จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น
"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น "ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น" "นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง "จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น "ไม่จำเป็นหรอกมั้ง" "ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ" คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว "เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ" "คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร "เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าที่คู่หมั้น นั้นแปลว่าเขากำลังแสดงสถานะของตัวเองแล้วเธอก็ดันมากับคนที่เขากำลังมีเจ้าของ ทว่า "หมอหลัน คุณก็เห็นว่าเธอมากับเพื่อน หากจะนั่งทานร่วมกับเราไม่น่าจะสะดวกหรอก" "แต่....." "สะดวกสิ หนิงเอ๋อฉันว่าเรานั่งตรงนี้ท่าจะดีนะไหน ๆ ก็มาร้านเดียวกันแล้ว" พูดจบก็หย่อนสะโพกลงนั่งข้าง ๆ หมอซาง ส่วนหนิงเอ๋อเธอก็นั่งข้างหมอหลัน นี่สินะที่เขาเรียกนางร้ายตัวจริง เมนูอาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟตามที่สั่ง หมอซางทำหน้านิ่งดุจแม่น้ำไม่เคลื่อนไหว ส่วนหมอหลันแน่นอนว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารพาเธออึดอัด เมื่อทุกอย่างพร้อมทานแล้ว หมอซางก็ใช้ตะเกียบที่มีคืบอาหารใส่ถ้วยใบเล็กของหมอหลัน และนั้นมันยิ่งทำให้หมอหลันรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่ ทว่าลี่ถิงเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอกับหมอซางไม่ได้มีความรักใคร่ฉันชู้สาวแถมเขาก็เกลียดเธอ สิ่งที่ทำก็คงไม่เห็นแก่หน้าเธอเท่าไร "หมอซางไม่คีบให้ถิงถิงบ้างละคะ เธอนั่งใกล้คุณนะ" เป็นหนิงเอ๋อที่พูดขึ้นทว่าหมอซางก็สวนกลับ "เธอน่าจะบริการตัวเองได้ดี ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นดูแลหรอกนะ" คนอื่นที่เขาว่าคงเป็นว่าที่คู่หมั้นที่นั่งข้าง ๆ ตอนนี้ "ก็จริงอย่างที่หมอพูด ฉันไม่ได้พิการทุกอย่างครบคงไม่จำเป็นต้องให้ใครตักอาหารให้หรอกนะ" แต่เชื่อเถอะว่าคำพูดนั้นมันทำให้หมอหลันสะท้านไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าที่คู่หมั้นหมอกำลังแซะเธออยู่ "ฉันว่าเรารีบ ๆ ทานเถอะค่ะ จะได้รีบกลับ" หมอหลันเธอทำตัวไม่ถูกจริง ๆ ก็เลยต้องรีบตัดบท ส่วนหมอซางเขารู้ว่าจางลี่ถิงต้องการจะประชด แต่สิ่งที่หมอทำได้คือหันมาส่งสายตาดุร้ายใส่เธอก็เท่านั้น เวลาผ่านไปพักใหญ่ต่างคนก็ต่างอิ่มท้อง หมอหลันไม่รอช้าที่จะชวนหมอซางกลับโรงพยาบาล ส่วนสองสาวอย่างลี่ถิงและหนิงเอ๋อเอาแต่นั่งกลอกตามองคนทั้งสอง จนกระทั่ง ลี่ถิงพูดบ้าง "ก็ดีเหมือนกัน ฉันเองก็ทำงานค้างไว้ หนิงเอ๋อเธอไปรอฉันที่รถแล้วกัน เดี๋ยวฉันขอเข้าห้องน้ำก่อน" "ได้สิ" ลี่ถิงเธอเดินลับตาไปทางห้องน้ำของลูกค้า ส่วนหมอซางก็เอาแต่จ้องมองอย่างไม่ละสายตา และเป็นหมอซางที่เอ่ยบอกคุณหมอหลันเพื่อนร่วมงาน "มู่หลันคุณไปรอผมที่รถแล้วกัน ผมเองก็อยากเข้าห้องน้ำ" "ได้ค่ะ" หมอซางมาเข้าห้องน้ำจริง แต่ห้องน้ำชายหญิงอยู่คนละฝั่งเขาเข้าไปแค่ล้างมือ จากนั้นก็ออกมาดักรอลี่ถิงที่หน้าห้องน้ำหญิง พลันร่างอรชรเดินออกมาเท่านั้นเสียงเข็มของหมอก็ทักขึ้น "เดี๋ยว" เท้าเล็กชะงักพร้อมทั้งกวาดสายตามามองคนตัวสูงที่ยืนพิงผนังหน้าห้องน้ำอยู่ "ไม่ทราบว่าหมอซางมีอะไรหรือคะ" น้ำเสียงเหมือนจะประชดเล็กน้อย หมอซางไม่รอช้ารีบสาวเข้ามาประชิดว่าที่คู่หมั้น พร้อมทั้งเอื้อมมือไปบีบที่แขนเธอแน่น "ฉันเจ็บนะ" "อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดเธอมากกว่านี้ หมอหลันเป็นเพื่อนของฉันอย่ามายุ่งกับเธอ" ว่าแล้วก็สะบัดแขนเรียวเล็กจนหลุดพ้นมือ สายตาของเขาไม่ได้มองลี่ถิงด้วยความเอ็นดูแต่อย่างใด ส่วนลี่ถิงในสายตาหมอเธอคือนางร้ายดี ๆ นี่เอง "ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" "แต่คำพูดเธอกำลังจะทำร้ายน้ำใจหมอหลันอยู่" "นี่นาย....หมอซาง หมอสำคัญตัวอยู่หรือเปล่า สิ่งที่ฉันพูดไปกระทบส่วนไหนไม่ทราบ ทุกคำล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น" จริงอยู่ว่ามันเป็นความจริง แต่ตอนนี้คุณหมอหนุ่มหล่อคงไม่สนใจหรอกเพราะในสายตาหมอมันไม่เห็นลี่ถิงอยู่ในนั้นด้วยซ้ำ อย่างที่บอกว่าคนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ลี่ถิงเล่นเกมจ้องตากับหมออย่างน่าใจหายต่างฝ่ายต่างไม่ยอมหลบสายตา จนกระทั่งหมอซางเองเป็นฝ่ายละสายตาไปเสียก่อน เหตุผลเพราะหมอเป็นห่วงคนที่รออยู่ต่างหาก หมอซางเดินลับตาไปแล้วความอ่อนแอของเธอก็ย่อมมี "เจ็บชะมัด บีบมาได้" ต้นแขนเล็กเป็นรอยนิ้วมือเปื้อนใหญ่ มันแดงระเรื่อขึ้น ลี่ถิงได้แต่ก้มมองแต่ก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง "นี่คงเป็นผลกรรมของเธอสินะ ลี่ถิง" ชุดเดรสสีดำแขนกุดที่เธอสวมใส่มันเผยให้เห็นต้นแขนที่พึ่งถูกบีบไป วันนี้ก็เป็นใจเสียด้วยอากาศไม่หนาวทำให้เธอต้องใส่เสื้อตัวนี้มา "ถิงถิง แขนเธอไปโดนอะไรมา" ทันทีที่ร่างของเพื่อนแทรกขึ้นมาบนรถ สายตาของหนิงเอ๋อก็เหลือบไปเห็นรอยแดงที่ต้นแขนจนได้ "ไม่มีอะไรหรอกฉันเดินซุ่มซ่ามไปนิด เลยชนขอบประตู" "เธอไม่เคยเป็นคนซุ่มซ่ามขนาดนี้นี่" "ช่างเถอะฉันไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะฉันอยากเคลียร์งานให้เสร็จเร็ว ๆ " เธอพยายามตัดบทไม่อยากให้หนิงเอ๋อถามอะไรมาก ส่วนหนิงเอ๋อแม้จะสงสัยแต่ก็ต้องเก็บไว้ในเมื่อเพื่อนบอกว่าชนประตู ก็คงเป็นอย่างนั้น และยอมที่จะเคลื่อนรถกลับไปห้องเสื้อทันทีวันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
หากจะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนก็คงไม่ผิด เพราะขนาดคนที่เคยมีทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังกลายเป็นคนจนขอทานก็มีให้เห็น กล่าวถึงตระกูลที่ร่ำรวยอีกตระกูลก็คงไม่พ้นตระกูลจางนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง แถมลูกสาวก็เป็นดีไซเนอร์แถวหน้าจบจากต่างประเทศ ทว่า เรื่องราวชีวิตมันก็เหมือนละครมีขึ้นก็ต้องมีลงบ้านตระกูลซู"คุณอัน หากคุณไม่ยื่นมือมาช่วยพวกเรามีหวังธุรกิจของผมพังทลายแน่ ๆ ""จางเอิน ลุกขึ้นเถอะผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณตอนนี้ แต่ธุรกิจของคุณผมเองก็ไม่สันทัดเท่าไร"เสียงทุ้มของชายสูงวัยสนทนากันอยู่ ซูลี่อัน และ จางเอิน เขาทั้งสองรู้จักกันเพราะต้นตระกูลเคยเป็นมิตรไมตรีกันมาก่อน เมื่อถึงรุ่นที่สี่ของตระกูลซูก็เหมือนจะห่างเหินกันพอสมควรจึงทำให้ลูก ๆ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำซูอันพยุงคนที่นั่งคุกเข่าขอร้องเขาในห้องรับแขก ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบของจางลี่ถิง"หากลูกสาวผมไม่ก่อความวุ่นวายเรื่องทั้งหมดก็ไม่เป็นอย่างนี้ ตงหยางไม่น่าเล่นผมแรงจนทำให้หุ้นบริษัทดิ่งตัวลงมาก"เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วก็รีบฟูมฟายเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัว หากจะเท้าความกลับไปละก็เรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะจางลี่ถิงแท้
สายลมพัดโบกสะบัดบ่งบอกถึงฤดูหนาวสะท้านกำลังจะมาถึง จางลี่ถิงสวมเสื้อโคชตัวใหญ่พร้อมรองเท้าสั้นสูงแหลมคมมุ่งหน้าเข้ามาที่โรงพยาบาลเป่ย"ขอโทษนะ ฉันมาหาหมอซาง""คุณหมอซางตรวจคนไข้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอไหม""ได้ บอกเขาว่าฉัน จางลี่ถิง ต้องการขอพบ"หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ถือวิสาสะเดินมุ่งหน้าไปทางห้องพักหมอ โดยที่เจ้าหน้าที่ซักประวัติยังไม่เอ่ยอนุญาต และมองตามหลังเธอจนลับตาเวลาผ่านไปสักพัก หมอซางร่างสูงผมดำคิ้วเข้มใบหน้าหล่อคมสันก็เดินออกมาจากห้องตรวจ"คุณหมอคะ มีผู้หญิงมาขอพบคุณหมอค่ะ""ใคร?""เธอบอกว่าชื่อจางลี่ถิงค่ะ"เรียวคิ้วหนาดกดำย่นลงจนเป็นปม ไม่คิดว่าชื่อที่เขาไม่พึ่งประสงค์เจอจะมาถึงที่นี่"เธออยู่ไหน""เห็นเดินทางห้องพักคุณหมอค่ะ"และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าที่เบ่งบานเมื่อครู่กลับยับยู่ยี่ขึ้นอีก ใครอนุญาตให้คนแบบนั้นไปที่ห้องพักของตัวเองหมอซางมุ่งหน้าไปที่ห้องพัก ใบหน้าของหมอยับยิ่งกว่าถนนพึ่งเทยางมะตอยเสียอีก เมื่อมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปข้างในแอ๊ดปัก!"ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไร?"น้ำเสียงห้วนห้าวโพล่งถามออกไปด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ส่วนคนที่ยืนมองข้าวของทุกอย่างในห
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
วันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น"ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น""นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง"จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น"ไม่จำเป็นหรอกมั้ง""ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ"คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว"เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ""คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร"เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าท
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็
คฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ