“เฮอะ จิ้งจอกอย่างเธอชอบหลี่โม่เข้าแล้วล่ะสิ ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ หลี่โม่เป็นคนของตระกูลกู้เรา เธอจะมาคิดมิดีมิร้ายกับเขาไม่ได้ หยุนหลาน เธอระวังยัยจิ้งจอกนี่ให้ดีเถอะ หรือฉันจะไปด้วยกันกับเขาเอง จะได้ช่วยดูหลี่โม่ให้” กู้ชิงหลินพูดจบก็มองไปยังเฉินเสี่ยวถงอย่างลำพองใจ รู้สึกว่าตนหาข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว เฉินเสี่ยวถงโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากจะเข้าไปกัดกู้ชิงหลินสักที ทั้งสองจ้องหน้ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร คังเหวินซินยืนสงบเสงี่ยมอยู่อีกด้าน รู้สึกว่ากำลังดูละครศึกสงครามวังหลังอยู่อย่างไรอย่างนั้น และคิดว่าอาจารย์ของตนช่างสุดยอดจริง ๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงไม่มีผู้หญิงมาสนใจหรอก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแก่งแย่งเลย ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงได้นั้น ก็นับว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขาได้เหมือนกัน หลี่โม่สบถอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ ตนถึงกลายเป็นที่ชื่นชอบขึ้นมา ภาพตรงหน้าทำให้หลี่โม่รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอย่างนั้น “หยุนหลาน หรือคุณไปกับผมด้วยดีไหม?” หลี่โม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างล่องลอย หากพาภรรยาหลวงออกไปด้วย จะต้องกำจัดคว
ขณะที่หลี่โม่รีบไปที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ ร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใกล้กับไซต์ก่อสร้าง เงาร่างนั้นมองซ้ายมองขวาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหาที่หลบได้แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มโทรออก “ท่านหลง แย่… แย่แล้วครับ เจ้าถิ่นของเมืองฮั่นเคลื่อนไหวแล้ว พวกนั้นจับคนของเราทั้งหมดไป ผม… ผมโชคดีที่หนีมาได้ ได้ยินว่าพวกมันจับคนของเราไปที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ครับ” หลงหานกวงที่กำลังคุยเรื่องแผนการจัดการหลี่โม่อยู่ ฟังจบก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง “ไร้ประโยชน์ ไอ้พวกไร้ประโยชน์! ทำไมฉันถึงมีขยะอย่างพวกแกเป็นลูกน้องได้วะ!” “ท่านหลง พวกเราอาจจะไร้ประโยชน์ไปบ้าง แต่อีกฝ่ายมีคนมากเกินไป สิบต่อหนึ่งแล้วคุณจะให้พวกเราสู้ได้ยังไง” “ไอ้เวรเอ๊ย! ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายของแก ไปสืบมาให้ชัดเจนว่าพวกมันจับคนไปที่ไหน ที่ฉันต้องการคือพิกัดตำแหน่ง!” หลังจากพูดจบหลงหานกวงก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความโมโห กุ่ยเอ้อ หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปทางหลงหานกวงเป็นตาเดียว และรอให้หลงหานกวงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่ว่าคนของฉันไปก่อกวนที่ไซต์ก่อสร้างของตระกูล
กุ่ยเอ้อมองไปทางหลงหานกวง หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ แล้วเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ยอดฝีมือในสำนักของฉันกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ฉันจะให้พวกเขาไปเจอกันที่เขตอนุรักษ์ป่าไม้ พวกนายไม่มีอะไรต้องกลัว” “เอาเลย!” หลงหานกวงเอ่ยนำ เพื่อกู้หน้าตัวเองคืนมา เขาคือคนที่จำเป็นต้องต่อสู้กับหลี่โม่ให้ถึงที่สุด หานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ ลังเลเล็กน้อย พวกเขาก็รู้สึกว่า แผนการของกุ่ยเอ้อนั้นก็น่าเชื่อถืออยู่ โดยเฉพาะเมื่อมียอดฝีมือจากสำนักของกุ่ยเอ้อด้วยแล้ว มันไม่ยิ่งไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก ถ้าหากเอาชนะหลี่โม่ไม่ได้จริงๆ ก็ยังมียอดฝีมือจากสำนักของกุ่ยเอ้อคอยช่วยอยู่ “ฉันเองก็เอาด้วย” “ก็แค่จัดการพวกปลายแถวคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ฉันเอาด้วย” เหล่ายอดฝีมือทยอยแสดงความคิดเห็นออกมา ไม่นานทั้งหมดต่างก็ตกลงร่วมปฏิบัติการ กุ่ยเอ้อเริ่มทำการมอบหมายหน้าที่ หลังจากที่แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้แต่ละคนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตะโกนเสียงดัง “เริ่มปฏิบัติการ!” คนทั้งหมดออกจากห้องไปด้วยกัน พาเหล่าลูกน้องที่ได้รับมอบหมายขับรถมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์ป่าไม้ ...... หลี่โม่ไม่รู้เลยว่าปฏิบัติการใหญ่ที่มุ่งจู่โจมมาที่เขาได้เริ่มขึ้น
ซ่างเปียวแสดงสีหน้าไม่ยี่หระ ไม่สนใจการข่มขู่ของอากวงเลยแม้แต่น้อย เป็นคนในวงการกันทั้งนั้น ใครไม่เคยโดนข่มขู่บ้าง ต่อให้ขู่ว่าจะฆ่าล้างตระกูลซ่างเปียวก็ได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อากวงรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าหลี่โม่ จึงพุ่งไปเบื้องหน้าซ่างกวงแล้วเตะเข้าที่หน้าอกของซ่างเปียวทันที ทำให้ซ่างเปียวถูกเตะจนล้มลงไปกองกับพื้น “อ๊าก!” ซ่างเปียวร้องโอดครวญ มองไปที่อากวงด้วยสายตาอำมหิต “หึหึ มาเลย เตะต่อเลยสิ ถ้าแกแน่จริงก็ฆ่าฉันให้ตายเลย ถ้าแกฆ่าฉันให้ตายไม่ได้ แกมันก็แค่ไอ้กระจอก” “แกมันอวดดีนักนะ! วันนี้ฉันจะฆ่าแกซะ!” อากวงเตะใส่ซ่างเปียวอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง เตะจนซ่างเปียวนั้นกลิ้งไปทั่วพื้นบริเวณ เฉินเสี่ยวถงแสดงท่าทีหวาดกลัว แล้วหลบไปอยู่ด้านหลังหลี่โม่ทันที สองมือของเธอคว้าจับแขนของหลี่โม่เอาไว้แน่น “พี่หลี่โม่ สายตาของเขาดูน่ากลัวจังเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดเสียงอ่อน กู้ชิงหลินเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง แล้วยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เริ่มเล่นละครซะแล้วเหรอ? เธอคิดว่าแกล้งทำเป็นอ่อนแอแล้วจะทำให้หลี่โม่หวั่นไหวได้งั้นเหรอ? คิดอะไรเพ้อเจ้อซะจริง ฉันจะจับตาดูหลี่โม่แทนหยุนหลานเอง” คำพูดกู้ช
“เขาว่าเธอ สำนึกได้บ้างไหม?” กู้ชิงหลินผลักเฉินเสี่ยวถงไปยืนชิดกำแพง เฉินเสี่ยวถงรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก เดิมทีเธอคิดว่า การแทรกเข้าไปอยู่ในบ้านของหลี่โม่นั้นยากที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พอถูกกู้ชิงหลินกดขี่ ถึงได้เข้าใจว่า ความยากลำบากที่แท้จริงคืออะไร กู้ชิงหลินคนนี้จงใจทำชัดๆ ทุกอย่างมุ่งเป้ามาที่ตนทั้งหมด! ต้องคิดหาวิธีทำให้หลี่โม่ออกห่างจากยัยตัวแสบนี่ให้ได้! สมองของเฉินเสี่ยวถงแล่นอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดกู้ชิงหลินทิ้งไปได้ หลี่โม่เห็นว่าในที่สุดก็เงียบลงสักที จึงถอนหายใจออกมา แล้วยกขาเหยียบลงบนมือของซ่างเปียว นิ้วของซ่างเปียวได้รับความเจ็บปวด จึงพยายามดึงมือของตัวเองออกโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากออกแรงอย่างกะทันหัน มือของตนไม่เพียงแต่ดึงออกมาไม่ได้ กลับกันยังเกือบทำให้ข้อมือตัวเองหลุดอีกต่างหาก หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ตอบคำถามมาตามจริง แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก ไม่อย่างนั้น ฉันเองก็คงไม่ฆ่าแกหรอก แค่จะหักกระดูกของแกทุกชิ้น ชีวิตที่เหลืออยู่แกก็ใช้มันไปบนเตียงก็แล้วกัน หวังว่าจะมีคนคอยดูแลแกไปจนตายนะ” ซ่างเปียวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในสมอ
“ใครสั่งพวกนายมา นอกจากสั่งให้พวกนายก่อปัญหาที่ไซต์ก่อสร้างแล้ว ยังสั่งให้พวกนายทำอะไรอีก บอกแผนการทั้งหมดที่นายรู้มาซะ” หลี่โม่เอ่ยขณะจ้องเขม็งไปที่ซ่างเปียว ซ่างเปียวยิ้มขื่นเล็กน้อย “เดิมทีพวกเราติดตามอยู่กับอาจารย์จาง เขาพ่ายแพ้ให้นายแล้วใช่ไหมล่ะ ท่านหลงก็เลยออกโรง และพาพวกเรามาล้างแค้นกับนาย” “ท่านหลงสั่งให้ฉันก่อปัญหาเพื่อล่อนายออกมา ส่วนหลังจากนั้นจะมีแผนการอะไร ฉันก็ไม่รู้แล้ว คำสั่งที่ได้รับในตอนนี้ก็คือ ให้ก่อปัญหาสร้างความวุ่ยวาย ห้ามให้การก่อสร้างของพวกนายเริ่มดำเนินการได้ตามปกติ” ซ่างเปียวไม่รู้เนื้อหาส่วนสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่โม่คาดการณ์เอาไว้แล้ว แบบนี้มันรับหน้าที่เป็นแค่ตัวนกต่อ ไม่มีทางรู้แผนการหลักได้เลย “ท่านหลงคือใคร ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” “ท่านหลง ท่านหลงชื่อว่าหลงหานกวง เป็นศิษย์อยู่ในสำนักซินแส นับว่าเป็นกึ่งอาจารย์ของซินแสจาง แต่ได้ยินมาว่า ในสำนักซินแสขานับว่าเป็นเพียงบุคคลทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับพวกเราแล้ว เขาเป็นคนที่ราวกับเทพเซียน กังฟูของเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถทัดเทียมได้เลย” “ระหว่างทางมาที่นี่ท่านหลงได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง บอกว่ามี
“พอได้แล้ว!” หลี่โม่หยุดยั้งการปะทะกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของทั้งสอง หากปล่อยให้พวกเธอทะเลาะกันแบบนี้ต่อไป หลังจากนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ได้แต่ยืนดูพวกเธอทะเลาะกันพอดี “ต่อไปถ้าพวกเธอจะทะเลาะกัน ก็ไปทะเลาะกันในที่ที่ฉันไม่อยู่ซะให้พอ ตอนที่ฉันอยู่ ฉันไม่ต้องการได้ยินพวกเธอเอะอะโวยวายอะไรอีกทั้งนั้น ใครกล้าส่งเสียงเอะอะอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะส่งคนนั้นกลับไป” “ก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อฟังพี่หลี่โม่ทุกอย่าง” เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย กู้ชิงหลินถลึงตามองเฉินเสี่ยวถง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเกลียดชัง แทบอยากจะฉีกหน้ากากของเฉินเสี่ยวถงเสียเดี๋ยวนั้น ให้หลี่โม่ได้เห็นธาตุแท้ของเฉินเสี่ยวถงให้แจ่มแจ้ง เฉินเสี่ยวถงมองกู้ชิงหลินอย่างได้ใจ แล้วทำหน้าตาล้อเลียนใส่กู้ชิงหลิน “แบร่ ๆ ๆ” “แบร่ ๆ บ้านเธอสิ! ฉันจะฉีกปากเธอซะ!” กู้ชิงหลินโกรธหัวแทบลุกเป็นไฟ เฉินเสี่ยวถงไปแอบข้างหลังหลี่โม่อย่างรวดเร็ว เธอดึงชายเสื้อด้านหลังของหลี่โม่พลางพูดว่า “พี่หลี่โม่พี่ต้องปกป้องฉันนะ ยัยนั่นบ้าไปแล้ว ไม่เคารพกฎที่พี่ตั้งเลยสักนิด” หลี่โม่ยื่นมือไปขวางกู้ชิงหลิน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “เลิกวุ
กุ่ยเอ้อและหลงหานกวงกำลังนั่งอยู่ในรถบัญชาการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หลงหานกวงแสดงความแปลกประหลาดใจอย่างมากต่อระบบสั่งการขั้นสูงของรถบัญชาการ “กุ่ยเหล่าเอ้อ คุณนี่ได้คนหนุนหลังดีจริงๆ แดนมังกรแทบจะเหมือนกองทหารประจำการอยู่แล้ว รถบัญชาการก็ยังมี น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” หลงหานกวงพูดอย่างตื่นตาตื่นใจ เหมือนกับชาวนาแก่ ๆ ที่เพิ่งมาจากบ้านนอกเข้ากรุง เห็นอะไรก็แปลกตาไปหมด “นี่คือกล้องจับภาพความร้อนใช่ไหม? นี่คือกล้องอินฟราเรดเหรอ? คุณภาพสูงจริง ๆ” กุ่ยเอ้อเบะปากอย่างเหยียดหยาม รู้สึกว่าหลงหานกวงเป็นพวกล้าสมัยไปแล้ว “ต่อไปเราต้องพึ่งพากำลังของทีม ศิลปะการต่อสู้เฉพาะบุคคลนั้นอ่อนแอลงทุกที ถึงยังไงอาวุธปืนก็พัฒนาถึงขีดสุดแล้ว ขอแค่มีอาวุธพร้อม ต่อให้จะเป็นเทพเซียนในตำนานก็ต้องถูกสอยร่วงแน่นอน” “ที่คุณพูด ผมก็พอเข้าใจได้ แต่ศิลปะการต่อสู้นั้นก็ยังสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้นี่ มีชีวิตอยู่เพิ่มอีกสักสองปีก็เป็นเรื่องดี คนของคุณเข้าประจำที่แล้วหรือยัง? อีกเดี๋ยวก็เริ่มจู่โจมแล้วช่วยลูกน้องขอผมออกมาก่อน” หลงหานกวงนั้นคิดถึงแต่ลูกน้องของตน แม้ว่าจะเป็นพวกไม่ได้เรื่อง แต่อย่างไรก็เป็นล