ทันทีที่หลอดบินออกไป เปลือกตาของลุงฝูก็กระตุก แววตาเผยความตกตะลึงออกมา การดีดหลอดพลาสติกให้พุ่งออกไปตรง ๆ เป็นเรื่องยากมาก แต่การทำให้ความเร็วสูงจนแทบจะมองไม่เห็นเลยนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก ฟุ่บ หลอดแทงเข้าไปที่เข่าของชายฉกรรจ์ที่กำลังจะเตะเป้าของฉินจี้เย่ หลอดที่แต่เดิมแล้วอ่อนยวบ ในตอนนี้กลับแทงเข้ากระดูกเข่าราวกับเหล็กเส้น "อ๊าก!" ชายฉกรรจ์ส่งเสียงร้องลั่น เขาหงายหลังล้มลงกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมหัวเข่าแล้วดิ้นไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด "เข่าฉัน!" คุณชายเล็กหลินและคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินเสียงร้องของชายฉกรรจ์ พวกเขาถึงเพิ่งสังเกตเห็นหลอดปักอยู่ในเข่าของเขา ดวงตาของทุกคนพลันเบิกกว้างในทันที ทุกคนต่างคิดไม่ออกว่าหลอดแทงเข้าไปในเข่าได้อย่างไร และที่สำคัญคือเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำ ฉินจี้เย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้ว่าหลี่โม่ได้ช่วยตนเอาไว้แล้ว เมื่อผ่อนลมหายใจออกมา ฉินจี้เย่ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั่วร่าง ความเจ็บปวดที่ถูกความตึงเครียดกดเอาไว้เมื่อครู่นี้ ซัดกระหน่ำใส่สมองของฉินจี้เย่ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราด ประสาทรับรู้ทน
เฉินเสี่ยวถงได้ตัดสินใจลงไปโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์หรือความสุขในอนาคต เฉินเสี่ยวถงก็รู้สึกว่าการเดิมพันกับหลี่โม่นั้นน่าเชื่อถือมากกว่าการเดิมพันกับราชินีมังกรมาก หลี่โม่รู้สึกได้ถึงสัมผัสอันน่าขนลุกที่หลัง เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดเสียงทุ้มเข้ม "ถ้าคุณกลัวก็ไปนั่งด้วยกันกับภรรยาผมเถอะ" กู้หยุนหลานเอื้อมมือมาวางบนมือของเฉินเสี่ยวถงและพูดอย่างนุ่มนวล "ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ากลัวก็จับมือของฉันเอาไว้" “ไม่ เขา เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยมากกว่า” เฉินเสี่ยวถงเอ่ยอย่างน่าสงสาร หลี่โม่ยิ้มแหยพลางส่ายหน้า “คุณไม่จำเป็นต้องจับผมไว้ก็ปลอดภัยมากเหมือนกัน แต่ถ้าคุณจับผมอยู่แบบนี้ มันจะกลายเป็นไม่ปลอดภัยไปได้นะ” "ทะ-ทำไมล่ะ?" “เพราะผมกลัวภรรยา เรื่องที่ภรรยาของผมไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ อย่างเช่น สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้อาจทำให้ภรรยาของผมไม่ชอบใจ” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง กู้หยุนหลานมองค้อนหลี่โม่เล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเอามือป้องปากหัวเราะขึ้นมา ในใจเฉินเสี่ยวถงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่แล้วมาพวกผู้ชายพอเห็นตนก็ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้ว แต่ตอนนี้เธอเข้าหาออดอ้อนไปก
กู้ชิงหลินตกใจจนหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายเล็กหลินและถามอย่างหวาดกลัว “คุณชายสาม นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ พวกเราควรทำยังไง?”“เหอะ ๆ ไม่ต้องกังวล ก็แต่ยอดฝีมือกังฟูเท่านั้นเอง รอบตัวฉันก็มีคนที่เก่ง ๆ อยู่!”สิ้นเสียงคุณชายเล็กหลิน ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดออกกำลังกายสีขาวก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังคุณชายเล็กหลินชายวัยกลางคนมีคิ้วคมและดวงตาสดใส ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกาย ขมับของเขานูนสูง ดูมีพลัง“ลุงเป้า ต้องพึ่งลุงแล้ว” คุณชายเล็กหลินกระซิบลุงเป้าพยักหน้ายิ้ม ๆ ไปยืนข้างหน้าคุณชายสามหลิน ประเมินลุงฝูที่อยู่ตรงข้ามลุงฝูหยุดฝีเท้า มองลุงเป้าอย่างระมัดระวัง สีหน้าค่อนข้างหนักใจหลี่โม่เงยหน้ามองเฉินเสี่ยวถงแล้วพูด “พ่อบ้านของคุณเก่งนะ แต่ทำไมผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลเฉินเลยล่ะ?”“ตระกูลของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ลุงฝูอยู่ในบ้านก็อยู่ในระดับธรรมดา คนที่เก่งกว่าเขามีเยอะมาก ฉันมาที่นี่เพราะหนีการแต่งงานมา ดังนั้นคุณไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลฉันก็เป็นเรื่องปกติ”เฉินเสี่ยวถงพูดโกหก หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อยไม่ฟังคำพูดของเฉินเสี่ยวถง แต่กู้หยุนหลานให้ความสนใจคำพูดของเฉินเสี่ยวถง ดึงเฉิ
พวกคนรวยพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง แค่เห็นทักษะของลุงฝูเมื่อกี้ ก็รู้แล้วว่านี่แหละคือลูกน้องที่ตระกูลร่ำรวยมีอิทธิพลถึงจะมีได้อย่างแท้จริงปกติแล้วยอดฝีมือที่สามารถมีทักษะนี้ได้ ไม่มีทางอยู่ในครอบครัวคนรวยทั่วไปแน่นอนตอนที่พวกบ้านคนรวยกำลังกังวลกันอยู่นั้น คนจำนวนมากกำลังครุ่นคิดถึงตัวตนของหลี่โม่ เพราะว่าแม้ว่าหลี่โม่จะไม่ได้แสดงตัว เป็นเหมือนมนุษย์ล่องหน แต่เฉินเสี่ยวถงที่สามารถมีคนรับใช้อย่างลุงฝูได้ ทำไมถึงหลบหลังหลี่โม่ได้ล่ะ?คำถามเกิดขึ้นในใจของทุกคน แต่ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริงเมื่อเห็นพลังกระทืบเท้าของลุงเป้า ลุงฝูก็ตะคอกอย่างเย็นชา “หึ! คิดว่าทำแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้แล้วเหรอ ให้ฉันดูหน่อยสิว่าพลังคงต้งเจ็ดทำลายล้างของแกมันเป็นยังไง!”“เอ๊ะ คิดไม่ถึงว่าจะมองทิศทางของฉันออก อายุของคนแก่ ๆ อย่างแกนี่ยังถือว่าไม่ได้แก่กะโหลกกะลานะ!”“อวดดี!”ลุงฝูโมโหมาก เหวี่ยงหมัดทั้งสองข้างเข้าใส่ลุงเป้าลุงเป้าไม่แสดงความอ่อนแอใด ๆ เขาก้าวไปข้างหน้าสู้กับลุงฝูความเร็วของทั้งสองเร็วมาก ๆ ไม่นานก็กลายเป็นแสงเส้นสีขาวกับสีดำอย่างละเส้น ระหว่างที่แสงทั้งสองเส้นเกี่ยวพันกันนั้น
สีหน้าของกู้หยุนหลานไม่สู้ดี ไม่คิดว่ากู้ชิงหลินจะชั่วร้ายขนาดนี้หลี่โม่ลูบที่หลังมือของกู้หยุนหลานเบาๆ “อย่าโกรธเลย ไม่คุ้มหรอก”“อืม ฉันไม่โกรธ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไม ทุกคนจะทำดี ๆ กันไม่ได้เหรอ เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”“ครอบครัวเดียวกันแล้วยังไง มันก็มักจะมีคนโลภ มักจะมีคนขี้อิจฉา ขอแค่มีความปรารถนา มันก็เกิดความชั่วร้ายขึ้นได้ ”หลี่โม่พูดเสร็จก็ยืนขึ้น มือทั้งสองไพล่หลังแล้วเดินไปทางลุงเป้า “แกเตรียมจะจับฉันเหรอ?”“เหอะ ๆ ใช่สิ หรือว่าแกอยากจะมอบตัวเองล่ะ? แบบนั้นก็จะดีมากเลย”ลุงเป้าพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้สนใจหลี่โม่เลย“คนกาก ๆ อย่างแกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน หลินเสินหม่าคนนั้นกำลังมา นายยังมียอดฝีมือติดตามอีกไหม เรียกออกมาสู้กับฉันหน่อย” หลี่โม่พูดอย่างเฉียบคมสีหน้าลุงเป้าเปลี่ยนเป็นดูไม่สู้ดีอย่างมากทันที คิดว่าหลี่โม่ไม่ได้สนใจตัวเองเลยสักนิด“แกพูดโอ้อวดไม่ละอายเลยนะ!”ลุงเป้าเหวี่ยงหมัดไปอย่างโมโห วางแผนว่าหมัดนี้จะต้องล้มหลี่โม่ได้ ให้หลี่โม่ได้รู้ความเก่งกาจของตัวเองหลี่โม่ส่ายหน้าอย่างดูถูก ยื่นนิ้วไปชี้ที่หมัดของลุงเป้า“แกเคยได้ยินฌานหนึ่งดรรชนีไหม? ฉันมีทักษะกา
หลังจากโยนหนอนพิษออกไปแล้ว ลุงเป้าก็หันหลังวิ่งหนีไปโดยไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ต่อแม้แต่น้อยแค่การกระทำเดียวก็ถูกหลี่โม่ทำให้มือขวาบาดเจ็บแล้ว ในใจลุงเป้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจึงไม่กล้าลงมือกับหลี่โม่ต่อเลยเว้นแต่หนอนพิษจะทำร้ายหลี่โม่ได้ ไม่อย่างนั้นลุงเป้าก็จะหนีไปได้อย่างเด็ดเดี่ยวลุงเป้าก้าวไปตรงหน้าคุณชายเล็กหลินแล้วตะโกนอย่างร้อนใจ “หนี! ผมจะคุ้มกันข้างหลังให้!”“ฮะ?”คุณชายเล็กหลินลังเลเล็กน้อยจากนั้นก็คิดได้ว่าลุงเป้าให้ตนเองหนีการหนีหลายครั้งแม้ว่าจะไม่ถูกต้อง แต่คุณชายเล็กหลินที่มีประสบการณ์ด้านการหนี ก็ดึงกู้ชิงหลินหันหลังหนีไปด้วยกันกู้ชิงหลินตะโกนอย่างไม่ถอดใจ “เราจะหนีไปแบบนี้เหรอคะ? ไม่ใช่ว่าบอกว่าจัดการหลี่โม่ได้เหรอ!”จากที่บอกว่าสามารถจัดการหลี่โม่ได้ตลอดกลายเป็นหันหลังวิ่งหนี ระยะห่างระหว่างนั้นทำให้กู้ชิงหลินตัดทัศนคติต่าง ๆ ทิ้งไป สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่กู้ชิงหลินอยากได้!“ไม่หนีเธอก็อยู่รอความตายที่นี่ไปแล้วกัน!”คุณชายเล็กหลินพูดอย่างโหดเหี้ยม ปล่อยมือกู้ชิงหลินแล้วเร่งความเร็วในการหนีไปอีกกู้ชิงหลินตกใจแล้ววิ่งเสียจนรองเท้าส้นสูงพัง กัดฟันตามคุณชายเ
หลี่โม่คว้าไหล่ของลุงเป้า มือเขาออกแรงโยนลุงเป้าออกไป “ฉันไม่เคยสนใจที่จะฟังคำพูดของศัตรู”ลุงเป้าหมุนตัวในอากาศเหมือนกังหันลม หลังจากลอยไปเหนือหัวของคุณชายเล็กหลินกว่าสิบเมตร ลุงเป้าก็ร่วงลงกับพื้นเมื่อสักครู่นี้ หลี่โม่คว้าไหล่ขวาของลุงเป้าอย่างแรง ลุงเป้าฝืนลุกขึ้นยืน แขนขวาทั้งแขนของเขาก็ห้อยลงอย่างผิดปกติคุณชายเล็กหลินกับกู้ชิงหลินมองท่าทางน่าเวทนา ตกใจจนหน้าซีด“คุณชายสามรีบหนีไปครับ!”ลุงเป้าตะโกนไปพลางขยิบตาให้คุณชายเล็กหลินไปพลางคุณชายเล็กหลินกัดฟันกรอด ยื่นมือทั้งสองออกไปจับเอวเรียวของกู้ชิงหลิน จากนั้นใช้แรงแขนทั้งสองข้าง เหวี่ยงกู้ชิงหลินไปทางหลี่โม่“อ๊าย! คุณชายสาม นี่คุณทำอะไร!”กู้ชิงหลินกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก สายตาปรากฏความรู้สึกเหลือเชื่อ“ทำได้แค่ต้องเอาเธอไปบังไว้แล้ว ช่วยถ่วงเวลาให้ฉันมากหน่อยแล้วกัน!”คุณชายเล็กหลินวิ่งหนีโดยไม่หันกลับมามอง ลุงเป้ารีบพุ่งไปข้างตัวของคุณชายสามหลิน มือซ้ายคว้าเอวของคุณชายเล็กหลิน แล้วโยนเขาออกจากโรงกลั่นไวน์“คุณชายสาม! ข้างนอกมีคนของเราคอยช่วยเหลืออยู่ คุณรีบหนีไป ไปให้ไกลเท่าที่ไกลได้! ครอบครัวผมต้องขอฝากคุณชายสามด้
ก้อนหินกระเด็นเข้าที่ขาของลุงเป้า เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากบาดแผลทันที ทำให้กางเกงของลุงเป้าเปื้อนเป็นสีแดงลุงเป้าฝืนทนความเจ็บที่ขาทั้งสองแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดด้วยท่าทางแปลก ๆหลี่โมไม่ได้ลงมือกับลุงเป้า เขาเอามือไพล่หลังหันไปมองกู้ชิงหลินกู้ชิงหลินลุกขึ้นยืน ก้มหน้าไม่กล้ามองหลี่โม่“ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว นะ-นายยกโทษให้ฉันเถอะ ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้ว หรือไม่อย่างนั้น ถ้านายไม่สบายใจ กลางคืนฉัน ฉันสามารถ...”กู้ชิงหลินเม้มริมฝีปากแน่น ไม่สามารถพูดคำต่อจากนั้นได้ เวลานี้กู้ชิงหลินไม่มีไพ่ตายอื่น ๆ ด้วยสัญชาตญาณและนิสัยเธอจึงใช้ร่างกายของตัวเองเป็นชิปต่อรอง“หึ”หลี่โม่หัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างดูถูก “เก็บมารยาของเธอไปเถอะ”กู้ชิงหลินสีหน้าซีดเซียว จากนั้นแววตาก็ฉายแววเขินอาย รู้สึกเจ็บปวดมากกับคำดูถูกของหลี่โม่หลี่โม่เดินหลบจากกู้ชิงหลินเดินไปทางกู้หยุนหลานขณะนี้สวีอวิ๋นอวิ๋นที่อยู่ตรงมุมห้องกลับมามีสติอีกครั้ง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เธอก็ตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของหลี่โม่หลี่โม่อาศัยความสามารถของตัวเองสู้กับคุณชายสามหลิน!ยังมีฉินจี้เย่ที่ยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา