“นายทำฉันอีกแล้วนะนายจิ๋ว... ฉันไปเป็นเมียนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
น้ำเสียงเข่นเครียดของวีนาทำให้ณัฐอ้าปากค้าง อาร์ตกับขิมหันมองกันแบบเอ๋อๆ ภานุสำลักน้ำ และใหญ่ก็หันมองวีนาก่อนจะขยับตัวออกห่างจากรังสีอำมหิตนั้น มีเพียงจิณณ์คนเดียวที่ยังคงยืนยิ้มทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“เจ้นากับพี่จิ๋ว... เป็น...”
“เฮ้ย! ไม่ใช่ ไม่ได้เป็น” คำพูดอ้ำอึ้งของขิมทำให้จิณณ์รีบปฎิเสธแต่วีนาที่ลุกขึ้นพรวดกลับทำให้ทุกสิ่งหยุดนิ่ง
“เป็น! นายไปบอกนังนั่นได้ยังไงว่าฉันเป็นเมียนาย นาย... นาย... นายจิ๋ว! ฉันจะฟ้องอี๊”
“ไม่นะเจ้นา โธ่เจ้! เรื่องแค่นี้เอง” จิณณ์เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเมื่อวีนางัดไม้ตายมาใช้ เรื่องนี้จะให้รู้ถึงหูแม่เขาไม่ได้เด็ดขาด
“แค่นี้ยังไง แค่นี้ฉันก็ขึ้นคานอยู่แล้ว นี่นายยังจะไปบอกนังพวกนั้นว่าฉันเป็นเมียเก็บของนาย นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไงนายจิ๋ว ฉันจะฟ้องอี๊ นายจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่นายทำ”
“ไม่เอาน่าเจ้นา อย่าฟ้องม้านะ”
ขณะที่สองพี่น้องเถียงข้ามโต๊ะประชุมกันไปมา เหล่าพนักงานทั้ง 5 ก็ได้แต่นั่งยิ้มแหย ไม่ได้อยากฟัง แต่ลุกไปไหนไม่ได้ แต่เมื่อวีนาบอกว่าจิณณ์ต้องรับผิดชอบ ขิมก็หูผึ่ง ถลาเข้าไปกระซิบกับอาร์ตในทันที
“รับผิดชอบอะไรวะอาร์ต พี่จิ๋วต้องแต่งงานกับเจ้นาเหรอว่ะ”
“ไม่ใช่!”
จิณณ์และวีนาที่ตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน พร้อมจ้องมาที่ขิมอย่างเอาเรื่อง ทำให้ขิมยิ้มแหย อยากจะแทรกร่างลงไปใต้โต๊ะ เพราะคำพูดราวกระซิบ แต่สองคนก็ยังได้ยิน ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปปะทะกันต่อ
“โธ่เจ้... เดี๋ยวผมเคลียร์เอง เจ้ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ผมก็แค่บอกน้องมุกคนเดียว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก”
“อ๋อใช่สิ! นายบอกน้องมุกคนเดียวว่าฉันเป็นเมีย แต่ที่นายบอกน้องอิ๋วสาวไฮโซว่าฉันเป็นแม่ยายจอมจุ้นชอบมาเฝ้านายที่ออฟฟิศแทนเมีย บอกน้องเก๋ว่าฉันเป็นพี่เมียที่ชอบหวงผัวน้องสาว จนยัยน้องเก๋มันโทร. มาว่าฉันว่าหวงผัวน้องไว้กินเอง ไหนจะยัยน้องกิ๊บ เชอร์รี่ กล้วย ส้ม อ้อย มะละกอ ของนายอีก ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ คราวนี้ฉันจะไม่ยอม ฉันจะฟ้อง!”
“ใจเย็นก่อนน่าเจ้ เดี๋ยวเราค่อยเคลียร์กันนะ ขอผมพาเจ้าพวกนี้ไปดูหน้างานก่อนนะ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะเจ้ เฮ้ย! พวกนาย ลุกขึ้นสิ! พี่รีบ เร็วๆ เข้า!”
จิณณ์หันไปเร่งเร้าให้ณัฐ อาร์ต และขิม รีบลุกขึ้น หวังจะไปให้พ้นจากวีนา ขอแค่ได้ออกไปจากห้องประชุม เดี๋ยวเขาค่อยโทรศัพท์มาชักแม่น้ำทั้งประเทศให้วีนาคลายโมโหเอง และลูกน้องก็รู้งาน รีบลุกขึ้นเก็บข้าวของบนโต๊ะโดยด่วน แม้จะเกร็งๆ กับรังสีอำมหิตของวีนา แต่การไปให้พ้นจากจุดนี้น่าจะดีสุด แต่ก่อนที่ทุกคนจะออกไป เสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น
จิณณ์ตวัดสายตามองนักศึกษาสาวร่างเล็กที่ยืนทำหน้าหวาดๆ อยู่ด้านนอก เพราะเขาดีไซน์ห้องประชุมให้เป็นห้องกระจกไม่เว้นแม้กระทั่งประตู เพื่อให้ทีมงานมีความคิดที่กว้างไกล บางงานที่คิดไม่ออก แต่เมื่อได้มองเห็นสิ่งภายนอก อาจได้ไอเดียใหม่ๆ มาต่อยอดได้ตลอดเวลา ดังนั้นกฎของการใช้ห้องประชุมก็คือ ‘ห้าม’ ขึ้นมารบกวนหากการประชุมยังไม่สิ้นสุด ถ้ามีเรื่องด่วนให้ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์เพื่อได้รับอนุญาตก่อน แต่ครั้งนี้เขาคงต้องขอบคุณ
“อ้าว... น้องนาย มีอะไรเหรอครับ ถึงต้องมาตามพี่จิ๋วถึงบนนี้”
“เอ่อ...”
นักศึกษาสาวเปลี่ยนสีหน้าหวาดๆ เป็นเอ๋อน้อยๆ เมื่อเจ้าของบริษัทฯ มาเปิดประตูให้ด้วยตัวเอง ทั้งที่ควรจะดุ แต่เจ้านายกลับยิ้มแย้มราวกับอารมณ์ดีหนักหนา แถมยังแทนตัวเองว่า ‘พี่’ อีกด้วย และเมื่อมองไปยังทีมดีไซน์ ทุกคนก็พยักหน้าให้เธอพูดในสิ่งที่ตั้งใจมา
“ว่าไงละครับ มีอะไร ถ้าไม่พูด พี่จิ๋วต้องไปล่ะนะ ไปพวกเรา” ประโยคหลังนั้นจิณณ์หันไปพูดกับทีมดีไซน์ พยายามจะพาตัวเองออกจากจุดนี้ให้เร็ว
“เอ่อ... มีคนมาขอพบคุณจิ๋วค่ะ แต่หนูส่งข้อความมาสักพักแล้วนะคะ แต่... แต่คุณจิ๋วยังไม่ได้อ่าน...”
น้องนายพูดตะกุกตะกัก เพราะเธออาจถูกดุได้ที่ไม่ทำตามขั้นตอนที่เจ้านายวางไว้ มาฝึกงานที่นี่ได้หนึ่งเดือนแล้ว แม้จะยังไม่เห็นว่าเจ้านายดุพนักงานคนไหนจริงจัง แต่กิตติศัพท์เรื่องความเฮี้ยบในงานของจิณณ์ก็สวนทางกับความหล่อ จนทำให้เธอไม่กล้าแหยมแม้จะสำรวจความหล่อของเจ้านายตรงๆ สักครั้ง
“อืม... ไม่เป็นไร แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ”
“เธอไม่ได้บอกชื่อค่ะ แต่บอกว่านัดไว้แล้ว”
ถ้าในเวลาปกติ เขาคงต้องส่งน้องนักศึกษาฝึกงานคนนี้ไปให้วีนาอบรม ฐานที่ไม่รอบคอบในการทำงาน เพราะสิ่งที่ควรทำคือถามชื่อและรายละเอียดของคนที่มาติดต่อให้ครบถ้วน ไม่ต่างจากนิทาน ‘หมาใต้ถุนศาลา’ คนที่ละเอียดรอบคอบเท่านั้นจึงจะเก็บรายละเอียดของลูกหมาที่คลอดใหม่ได้ครบ และน้องนักศึกษาคนนี้ก็ควรจะได้รับการชี้แนะพื้นฐานการทำงานที่ถูกต้อง เพื่อตัวของน้องเองในอนาคต แต่ในเวลานี้คงต้องจัดการเรื่องเฉพาะหน้าไปก่อน
“ผู้หญิงเหรอ แล้วใครนัดเอาไว้...”
จิณณ์หันไปมองทีมดีไซน์ ภานุ และใหญ่ ทุกคนส่ายหน้าว่าไม่ได้นัด จิณณ์จึงค่อยๆ มองไปยังวีนาที่ยังคงหน้ามุ่ย แต่ก็เชิดหน้าไปอีกทาง นั่นก็แปลว่าไม่มีใครในที่นี้นัดเอาไว้
“ไม่มีนี่ พี่ไม่ได้นัดใครไว้นะ” “หนู... หนูก็ไม่รู้ค่ะ เธอบอกว่า... ถ้าคุณจิ๋วเห็นเธอ คุณจิ๋วก็จะรู้เองค่ะ” “อย่างนั้นเลยเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างนึกสนุก อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงเล่นใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำตัวมีอิทธิพลเหนือเขา และจากประสบการณ์โชกโชน เขามั่นใจว่าผู้หญิงที่จะพูดแบบนี้ออกมาได้ ถ้าไม่สวยหยาดฟ้ามาดิน ก็คงจะเนื้อนมไข่จนเขาปวดหนึบไปทั้งร่าง แต่เธอคนนี้... เป็นแบบไหนล่ะ “คนไหน...” จิณณ์เดินไปจนสุดผนังกระจกซึ่งจะมองเห็นพื้นที่ออฟฟิศด้านล่างได้ทั่ว ได้เห็นเธอก่อนเขาจะได้วางแผน ‘ไล่ล่า’ ได้ทัน แต่ตลอดทั่วทั้งออฟฟิศชั้นล่างที่รวมเอาจุดรับรองลูกเอาไว้ด้วยนั้น เขาไม่เห็นใครที่แปลกตา “ไหนล่ะน้องนาย ไม่เห็นมีใครนี่” “เอ... เมื่อกี้เธอยังนั่งอยู่ที่ห้องโน้นเลยนะคะ” “โอเค... ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลงไปเอง” “ค่ะ...” น้องนายหัวหด เพราะเจ้านายคนเดิมกลับมาแล้ว คำว่า ‘พี่’ หายวับ กลับกลายเป็น ‘ฉัน’ มาแทน แต่ก่อนที่จะถอยออกไป สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวจากด้านล่าง
เจ้าของเรือนร่างงดงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มองมาที่เขาเช่นเดียวกับที่เขามองเธอ จิณณ์ไม่รู้ว่าหญิงสาวมองตรงส่วนไหนของเขาบ้าง แต่เขารู้ว่าตัวเองมองตรงส่วนไหนของเธอ แม้สายตาจะจับจ้องแต่เพียงใบหน้า แต่ในระยะไกลนั้นเขาสำรวจทุกส่วนจนครบแล้ว บอกตัวเองว่าเขาไม่ได้บ้ากาม เพราะไม่เคยสักครั้งจะเสียมารยาทมองสาวสวยคนไหนในสถานที่ทำงานแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นนอกสถานที่ทำงานหรือนอกเวลางานนั้นเขาไม่นับ เพราะของสวยงามบนพื้นโลก เขาซึ่งเป็นผู้ชายทั้งแท่งก็อยากมองและอยากครอบครองสักครั้ง แต่เธอคนนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะเธอทำให้ทุกส่วนในร่างกายของเขาตื่นตัวแค่เห็นกันในระยะไกล และถ้าใกล้ขนาดนี้เล่า เขาจะทรมานแค่ไหนกัน ทุกสัดส่วนบนเรือนกาย คือ ตรงสเปคเขาที่สุด เธอจะรู้ไหมว่าเธอรวมเอาทุกส่วนของผู้หญิงที่เขาประทับใจเข้าไว้ด้วยกัน เขาชอบผู้หญิงสวย เฉี่ยว ออกเปรี้ยว และไม่ทิ้งความเท่ ผู้หญิงที่เพอร์เฟคสุดในอุดมคติ ประมาณ ‘แอนเจลีนา โจลี’ บวก ‘สการ์เลตต์ โจแฮนสันส์’ คูณด้วย ‘เมแกน ฟอกซ์’ หารด้วย ‘นาตาลี พอร์ตแมน’ และจับยกกำลังสองด้วย ‘มารียง กอตียาร์’ ทุกสิ่งที่ผสมผสานลงตัว ยังไม่มีใครที่
บ้านเดี่ยวขนาด 4 ห้องนอน มีพื้นที่อเนกประสงค์ครบครัน มีสนามกว้าง มีสระว่ายน้ำ ในพื้นที่รวมทั้งหมด 1 ไร่เศษ ที่เขาเคยมาเยี่ยมเยือนไก่อูและครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อกลับมาเยือนเพื่อตรวจดูสภาพบ้านก่อนจะติดต่อหาคนมาซื้อ เขาก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า คนที่จะชอบและรักบ้านหลังนี้จริงคงมีเพียงเขาเท่านั้น เขานึกเสียดายแทน หากเจ้าของใหม่ ที่ไม่เคยมีความทรงจำกับบ้านหลังนี้มาก่อน จะเข้ามาครอบครอง แต่พอเขาบอกไก่อูเรื่องที่เขาจะซื้อบ้านหลังนี้ไว้เอง ไก่อูกลับเกรงใจที่มาไหว้วานจนเขาต้องรับซื้อบ้านไว้เอง แม้เขาจะอธิบายว่าเขาเสียดายบ้านและมีความทรงจำในบ้านหลังนี้ร่วมกับไก่อูและครอบครัวอยู่แล้ว ขอให้เขาได้เป็นผู้ดูแล แต่ไก่อูก็ไม่อยากให้เขาต้องใช้เงินก้อนโตมาซื้อบ้าน จนเขาบอกว่าจะใช้บ้านหลังนี้เป็น ‘เรือนหอ’ ไก่อูจึงขอกลับไปคิดดูก่อน และคำตอบก็กลายเป็นว่า ไก่อูขอแบ่งที่ดินเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นั่นคือตัวบ้านและสวนด้านข้างเล็กน้อย ส่วนที่ 2 คือที่ดินว่างเปล่าที่เคยเป็นลานกิจกรรมเวลาเขามาสังสรรค์ รวมทั้งสระว่ายน้ำด้วย เหตุผลก็เพราะมนตกานต์เปลี่ยนใจไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่
หลังจากจิณณ์ถอยรถเข้าเก็บในโรงรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบลงจากรถเพื่อไปช่วยมนตกานต์ยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ที่รีบเพราะอยากช่วย และก็เพราะอยากกลบเกลื่อนความอายของตัวเองที่ดันคิดเรื่อยเปื่อยจนขับรถเลยบ้าน แต่มนตกานต์กลับมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบน้อยมาเพียงใบเดียว “อ้าว... ลูกเจี๊ยบมีกระเป๋าแค่นี้เหรอ” ถามแก้เก้อทั้งที่เห็นอยู่แล้ว “ใช่ค่ะ พรุ่งนี้หลังเลิกงาน ลูกเจี๊ยบว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าน่ะค่ะ เสื้อผ้าที่ลูกเจี๊ยบมีอยู่มันไม่เหมาะสำหรับไปทำงานหรอกค่ะอาจิ๋ว ซื้อใหม่ดีกว่า” มนตกานต์พูดพลางเดินนำจิณณ์เข้าสู่ตัวบ้าน เพราะนี่เป็นบ้านของเธอ ทุกพื้นที่เธอจึงรู้จักและคุ้นเคยดีอยู่แล้ว แม้พ่อจะให้ทีมงานของจิณณ์เข้ามาปรับปรุงใหม่ แต่แบบที่จิณณ์ส่งให้ เธอดูแล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนของตัวบ้าน เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุที่ชำรุดเท่านั้น “ไม่เห็นต้องซื้อใหม่เลยนะ ที่ออฟฟิศอา ใส่อะไรก็ได้ มีแค่น้องนักศึกษาฝึกงานเท่านั้นแหละที่ต้องใส่ชุดนักศึกษา นอกนั้นก็ฟรีสไตล์ ลูกเจี๊ยบไม่น่าต้องเปลืองเงิน เราน่ะเพิ่งทำงาน ประหยัดไว้ก็ดีนะ เดี๋ยวจะหารายได้ไม่พอรายจ่าย” จิณณ
“อุ๊ย!” มนตกานต์หันขวับมาชนเขา ความตกใจทำให้เธอผงะออกห่างจนตัวเองเซถอยหลัง นาทีนั้นเองที่ความหลงลืมกำเนิดขึ้น เมื่อร่างกายตื่นตัวก่อนความคิด อ้อมแขนของเขาจึงเกี่ยวกระหวัดรัดเอวคอดเข้าประชิดตัว เรือนร่างสมส่วนเต็มตึงอยู่ในอ้อมกอดจนความอวบอิ่มชิดแผงอกแกร่ง ส่งผลให้จิณณ์ยิ่งแข็งไปทั้งร่าง และแข็งที่สุดก็จุดนั้น ระยะกระชั้นชิดจนได้กลิ่นลมหายใจรสเชอร์รี่ จิณณ์สูดดมความหอมอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ดวงตามองสำรวจความสวยงามตรงหน้า โดยเฉพาะดวงตาสวยหวานตื่นตะลึงมองช่างงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น จมูกโด่งปลายงอนเล็กๆ นั้นก็ดูรั้น จนเขาอยากจะขบไรฟันกัดนิดๆ ให้เธอสยิวเล่น และริมฝีปากกระจับน้อยๆ เผยอค้าง ก็ช่างเย้ายวนชวนให้เขาชอนชิม “เอ่อ... อาจิ๋วคะ ปล่อยลูกเจี๊ยบได้แล้วค่ะ ลูกเจี๊ยบโอเคแล้วค่ะ” จิณณ์ข่มใจตัวเองเพื่อคลายอ้อมกอด กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสัน อีกครั้งแล้วที่เขาพลาด เขากำลังเป็นอะไรกันเนี่ย ไม่เคยสักครั้งที่จะระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่วันนี้หลายครั้งแล้วที่เป็น... หวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป “ทีหลังระวังหน่อยนะ จะเดินหน
มนตกานต์ยิ้มอย่างสมใจ เพราะคนที่ทำอะไรซ้ำๆ กันไปมาแบบนั้น จะให้คิดอะไรได้ นอกจาก... กำลัง ‘ฟุ้งซ่าน’ และใครเป็นต้นเหตุแห่งความ ‘ซ่าน’ จนฟุ้งนั้นล่ะ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เธอมี มือคว้ากระเป๋าเป้ใบเก่ง ควานหาสิ่งที่ต้องการโดยด่วน! กล่องส่องทางไกลขนาดจิ๋วถูกนำออกมา เพราะชอบท่องเที่ยวดูโน่นนี่ตลอด ดังนั้นกล้องขนาดจิ๋วนี้จึงมีติดตัวไม่ขาด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะให้มากกว่าทุกประโยชน์ที่เคยได้รับ เช่นตอนนี้ กำลังขยาย 30 เท่า ทำให้มองเห็นสิ่งที่ต้องการได้ชัด เมื่อเจ้าของเรือนร่างแข็งแกร่งว่ายไปถึงขอบสระก่อนจะดันตัวขึ้นสู่ด้านบน ภาพหลังเลนส์นั้นปรากฏชัดทุกสัดส่วน และพานให้เธอมองเห็นเสื้อผ้าที่พาดลวกๆ ไว้ที่เก้าอี้ขอบสระ นั่นคือเขายังไม่ได้ไปที่ห้องนอนใหญ่ แต่กลับเดินออกไปที่สระน้ำ ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ ก่อนจะพาความแข็งแกร่งนั้นลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อสงบอารมณ์ แค่คิด... มนตกานต์ก็ต้องทาบฝ่ามือเหนือตำแหน่งของหัวใจ เพราะก้อนเนื้อน้อยๆ เต้นรัวเร็ว เธอดีใจที่เห็นจิณณ์เป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้
มนตกานต์หยิบสมุดบันทึกเล่มเน่าออกจากกระเป๋าสะพาย ด้านในนั้นมีทุกความรู้สึกที่เธอมีต่อจิณณ์ ทั้งรูปของเขาในหลากหลายอิริยาบถ รูปถ่ายที่เธอแอบจิ๊กมาจากห้องพ่อ รูปภาพจากนิตยสารแต่งบ้าน หรือแม้แต่รูปที่เธอแคปมาจากในเฟสบุ๊คส์แล้วปริ้นต์มาเก็บไว้ แต่รูปที่เธอรักมากที่สุดก็คือ รูปภาพเด็กตัวอ้วน ใส่แว่นหนาเตอะ ที่อาจิ๋วโอบกอดอยู่ด้านหลัง นับจากนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก เธอกลับมาทวงคืนแล้ว “อาจิ๋ว... ลูกเจี๊ยบให้เวลาอาจิ๋วหาเศษหาเลยมาหลายปีแล้วนะคะ ถึงเวลาที่อาจิ๋วต้องเป็นของลูกเจี๊ยบแล้วล่ะค่ะ นับจากวันนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก ในอ้อมกอดของอาจิ๋วต้องเป็นลูกเจี๊ยบเท่านั้น หรือถ้าอาจิ๋วอยากจะกำ ลูกเจี๊ยบก็จะยอมให้อาจิ๋วกำค่ะ แม้จะขัดใจแม่ไปสักหน่อย ลูกเจี๊ยบก็ยอม แต่นั่นจะเกิดหลังจากลูกเจี๊ยบมั่นใจว่าอาจิ๋วอยากปีนขึ้นมาหาลูกเจี๊ยบนะคะ” มนตกานต์นึกถึงคำเตือนแกมตำหนิของแม่ เธอรู้ว่าแม่หวังดีกับเธอเสมอ และคงไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะรักเธอได้เท่าแม่อีกแล้ว เพราะแม่เข้าใจเธอทุกอย่าง แม่ดูแลเธอเป็นอย่างดี จนสังเกตเห็นความผิดปกติในหัวใจดวงนี้แต่แม่ก็ไม่พูดใ
เสียงกระเส่าเชิญชวนทำให้เขาหมดทุกความยับยั้ง ลำคอแห้งผากอยากน้ำสุดๆ ฝ่ามือกอบกำสาบเสื้อเชิ้ตทั้งสองด้าน ก่อนจะกระชากออกจากกัน “อาจิ๋ว!! อาจิ๋ว!!” ปัง! ปัง! ปัง! เฮือก! จิณณ์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นทันที ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกส่วนจะรับรู้กับสิ่งรอบตัว เสียงเคาะประตูรัวจากด้านนอก เสียงหวานๆ ที่ตะโกนเรียก ‘อาจิ๋วๆ’ ไม่หยุด รวมทั้งแสงแดดที่รอดผ่านเข้ามาตามแนวผ้าม่าน นั่นทำให้ดวงตาคมเข้มขยายกว้าง คำนวณเรื่องราวก่อนหน้านี้กับเรื่องปัจจุบันทันด่วนที่เขาต้องจัดการโดยเร็ว และสายตาที่มองลงต่ำก็เห็น... “ตายโหงล่ะไอ้จิ๋ว” จิณณ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ เพราะไอ้ตัวไม่จิ๋วสมชื่อกำลังประท้วงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ในความฝัน มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด เพราะตอนนี้มันพร้อมแล้วสำหรับการ ‘เช็ด’ “อาจิ๋ว!! ตื่นยังคะ ลูกเจี๊ยบเอาเสื้อผ้ามาให้ อาจิ๋ว!! อาจิ๋วคะ! อาจิ๋ว!!” เสียงหวานๆ ด้านนอกยังตะโกนเร่งเร้า ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนกลับมาจนครบ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเพียง 10% แต่เขาดันมาต่อยอดได้จนจะครบ 100% อยู่รอมร่อ แค่เธอจะไม่มาเคาะ แต่ตอนนี้ต้