หากจะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนก็คงไม่ผิด เพราะขนาดคนที่เคยมีทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังกลายเป็นคนจนขอทานก็มีให้เห็น กล่าวถึงตระกูลที่ร่ำรวยอีกตระกูลก็คงไม่พ้นตระกูลจางนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง แถมลูกสาวก็เป็นดีไซเนอร์แถวหน้าจบจากต่างประเทศ ทว่า เรื่องราวชีวิตมันก็เหมือนละครมีขึ้นก็ต้องมีลง
บ้านตระกูลซู "คุณอัน หากคุณไม่ยื่นมือมาช่วยพวกเรามีหวังธุรกิจของผมพังทลายแน่ ๆ " "จางเอิน ลุกขึ้นเถอะผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณตอนนี้ แต่ธุรกิจของคุณผมเองก็ไม่สันทัดเท่าไร" เสียงทุ้มของชายสูงวัยสนทนากันอยู่ ซูลี่อัน และ จางเอิน เขาทั้งสองรู้จักกันเพราะต้นตระกูลเคยเป็นมิตรไมตรีกันมาก่อน เมื่อถึงรุ่นที่สี่ของตระกูลซูก็เหมือนจะห่างเหินกันพอสมควรจึงทำให้ลูก ๆ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ซูอันพยุงคนที่นั่งคุกเข่าขอร้องเขาในห้องรับแขก ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบของจางลี่ถิง "หากลูกสาวผมไม่ก่อความวุ่นวายเรื่องทั้งหมดก็ไม่เป็นอย่างนี้ ตงหยางไม่น่าเล่นผมแรงจนทำให้หุ้นบริษัทดิ่งตัวลงมาก" เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วก็รีบฟูมฟายเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัว หากจะเท้าความกลับไปละก็เรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะจางลี่ถิงแท้ ๆ ที่ทำให้ซิงเหยียนเกือบเสียลูก ทำเอามาเฟียหนุ่มอย่างตงหยางหักแข่งขาตระกูลจางจนแทบพังไม่เป็นท่า "เอาเถอะ เห็นแก่ตระกูลเราทั้งสองเคยเป็นมิตรไมตรีกันเรื่องที่คุณเสนอมาผมจะปรึกษาซูซางอีกครั้ง" "จริงหรือครับ หากคุณยอมยื่นมือเข้าช่วยบริษัทเรา ผมยอมให้ลี่ถิงแต่งงานเข้าตระกูลจางทันที" "อย่าพึ่งพูดไปถึงขั้นนั้นดีกว่า อีกอย่างหมอซางเองก็ไม่รู้เรื่อง ผมเกรงว่าลูกชายผมจะไม่เห็นด้วย" "คุณซูอัน หากคุณช่วยบริษัทเราหุ้นส่วนเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของเราก็ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทน อีกอย่างหากเราทั้งสองตระกูลเป็นทองแผ่นเดียวกันละก็ เงินทองก็จะไม่รั่วไหลไม่ต้องแบ่งให้ใครเก็บไว้ให้ลูกให้หลานไม่ดีกว่าหรือครับ" ที่จางเตึกพูดมามันก็ถูกธุรกิจของตระกูลจางก็พอมีกำไลจากโรงงานผลิตกระเป๋าแบรนด์ส่งออก อีกอย่างที่จางเอินเสนอคือหุ้นส่วนตั้งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์นั้นแปลว่ามันมากกว่าเขาเป็นเท่าตัว "ผมขอคิดดูก่อนแล้วกัน เรื่องที่คุณเสนอมาก็น่าสนใจ" "ขอบคุณ ที่คุณซูอันที่ยังเห็นแกมิตรภาพครั้งเก่าของเรา" เย็นของวันนั้น "พ่อว่ายังไงนะครับ" "ตระกูลจางอยากผูกมิตรกับเรา เขาอุตส่าห์บากหน้ามาขอร้องฉัน ฉันเห็นว่าเราทั้งสองตระกูลเคยมีไมตรีต่อกันมาก่อนไม่น่าจะมีปัญหา" "คำว่าผูกมิตรที่ว่าหมายถึงอะไรกันครับ" "แกน่าจะรู้ว่าเขามีลูกสาว ถิงถิงเองการศึกษาก็ดี หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ฉันว่า" "อย่าบอกนะว่าจะให้ผมแต่งงานกับเธอ เธอร้ายขนาดนั้นผมแต่งไม่ลงหรอก" พลันสายตานิ่งสนิทพร้อมคำพูดที่โพล่งออกไป หมอซางก็มุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ ส่วนซูซ่านผู้เป็นน้องสาวได้แต่ยืนมองตามร่างพี่ชายก่อนที่เธอจะกวาดสายตามามองผู้เป็นบิดาที่ยืนหน้าเข้ม "จริงอย่างที่พี่ซางบอก พ่อรู้ไหมคะว่าเธอร้ายแค่ไหน เธอเกือบทำให้ลูกของตงหยางตายนะ" "ฉันรู้ แต่เธอเองก็สำนึกผิดแล้วนี่" "แล้วไงคะ พ่อจะให้พี่ซางแต่งกับคนพรรค์นั้นเข้าบ้านเหรอ" "ก็แค่หมั่นกันไว้ก่อน อีกอย่างธุรกิจตระกูลจางก็น่าจับตามองเพียงแค่ตอนนี้เขาเจอตงหยางขัดแข็งขาเท่านั้นหากเราหนุนหลัง มีหรือจะไม่สำเร็จ" "แต่อย่างไรหนูก็ไม่เห็นด้วยหรอกค่ะ" "ฉันถามพี่แกไม่ได้ถามแกสักหน่อย อีกอย่างนี่มันเรื่องผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็ก!" คำพูดของซูอันสร้างความไม่พอใจให้กับลูกสาวเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ชอบลี่ถิงเท่าไรนัก ก็ตั้งแต่ที่ตงหยางกับภรรยาไปฮันนีมูนเธอก็ติดสอยห้อยตามป้าลี่ไป ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าตงหยางมีภรรยา แต่นั่น พ่อยังจะอุตส่าห์แต่งเธอเข้าบ้าน ซูซ่านกระทืบเท้าตึก ๆ ขึ้นมาที่ชั้นบนของบ้านก่อนที่เธอจะเอื้อมมือมาเคาะประตู ก๊อก ก๊อก "พี่ซางเปิดประตูให้ฉันหน่อย" เธอยืนเรียกพี่ชายอยู่หน้าห้อง ไม่นานร่างสูงใบหน้าดุดันราวกับคนกำลังใช้ความคิดก็เปิดประออกกว้าง "มีอะไร" "พี่จะแต่งกับยัยคนนั้นจริง ๆ เหรอ พี่ก็เห็นว่าเธอร้ายขนาดไหน แม้แต่คนที่มีภรรยาแล้วเธอยังคิดแย่ง อีกอย่างเธอเกือบทำเหยียนเหยียนแท้ง" "เธอพูดเรื่องอะไร" "ก็เรื่องที่พ่อจะให้พี่แต่งตระกูลจาง ยัยจางลี่ถิงไงเล่า" "เธอคิดว่าพี่ชอบคนแบบนั้นเหรอ" "ใครจะไปรู้ละ บางทีพี่อาจจะชอบยัยปากแดงก็ได้" "เหลวไหลไร้สาระ แค่พ่อเสนอเท่านั้น" "งั้นก็ดี เพราะฉันไม่ยอมรับเธอมาเป็นพี่สะใภ้แน่นอน" ซูซ่านยิ้มร่าออกมาเพราะพอใจกับการตัดสินใจของพี่ชาย คนอย่างจางลี่ถิงไม่เหมาะสมกับพี่ชายที่แสนดีของเธอสักนิด หลังจากคุยกันแล้วเธอกับพี่ชายก็แยกย้ายกันตรงนั้นเหลือเพียงหมอซางที่เดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้อง "แค่คิดเห็นหน้าเธอ ผมก็เอียนจะแย่" เขาพึมพำกับตัวเองจากนั้นก็ส่ายหัวเบา ๆ ไม่รู้ว่าพ่อคิดยังไงถึงอยากจะผูกไมตรีกับตระกูลนั้น บ้านตระกูลจาง "หากไม่ทำแบบนี้ ธุรกิจเราก็ต้องล่ม เพราะใครหากไม่ใช่เพราะแก" "พอเถอะค่ะคุณ แค่นี้ลี่ถิงก็รู้สึกผิดแล้ว" "ก็เพราะเลี้ยงกันแบบนี้ไง ทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้เอาแต่ใจตัวเอง" จางเอินตะคอกเสียงหนักใส่ภรรยาและลูกสาวที่นั่งกอดกันตัวสั่นระริกบนโซฟาตัวใหญ่ จางลี่ถิงร้องไห้จนตาบวมเปล่งส่วนมารดาเอาแต่กอดปลอบลูกสาว "พ่อคะ หนูไม่รู้นี่ค่ะว่าพี่หยางเขาจะใจร้ายขนาดนี้" "ใคร ๆ ก็รู้ว่ามันเป็นมาเฟียทำได้ทุกอย่าง" "แต่พ่อจะยกหนูให้หมอซางไม่ได้นะคะ หนูไม่ชอบหมอซาง" "หุบปากซะ! หากแกทำให้หมอซางรักไม่ได้แกเตรียมย้ายไปอยู่บ้านเช่าได้เลย!" "พ่อ......" คำสั่งเด็ดขาดของจางเอินทำเอาคุณหนูหน้าขาวริมฝีปากแดงอย่างลี่ถิงถึงขั้นร้องไห้ซบอกมารดา เธอ "แม่หนูไม่อยากแต่งกับหมอซาง" "แต่พ่อพูดมาก็ถูกหากเราไม่ขอให้ตระกูลซูช่วยมีหวังได้ไปนอนห้องเช่านะลูก" "ฮือ...ฮึก...."สายลมพัดโบกสะบัดบ่งบอกถึงฤดูหนาวสะท้านกำลังจะมาถึง จางลี่ถิงสวมเสื้อโคชตัวใหญ่พร้อมรองเท้าสั้นสูงแหลมคมมุ่งหน้าเข้ามาที่โรงพยาบาลเป่ย"ขอโทษนะ ฉันมาหาหมอซาง""คุณหมอซางตรวจคนไข้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอไหม""ได้ บอกเขาว่าฉัน จางลี่ถิง ต้องการขอพบ"หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ถือวิสาสะเดินมุ่งหน้าไปทางห้องพักหมอ โดยที่เจ้าหน้าที่ซักประวัติยังไม่เอ่ยอนุญาต และมองตามหลังเธอจนลับตาเวลาผ่านไปสักพัก หมอซางร่างสูงผมดำคิ้วเข้มใบหน้าหล่อคมสันก็เดินออกมาจากห้องตรวจ"คุณหมอคะ มีผู้หญิงมาขอพบคุณหมอค่ะ""ใคร?""เธอบอกว่าชื่อจางลี่ถิงค่ะ"เรียวคิ้วหนาดกดำย่นลงจนเป็นปม ไม่คิดว่าชื่อที่เขาไม่พึ่งประสงค์เจอจะมาถึงที่นี่"เธออยู่ไหน""เห็นเดินทางห้องพักคุณหมอค่ะ"และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าที่เบ่งบานเมื่อครู่กลับยับยู่ยี่ขึ้นอีก ใครอนุญาตให้คนแบบนั้นไปที่ห้องพักของตัวเองหมอซางมุ่งหน้าไปที่ห้องพัก ใบหน้าของหมอยับยิ่งกว่าถนนพึ่งเทยางมะตอยเสียอีก เมื่อมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปข้างในแอ๊ดปัก!"ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไร?"น้ำเสียงห้วนห้าวโพล่งถามออกไปด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ส่วนคนที่ยืนมองข้าวของทุกอย่างในห
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
คฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็
จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น"ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น""นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง"จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น"ไม่จำเป็นหรอกมั้ง""ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ"คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว"เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ""คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร"เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าท
วันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
วันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น"ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น""นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง"จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น"ไม่จำเป็นหรอกมั้ง""ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ"คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว"เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ""คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร"เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าท
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็
คฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ