจ้านายของพวกเธอทำไม เฮ้อ! ความวัวยังคาราคาซังอยู่ ความควายก็จะมาแทรกอีกแล้ว คราวนี้ฉันจะเอาวัวไปขายจริงๆ ด้วย”
วีนาเดินบ่นกระปอดกระแปดออกไปจากห้องประชุมทำให้คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากัน แต่สุดท้ายสายตาก็ไปสิ้นสุดที่หนุ่มสาวด้านล่าง เมื่อจิณณ์เดินไปถึง ณ ที่สาวสวยยืนอยู่
“เฮ้ย! ณัฐ แกว่าเธอเป็นพนักงานใหม่ หรือว่าเป็นไก่ของพี่จิ๋วกันแน่วะ”
“แล้วนายจะยุ่งอะไรด้วยอาร์ต จะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนายทั้งนั้นแหละ”
คนตอบไม่ใช่ณัฐ แต่เป็นขิม เพราะสายตาของณัฐยังคงมองไปที่จุดนั้น
“ไม่ใช่ไก่หรอก นั่นลูกเจี๊ยบต่างหาก”
แต่คำตอบนี้กลับทำให้ทุกคนหันมอง ภานุยิ้มน้อยๆ สายตามองตรงไปยังสาวสวยเบื้องล่าง ก่อนจะส่งยิ้มให้กับบรรดาเพื่อนร่วมงานที่มองมาที่เขาอย่างต้องการคำตอบด่วน!
เจ้าของเรือนร่างงดงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มองมาที่เขาเช่นเดียวกับที่เขามองเธอ จิณณ์ไม่รู้ว่าหญิงสาวมองตรงส่วนไหนของเขาบ้าง แต่เขารู้ว่าตัวเองมองตรงส่วนไหนของเธอ แม้สายตาจะจับจ้องแต่เพียงใบหน้า แต่ในระยะไกลนั้นเขาสำรวจทุกส่วนจนครบแล้ว บอกตัวเองว่าเขาไม่ได้บ้ากาม เพราะไม่เคยสักครั้งจะเสียมารยาทมองสาวสวยคนไหนในสถานที่ทำงานแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นนอกสถานที่ทำงานหรือนอกเวลางานนั้นเขาไม่นับ เพราะของสวยงามบนพื้นโลก เขาซึ่งเป็นผู้ชายทั้งแท่งก็อยากมองและอยากครอบครองสักครั้ง แต่เธอคนนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะเธอทำให้ทุกส่วนในร่างกายของเขาตื่นตัวแค่เห็นกันในระยะไกล และถ้าใกล้ขนาดนี้เล่า เขาจะทรมานแค่ไหนกัน ทุกสัดส่วนบนเรือนกาย คือ ตรงสเปคเขาที่สุด เธอจะรู้ไหมว่าเธอรวมเอาทุกส่วนของผู้หญิงที่เขาประทับใจเข้าไว้ด้วยกัน เขาชอบผู้หญิงสวย เฉี่ยว ออกเปรี้ยว และไม่ทิ้งความเท่ ผู้หญิงที่เพอร์เฟคสุดในอุดมคติ ประมาณ ‘แอนเจลีนา โจลี’ บวก ‘สการ์เลตต์ โจแฮนสันส์’ คูณด้วย ‘เมแกน ฟอกซ์’ หารด้วย ‘นาตาลี พอร์ตแมน’ และจับยกกำลังสองด้วย ‘มารียง กอตียาร์’ ทุกสิ่งที่ผสมผสานลงตัว ยังไม่มีใครที่
บ้านเดี่ยวขนาด 4 ห้องนอน มีพื้นที่อเนกประสงค์ครบครัน มีสนามกว้าง มีสระว่ายน้ำ ในพื้นที่รวมทั้งหมด 1 ไร่เศษ ที่เขาเคยมาเยี่ยมเยือนไก่อูและครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อกลับมาเยือนเพื่อตรวจดูสภาพบ้านก่อนจะติดต่อหาคนมาซื้อ เขาก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า คนที่จะชอบและรักบ้านหลังนี้จริงคงมีเพียงเขาเท่านั้น เขานึกเสียดายแทน หากเจ้าของใหม่ ที่ไม่เคยมีความทรงจำกับบ้านหลังนี้มาก่อน จะเข้ามาครอบครอง แต่พอเขาบอกไก่อูเรื่องที่เขาจะซื้อบ้านหลังนี้ไว้เอง ไก่อูกลับเกรงใจที่มาไหว้วานจนเขาต้องรับซื้อบ้านไว้เอง แม้เขาจะอธิบายว่าเขาเสียดายบ้านและมีความทรงจำในบ้านหลังนี้ร่วมกับไก่อูและครอบครัวอยู่แล้ว ขอให้เขาได้เป็นผู้ดูแล แต่ไก่อูก็ไม่อยากให้เขาต้องใช้เงินก้อนโตมาซื้อบ้าน จนเขาบอกว่าจะใช้บ้านหลังนี้เป็น ‘เรือนหอ’ ไก่อูจึงขอกลับไปคิดดูก่อน และคำตอบก็กลายเป็นว่า ไก่อูขอแบ่งที่ดินเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นั่นคือตัวบ้านและสวนด้านข้างเล็กน้อย ส่วนที่ 2 คือที่ดินว่างเปล่าที่เคยเป็นลานกิจกรรมเวลาเขามาสังสรรค์ รวมทั้งสระว่ายน้ำด้วย เหตุผลก็เพราะมนตกานต์เปลี่ยนใจไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่
หลังจากจิณณ์ถอยรถเข้าเก็บในโรงรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบลงจากรถเพื่อไปช่วยมนตกานต์ยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ที่รีบเพราะอยากช่วย และก็เพราะอยากกลบเกลื่อนความอายของตัวเองที่ดันคิดเรื่อยเปื่อยจนขับรถเลยบ้าน แต่มนตกานต์กลับมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบน้อยมาเพียงใบเดียว “อ้าว... ลูกเจี๊ยบมีกระเป๋าแค่นี้เหรอ” ถามแก้เก้อทั้งที่เห็นอยู่แล้ว “ใช่ค่ะ พรุ่งนี้หลังเลิกงาน ลูกเจี๊ยบว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าน่ะค่ะ เสื้อผ้าที่ลูกเจี๊ยบมีอยู่มันไม่เหมาะสำหรับไปทำงานหรอกค่ะอาจิ๋ว ซื้อใหม่ดีกว่า” มนตกานต์พูดพลางเดินนำจิณณ์เข้าสู่ตัวบ้าน เพราะนี่เป็นบ้านของเธอ ทุกพื้นที่เธอจึงรู้จักและคุ้นเคยดีอยู่แล้ว แม้พ่อจะให้ทีมงานของจิณณ์เข้ามาปรับปรุงใหม่ แต่แบบที่จิณณ์ส่งให้ เธอดูแล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนของตัวบ้าน เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุที่ชำรุดเท่านั้น “ไม่เห็นต้องซื้อใหม่เลยนะ ที่ออฟฟิศอา ใส่อะไรก็ได้ มีแค่น้องนักศึกษาฝึกงานเท่านั้นแหละที่ต้องใส่ชุดนักศึกษา นอกนั้นก็ฟรีสไตล์ ลูกเจี๊ยบไม่น่าต้องเปลืองเงิน เราน่ะเพิ่งทำงาน ประหยัดไว้ก็ดีนะ เดี๋ยวจะหารายได้ไม่พอรายจ่าย” จิณณ
“อุ๊ย!” มนตกานต์หันขวับมาชนเขา ความตกใจทำให้เธอผงะออกห่างจนตัวเองเซถอยหลัง นาทีนั้นเองที่ความหลงลืมกำเนิดขึ้น เมื่อร่างกายตื่นตัวก่อนความคิด อ้อมแขนของเขาจึงเกี่ยวกระหวัดรัดเอวคอดเข้าประชิดตัว เรือนร่างสมส่วนเต็มตึงอยู่ในอ้อมกอดจนความอวบอิ่มชิดแผงอกแกร่ง ส่งผลให้จิณณ์ยิ่งแข็งไปทั้งร่าง และแข็งที่สุดก็จุดนั้น ระยะกระชั้นชิดจนได้กลิ่นลมหายใจรสเชอร์รี่ จิณณ์สูดดมความหอมอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ดวงตามองสำรวจความสวยงามตรงหน้า โดยเฉพาะดวงตาสวยหวานตื่นตะลึงมองช่างงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น จมูกโด่งปลายงอนเล็กๆ นั้นก็ดูรั้น จนเขาอยากจะขบไรฟันกัดนิดๆ ให้เธอสยิวเล่น และริมฝีปากกระจับน้อยๆ เผยอค้าง ก็ช่างเย้ายวนชวนให้เขาชอนชิม “เอ่อ... อาจิ๋วคะ ปล่อยลูกเจี๊ยบได้แล้วค่ะ ลูกเจี๊ยบโอเคแล้วค่ะ” จิณณ์ข่มใจตัวเองเพื่อคลายอ้อมกอด กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสัน อีกครั้งแล้วที่เขาพลาด เขากำลังเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่เคยสักครั้งที่จะระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่วันนี้หลายครั้งแล้วที่เป็น... หวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป “ทีหลังระวังหน่อยนะ จะเดินหน
มนตกานต์ยิ้มอย่างสมใจ เพราะคนที่ทำอะไรซ้ำๆ กันไปมาแบบนั้น จะให้คิดอะไรได้ นอกจาก... กำลัง ‘ฟุ้งซ่าน’ และใครเป็นต้นเหตุแห่งความ ‘ซ่าน’ จนฟุ้งนั้นล่ะ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เธอมี มือคว้ากระเป๋าเป้ใบเก่ง ควานหาสิ่งที่ต้องการโดยด่วน! กล่องส่องทางไกลขนาดจิ๋วถูกนำออกมา เพราะชอบท่องเที่ยวดูโน่นนี่ตลอด ดังนั้นกล้องขนาดจิ๋วนี้จึงมีติดตัวไม่ขาด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะให้มากกว่าทุกประโยชน์ที่เคยได้รับ เช่นตอนนี้ กำลังขยาย 30 เท่า ทำให้มองเห็นสิ่งที่ต้องการได้ชัด เมื่อเจ้าของเรือนร่างแข็งแกร่งว่ายไปถึงขอบสระก่อนจะดันตัวขึ้นสู่ด้านบน ภาพหลังเลนส์นั้นปรากฏชัดทุกสัดส่วน และพานให้เธอมองเห็นเสื้อผ้าที่พาดลวกๆ ไว้ที่เก้าอี้ขอบสระ นั่นคือเขายังไม่ได้ไปที่ห้องนอนใหญ่ แต่กลับเดินออกไปที่สระน้ำ ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ ก่อนจะพาความแข็งแกร่งนั้นลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อสงบอารมณ์ แค่คิด... มนตกานต์ก็ต้องทาบฝ่ามือเหนือตำแหน่งของหัวใจ เพราะก้อนเนื้อน้อยๆ เต้นรัวเร็ว เธอดีใจที่เห็นจิณณ์เป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้
มนตกานต์หยิบสมุดบันทึกเล่มเน่าออกจากกระเป๋าสะพาย ด้านในนั้นมีทุกความรู้สึกที่เธอมีต่อจิณณ์ ทั้งรูปของเขาในหลากหลายอิริยาบถ รูปถ่ายที่เธอแอบจิ๊กมาจากห้องพ่อ รูปภาพจากนิตยสารแต่งบ้าน หรือแม้แต่รูปที่เธอแคปมาจากในเฟสบุ๊คส์แล้วปริ้นต์มาเก็บไว้ แต่รูปที่เธอรักมากที่สุดก็คือ รูปภาพเด็กตัวอ้วน ใส่แว่นหนาเตอะ ที่อาจิ๋วโอบกอดอยู่ด้านหลัง นับจากนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก เธอกลับมาทวงคืนแล้ว “อาจิ๋ว... ลูกเจี๊ยบให้เวลาอาจิ๋วหาเศษหาเลยมาหลายปีแล้วนะคะ ถึงเวลาที่อาจิ๋วต้องเป็นของลูกเจี๊ยบแล้วล่ะค่ะ นับจากวันนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก ในอ้อมกอดของอาจิ๋วต้องเป็นลูกเจี๊ยบเท่านั้น หรือถ้าอาจิ๋วอยากจะกำ ลูกเจี๊ยบก็จะยอมให้อาจิ๋วกำค่ะ แม้จะขัดใจแม่ไปสักหน่อย ลูกเจี๊ยบก็ยอม แต่นั่นจะเกิดหลังจากลูกเจี๊ยบมั่นใจว่าอาจิ๋วอยากปีนขึ้นมาหาลูกเจี๊ยบนะคะ” มนตกานต์นึกถึงคำเตือนแกมตำหนิของแม่ เธอรู้ว่าแม่หวังดีกับเธอเสมอ และคงไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะรักเธอได้เท่าแม่อีกแล้ว เพราะแม่เข้าใจเธอทุกอย่าง แม่ดูแลเธอเป็นอย่างดี จนสังเกตเห็นความผิดปกติในหัวใจดวงนี้แต่แม่ก็ไม่พูดใ
เสียงกระเส่าเชิญชวนทำให้เขาหมดทุกความยับยั้ง ลำคอแห้งผากอยากน้ำสุดๆ ฝ่ามือกอบกำสาบเสื้อเชิ้ตทั้งสองด้าน ก่อนจะกระชากออกจากกัน “อาจิ๋ว!! อาจิ๋ว!!” ปัง! ปัง! ปัง! เฮือก! จิณณ์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นทันที ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกส่วนจะรับรู้กับสิ่งรอบตัว เสียงเคาะประตูรัวจากด้านนอก เสียงหวานๆ ที่ตะโกนเรียก ‘อาจิ๋วๆ’ ไม่หยุด รวมทั้งแสงแดดที่รอดผ่านเข้ามาตามแนวผ้าม่าน นั่นทำให้ดวงตาคมเข้มขยายกว้าง คำนวณเรื่องราวก่อนหน้านี้กับเรื่องปัจจุบันทันด่วนที่เขาต้องจัดการโดยเร็ว และสายตาที่มองลงต่ำก็เห็น... “ตายโหงล่ะไอ้จิ๋ว” จิณณ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ เพราะไอ้ตัวไม่จิ๋วสมชื่อกำลังประท้วงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ในความฝัน มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด เพราะตอนนี้มันพร้อมแล้วสำหรับการ ‘เช็ด’ “อาจิ๋ว!! ตื่นยังคะ ลูกเจี๊ยบเอาเสื้อผ้ามาให้ อาจิ๋ว!! อาจิ๋วคะ! อาจิ๋ว!!” เสียงหวานๆ ด้านนอกยังตะโกนเร่งเร้า ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนกลับมาจนครบ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเพียง 10% แต่เขาดันมาต่อยอดได้จนจะครบ 100% อยู่รอมร่อ แค่เธอจะไม่มาเคาะ แต่ตอนนี้ต้
เขาตอบไปแบบนั้นทั้งที่อยากจะเข้าไปที่สุด เพราะถ้าไม่คิดว่ามนตกานต์เป็นลูกสาวของเพื่อน หญิงสาวและสวยขนาดนี้ ใส่ชุดนอนเป็นเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวเดียว ความยาวน่ะเหรอ ก็แค่ปิดขาอ่อนได้อย่างหมิ่นเหม่ แถมด้วยกระดุมเม็ดบนก็ยังไม่ติด เขาคงอดคิดไม่ได้ว่านี่คือการเชื้อเชิญ แต่เพราะมนตกานต์ถือว่าเป็นหลานสาวของเขาน่ะสิ เขาเลยคิดแบบนั้นไม่ได้ เอิ่ม... แต่นั่นกี่เม็ดกันล่ะ 1 หรือ 2 เม็ดที่เป็นอิสระจากการเกาะกุม ‘อาจิ๋วคะ... อาจิ๋ว...’ ‘ฮะ... ลูกเจี๊ยบว่าอะไรนะ’ ‘ลูกเจี๊ยบว่าอาจิ๋วมองเหม่ออะไรคะ’ ‘อา... อาน่ะเหรอเหม่อ’ ‘ใช่ค่ะ เหม่อและก็มองลูกเจี๊ยบตาไม่กะพริบเลยค่ะ อาจิ๋วคิดอะไรอยู่คะ’ ‘เอ่อ... อา... อาคิดว่าลูกเจี๊ยบไม่ควรใส่ชุดหมิ่นเหม่อย่างนี้น่ะสิ’ ‘หมิ่นเหม่เหรอคะ ตรงไหนคะอาจิ๋ว’ เธอที่ก้มลงสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าบ้องแบ๊วขึ้นถาม นั่นทำให้จิณณ์ยิ่งต้องกัดฟันกรอด นี่เธอไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ ว่าตรงไหนกันที่มัน... #ยั่ว ‘ก็... ทุกตรงนั่นแหละ เป็นสาวเป็นนาง ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้
ลิ้นร้อนตวัดลงตามรอยแยกที่มองเห็นเป็นสีชมพูสด หอมหวานและเย้ายวนใจจนจิณณ์อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแยกกลีบดอกออกจากกัน และเขาก็ได้เห็นอีกหนึ่งความงดงามที่รอคอย หยาดเยิ้ม และท่วมท้น มนตกานต์พร้อมแล้ว สิ่งสัมผัสที่หยุดลงพร้อมกับกายแกร่งลุกขึ้นนั่งแทรกกลางระหว่างขา ทำให้มนตกานต์เบิกดวงตากว้างมองดูเขา ก่อนจะหลุบมองความยิ่งใหญ่ที่เธอกลัวเหลือเกิน เมื่อสิ่งนั้นคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต ดวงตาสวยหวานจึงต้องเสมองไปอีกทาง ไม่กล้ามองดูสิ่งนั้นได้อีก เพราะเจ้าของความยิ่งใหญ่กำลังทอดสายตามองเธออย่างร้องขอ “อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” ทว่าคำพูดจากเขากลับทำให้มนตกานต์ต้องหันมอง นั่นคือการร้องขอ มนตกานต์พยักหน้าน้อยๆ ทั้งกลัวทั้งอายจนทนมองหน้าเขาไม่ไหว แต่ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อจิณณ์ขยับท่อนขาเข้ามาใต้สะโพก มนตกานต์ก็หลับตาพริ้ม ปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับความยิ่งใหญ่ที่ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามา ทว่า... “อาจิ๋ว!” “อืม... อาจะค่อยๆ อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” อีกครั้งที่เสียงหวานบอกรักนั้นทำให้มนตกานต์ล่องลอย แม้ความอึดอัดคับแน่นจนอาจเรียกว่าเจ็บนั้นกำลั
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้อาจะไม่ทำแบบนั้น แต่อาจะทำแบบเมื่อคืนกับเมื่อเช้า นะ...” จิณณ์ไม่รอคำตอบเพราะทันทีที่มนตกานต์ช้อนสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากเร่าร้อนก็ประทับจูบที่ปากสีระเรื่อทันที ความหวานปะปนความเร่าร้อนดูดดื่มชอนชิมไม่หยุด ตวัดต้อน ชอนลึก จนมนตกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เรียวลิ้นร้อนของจิณณ์จะหยอกยั่วให้มนตกานต์คล้อยตาม ลิ้นสากอุ่นชื้นสอนให้ลิ้นน้อยอ่อนไหวแตะไต่ตอบสนอง ตวัดต้อนชอนชิมความดุดันของเขาบ้าง 2 ครั้งแรกนั้นมนตกานต์กล้าๆ กลัวๆ ทำได้ดีบ้าง และสำลักบ้าง แต่ครั้งนี้เธอทำได้ดี ลิ้นน้อยหยอกเย้าดูดดุนความสากชื้น จนมนตกานต์ได้ยินเสียงครางงึมงำในลำคอ ใบหน้าสวยจึงมีรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ลิ้นน้อยทำหน้าที่ต่อสู้ฟาดฟันกับจิณณ์ไม่ลดละ ปากประกบ ลิ้นต่อสู้ และฝ่ามือของเจ้าบ่าวก็ทำหน้าที่ จิณณ์เอื้อมฝ่ามือไปใต้แผ่นหลัง ค่อยๆ รูดซิปชุดเดรสตัวสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรั้งให้พ้นร่างงามอย่างง่ายดาย ทั่วทั้งร่างของเจ้าสาวที่เขาสัมผัสได้จากฝ่ามือจึงเหลือเพียงบราเซียร์และแพนตี้เข้าชุด จากนั้นนิ้วเร่าร้อนก็ทำหน้าที่ปลดรังดุมได้ตัวเอง ก่อนที่จิณณ์จะครางด้วยความซ่านเสียว เพร
ส่วนภานุก็รับหน้าที่ปิ้งย่างอาหารทะเลร่วมกับวีนาที่คอยดูความเรียบร้อยโดยรวม แม้จะมีป้าแม่บ้านกับน้องฝึกงานที่ออฟฟิศมาช่วยแล้วก็ตาม บรรยากาศชื่นมื่นมีความสุข ทว่าเจ้าบ่าวก็หงุดหงิดไม่เลิก “เป็นอะไรนักหนาวะจิ๋ว แกทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวใครเขาก็เอาไปพูดว่าพี่ให้ลูกสาวมาจับแกนะโว้ย แล้วนี่หงุดหงิดเรื่องอะไร” “กี่โมงแล้วพี่” จิณณ์ตอบไม่ตรงคำถามแต่กลับถามไก่อูกลับ “แกก็มีนาฬิกา ทำไมไม่ดูเองล่ะ” “ก็ผมอยากให้พี่ดู” ไก่อูงงแต่ก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ทำไม” “พี่อ่ะ ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้วน่ะสิ พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า” “ลืมอะไรวะ ไม่มี!” ไก่อูเสียงสูง ยิ่งทำให้จิณณ์หน้าบึ้ง ก่อนว่าที่พ่อตาจะหลุดขำ เพราะ 4 ทุ่ม 59 นาทีเป็นเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ นั่นจึงทำให้จิณณ์กระวนกระวาย “เฮ้ยจิ๋ว แกนี่เสียชื่อตัวพ่อสายดาร์กหมดเลยนะโว้ย แกตื่นเต้นเหรอที่จะได้เข้าหอ ไม่ต้องตื่นเต้นนะน้อง มันเรื่องธรรมดา นี่ม้าแกกับพี่นกก็ไปปูที่นอนรอแล้วไง” “จริงเหรอพี่” จิณณ์เกาะแขนไก่อูถามเพื่อความแน่ใจ
มนตกานต์หลบเลี่ยงเมื่อจิณณ์ทำท่าจะโถมเข้ามา ก่อนจะชี้ชวนให้ดูหนุ่มสาวที่กำลังก้าวออกจากออฟฟิศตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ เพราะณัฐอาสาจะพาขิมไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล “พี่ขิมชอบพี่ณัฐค่ะ” “ไม่ได้ชอบ แต่ขิมรักณัฐ รักมาสามปีแล้ว ณัฐมันไม่รู้หรอก มันคิดว่าไอ้ขิมเป็นทอม” “ไม่จริงมั้งคะ ลูกเจี๊ยบว่าพี่ณัฐเขารู้แล้วนะ อาจิ๋วดูสิ” ภาพที่เห็นคือณัฐกำลังใส่หมวกกันน็อคให้ขิมอย่างระมัดระวังที่สุดที่จะไม่ให้โดนแผล และขิมก็อายกับสัมผัสใกล้ชิดจนต้องหลุบสายตา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนิ้วมือของณัฐแฉลบแผลของเธอไป ณัฐตกใจที่ทำขิมเจ็บ ดึงขิมเข้ามากอด ก่อนที่สาวทอมประจำออฟฟิศจะสั่นสะอื้นฮึกฮักอยู่กับอกของณัฐ “สงสัยจะเจ็บแผล” “ผิดค่ะ มีความสุขต่างหาก” “หมดเรื่องแล้ว กลับบ้านเถอะ” “อื้อ... ยังไม่เลิกงานเลยค่ะ” “วันนี้วันทำงานที่ไหนเล่า” “อาจิ๋วจะแกล้งอะไรลูกเจี๊ยบอีกเนี่ย เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้วนะ” “ทีนึงอะไร ยังไม่ได้สักที” “อาจิ๋ว!” จิณณ์ยิ้มเข้ามาสวมกอดมนตกานต์ที่หน้าแดงจากคำพูดของเขา พลางชี้ชวนใ
มนตกานต์อมยิ้มน้อยๆ เพราะสาเหตุที่จิณณ์บอกว่าจะเข้างานสาย ไม่ใช่สิ่งที่เธอเข้าใจ แต่เป็นสิ่งนี้ เธอเปิดซองกระดาษหยิบเอกสารด้านในออกมาดู เพราะตอนที่รับมาจากเจ้าหน้าที่ ความตื่นเต้นและเขินอายมีมากจนไม่กล้าจะชื่นชม ดวงตาสวยหวานไล่ไปตามตัวอักษรที่กำกับอยู่บนกระดาษสีนวลมีลวดลายดอกกุหลาบอยู่รอบด้าน ‘ใบสำคัญการสมรส แสดงว่า นายจิณณ์ จิตติกรณรงค์ กับ นางสาวมนตกานต์ ฤทธาอภินันท์ ได้จดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานทะเบียน... จังหวัด... เลขทะเบียนที่... เมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคม พ.ศ.2560 นายทะเบียน’ “เราแต่งงานกันแล้วนะ” รอยยิ้มแสนหวานส่งให้คนที่กระชับฝ่ามือ “ขอบคุณนะคะอาจิ๋ว ขอบคุณที่รักลูกเจี๊ยบ ขอบคุณทุกอย่างค่ะ” “อาสิต้องขอบคุณลูกเจี๊ยบ ที่สอนให้อารู้จักความรัก อาไม่สัญญานะว่าจะรักลูกเจี๊ยบมากที่สุดในโลก แต่อาสัญญาว่าจะรักลูกเจี๊ยบทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร หัวค่ำ ก่อนนอน และล้างหน้าไก่” “อาจิ๋วอ่ะบ้า!” “บ้าแต่ไม่ห้ามใช่มั้ย” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์ฮึดฮัดด้วยความอายก่อนจะเร่งให้จิณณ์รีบออกรถ เพราะที่จิณณ์ว่าสิบโมง แต่น
ร่างงามระหงที่ยืนหันหลังให้เขา อยู่ในชุดเดรสสีเทาอ่อนแขนสั้นตัวยาวกรอมเท้าดูสุภาพอยู่นะ ถ้าด้านหลังจะไม่กว้านลึกจนถึงบั้นเอว ใครจะอยากให้คนอื่นเห็นกันล่ะ “อุ้ย!” มนตกานต์สะดุ้งเมื่อท่อนแขนแกร่งแทรกเข้ามากระชับบั้นเอว พร้อมริมฝีปากแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม แค่นั้นความร้อนก็วูบขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะกระจายวาบไปทั่วร่าง เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง “หอมจัง... วันนี้มีอะไรกิน” คนพูดว่าหอมจัง หอมอีกหลายครั้งที่สองแก้ม สลับไปมาซ้ายขวา ดั่งความหอมนั้นไม่ได้มาจากอาหารแต่เป็นสองแก้มนี้ “ข้าวต้มไก่น่ะค่ะ เมื่อวานเราไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ข้าวเย็นเลยเหลือเยอะ ลูกเจี๊ยบเลยเอามาทำข้าวต้มมื้อเช้า” “อืม... ข้าวต้มมื้อเช้า อยากกินจังเลย เมื่อคืนกินไม่อิ่ม” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์หน้าร้อนซ่าน คำพูดสองแง่สองง่ามนั้น เขาช่างพูดได้ไม่อายปาก “เสียงดังทำไม ก็เมื่อคืนอากินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นี่นา ได้กินข้าวต้มร้อนๆ ตอนเช้า เพิ่มพลังงานดีออก อยากกินแล้วล่ะ จะกินให้เกลี้ยงชามเลย” จิณณ์หัวเราะในลำคอเ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อื้อ...” ทำได้เพียงส่งเสียงร่ำร้องเรียกหาแต่เขา เพราะความเต้มตื้น อัดอั้น รุมเร้าอยู่ในร่างกาย อย่างไม่มีที่ระบายออก เขากำลังจะฆ่าเธอด้วยปลายลิ้นหรือเปล่า ไม่หรอก... เสียงหนึ่งในหัวร้องบอก เธอรู้ว่าหญิงชายจะไปบรรจบกันตรงจุดไหน นี่เพิ่งเริ่มต้น ‘อา... แค่เริ่มต้น ลูกเจี๊ยบก็จะไม่ไหวแล้วค่ะ’ “อื้อ... อาจิ๋วขา... อื้อ... อาจิ๋ว...” เสียงร่ำร้องปะปนกับเสียงทอดถอนหายใจของมนตกานต์ นั่นคืออาการของคนที่หายใจไม่ทัน มนตกานต์ต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย จิณณ์ละริมฝีปากจากปลายยอดสีหวาน พาตัวเองคร่อมทับร่างงดงาม ประคองใบหน้ามนตกานต์ให้สบสายตากับเขา “ลูกเจี๊ยบขา... ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย อาจิ๋วจะทำให้ลูกเจี๊ยบมีความสุข นะคะ เชื่ออาจิ๋ว...” “ค่ะ... อาจิ๋วขา... อื้อ...” เธอมองหน้าเขา ก่อนจะหลับตาส่ายใบหน้า เพราะริมฝีปากของจิณณ์อยู่ที่นี่ แต่ฝ่ามือกับปลายนิ้วของเขายังเร่งเร้า “ร้องอย่างที่ลูกเจี๊ยบอยากร้อง อาจิ๋วเป็นของลูกเจี๊ยบ” มนตกานต์ยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบบอกข้างหู เธอทำตามที่เขาบ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อาจิ๋วขา...” มนตกานต์ส่ายสะบัดเรือนผม ดวงตาหลับพริ้มมึนงงกับรสจูบดูดดื่ม สับสนกับสัมผัสเร่าร้อนที่ทวีเพิ่มขึ้นในร่างกายของเธอ เธอเร่าร้อน เรียกร้อง อยากให้จิณณ์สัมผัสเธอให้ทั่ว อยากให้เขาพรมจูบตีตราจองเธอไปทั่วทั้งตัว อยากให้เขาเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น ตอนนี้ เวลานี้ และเดี๋ยวนี้ “อาจิ๋วขา... อื้อ...” “ขา... อืม... หอม... ลูกเจี๊ยบขา... ลูกเจี๊ยบหอม อืม...” ฝ่ามือกระชับความอวบที่อิ่มจนล้นฝ่ามือ ดันเข้าชิดเพื่อฝังหน้าลงไป นั่นทำให้จิณณ์สูดดมความหอมหนักๆ ใคร่อยากหอม อยากสัมผัสใต้ร่มผ้า และนิ้วมือก็ทำงานสอดประสานกับหัวใจ เมื่อเดรสตัวสวยถูกนิ้วเกลี่ยให้ขยับขึ้นสูงจนถึงบั้นเอว จิณณ์ผละร่างออกห่าง รั่งร่างอ่อนระโหยของมนตกานต์ขึ้นนั่ง ดวงตาสวยหวานยังไม่ทันได้คลายความหวั่นไหว เดรสตัวสวยก็ถูกรูดขึ้นผ่านทางศีรษะ พร้อมถูกเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทาง นั่นจึงทำให้มนตกานต์ได้สติ และเป็นสติที่เธอพร้อมจะสมยอม ทว่าความอายก็ยังมี ต้นขาจึงเบียดเข้าหากันแนบชิด ฝ่ามือยกขึ้นปิดความอวบอิ่มที่สวยงามราวภาพเขียน จิณณ์มองภาพตรงหน้า แทบจ
ทำนบน้ำตาที่อัดอั้นไว้พังทลาย มนตกานต์สะอื้นฮึกฮักกับสิ่งที่ได้ยิน นั่นคือคำสารภาพใช่ไหม เขาเห็น ‘ความรัก’ ของเธอแล้วใช่ไหม เขามองเธอด้วยความรักไม่ใช่เซ็กซ์ใช่หรือไม่ จิณณ์เกลี่ยซับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู แต่มนตกานต์ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมองดูเขา เขารู้... ผู้หญิงชอบความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้เธอคิดไปเพียงฝ่ายเดียว “ลูกเจี๊ยบ ตอนนี้... อารู้จักความรักแล้วนะ ลืมตามองอาจิ๋วสิคะ อาจิ๋วอยากให้ลูกเจี๊ยบเห็นความรักของอาจิ๋ว” นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยกลั้นก้อนสะอื้น ค่อยๆ จดริมฝีปากร้อนรุ่มแต่อ่อนหวานที่สุดของเขาลงไป เขาจูบซับด้วยความรักด้วยหัวใจที่มี บอกเธอด้วยภาษากาย ภาษาใจ ว่าเขามี ‘ความรัก’ มอบให้ และบอกซ้ำอีกครั้งด้วยภาษาพูด เมื่อดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาเปิดขึ้นมองเขา “อาจิ๋ว ‘รัก’ ลูกเจี๊ยบ... แต่งงานกับอาจิ๋วนะคะ” มนตกานต์พยักหน้ารับทั้งน้ำตา เมื่อใจพร้อมรับก็ไม่ต้องเล่นตัว เพราะสิ่งนี้ที่เธอต้องการ “อาจิ๋วจะหยุดก็ต่อเมื่อเจอ... ลูกเจี๊ยบ พูดประโยคต่อไปให้อาฟังได้มั้ย อาจิ๋วอยากได้ยินจากปากของลูกเจี๊ยบ” คำบอก