คฤหาสน์ตระกูลซู
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ "เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน" บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที "เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา" "อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรก ในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยังดีที่ซูซ่านลูกสาวคนเล็กไม่อยู่ มิเช่นนั้นเรื่องที่คุยในวันนี้คงทำให้เสียเรื่อง "หนูได้ยินไม่ผิดหรอกเราคุยกันแล้ว อีกอย่างฉันจะให้พวกเธอหมั้นกันไว้ก่อน หากพร้อมวันไหนค่อยจัดงานเพราะช่วงนี้หนูเองก็มีงานไม่ใช่หรือไง" ซูอันพูดขึ้น เธอก็หันไปมองหมอซางที่นั่งตรงหน้า ทว่าหมอเหมือนคนไม่ยินดียินร้ายไม่สนใจที่จะพูดหรือว่าสนทนากับครอบครัวเธอสักคำ ลี่ถิงกลอกสายตามองทั้งคุณลุงซูและหมอซางไปมา เธอรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปวางไว้ส่วนไหน ในขณะที่ผู้เป็นบิดาเธออย่างจางเอินก็ตกใจชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะดึงสติคืนมาได้ "ขอบคุณพี่ซูอันที่ช่วยเหลือพวกเรา ธุรกิจที่ผมเสนอไปผมจะไม่ทำให้พวกพี่เสียใจแน่นอน" ถึงขั้นเรียกซูอันด้วยความสนิทชิดเชื่อกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนซูอันต้องตัดบทเชิญทานมื้อค่ำ หมอซางเงียบสนิทใบหน้าไม่แสดงออกอะไรให้เห็นไม่รู้ว่าเขาดีใจหรือเสียใจที่อยู่ ๆ ต้องหมั้นกับเธอ หากจะย้อนกลับไปเมื่อวันก่อน หมอซางถูก ผอ. โรงพยาบาลเรียกเข้าพบ เรื่องกำลังสนับสนุนทางการแพทย์ หากจะว่าบีบให้หมอหมั้นกับเธอทางอ้อมก็น่าจะใช่ เพราะซูอันยื่นข้อเสนอขั้นเด็ดขาดหากหมอไม่แต่งกับลูกสาวตระกูลจางตัวเขาจะถอนหุ้นและจะไม่มีการสนับสนุนเครื่องมือแพทย์ชิ้นใหม่ นั้นแปลว่า ผอ. เองก็จะเจองานหนักเพราะโรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลเอกชนหากหุ้นส่วนคนสำคัญถอนหุ้นออกไปโรงพยาบาลก็คงไม่ถูกพัฒนา คนก็คงไม่มารักษาอาจจะทำให้ตัวเขาเดือดร้อนไปด้วย ส่วนหมอซางเขารักอาชีพนี้มากไม่อาจทำลายคนอื่น ๆ ได้ เลยยอมทำตามที่พ่อเสนอหมั้นกันไว้ก่อนก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด บรรยากาศบนโต๊ะ หมอซางนั่งนิ่งราวกับรูปปั้นหลังจากที่ทานอิ่มก่อนคนอื่น ๆ เขาไม่มีเสียงที่ลอดลำคอออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งทำให้ลี่ถิงอยู่ลำบากไปด้วย "จริงสิ ได้ยินว่าหนูกำลังมีโปรเจกใหญ่ใช่ไหม"เสียงทุ้มของชายวัยราวหกสิบเอ่ยถาม ส่วนลี่ถิงเธอได้แต่ยิ้มก่อนที่จะตอบคำถามผู้อาวุโสตรงหน้า "ใช่ค่ะคุณลุง ตอนนี้หนูกำลังดีไซต์ชุดราตรีเดินแบบให้กับห้างเพชรที่จะเดินประมูลอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ก็เลยค่อนข้างจะยุ่งสักนิด" "ดีแล้วรักในอาชีพตัวเอง ทำอะไรก็ทำได้ขอให้มีความตั้งใจ ใช่ไหมหมอซาง" ซูอันหันมาถามลูกชายต่อ ทำเอาหมอซางหน้านิ่งขรึมต้องกวาดสายตามามองลี่ถิงแวบเดียวแล้วหันกลับไปตอบผู้เป็นบิดา "ครับ" ทุกอย่างในมื้อค่ำจบลงเหลือเพียงแค่บทสนทนาทั่วไป หมอซางรู้สึกว่าหน้าที่ของตนก็จบลงเช่นกันก็เลยเอ่ยปากขออนุญาตกลับไปพักที่โรงพยาบาลเพราะมีห้องพักส่วนตัวที่นั่น อีกทั้งตัวเองต้องทำรายงานส่งด้วย "หากไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ" "เดี๋ยวสิ" "พ่อมีอะไรอีกหรือเปล่า" "ไหน ๆ ก็จะหมั้นหมายกันไว้ อีกหน่อยก็ต้องแต่ง หากแกจะกลับไปที่โรงพยาบาลละก็ ให้ถิงถิงไปกับแกด้วย แวะไปส่งเธอที่บ้าน" "แต่ว่า" "ไม่มีแต่" "เออ หากหมอซางไม่สะดวกไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเราก็กลับกันแล้ว" คนที่แทรกก็คือคุณนายจางเพราะเธอรู้สึกแล้วว่าการหมั้นครั้งนี้หมอซางเองก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไรนัก "เด็กเขาจะหมั้นหมายอีกหน่อยก็ต้องแต่งงาน ผมว่าให้พวกเขาทำความคุ้นชินกันน่าจะดี คุณนายจางไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ หมอซางเป็นสุภาพบุรุษพอ" "ไม่ใช่ยังงั้นค่ะ" ประโยคคำพูดของซูอันทำเอารอยยิ้มมุมปากของหมอหยักขึ้น แต่มันเป็นรอยยิ้มเหยียดสมเพชมากกว่า ความคิดหมอในตอนนี้คงคิดว่าแค่ให้ติดรถไปก็บุญเท่าไรแล้วต่างหาก ลี่ถิงเดินตามหมอซางมาที่รถยนต์หรูที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เมื่อมาถึงเขาก็ไม่ได้เปิดประตูเป็นการให้เกียรติกุลสตรีอย่างเธอหรอกนะ แต่กลับเดินไปเปิดประตู่ฝั่งคนขับแล้วแทรกร่างลงไปนั่งเตรียมท่าจะออกรถเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนเขาไม่เต็มใจที่จะให้เธอขึ้นไปนั่งข้าง แต่ลี่ถิงก็ต้องพยายามสาวเท้ายาว ๆ แล้วแทรกร่างขึ้นไปนั่ง ปึก หลังจากที่ปิดประตูเรียบร้อยหมอซางก็เคลื่อนรถออกจากที่ แต่สิ่งที่เหมือนเดิมก็คือเขาไม่ยอมพูดอะไรกับเธอสักอย่าง ทำให้ลี่ถิงมีความสงสัยมากมายก่อนที่เธอจะหันมาถาม "ทำไมถึงยอมหมั้น" ถึงแม้คำถามแรกถามไปแล้วแต่หมอก็ยังนิ่งอยู่ เขาใช้เพียงสายตาคู่คมมองถนนเบื้องหน้า "หมอซางฉันถามนายอยู่นะ ว่าทำไมถึงยอมหมั้น" "เธอไม่ดีใจหรือไง ที่ฉันยอมหมั้นกับเธอวันก่อนยังขอร้องให้ฉันช่วยแต่งงานอยู่เลยนี่" "นายถูกบังคับงั้นเหรอ" เอี๊ยด "โอ๊ย เบรกทำไมเนี่ย" "ฉันคิดว่ามันไกลพอที่เธอจะลงจากรถอีกอย่างโรงพยาบาลกับบ้านเธอคนละเส้นทางฉันคงไม่เสียเวลาไปส่งหรอกนะ" "หมอซาง" "เชิญลงรถ"หากจะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนก็คงไม่ผิด เพราะขนาดคนที่เคยมีทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังกลายเป็นคนจนขอทานก็มีให้เห็น กล่าวถึงตระกูลที่ร่ำรวยอีกตระกูลก็คงไม่พ้นตระกูลจางนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง แถมลูกสาวก็เป็นดีไซเนอร์แถวหน้าจบจากต่างประเทศ ทว่า เรื่องราวชีวิตมันก็เหมือนละครมีขึ้นก็ต้องมีลงบ้านตระกูลซู"คุณอัน หากคุณไม่ยื่นมือมาช่วยพวกเรามีหวังธุรกิจของผมพังทลายแน่ ๆ ""จางเอิน ลุกขึ้นเถอะผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณตอนนี้ แต่ธุรกิจของคุณผมเองก็ไม่สันทัดเท่าไร"เสียงทุ้มของชายสูงวัยสนทนากันอยู่ ซูลี่อัน และ จางเอิน เขาทั้งสองรู้จักกันเพราะต้นตระกูลเคยเป็นมิตรไมตรีกันมาก่อน เมื่อถึงรุ่นที่สี่ของตระกูลซูก็เหมือนจะห่างเหินกันพอสมควรจึงทำให้ลูก ๆ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำซูอันพยุงคนที่นั่งคุกเข่าขอร้องเขาในห้องรับแขก ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบของจางลี่ถิง"หากลูกสาวผมไม่ก่อความวุ่นวายเรื่องทั้งหมดก็ไม่เป็นอย่างนี้ ตงหยางไม่น่าเล่นผมแรงจนทำให้หุ้นบริษัทดิ่งตัวลงมาก"เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วก็รีบฟูมฟายเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัว หากจะเท้าความกลับไปละก็เรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะจางลี่ถิงแท้
สายลมพัดโบกสะบัดบ่งบอกถึงฤดูหนาวสะท้านกำลังจะมาถึง จางลี่ถิงสวมเสื้อโคชตัวใหญ่พร้อมรองเท้าสั้นสูงแหลมคมมุ่งหน้าเข้ามาที่โรงพยาบาลเป่ย"ขอโทษนะ ฉันมาหาหมอซาง""คุณหมอซางตรวจคนไข้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอไหม""ได้ บอกเขาว่าฉัน จางลี่ถิง ต้องการขอพบ"หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ถือวิสาสะเดินมุ่งหน้าไปทางห้องพักหมอ โดยที่เจ้าหน้าที่ซักประวัติยังไม่เอ่ยอนุญาต และมองตามหลังเธอจนลับตาเวลาผ่านไปสักพัก หมอซางร่างสูงผมดำคิ้วเข้มใบหน้าหล่อคมสันก็เดินออกมาจากห้องตรวจ"คุณหมอคะ มีผู้หญิงมาขอพบคุณหมอค่ะ""ใคร?""เธอบอกว่าชื่อจางลี่ถิงค่ะ"เรียวคิ้วหนาดกดำย่นลงจนเป็นปม ไม่คิดว่าชื่อที่เขาไม่พึ่งประสงค์เจอจะมาถึงที่นี่"เธออยู่ไหน""เห็นเดินทางห้องพักคุณหมอค่ะ"และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าที่เบ่งบานเมื่อครู่กลับยับยู่ยี่ขึ้นอีก ใครอนุญาตให้คนแบบนั้นไปที่ห้องพักของตัวเองหมอซางมุ่งหน้าไปที่ห้องพัก ใบหน้าของหมอยับยิ่งกว่าถนนพึ่งเทยางมะตอยเสียอีก เมื่อมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปข้างในแอ๊ดปัก!"ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไร?"น้ำเสียงห้วนห้าวโพล่งถามออกไปด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ส่วนคนที่ยืนมองข้าวของทุกอย่างในห
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
คฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ
สายลมพัดโบกสะบัดบ่งบอกถึงฤดูหนาวสะท้านกำลังจะมาถึง จางลี่ถิงสวมเสื้อโคชตัวใหญ่พร้อมรองเท้าสั้นสูงแหลมคมมุ่งหน้าเข้ามาที่โรงพยาบาลเป่ย"ขอโทษนะ ฉันมาหาหมอซาง""คุณหมอซางตรวจคนไข้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอไหม""ได้ บอกเขาว่าฉัน จางลี่ถิง ต้องการขอพบ"หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ถือวิสาสะเดินมุ่งหน้าไปทางห้องพักหมอ โดยที่เจ้าหน้าที่ซักประวัติยังไม่เอ่ยอนุญาต และมองตามหลังเธอจนลับตาเวลาผ่านไปสักพัก หมอซางร่างสูงผมดำคิ้วเข้มใบหน้าหล่อคมสันก็เดินออกมาจากห้องตรวจ"คุณหมอคะ มีผู้หญิงมาขอพบคุณหมอค่ะ""ใคร?""เธอบอกว่าชื่อจางลี่ถิงค่ะ"เรียวคิ้วหนาดกดำย่นลงจนเป็นปม ไม่คิดว่าชื่อที่เขาไม่พึ่งประสงค์เจอจะมาถึงที่นี่"เธออยู่ไหน""เห็นเดินทางห้องพักคุณหมอค่ะ"และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าที่เบ่งบานเมื่อครู่กลับยับยู่ยี่ขึ้นอีก ใครอนุญาตให้คนแบบนั้นไปที่ห้องพักของตัวเองหมอซางมุ่งหน้าไปที่ห้องพัก ใบหน้าของหมอยับยิ่งกว่าถนนพึ่งเทยางมะตอยเสียอีก เมื่อมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปข้างในแอ๊ดปัก!"ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไร?"น้ำเสียงห้วนห้าวโพล่งถามออกไปด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ส่วนคนที่ยืนมองข้าวของทุกอย่างในห
หากจะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนก็คงไม่ผิด เพราะขนาดคนที่เคยมีทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังกลายเป็นคนจนขอทานก็มีให้เห็น กล่าวถึงตระกูลที่ร่ำรวยอีกตระกูลก็คงไม่พ้นตระกูลจางนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง แถมลูกสาวก็เป็นดีไซเนอร์แถวหน้าจบจากต่างประเทศ ทว่า เรื่องราวชีวิตมันก็เหมือนละครมีขึ้นก็ต้องมีลงบ้านตระกูลซู"คุณอัน หากคุณไม่ยื่นมือมาช่วยพวกเรามีหวังธุรกิจของผมพังทลายแน่ ๆ ""จางเอิน ลุกขึ้นเถอะผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณตอนนี้ แต่ธุรกิจของคุณผมเองก็ไม่สันทัดเท่าไร"เสียงทุ้มของชายสูงวัยสนทนากันอยู่ ซูลี่อัน และ จางเอิน เขาทั้งสองรู้จักกันเพราะต้นตระกูลเคยเป็นมิตรไมตรีกันมาก่อน เมื่อถึงรุ่นที่สี่ของตระกูลซูก็เหมือนจะห่างเหินกันพอสมควรจึงทำให้ลูก ๆ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำซูอันพยุงคนที่นั่งคุกเข่าขอร้องเขาในห้องรับแขก ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบของจางลี่ถิง"หากลูกสาวผมไม่ก่อความวุ่นวายเรื่องทั้งหมดก็ไม่เป็นอย่างนี้ ตงหยางไม่น่าเล่นผมแรงจนทำให้หุ้นบริษัทดิ่งตัวลงมาก"เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วก็รีบฟูมฟายเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัว หากจะเท้าความกลับไปละก็เรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะจางลี่ถิงแท้