เฉินเสี่ยวถงได้ตัดสินใจลงไปโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์หรือความสุขในอนาคต เฉินเสี่ยวถงก็รู้สึกว่าการเดิมพันกับหลี่โม่นั้นน่าเชื่อถือมากกว่าการเดิมพันกับราชินีมังกรมาก หลี่โม่รู้สึกได้ถึงสัมผัสอันน่าขนลุกที่หลัง เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดเสียงทุ้มเข้ม "ถ้าคุณกลัวก็ไปนั่งด้วยกันกับภรรยาผมเถอะ" กู้หยุนหลานเอื้อมมือมาวางบนมือของเฉินเสี่ยวถงและพูดอย่างนุ่มนวล "ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ากลัวก็จับมือของฉันเอาไว้" “ไม่ เขา เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยมากกว่า” เฉินเสี่ยวถงเอ่ยอย่างน่าสงสาร หลี่โม่ยิ้มแหยพลางส่ายหน้า “คุณไม่จำเป็นต้องจับผมไว้ก็ปลอดภัยมากเหมือนกัน แต่ถ้าคุณจับผมอยู่แบบนี้ มันจะกลายเป็นไม่ปลอดภัยไปได้นะ” "ทะ-ทำไมล่ะ?" “เพราะผมกลัวภรรยา เรื่องที่ภรรยาของผมไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ อย่างเช่น สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้อาจทำให้ภรรยาของผมไม่ชอบใจ” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง กู้หยุนหลานมองค้อนหลี่โม่เล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเอามือป้องปากหัวเราะขึ้นมา ในใจเฉินเสี่ยวถงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่แล้วมาพวกผู้ชายพอเห็นตนก็ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้ว แต่ตอนนี้เธอเข้าหาออดอ้อนไปก
กู้ชิงหลินตกใจจนหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายเล็กหลินและถามอย่างหวาดกลัว “คุณชายสาม นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ พวกเราควรทำยังไง?”“เหอะ ๆ ไม่ต้องกังวล ก็แต่ยอดฝีมือกังฟูเท่านั้นเอง รอบตัวฉันก็มีคนที่เก่ง ๆ อยู่!”สิ้นเสียงคุณชายเล็กหลิน ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดออกกำลังกายสีขาวก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังคุณชายเล็กหลินชายวัยกลางคนมีคิ้วคมและดวงตาสดใส ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกาย ขมับของเขานูนสูง ดูมีพลัง“ลุงเป้า ต้องพึ่งลุงแล้ว” คุณชายเล็กหลินกระซิบลุงเป้าพยักหน้ายิ้ม ๆ ไปยืนข้างหน้าคุณชายสามหลิน ประเมินลุงฝูที่อยู่ตรงข้ามลุงฝูหยุดฝีเท้า มองลุงเป้าอย่างระมัดระวัง สีหน้าค่อนข้างหนักใจหลี่โม่เงยหน้ามองเฉินเสี่ยวถงแล้วพูด “พ่อบ้านของคุณเก่งนะ แต่ทำไมผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลเฉินเลยล่ะ?”“ตระกูลของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ลุงฝูอยู่ในบ้านก็อยู่ในระดับธรรมดา คนที่เก่งกว่าเขามีเยอะมาก ฉันมาที่นี่เพราะหนีการแต่งงานมา ดังนั้นคุณไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลฉันก็เป็นเรื่องปกติ”เฉินเสี่ยวถงพูดโกหก หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อยไม่ฟังคำพูดของเฉินเสี่ยวถง แต่กู้หยุนหลานให้ความสนใจคำพูดของเฉินเสี่ยวถง ดึงเฉิ
พวกคนรวยพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง แค่เห็นทักษะของลุงฝูเมื่อกี้ ก็รู้แล้วว่านี่แหละคือลูกน้องที่ตระกูลร่ำรวยมีอิทธิพลถึงจะมีได้อย่างแท้จริงปกติแล้วยอดฝีมือที่สามารถมีทักษะนี้ได้ ไม่มีทางอยู่ในครอบครัวคนรวยทั่วไปแน่นอนตอนที่พวกบ้านคนรวยกำลังกังวลกันอยู่นั้น คนจำนวนมากกำลังครุ่นคิดถึงตัวตนของหลี่โม่ เพราะว่าแม้ว่าหลี่โม่จะไม่ได้แสดงตัว เป็นเหมือนมนุษย์ล่องหน แต่เฉินเสี่ยวถงที่สามารถมีคนรับใช้อย่างลุงฝูได้ ทำไมถึงหลบหลังหลี่โม่ได้ล่ะ?คำถามเกิดขึ้นในใจของทุกคน แต่ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริงเมื่อเห็นพลังกระทืบเท้าของลุงเป้า ลุงฝูก็ตะคอกอย่างเย็นชา “หึ! คิดว่าทำแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้แล้วเหรอ ให้ฉันดูหน่อยสิว่าพลังคงต้งเจ็ดทำลายล้างของแกมันเป็นยังไง!”“เอ๊ะ คิดไม่ถึงว่าจะมองทิศทางของฉันออก อายุของคนแก่ ๆ อย่างแกนี่ยังถือว่าไม่ได้แก่กะโหลกกะลานะ!”“อวดดี!”ลุงฝูโมโหมาก เหวี่ยงหมัดทั้งสองข้างเข้าใส่ลุงเป้าลุงเป้าไม่แสดงความอ่อนแอใด ๆ เขาก้าวไปข้างหน้าสู้กับลุงฝูความเร็วของทั้งสองเร็วมาก ๆ ไม่นานก็กลายเป็นแสงเส้นสีขาวกับสีดำอย่างละเส้น ระหว่างที่แสงทั้งสองเส้นเกี่ยวพันกันนั้น
สีหน้าของกู้หยุนหลานไม่สู้ดี ไม่คิดว่ากู้ชิงหลินจะชั่วร้ายขนาดนี้หลี่โม่ลูบที่หลังมือของกู้หยุนหลานเบาๆ “อย่าโกรธเลย ไม่คุ้มหรอก”“อืม ฉันไม่โกรธ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไม ทุกคนจะทำดี ๆ กันไม่ได้เหรอ เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”“ครอบครัวเดียวกันแล้วยังไง มันก็มักจะมีคนโลภ มักจะมีคนขี้อิจฉา ขอแค่มีความปรารถนา มันก็เกิดความชั่วร้ายขึ้นได้ ”หลี่โม่พูดเสร็จก็ยืนขึ้น มือทั้งสองไพล่หลังแล้วเดินไปทางลุงเป้า “แกเตรียมจะจับฉันเหรอ?”“เหอะ ๆ ใช่สิ หรือว่าแกอยากจะมอบตัวเองล่ะ? แบบนั้นก็จะดีมากเลย”ลุงเป้าพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้สนใจหลี่โม่เลย“คนกาก ๆ อย่างแกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน หลินเสินหม่าคนนั้นกำลังมา นายยังมียอดฝีมือติดตามอีกไหม เรียกออกมาสู้กับฉันหน่อย” หลี่โม่พูดอย่างเฉียบคมสีหน้าลุงเป้าเปลี่ยนเป็นดูไม่สู้ดีอย่างมากทันที คิดว่าหลี่โม่ไม่ได้สนใจตัวเองเลยสักนิด“แกพูดโอ้อวดไม่ละอายเลยนะ!”ลุงเป้าเหวี่ยงหมัดไปอย่างโมโห วางแผนว่าหมัดนี้จะต้องล้มหลี่โม่ได้ ให้หลี่โม่ได้รู้ความเก่งกาจของตัวเองหลี่โม่ส่ายหน้าอย่างดูถูก ยื่นนิ้วไปชี้ที่หมัดของลุงเป้า“แกเคยได้ยินฌานหนึ่งดรรชนีไหม? ฉันมีทักษะกา
หลังจากโยนหนอนพิษออกไปแล้ว ลุงเป้าก็หันหลังวิ่งหนีไปโดยไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ต่อแม้แต่น้อยแค่การกระทำเดียวก็ถูกหลี่โม่ทำให้มือขวาบาดเจ็บแล้ว ในใจลุงเป้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจึงไม่กล้าลงมือกับหลี่โม่ต่อเลยเว้นแต่หนอนพิษจะทำร้ายหลี่โม่ได้ ไม่อย่างนั้นลุงเป้าก็จะหนีไปได้อย่างเด็ดเดี่ยวลุงเป้าก้าวไปตรงหน้าคุณชายเล็กหลินแล้วตะโกนอย่างร้อนใจ “หนี! ผมจะคุ้มกันข้างหลังให้!”“ฮะ?”คุณชายเล็กหลินลังเลเล็กน้อยจากนั้นก็คิดได้ว่าลุงเป้าให้ตนเองหนีการหนีหลายครั้งแม้ว่าจะไม่ถูกต้อง แต่คุณชายเล็กหลินที่มีประสบการณ์ด้านการหนี ก็ดึงกู้ชิงหลินหันหลังหนีไปด้วยกันกู้ชิงหลินตะโกนอย่างไม่ถอดใจ “เราจะหนีไปแบบนี้เหรอคะ? ไม่ใช่ว่าบอกว่าจัดการหลี่โม่ได้เหรอ!”จากที่บอกว่าสามารถจัดการหลี่โม่ได้ตลอดกลายเป็นหันหลังวิ่งหนี ระยะห่างระหว่างนั้นทำให้กู้ชิงหลินตัดทัศนคติต่าง ๆ ทิ้งไป สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่กู้ชิงหลินอยากได้!“ไม่หนีเธอก็อยู่รอความตายที่นี่ไปแล้วกัน!”คุณชายเล็กหลินพูดอย่างโหดเหี้ยม ปล่อยมือกู้ชิงหลินแล้วเร่งความเร็วในการหนีไปอีกกู้ชิงหลินตกใจแล้ววิ่งเสียจนรองเท้าส้นสูงพัง กัดฟันตามคุณชายเ
หลี่โม่คว้าไหล่ของลุงเป้า มือเขาออกแรงโยนลุงเป้าออกไป “ฉันไม่เคยสนใจที่จะฟังคำพูดของศัตรู”ลุงเป้าหมุนตัวในอากาศเหมือนกังหันลม หลังจากลอยไปเหนือหัวของคุณชายเล็กหลินกว่าสิบเมตร ลุงเป้าก็ร่วงลงกับพื้นเมื่อสักครู่นี้ หลี่โม่คว้าไหล่ขวาของลุงเป้าอย่างแรง ลุงเป้าฝืนลุกขึ้นยืน แขนขวาทั้งแขนของเขาก็ห้อยลงอย่างผิดปกติคุณชายเล็กหลินกับกู้ชิงหลินมองท่าทางน่าเวทนา ตกใจจนหน้าซีด“คุณชายสามรีบหนีไปครับ!”ลุงเป้าตะโกนไปพลางขยิบตาให้คุณชายเล็กหลินไปพลางคุณชายเล็กหลินกัดฟันกรอด ยื่นมือทั้งสองออกไปจับเอวเรียวของกู้ชิงหลิน จากนั้นใช้แรงแขนทั้งสองข้าง เหวี่ยงกู้ชิงหลินไปทางหลี่โม่“อ๊าย! คุณชายสาม นี่คุณทำอะไร!”กู้ชิงหลินกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก สายตาปรากฏความรู้สึกเหลือเชื่อ“ทำได้แค่ต้องเอาเธอไปบังไว้แล้ว ช่วยถ่วงเวลาให้ฉันมากหน่อยแล้วกัน!”คุณชายเล็กหลินวิ่งหนีโดยไม่หันกลับมามอง ลุงเป้ารีบพุ่งไปข้างตัวของคุณชายสามหลิน มือซ้ายคว้าเอวของคุณชายเล็กหลิน แล้วโยนเขาออกจากโรงกลั่นไวน์“คุณชายสาม! ข้างนอกมีคนของเราคอยช่วยเหลืออยู่ คุณรีบหนีไป ไปให้ไกลเท่าที่ไกลได้! ครอบครัวผมต้องขอฝากคุณชายสามด้
ก้อนหินกระเด็นเข้าที่ขาของลุงเป้า เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากบาดแผลทันที ทำให้กางเกงของลุงเป้าเปื้อนเป็นสีแดงลุงเป้าฝืนทนความเจ็บที่ขาทั้งสองแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดด้วยท่าทางแปลก ๆหลี่โมไม่ได้ลงมือกับลุงเป้า เขาเอามือไพล่หลังหันไปมองกู้ชิงหลินกู้ชิงหลินลุกขึ้นยืน ก้มหน้าไม่กล้ามองหลี่โม่“ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว นะ-นายยกโทษให้ฉันเถอะ ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้ว หรือไม่อย่างนั้น ถ้านายไม่สบายใจ กลางคืนฉัน ฉันสามารถ...”กู้ชิงหลินเม้มริมฝีปากแน่น ไม่สามารถพูดคำต่อจากนั้นได้ เวลานี้กู้ชิงหลินไม่มีไพ่ตายอื่น ๆ ด้วยสัญชาตญาณและนิสัยเธอจึงใช้ร่างกายของตัวเองเป็นชิปต่อรอง“หึ”หลี่โม่หัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างดูถูก “เก็บมารยาของเธอไปเถอะ”กู้ชิงหลินสีหน้าซีดเซียว จากนั้นแววตาก็ฉายแววเขินอาย รู้สึกเจ็บปวดมากกับคำดูถูกของหลี่โม่หลี่โม่เดินหลบจากกู้ชิงหลินเดินไปทางกู้หยุนหลานขณะนี้สวีอวิ๋นอวิ๋นที่อยู่ตรงมุมห้องกลับมามีสติอีกครั้ง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เธอก็ตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของหลี่โม่หลี่โม่อาศัยความสามารถของตัวเองสู้กับคุณชายสามหลิน!ยังมีฉินจี้เย่ที่ยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม
แต่กู้หยุนหลานไม่มีวิธีดี ๆ เลย ทำได้เพียงมองไปที่หลี่โม่แล้วพูด “หลี่โม่ ไม่อย่างนั้นคุณคิดวิธีช่วยเธอได้ไหม?”“แบบนี้จะช่วยได้ยังไง พาเธอกลับบ้านคงไม่ได้มั้ง ที่บ้านไม่มีพื้นที่ให้อยู่หรอก”หลี่โม่ยักไหล่ ไม่ได้คิดจะช่วยเฉินเสี่ยวถง'ไอ้ตัวป่วนนี่ ไม่คิดเลยว่าจะไม่หวั่นไหวกับฉัน ไม่รู้จักปกป้องฉันเลย!' เฉินเสี่ยวถงตำหนิอย่างไม่พอใจ“พี่สาว ฉันซักเสื้อผ้าทำอาหารได้นะ คุณต้องช่วยฉันนะ พาฉันไปอยู่ที่บ้านคุณด้วยเถอะ งานบ้านทั้งหมดให้ฉันดูแลเอง ฉันจะไม่มีวันสร้างปัญหาให้เลย”กู้หยุนหลานลูบหน้าผากอย่างลำบากใจดึงหลี่โม่แล้วพูด “ไม่อย่างนั้นเราให้เธออยู่ที่บ้านก่อนสักคืนได้ไหม?”“เหอะ ๆ งั้นพรุ่งนี้ล่ะ?”“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้บางทีลุงฝูอาจจะฟื้นแล้ว ถึงเวลานั้นก็มีลุงฝูดูแลเธอ ไม่ใช่เรื่องของพวกเราแล้ว”เห็นกู้หยุนหลานดูเห็นอกเห็นใจแบบนั้น หลี่โม่ก็พูดอย่างจนใจ “ไม่อย่างนั้นฉันให้ชูจงเทียนจัดการให้เธอแล้วกัน มันลำบากเกินไปที่จะพาเธอกลับไปที่บ้าน”“ไม่เอา ๆ ฉันจะอยู่กับพี่ชายพี่สาว ถ้าคนอื่นเอาฉันไปขายจะทำยังไงล่ะ ได้ยินมาว่ามีพวกค้ามนุษย์ข้างนอกนั่นเยอะมากด้วย”เฉินเสี่ยวถงจับแขนของกู้