ห้องเสื้อLEETHING
เย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกัน ระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ "คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ" "ใคร" "ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้าน เมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง "คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง "นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย "พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น" "ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใจมากที่หมอซางเป็นคนเอ่ยเรื่องชุดงานหมั้นก่อน ทว่า "ไม่ต้องสงสัยหรอกนะ ที่ฉันยอมมาเพราะคำสั่งเท่านั้น" "อ้อ อย่างนั้นหรือคะ" ยังไม่ทันได้สนทนาต่อเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น ทำให้ลี่ถิงหันไปมองที่ห้องส่วนตัว ก่อนที่เธอจะหมุนตัวเพื่อไปรับโทรศัพท์ปลายสาย โทรศัพท์ "ค่ะพ่อ" (หมอซางคงไปถึงห้องเสื้อแกแล้ว วัดขนาดตัวให้พี่ส่วนแกก็จัดการชุดตัวเองให้เรียบร้อย) "ทำไมดูรีบขนาดนั้นละคะ" (อีกสองอาทิตย์ ฉันจะจัดงานหมั้นให้แกกับหมอซาง) "อะไรนะคะ" ตื๊ดดดด ยังไม่ทันได้ตอบจางเอินก็ตัดสายลูกสาว ทำเอาจางลี่ถิงต้องลดมือถือลงมามองหน้าจอด้วยความฉงน หลังจากรับสายบิดาแล้วก็เดินกลับออกมาหาหมอซางที่ยืนรออยู่ ทว่าตอนนี้ใบหน้าของลี่ถิงบูดบึ้งเล็กน้อย เธอมองหน้าหมอซางแล้วพูดขึ้น "เชิญทางนี้ ฉันจะวัดตัวให้นาย" "เดี๋ยว เธออ่อนกว่าฉันจะมาใช้น้ำเสียงคำพูดตีตนแบบนี้ไม่ได้" "หมอซาง! " เขาเองก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนคำพูดดูให้เกียรติลี่ถิงมาก และตอนนี้คงใช้คำพูดว่าเธอกับฉันน่าจะเหมาะกว่า ส่วนลี่ถิงสมควรเรียกแทนตัวเขามาหมอไม่ใช่นาย "ต่อไปก็เรียกฉันว่าหมอซางเหมือนคนอื่น ไม่ใช่นาย เพราะฉันกับเธอมันคนละรุ่น" พูดจบก็เดินสวนลี่ถิงไปทางห้องวัดตัว ปล่อยให้ลี่ถิงยืนจ้องมองตามไล่กว้างของเขาที่เดินลับตาไป หญิงสาวในชุดเดรสสีครีมเปิดไหล่เดินตามคุณหมอหนุ่มมาที่ห้องวัดตัว แต่ลี่ถิงไม่ใช่คนวัดขนาดตัวให้เขาหรอกนะ เธอสั่งเด็กในร้านถือสายวัดมาให้แล้วก็สั่งให้จัดการกับสัดส่วนของหมอ ทว่า "คุณลี่ถิงวัดเองได้ไหมคะ ปกติคุณก็เป็นคนวัดหนูกลัวว่ามันจะผิดพลาด" ลี่ถิงทำหน้าเจื่อนเพราะหมอดุร้ายหันมามองหน้าเธอ จริงอยู่ว่าเธอเป็นคนวัดมาตลอดแต่ที่ไม่ทำเพราะคนนี้เป็นคู่หมั้นที่เธอไม่อยากหมั้นต่างหาก "ก็ได้" เธอยอมดุร้ายอมมือรับสายวัด แล้วยื่นสมุดกับปากกาให้เด็กในร้านเป็นคนจด ระหว่างที่วัดรอบแขนทุกอย่างก็ปกติ แต่ช่วงที่วัดรอบอกนี่สิ ตึกตึกตึก เจ้ากรรมหัวใจไม่รักดีดันเต้นแรงจนแทบเสียอาการ เธอตัวเล็กกว่าหมอซางมากแค่ระดับหัวก็เท่าหน้าอกเขา ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้เสื้อคอเต่ารัดรูปสีเข้มมันดูเหมือนว่าหน้าอกหมอจะกว้างมากบ่งบอกถึงสุขภาพที่แข็งแรงแถมมันยังรู้สึกแน่นไปด้วยมัดกล้าม "ทำไมหัวใจเธอเต้นแรงขนาดนั้น" ลี่ถิงชะงักแล้วดึงสายวัดออกทันที เธอถอยออกห่างจากตัวหมอซาง "หมอพูดเรื่องอะไร หัวใจฉันมันก็เต้นปกตินี่" "นั่นนะสินะ" ลี่ถิงยืนเม้มปากแน่นกลอกตาไปมองทางอื่น จนหมอซางเป็นคนพูดต่อ "วันนี้จะวัดเสร็จไหม ฉันมีธุระที่ต้องไป" "เสร็จสิ ก็แค่วัดตัวไม่มีอะไรมาก" "งั้นก็มาวัดเสียสิ เธอมัวยืนทำอะไร" ที่ต้องยืนเพราะมัวเก็บอาการอยู่ต่างหาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันอยู่ ๆ มือก็เย็นเฉียบขึ้นมาเสียดื้อ ๆ จริงอยู่ว่าหมอซางเองก็หน้าตาดี แต่เขาไม่ใช่สเปกเธอลี่ถิงเธอพูดมาตลอด เวลาผ่านไปสักพัก ลี่ถิงเธอก็ทำหน้าที่ของเธอจนเสร็จ วัดสัดส่วนเสื้อที่ต้องตัดพร้อมทั้งกางเกงไปด้วยเช่นกัน "หมอรู้หรือเปล่าว่างานหมั้นของเราจะเกิดขึ้นอีกสองอาทิตย์" "รู้" เป็นคำตอบที่แสนสั้น จากนั้นหมอก็เดินไปหยิบเสื้อโคชตัวใหญ่มาสวมทับเสื้อคอเต่าอีกครั้ง "หมอรู้ แต่ทำไมฉันไม่รู้" "ฉันก็พึ่งรู้วันนี้ คงไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับ" "อ้อ ไม่มีแล้วเพราะหมอวัดตัวไปแล้ว" หมอซางหน้านิ่งได้ยินแบบนั้นก็รีบหันหลังออกจากร้าน ท่าทางของหมอไม่ได้ยินดีด้วยสักนิดแถมดูไม่สนใจเรื่องงานหมั้นด้วยซ้ำ "คุณลี่ถิง ผู้ชายคนนี้เป็นคู่หมั้นคุณหรือคะ เขาหล่อมากเลย" ลี่ถิงถอนหายใจรูปลักษณ์เธออาจจะดุร้ายเหมือนนางมารในละคร แต่มุมอ่อนไหวเธอก็ย่อมมี "คู่หมั้นงั้นเหรอ ดูท่าเขาไม่สนใจด้วยซ้ำมั้งจะหมั้นกันอยู่แล้วแต่ดูเขาตอนนี้สิ ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาสักนิด" เสียงถอนหายใจก่อนที่เธอจะยืนมือรับสัดส่วนที่พึ่งบอกเด็กในร้านจด ลี่ถิง กลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง อีกสองอาทิตย์เธอจะหมั้นกับเขา ชุดที่ต้องใส่วันนั้นก็ต้องตัดด้วย อีกทั้งชุดราตรีแฟชั่นโชว์ก็ใกล้มาถึงคงเรียกว่าเป็นงานชนิดด่วนพิเศษก็ว่าได้ งานนี้ลี่ถิงคงปักหลักนอนเฝ้าร้านอีกนาน#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
หากจะบอกว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนก็คงไม่ผิด เพราะขนาดคนที่เคยมีทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังกลายเป็นคนจนขอทานก็มีให้เห็น กล่าวถึงตระกูลที่ร่ำรวยอีกตระกูลก็คงไม่พ้นตระกูลจางนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียง แถมลูกสาวก็เป็นดีไซเนอร์แถวหน้าจบจากต่างประเทศ ทว่า เรื่องราวชีวิตมันก็เหมือนละครมีขึ้นก็ต้องมีลงบ้านตระกูลซู"คุณอัน หากคุณไม่ยื่นมือมาช่วยพวกเรามีหวังธุรกิจของผมพังทลายแน่ ๆ ""จางเอิน ลุกขึ้นเถอะผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณตอนนี้ แต่ธุรกิจของคุณผมเองก็ไม่สันทัดเท่าไร"เสียงทุ้มของชายสูงวัยสนทนากันอยู่ ซูลี่อัน และ จางเอิน เขาทั้งสองรู้จักกันเพราะต้นตระกูลเคยเป็นมิตรไมตรีกันมาก่อน เมื่อถึงรุ่นที่สี่ของตระกูลซูก็เหมือนจะห่างเหินกันพอสมควรจึงทำให้ลูก ๆ ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำซูอันพยุงคนที่นั่งคุกเข่าขอร้องเขาในห้องรับแขก ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบของจางลี่ถิง"หากลูกสาวผมไม่ก่อความวุ่นวายเรื่องทั้งหมดก็ไม่เป็นอย่างนี้ ตงหยางไม่น่าเล่นผมแรงจนทำให้หุ้นบริษัทดิ่งตัวลงมาก"เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วก็รีบฟูมฟายเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัว หากจะเท้าความกลับไปละก็เรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะจางลี่ถิงแท้
สายลมพัดโบกสะบัดบ่งบอกถึงฤดูหนาวสะท้านกำลังจะมาถึง จางลี่ถิงสวมเสื้อโคชตัวใหญ่พร้อมรองเท้าสั้นสูงแหลมคมมุ่งหน้าเข้ามาที่โรงพยาบาลเป่ย"ขอโทษนะ ฉันมาหาหมอซาง""คุณหมอซางตรวจคนไข้อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอไหม""ได้ บอกเขาว่าฉัน จางลี่ถิง ต้องการขอพบ"หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ถือวิสาสะเดินมุ่งหน้าไปทางห้องพักหมอ โดยที่เจ้าหน้าที่ซักประวัติยังไม่เอ่ยอนุญาต และมองตามหลังเธอจนลับตาเวลาผ่านไปสักพัก หมอซางร่างสูงผมดำคิ้วเข้มใบหน้าหล่อคมสันก็เดินออกมาจากห้องตรวจ"คุณหมอคะ มีผู้หญิงมาขอพบคุณหมอค่ะ""ใคร?""เธอบอกว่าชื่อจางลี่ถิงค่ะ"เรียวคิ้วหนาดกดำย่นลงจนเป็นปม ไม่คิดว่าชื่อที่เขาไม่พึ่งประสงค์เจอจะมาถึงที่นี่"เธออยู่ไหน""เห็นเดินทางห้องพักคุณหมอค่ะ"และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าที่เบ่งบานเมื่อครู่กลับยับยู่ยี่ขึ้นอีก ใครอนุญาตให้คนแบบนั้นไปที่ห้องพักของตัวเองหมอซางมุ่งหน้าไปที่ห้องพัก ใบหน้าของหมอยับยิ่งกว่าถนนพึ่งเทยางมะตอยเสียอีก เมื่อมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปข้างในแอ๊ดปัก!"ไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไร?"น้ำเสียงห้วนห้าวโพล่งถามออกไปด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดเล็กน้อย ส่วนคนที่ยืนมองข้าวของทุกอย่างในห
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
คฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ
วันถัดมาก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต"เข้ามา"เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน"พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้"เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ"เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่""ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย""ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง""เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้""เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ"พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้นเวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้ก
จางลี่ถิงเดินมาทางโต๊ะของหมอซาง มาถึงก็หยุดเท้านิ่งอีกมือก็จับมือของหนิงเอ๋อไว้แน่น"คุณหมอมาทานข้าวหรือคะ" เธอยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว ส่วนหมอซางก็ช้อนสายตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นใบหน้าสีขาวปากแดงระเรื่อแล้วหมอก็พับเมนูอาหารก่อนจะวางมันไว้ตรงหน้าแล้วพูดขึ้น"ก็เห็นนี่ว่ามาทานอาหาร หรือเธอเห็นเป็นอย่างอื่น""นั่นสิคะ แล้วนี่....." เธอหันมาทางหมอหลันจากนั้นก็กลอกตาไปทางหมอซางอีกครั้ง"จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ" ก็หมอซางนิ่งราวกับหุ้นใบหน้าไม่เป็นมิตรกับเธอ ลี่ถิงเธอรู้เลยแกล้งแหย่หมอเล่น"ไม่จำเป็นหรอกมั้ง""ไม่จำเป็นได้ยังไงคะหมอ เรากำลังจะหมั้นกันนะ"คำพูดของเธอทำเอาหมอหลันตกใจมาก หัวใจดวงนั้นเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมอซางจะมีคู่หมั้นแล้ว"เธอมาทานข้าวไม่ใช่หรือไง ก็ไปซะสิ""คุณหมอจะไม่ชวนลี่ถิงนั่งด้วยเหรอคะ นี่ว่าที่คู่หมั้นคุณหมอนะ" คราวนี้เป็นหนิงเอ๋อที่พูด ทำเอาหมอต้องหันมามองหน้าคนที่ยืนข้าง ๆจางลี่ถิง ความคิดของหมอก็คงจะคิดว่าเพื่อนกันไม่ต่างกันเท่าไร"เออ งั้นเชิญพวกคุณสองคนนั่งด้วยกันสิคะ" คุณหมอสาวสวยคงทำตัวไม่ถูกก็คนที่พึ่งเดินเข้ามาเขาเปิดตัวชัดว่าเป็นว่าท
ปึก บรึ้น"ไอ้หมอบ้า หากจะไม่ไปส่งถึงบ้านทำไมไม่บอกแต่ครั้งแรกเล่า" โทสะมีมากจนเธอต้องโพล่งเสียงตามหลังรถของเขา ลี่ถิงยืนหันหน้าหันหลังหากจะโทรไปหาพ่อก็น่าจะเกิดปัญหาแน่ เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านแทนหมอซางกลับมาที่โรงพยาบาลใบหน้าของหมอค่อนข้างเครียดเพราะรายงานที่ต้องสรุปการส่งนั้นเกิดปัญหาเล็กน้อย อีกทั้งตัวเองก็เป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาล หากเกิดข้อผิดพลาดอาจจะทำให้โรงพยาบาลเดือดร้อนได้ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูที่แฟ้มปึกใหญ่ เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นครืด ครืดหมอซางเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้มองดูเบอร์ว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเท่านั้น( หมอซางได้ยินข่าวว่านายจะแต่งกับยัยมารร้ายลี่ถิงเหรอ)"ไปได้ข่าวมาจากไหน"(วงในเขาลือกันทั่ว ตระกูลจางถือว่าฉลาดพอตัวที่เอาลูกสาวมาถวายตระกูลซู)"เหอะ เรื่องนี้เป็นเพราะตงหยางแท้ ๆ ที่ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"(นายจะมาโทษพี่ใหญ่ได้ยังไง ก็เรื่องทั้งหมดยัยลี่ถิงเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็เอาเถอะเธอเองคงสำนึกแล้วละ หวังว่านายจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเธอแล้วกัน)"ตงฉิน หากนายโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้ละก็
คฤหาสน์ตระกูลซูบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดของคุณหนูหน้าขาวเรียวปากแดง เพราะสายตาคมเข้มที่นั่งตรงข้ามเธอเอาแต่งจ้องมองด้วยความไม่ชอบใจ"เอาละที่เชิญพวกคุณมาทานข้าวมื้อนี้เพราะทางเราเองก็เห็นสมควรแก่เรื่องที่จางเอินเข้ามาคุยเมื่อหลายวันก่อน"บรรยากาศคล้ายจะอึมครึมจึงทำให้เจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างซูอันต้องเอ่ยวาจาออกมาเหมือนกำลังเปิดประเด็นเรื่องที่นัดบ้านตระกูลจางมาในวันนี้ ที่บรรยากาศดูอึมครึมเพราะลูกชายเจ้าของบ้าน ยิ่งผู้เป็นบิดาเปิดเรื่องขึ้นมาเพียงเท่านั้น ทำเอาหมอซางหน้าเข้มยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและนั่นทำเอาสายตาของตระกูลจางจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เมื่อวางแก้วน้ำลงเท่านั้นซูอันก็พูดต่อทันที"เรื่องที่จางเอินเสนอมานั้นเราได้คุยกันแล้ว เป็นเรื่องดีที่จะให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองฉันในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดยินดีที่จะรับหนูถิงถิงเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา""อะไรนะคะ" เสียงที่แทรกขึ้นเป็นเสียงของลี่ถิงเธอไม่คิดว่า คุณลุงซูจะตัดสินใจแบบนั้นเพราะเข้าใจด้วยดีเสมอว่า หมอซางไม่ได้ชอบพอตนและไม่คิดที่จะแต่งงานกับเธอตั้งแต่แรกในขณะที่หมอซางเองเงียบสนิทเขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ถือว่าโชคยั
ห้องเสื้อชื่อดังLEETHINGสาวสวยในชุดเสื้อโคชตัวใหญ่ในฤดูหนาวนั่งร่างดีไซน์ชุดราตรีอย่างคล่องมือ ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมาด้านนี้ก็เปิดร้านห้องเสื้อเป็นผู้นำแฟชั่นที่ล้ำสมัย ไม่ได้เข้าไปช่วยกิจการที่ครอบครัวทำอยู่ จางลี่ถิงก้มหน้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอเองจะประสบปัญหาด้านชื่อเสียงที่เสียไปจากการทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ใช่ว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้ไม่สู้ชีวิตกับงานที่รักต่อเสียเมื่อไหร่ตึก ตึกเสียงส้นรองเท้าที่มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอ ทำเอาลี่ถิงต้องช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอก็ยิ้มออกมา"หนิงเอ๋อ เรานัดกันตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือไงทำไมเธอมาไวกว่าที่คิดละ""พอดีฉันว่างเลยมาก่อน จริงสิได้ยินข่าวมา พ่อของเธอเข้าไปคุยเรื่องของเธอกับตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ""ข่าวไวดีนี่""ก็ห่าวอี้นะสิได้ยินพ่อของเขาพูดถึงเรื่องนี้" คนที่หนิงเอ๋อพูดถึงคือคนรักของเธอซึ่งพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของตระกูลซู ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวนเวียนกันอยู่ความลับก็คงไม่มีในโลกละมั้งคำพูดของเพื่อนทำเอาลี่ถิงต้องวางดินสอในมือลง จากนั้นเธอก็เอนแผ่นหลังชิดกับเก้าอี้ พร้อม
ต้องบอกว่าทำใจอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจมาหาหมอซางที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จางลี่ถิงเธอมาพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เรียกว่าติดสินบนหรือเป็นการเอาใจกันแน่"ขอโทษนะฉันมาหาหมอซางเขาอยู่หรือเปล่า" ใบหน้าของเธอเหมือนจะพร้อมบวกทุกครั้งมันไม่ได้มีรอยยิ้มไมตรีให้ผู้พบเห็น ทว่าคนที่ถูกถามก็อุตส่าห์ตอบออกมาด้วยไมตรีที่ดี"ตอนนี้คุณหมอมีประชุมค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะรอหรือเปล่าคะ""มาขนาดนี้ก็ต้องรอสิ" เธอพูดพร้อมยกถุงของมากมายที่พึ่งซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าได้ดู หญิงคนนั้นเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินนำลี่ถิงไปที่ห้องของหมอ"อีกสักพักคุณหมอก็คงออกมาค่ะ คุณรออยู่ที่นี่แล้วกัน""ได้" รับคำสั้น ๆ แม้ว่ามันจะดูห้วนไปนิดแต่คนที่พามาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ซักประวัติด้านหน้าเดินกลับไปแล้วเธอก็เอาถุงขนมของฝากเดินมาวางไว้ที่โต๊ะของหมอซาง พร้อมความคิดที่กำลังประมวลมากมายในหัวหวังว่าคงจะได้ผลนั่งรอก็แล้วยืนรอก็แล้วจนเวลาผ่านไปสักกพักใหญ่ ๆ แต่ก็ยังไร้เงาของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ลี่ถิงผู้ที่ไม่เคยต้องง้ออ้อนวอนใครถึงขึ้นใบหน้าบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดแต่สิ