แชร์

บทที่ 4 ชีวิตที่แสนน่าเบื่อ

ผู้เขียน: อัญธิญาน์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 17:32:09

แสงแดดแก่ๆของยามเว่ยส่องกระทบแผดเผาร่างบางของสาวน้อยหลินเฟิง ที่นอนขนาบราบบนโขดหินข้างสระบัว หญ้าสูงรอบสระบังเรือนร่างของสาวน้อยจนมิด

เหตุเพราะบัดนี้ผู้คนในบ้านได้ขึ้นเขาเพื่อไปในป่าลึกที่จะหาของป่ามาไว้ทำอาหารเย็นเสียจนหมดแล้วเหลือเพียงร่างเล็กที่ถูกทิ้งไว้เฝ้าบ้านราวกับลูกหมา

เหตุเพราะความคิดมากมายที่อยู่ในใจแม้แสงแดดจะร้อนหญิงสาวก็ลืมความร้อนไปจนสิ้นเหลือเพียงความคิดยิ่งใหญ่ของเธอที่จะทำอย่างไรให้เม็ดบัวในสระนำมาขายสร้างกำไรให้กับครอบครัวนี้ได้

"อืม.. แดดร้อนขนาดนี้แต่บัวก็ยังอยู่ได้คาร์บอนในน้ำคงจะสูงมากแน่ๆอีกทั้งค่า ph คงจะสูงตาม"

"แต่หากให้แสงแดดส่องลงมาแต่พอดีล่ะ?"

จางหมิ่นครุ่นคิดว่าหากจะสร้างซุ้มบังแดดให้ส่องเข้ามาได้แต่เพียงพอดีกรดในน้ำก็จะน้อยลงแล้วเม็ดบัวก็จะไม่เหี่ยวเร็วและฝาด

กว่าเม็ดบัวจะฝาดก็คงมีเวลาพอที่เธอจะสามารถเก็บเม็ดบัวเหล่านี้เข้าไปขายอยู่ในตัวตำบลไข่โจวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆบ้านพระเอกก็ได้อยู่ ให้พอได้หาทุนได้สักนิดจะได้ซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูก แต่จะซื้ออะไรมาปลูกล่ะ? ในเมื่อดินก็แห่งกรังได้ขนาดนี้ตัวเธอเรียนจบหมอนะไม่ได้เรียนจบเกษตรกร

ความคิดของจางหมิ่นแล่นอยู่ในหัวของหลินเฟิงอย่างต่อเนื่องหญิงสาวเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้สภาพการเป็นอยู่ดีขึ้น

ก่อนที่ร่างกายเล็กๆจะลุกพลวดขึ้นเหมือนกับระบบในร่างกายทำงานผิดพลาดและถูกไวรัสกัดกินจนรวนนั้นเป็นเพราะเธอคิดบางอย่างได้แล้ว

"ในเมื่อที่นี่มีหญ้าแห้งยืนต้นสูงมากมายหากจะเกี่ยวไปสานเป็นหลังคาของซุ้มครอบสระบัวนี้ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นดีเลยทีเดียวนะเนี่ย"

หญิงสาวคิดได้ดังนั้นก็ลุกยืนวิ่งผลุนผลันเข้าไปในบ้านเพื่อจะไปหาอุปกรณ์มาเกี่ยวหญ้าแต่สิ่งที่ดวงตาใสๆของหลินเฟิงพอจะมองเห็นได้มีเพียงขวานผ่าฟืนเก่าๆที่บิ่นจนไม่คิดว่าจะสามารถผ่าอะไรได้แล้วแม้จะเป็นเพียงกระดาษบางๆก็ตาม

'หลินเฟิงเป็นคนเกียจคร้านอีกทั้งยังเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่แปลกที่เธอจะทำตัวให้คนอื่นเกลียดได้มากขนาดนี้'

จางหมิ่นทำได้เพียงเดินกลับไปก่อนจะใช้มือเรียวๆเล็กๆของเธอลงแรงเด็ดหญ้าไปได้ไม่กี่ต้นก็โดนหญ้าบาดนิ้วเสียแล้ว

จางหมิ่นถึงได้รู้ความลับอีกอย่างของหลินเฟิงเจ้าของร่างนี้เมื่อเลือดสีชมพูใสๆไหลออกมาจากนิ้วของเธอ อย่างที่ควรจะเป็นสีแดงสดก็ตามแต่หากแต่เป็นสีแดงใสก็พอเข้าใจว่าหลินเฟิงเป็นคนเลือดจาง แต่นี่เป็นสีชมพูใสอันตรายมากแน่ๆ

มือเรียวอีกข้างเอื้อมไปดึงเศษผ้าเก่าๆซีดๆที่เธอนำมาใช้เป็นริบบิ้นผูกผมมาพันแผลเสียก่อนเลือดจะไหลหมดตัวตอนนี้เลือดของเธอก็จางมากหากยิ่งไหลไม่หยุดจางหมิ่นได้ตายรอบสองแน่ๆ

แต่เธอก็ยังคงที่จะเก็บและดึงหญ้าต่อไปเพราะจางหมิ่นในวัยเด็กลำบากกว่านี้มากเรื่องแค่นี้ถือว่าพอสบายสำหรับเธอแล้ว

เธอเก็บไปเรื่อยๆจนแสงเเดดยามเว่ยเปลี่ยนเป็นแสงแดดยามโหย่วและดวงอาทิตย์ก็ใกล้ที่จะถูกกลืนกินลับขอบฟ้าไปแล้วเช่นเดียวกัน

มือเรียวเริ่มที่จะอ้าแขนกอบโกยเอาหญ้าทั้งหมดที่เธอสามารถเด็ดได้วันนี้ขึ้นมาไว้บนแขนแล้วจึงเดินทุลักทุเลเข้าไปในบ้าน

"หญ้าขนาดนี้คงได้เพียงหลังคาซุ้มแผ่นบางๆแผ่นเดียว"

ร่างอรชรหอบหญ้าเข้ามากองไว้ข้างๆกองฟืนบัดนี้ครอบครัวของเจี้ยนหยีรวมทั้งตัวเขาก็ลงจากเขาแล้วพอถึงบ้านก็เห็นว่าหลินเฟิงหญิงสาวแสนเกียจคร้านไปเด็ดหญ้ามากมายทำให้ทุกคนประหลาดใจยิ่งนัก

สายตาสี่ดวงถูกจับจ้องมาที่เธออย่างจับผิดและไม่ไว้ใจในหัวพวกเขาคงจะคิดว่าเธอกำลังวางแผนทำเรื่องสกปรกอีกตามเคย

"ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่นางวางแผนที่จะเผาบ้านหรือขอรับท่านพ่อ"

เสียงเด็กหนุ่มหรงเหยาพยายามยุยงพ่อของตนแต่ชายชราก็เพียงแต่มองอยู่อย่างนั้นหนวดเคราสีเงินถูกพัดตามแรงลมอ่อนๆที่กำลังจะเป็นจากฤดูคิมหันต์เป็นฤดูสารทในอีกเพียงไม่กี่วัน

"พี่ใหญ่ดูพี่สะใภ้สิคงวางแผนจะเผาเรือนนี้แล้วกระมังนางจะได้กลับบ้านนางไป"

หรงเหยายังคงเปล่งวาจาเสียดสีหลินเฟิงแต่ตัวของเจี้ยนหยีกลับไม่ได้พูดจาแก้ต่างให้แต่อย่างใดเหตุเพราะตัวเจี้ยนหยีนั้นก็ไม่ได้ใคร่แม่นางผู้นี้สักเท่าไหร่หากจะเป็นตัวเขาหมายปองแม่นางซูหรานที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตาและสติปัญญา

ถึงตัวของของอ้ายตงหยางบิดาของนางจะเคยสัญญากับพ่อของเจี้ยนหยีเอาไว้ว่าหากเจี้ยนหยีอายุพลันเข้า18หนาวแล้วเขาจะยกลูกสาวให้เจี้ยนหยีเลือกนางนึงแต่เพราะตัวของแม่นางอ้ายอี้เหมยนั้นออกเรือนเป็นชายาองค์ชาย8ของราชวังเฟยเจินแล้วซ้ำยังมีอายุมากกว่าถึงสองขวบปี

จึงเหลือเพียงซูหรานกับหลินเฟิงให้เขาได้เลือกเขาเลือกแม่นางซูหรานแต่เจ้าตัวกลับไม่อยากแต่งกับเขาสุดท้ายตัวของตงหยางเองก็ไม่สามารถมอบลูกสาวคนรองที่เป็นแก้วตาดวงใจและเพียบพร้อมไปเสียทุกด้านมาให้เขาได้จริงๆ

จึงยกอ้ายหลินเฟยลูกคนสุดท้องให้เขาแทนตัวหลินเฟิงผู้นี้มีหลายสิ่งที่เขารังเกียจแต่กระไรก็แต่งเข้ามาในแซ่ของเขาแล้วจำต้องคุ้มครองเธอ

แต่เขาพอจะรู้มาว่าหลินเฟิงผู้นี้แม้จะเป็นคนเกียจคร้านแต่เธอก็มีความสามารถด้านการค้าอยู่ไม่น้อยเพราะวาจาของเธอมักจะสะกดจิตผู้คนได้ราวกับว่าแม่นางผู้นี้สามารถสัมผัสลมปราณและความคิดของผู้อื่นได้

หากไม่ใช่เพราะความเกียจคร้านวันๆไม่ทำอะไรทำเพียงนั่งอยู่หน้ากระจกอ้ายตงหยางก็คงหอบหิ้วเธอไปเจรจาค้าขายด้วยทุกหนแห่งเป็นแน่

ตัวของเจี้ยนหยียกตะกร้าไม้ไผ่ที่ขึ้นเขาไปหาของป่าวันนี้ได้มาวางไว้ที่โต๊ะไม้ไผ่ตอกพอแต่ใช้ได้ซึ่งเป็นโต๊ะตัวดีกันที่ใช้วางสำหรับเมื่อเช้านี้

จางหมิ่นเห็นจึงเดินไปดูพบเพียงตะกร้าเปล่าๆ ไม่มีอะไรในนั้นเลยตัวสาวน้อยจึงได้แต่อ้าปากค้าง ที่วันนี้ครอบครัวนี้คงต้องอดอีกแล้วเป็นแน่

"ดูอะไร ดูให้ได้อะไร มันไม่มี อะไรให้เจ้ากินทั้งนั้นแหละ "

เสียงเด็กสาวหานจื่อรุ่ยพูดออกมาอย่างอารมณ์เสียขณะเห็นหลินเฟิงพี่สะใภ้ที่เธอไม่เคยชอบขี้หน้าเลยเดินไปดูที่ตะกร้าของพี่ชายคนโต

เสียงท้องของเจี้ยนหยีคำรามแต่เขามองเธอหน้าตายเหมือนเขาไม่ได้รู้สึกหิวโหยหรือรู้สึกอะไรเลย

"วันๆเกียจคร้านไม่ทำอะไรสักอย่างเจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นคุณหนูตระกูลสูงอยู่รึไงกัน เจ้าแต่งเข้ามาในตระกูลเราแล้วเจ้าเป็นฮูหยินของพี่ชายข้าทำไมเจ้าถึงทำตัว'ไร้ประโยชน์'ขนาดนี้"

ด้วยความโมโหหิวของจื่อรุ่ยเธอก็เปล่งวาจาที่คิดออกมาจนหมดไม่มีคำใดๆ กักไว้ส่วนตัวของหลินเฟิงที่จะด่ากลับตลอดตอนนี้เธอเพียงยืนเงียบๆ ไม่พูดจา

'ไร้ประโยชน์งั้นเหรอ.. อืมก็จริง ' จางหมิ่นคิดครวญในใจคำพูดโดยไม่ยั้งของน้องสาวสามีกรทันหันเธอพูดจี้ใจดำเธอเช้าเสียแล้ว เธอหันหลังกลับพลันก้าวย่างขาเล็กๆของเธอตรงไปทางสระบัว

น้ำตาไหลเอ่อจนล้นเบ้าแก้มนวลราวลูกซาลาเปาก็ชื้นไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินราวกับเขื่อนทะลักลงมาจากแววตาคู่สวย

มือเรียวเล็กค่อยๆสาวเอารากบัวอ่อนๆขึ้นมาหลายรากเธอคิดว่าตอนค่ำแล้วค่าคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำก็จะลดลงแล้ว

มือสาวไปน้ำตาก็ไหลอาบแก้มไปสาวน้อยหลินเฟิงสาวและออกแรงหักขึ้นมาสองถึงสามราก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 5 คนร้ายกาจ

    เธอหยิบรากบัวที่ดึงขึ้นมาจากน้ำได้รากบัวอวบๆก็ถูกจับมุ่งหน้าไปยังครัวไฟ หลินเฟิงมีดเล่มเล็กที่มีอยู่เล่มเดียวในครัวมาปลูกเปียกนอกของรากบัวออกก่อนจะเอาไปล้างน้ำให้สะอาด พร้อมขึ้นเคียงหั่น รากบัวสีขาวราวหิมะถูกหั่นออกมาเป็นแว่นๆอย่างสวยงามร่างบางหลังจากหั่นรากบัวแช่น้ำเรียบร้อยแล้วเธอจึงหันไปทางตะเเกรงไฟสามขาที่ไฟกำลังลุกอีกทั้งประกายไฟก็แตกออกมาอย่างร่าเริงหม้อดินเผาที่ใส่น้ำครึ่งหม้อถูกยกขึ้นค้างบนตะแกรงเหนือไฟ หญิงสาวทิ้งน้ำในหม้อร้อนเดือดขึ้นจึงหยิบตะเกียงไฟเก่าๆฝุ่นเขลอะเหมือนไม่ได้ใช้งานมาราวๆร้อยกว่าปีแล้วอีกทั้งเชื้อเทียนที่อยู่ด้านในก็ยังเหลือเยอะอยู่หญิงสาวรีบจุดไฟในตะเกียงเพื่อให้ใช้น้ำทางไปยังสระบัวหลังบ้านอีกครั้งเพื่อที่จะไปเก็บฝักบัวเพื่อนำดีบัวด้านในมาต้มชาให้กลายเป็น "ชาดีบัว" พอเธอไปถึงก็พบว่าน้ำขึ้นสูงกว่าเมื่อตอนกลางวันมากนั่นก็เป็นเพราะนี่คือตอนกลางแถมซ้ำยังเป็นคืนจันทร์เต็มดวงแสงจันทร์สีทองอร่ามไปทั่วพอกระทบกับน้ำที่อยู่ในสระก็เป็นแสงระยิบระยับชวนมองมือเรียวรีบเอื้อมลงไปเก็บฝักบัวและเมื่อได้ตามต้องการแล้วจึงใคร่ยืนดูน้ำที่มีแสงจันทร์สะท้อนเกือบลืมไปว่าเธอค้างห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 1 แพทย์หญิงจางหมิ่น

    ในหมู่นี้มาในชาวเมืองของเสฉวนมักเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนบ่อยครั้ง แต่ซ้ำร้ายที่เหตุมักเกิดในบริเวณจุดเดียวกันราวกับว่าเป็นตัวตายตัวแทน ซึ่งในระยะหลายๆปีที่ผ่านมาก็เห็นจะมีเพียงปีนี้ที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นติดต่อกันหลายเคส ร่วมๆก็ย่างเข้าเคสที่ 35 ไปแล้วแพทย์เองก็ทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนเคยหวั่นใจว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นอีกหรือไม่ยิ่งกู้ภัยก็ขยันเก็บเคสมากๆซึ่งในโค้งที่ว่านี้ตั้งอยู่ในที่เป็นทางผ่านออกนอกเมืองแต่กลับมีสถานที่รกร้าง สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าทึบที่มองไม่เห็นทางออก ต้นไม้โค้งงอมาเชื่อมกันบนเหนือถนนราวกับว่าเป็นอุโมงค์ยักษ์ที่พร้อมกลืนกินทุกสิ่งที่ย่างกลายเข้าไป ไม่มีผู้คนอาศัย ดูอับชื้นและวังเวงแม้จะเป็นตอนกลางวันต้นไม้เหล่านี้ก็ปิดแสงจากดวงอาทิตย์เหมือนกับว่าเป็นตอนกลางคืนอยู่ตลอดเวลาจึงไม่แปลกที่อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นที่นี่ผู้คนที่อาศัยในชนบทละแวกใกล้เคียงเล่าลือและล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า ทางเส้นนี้ 'น่ากลัว' ซึ่งจะเป็นหัวข้อหยิบยกขึ้นมาตั้งวงนินทาหากจะมีลูกหลานใครในละแวกต้องเดินทางผ่านอุโมงค์นี้ ผู้คนมักจะมากล่าวคำร่ำลาเหมือนกับว่าเป็นวันสุดท้ายแล้วของคนผู้นั้นเรื่องนี้ถูกนำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 2 ที่ไหนกัน

    ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนเหมือนลูกกวางทรายค่อยๆ ปรือขึ้นมา สายตาคู่นั้นค่อยๆ กวาดไปในสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ควรซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลหรือในรถของเธอเอง แต่ในใจลึกๆเธอยังภาวนาให้เธอเห็นว่านี่คือห้องนอนของเธอและทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันฉากนึงเท่านั้นแต่ที่เธอคาดหวังและคิดไว้ก็ไม่ใช่สักอย่างแต่ภาพที่เธอเห็นคือห้องเก่าๆ ฝุ่นเขลอะหยากไย่เกาะทั่วมุมหลังคาสังกะสีที่เก่าเหมือนร้อยปีที่แล้วดวงตาสีใสเริ่มค่อยๆมองไปทางทิศที่แสงแยงเข้ามาในดวงตาของเธอ พบบานหน้าต่างเก่าๆที่ปิดเข้ามาไม่สนิท'แต่หากก็คงจะพอบังฝนได้แต่หากลมพัดมาแรงๆคงไม่วายหลุดกระเด็น'จางหมิ่นที่คิดคำนึงภายในใจก็แต่คิดใคร่หัวเราะออกมาพร้อมๆ กับการพยุงตัวขึ้นและอวดครวญจากการเมื่อยตัวเพราะนอนอยู่บนพื้นแข็งๆ ที่มีเพียงฟางปูนอนเท่านั้นสายตาคู่สวยมองไปยังฝุ่นที่เขลอะฉาบหนาหลายชั้นบนพื้นที่มีฟางวางระนาบยาวไปทั่วห้องก่อนจะลองใช้นิ้วแตะๆ จิ้มๆ จึงพบว่าที่เธอเห็นใต้ฟางหาได้ใช่ฝุ่นไม่แต่มันคือดินแห้งๆ อย่างกับสภาพอากาศร้อนจนดินแตกกร้าน"ก็ท่านพี่เจี้ยนหยีไม่รู้จะแต่งนางเข้ามาทำไมขี้เกียจตัวเป็นขน!"เสียงผู้หญิงที่มีวัยประมาณ 12-13 ปีเล็ดผ่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 3 คนไร้ค่า

    จางหมิ่นในร่างของสาวน้อยหลินเฟิงนั่งพินิจดอกบัวและสระบัวอยู่ครู่ใหญ่ราวๆหนึ่งก้านธูปเห็นจะได้พลันก็หมุนเม็ดบัวรสฝาดไปมาในมือเรียวยาว"เม็ดบัวนี้ดูเหี่ยวเร็วจังทั้งๆที่พึ่งเด็ดขึ้นมา"ร่างบางพึมพำก่อนที่ฟันซี่สวยจะค่อยๆบรรจงลงที่เนื้อเม็ดบัวอีกครา มันมีรสชาติดีขึ้นนิดหน่อยดีบัวก็ไม่ขมมากเหมาะยิ่งกับการนำไปทำอาหารหากแต่ทว่าเม็ดบัวนี้คงมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์สูงในน้ำเนื่องจากแดดร้อนและสภาพอากาศที่แห้งแล้งแต่ก็ดูขัดแย้งที่สระน้ำแห้งนี้น้ำใสอีกทั้งดอกบัวยังบานสะพรั่งเต็มสระอีก"คนเขียนนิยายเล่มนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ ถึงได้สร้างให้ออกมาย้อนแย้งขนาดนี้"เธอไม่ครุ่นคิดเพียงอย่างเดียวมือเรียวของเธอยื่นไปคว้าก้านใบบัวก้านหนึ่งและหักมัน'แกร๊ก'ใบบัวก้านนั้นถูกมือเรียวยาวหักพลันสอดส่องดูในข้อต่อที่ถูกหักเมื่อสักครู่อย่างใคร่รู้ใคร่เห็นและสิ่งที่เธอได้พบก็เป็นที่น่ายินดีและประหลาดใจนักเหตุเพราะก้านบัวทั่วไปหากถูกหักจะมีใยๆคล้ายคลึงกับใยแมงมุมบางๆยาวแต่หากสิ่งที่เธอพบคือในใยบัวเป็นช่องลึกโหลมีเนื้อหุ้มขาวๆเป็นเส้นอยู่รอบภายในก้านของใบเบาอย่างสม่ำเสมอและยาวสั้นเท่าๆ กันเพียงแต่ภายนอกของก้านบัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02

บทล่าสุด

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 5 คนร้ายกาจ

    เธอหยิบรากบัวที่ดึงขึ้นมาจากน้ำได้รากบัวอวบๆก็ถูกจับมุ่งหน้าไปยังครัวไฟ หลินเฟิงมีดเล่มเล็กที่มีอยู่เล่มเดียวในครัวมาปลูกเปียกนอกของรากบัวออกก่อนจะเอาไปล้างน้ำให้สะอาด พร้อมขึ้นเคียงหั่น รากบัวสีขาวราวหิมะถูกหั่นออกมาเป็นแว่นๆอย่างสวยงามร่างบางหลังจากหั่นรากบัวแช่น้ำเรียบร้อยแล้วเธอจึงหันไปทางตะเเกรงไฟสามขาที่ไฟกำลังลุกอีกทั้งประกายไฟก็แตกออกมาอย่างร่าเริงหม้อดินเผาที่ใส่น้ำครึ่งหม้อถูกยกขึ้นค้างบนตะแกรงเหนือไฟ หญิงสาวทิ้งน้ำในหม้อร้อนเดือดขึ้นจึงหยิบตะเกียงไฟเก่าๆฝุ่นเขลอะเหมือนไม่ได้ใช้งานมาราวๆร้อยกว่าปีแล้วอีกทั้งเชื้อเทียนที่อยู่ด้านในก็ยังเหลือเยอะอยู่หญิงสาวรีบจุดไฟในตะเกียงเพื่อให้ใช้น้ำทางไปยังสระบัวหลังบ้านอีกครั้งเพื่อที่จะไปเก็บฝักบัวเพื่อนำดีบัวด้านในมาต้มชาให้กลายเป็น "ชาดีบัว" พอเธอไปถึงก็พบว่าน้ำขึ้นสูงกว่าเมื่อตอนกลางวันมากนั่นก็เป็นเพราะนี่คือตอนกลางแถมซ้ำยังเป็นคืนจันทร์เต็มดวงแสงจันทร์สีทองอร่ามไปทั่วพอกระทบกับน้ำที่อยู่ในสระก็เป็นแสงระยิบระยับชวนมองมือเรียวรีบเอื้อมลงไปเก็บฝักบัวและเมื่อได้ตามต้องการแล้วจึงใคร่ยืนดูน้ำที่มีแสงจันทร์สะท้อนเกือบลืมไปว่าเธอค้างห

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 4 ชีวิตที่แสนน่าเบื่อ

    แสงแดดแก่ๆของยามเว่ยส่องกระทบแผดเผาร่างบางของสาวน้อยหลินเฟิง ที่นอนขนาบราบบนโขดหินข้างสระบัว หญ้าสูงรอบสระบังเรือนร่างของสาวน้อยจนมิดเหตุเพราะบัดนี้ผู้คนในบ้านได้ขึ้นเขาเพื่อไปในป่าลึกที่จะหาของป่ามาไว้ทำอาหารเย็นเสียจนหมดแล้วเหลือเพียงร่างเล็กที่ถูกทิ้งไว้เฝ้าบ้านราวกับลูกหมาเหตุเพราะความคิดมากมายที่อยู่ในใจแม้แสงแดดจะร้อนหญิงสาวก็ลืมความร้อนไปจนสิ้นเหลือเพียงความคิดยิ่งใหญ่ของเธอที่จะทำอย่างไรให้เม็ดบัวในสระนำมาขายสร้างกำไรให้กับครอบครัวนี้ได้"อืม.. แดดร้อนขนาดนี้แต่บัวก็ยังอยู่ได้คาร์บอนในน้ำคงจะสูงมากแน่ๆอีกทั้งค่า ph คงจะสูงตาม""แต่หากให้แสงแดดส่องลงมาแต่พอดีล่ะ?"จางหมิ่นครุ่นคิดว่าหากจะสร้างซุ้มบังแดดให้ส่องเข้ามาได้แต่เพียงพอดีกรดในน้ำก็จะน้อยลงแล้วเม็ดบัวก็จะไม่เหี่ยวเร็วและฝาดกว่าเม็ดบัวจะฝาดก็คงมีเวลาพอที่เธอจะสามารถเก็บเม็ดบัวเหล่านี้เข้าไปขายอยู่ในตัวตำบลไข่โจวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆบ้านพระเอกก็ได้อยู่ ให้พอได้หาทุนได้สักนิดจะได้ซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูก แต่จะซื้ออะไรมาปลูกล่ะ? ในเมื่อดินก็แห่งกรังได้ขนาดนี้ตัวเธอเรียนจบหมอนะไม่ได้เรียนจบเกษตรกรความคิดของจางหมิ่นแล่นอยู่ในหัวข

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 3 คนไร้ค่า

    จางหมิ่นในร่างของสาวน้อยหลินเฟิงนั่งพินิจดอกบัวและสระบัวอยู่ครู่ใหญ่ราวๆหนึ่งก้านธูปเห็นจะได้พลันก็หมุนเม็ดบัวรสฝาดไปมาในมือเรียวยาว"เม็ดบัวนี้ดูเหี่ยวเร็วจังทั้งๆที่พึ่งเด็ดขึ้นมา"ร่างบางพึมพำก่อนที่ฟันซี่สวยจะค่อยๆบรรจงลงที่เนื้อเม็ดบัวอีกครา มันมีรสชาติดีขึ้นนิดหน่อยดีบัวก็ไม่ขมมากเหมาะยิ่งกับการนำไปทำอาหารหากแต่ทว่าเม็ดบัวนี้คงมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์สูงในน้ำเนื่องจากแดดร้อนและสภาพอากาศที่แห้งแล้งแต่ก็ดูขัดแย้งที่สระน้ำแห้งนี้น้ำใสอีกทั้งดอกบัวยังบานสะพรั่งเต็มสระอีก"คนเขียนนิยายเล่มนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ ถึงได้สร้างให้ออกมาย้อนแย้งขนาดนี้"เธอไม่ครุ่นคิดเพียงอย่างเดียวมือเรียวของเธอยื่นไปคว้าก้านใบบัวก้านหนึ่งและหักมัน'แกร๊ก'ใบบัวก้านนั้นถูกมือเรียวยาวหักพลันสอดส่องดูในข้อต่อที่ถูกหักเมื่อสักครู่อย่างใคร่รู้ใคร่เห็นและสิ่งที่เธอได้พบก็เป็นที่น่ายินดีและประหลาดใจนักเหตุเพราะก้านบัวทั่วไปหากถูกหักจะมีใยๆคล้ายคลึงกับใยแมงมุมบางๆยาวแต่หากสิ่งที่เธอพบคือในใยบัวเป็นช่องลึกโหลมีเนื้อหุ้มขาวๆเป็นเส้นอยู่รอบภายในก้านของใบเบาอย่างสม่ำเสมอและยาวสั้นเท่าๆ กันเพียงแต่ภายนอกของก้านบัว

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 2 ที่ไหนกัน

    ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนเหมือนลูกกวางทรายค่อยๆ ปรือขึ้นมา สายตาคู่นั้นค่อยๆ กวาดไปในสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ควรซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลหรือในรถของเธอเอง แต่ในใจลึกๆเธอยังภาวนาให้เธอเห็นว่านี่คือห้องนอนของเธอและทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันฉากนึงเท่านั้นแต่ที่เธอคาดหวังและคิดไว้ก็ไม่ใช่สักอย่างแต่ภาพที่เธอเห็นคือห้องเก่าๆ ฝุ่นเขลอะหยากไย่เกาะทั่วมุมหลังคาสังกะสีที่เก่าเหมือนร้อยปีที่แล้วดวงตาสีใสเริ่มค่อยๆมองไปทางทิศที่แสงแยงเข้ามาในดวงตาของเธอ พบบานหน้าต่างเก่าๆที่ปิดเข้ามาไม่สนิท'แต่หากก็คงจะพอบังฝนได้แต่หากลมพัดมาแรงๆคงไม่วายหลุดกระเด็น'จางหมิ่นที่คิดคำนึงภายในใจก็แต่คิดใคร่หัวเราะออกมาพร้อมๆ กับการพยุงตัวขึ้นและอวดครวญจากการเมื่อยตัวเพราะนอนอยู่บนพื้นแข็งๆ ที่มีเพียงฟางปูนอนเท่านั้นสายตาคู่สวยมองไปยังฝุ่นที่เขลอะฉาบหนาหลายชั้นบนพื้นที่มีฟางวางระนาบยาวไปทั่วห้องก่อนจะลองใช้นิ้วแตะๆ จิ้มๆ จึงพบว่าที่เธอเห็นใต้ฟางหาได้ใช่ฝุ่นไม่แต่มันคือดินแห้งๆ อย่างกับสภาพอากาศร้อนจนดินแตกกร้าน"ก็ท่านพี่เจี้ยนหยีไม่รู้จะแต่งนางเข้ามาทำไมขี้เกียจตัวเป็นขน!"เสียงผู้หญิงที่มีวัยประมาณ 12-13 ปีเล็ดผ่า

  • คุณหมอผู้แสนดีทะลุมิติมาเป็นคนไร้ค่า   บทที่ 1 แพทย์หญิงจางหมิ่น

    ในหมู่นี้มาในชาวเมืองของเสฉวนมักเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนบ่อยครั้ง แต่ซ้ำร้ายที่เหตุมักเกิดในบริเวณจุดเดียวกันราวกับว่าเป็นตัวตายตัวแทน ซึ่งในระยะหลายๆปีที่ผ่านมาก็เห็นจะมีเพียงปีนี้ที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นติดต่อกันหลายเคส ร่วมๆก็ย่างเข้าเคสที่ 35 ไปแล้วแพทย์เองก็ทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนเคยหวั่นใจว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นอีกหรือไม่ยิ่งกู้ภัยก็ขยันเก็บเคสมากๆซึ่งในโค้งที่ว่านี้ตั้งอยู่ในที่เป็นทางผ่านออกนอกเมืองแต่กลับมีสถานที่รกร้าง สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าทึบที่มองไม่เห็นทางออก ต้นไม้โค้งงอมาเชื่อมกันบนเหนือถนนราวกับว่าเป็นอุโมงค์ยักษ์ที่พร้อมกลืนกินทุกสิ่งที่ย่างกลายเข้าไป ไม่มีผู้คนอาศัย ดูอับชื้นและวังเวงแม้จะเป็นตอนกลางวันต้นไม้เหล่านี้ก็ปิดแสงจากดวงอาทิตย์เหมือนกับว่าเป็นตอนกลางคืนอยู่ตลอดเวลาจึงไม่แปลกที่อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นที่นี่ผู้คนที่อาศัยในชนบทละแวกใกล้เคียงเล่าลือและล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า ทางเส้นนี้ 'น่ากลัว' ซึ่งจะเป็นหัวข้อหยิบยกขึ้นมาตั้งวงนินทาหากจะมีลูกหลานใครในละแวกต้องเดินทางผ่านอุโมงค์นี้ ผู้คนมักจะมากล่าวคำร่ำลาเหมือนกับว่าเป็นวันสุดท้ายแล้วของคนผู้นั้นเรื่องนี้ถูกนำ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status